บทที่ 11 จับผิดคำโกหก   1/    
已经是第一章了
บทที่ 11 จับผิดคำโกหก
บ๗ที่ 11 จับผิดคำโกหก “คนรวยนี่แตกต่างออกไปจริงๆ คนธรรมดาทั่วไปที่อยู่ในวอร์ดผู้ป่วยส่วนมากล้วนแต่เจ็บปวดและต้องการที่จะตาย แต่คนมีเงินนั้นกลับร้องก็จะขอให้มีชีวิตอยู่ ช่างไม่ค่อยจะรักเงินเลยจริงๆ” “คนที่ยิ่งมีเงิน ยิ่งกลัวตาย ตราบใดที่มีเงิน ก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป โรงพยาบาลก็ยิ่งสามารถทำงานได้มากขึ้น” “ปัญหาก็คือ เขาไม่ได้ป่วย สุขภาพดีและดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นอะไรเลย ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไรขึ้นมาทำให้หัวหน้าต้องร่วมเล่นละครไปกับเขาด้วย และไม่รู้ด้วยว่าแสดงละครให้ใครดู” “ไม่ป่วยแต่ก็อยู่โรงพยาบาล! แบบนั้นหัวหน้าก็ยังเห็นด้วยงั้นเหรอ?” “จะไม่เห็นด้วยได้ยังไง มีคนหนุนหลังด้วยนี่นา” “จริงๆแล้วเป็นใครกัน รีบพูดเร็ว รีบพูด!” “ดูเหมือนจะเป็น VIP ห้อง 202 นะ ฉันเองก็ไม่รู้หรอก…” ห้อง 202? เซี่ยเสว่ฟังแล้วเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างไรไม่รู้…ดูเหมือนว่าจะเป็นวอร์ดผู้ป่วยที่เซียงชิงฉือพักอยู่! เซี่ยเสว่รีบวิ่งไปเพื่อจะดึงนางพยาบาลไว้ แต่พอรู้สึกว่ามันเป็นการกระทำที่ดูไม่มีมารยาท ก็ปล่อยมือทันที “ขอโทษด้วยค่ะ แต่ฉันขอถามหน่อยค่ะว่า ที่พวกคุณพูดถึงคือผู้ป่วย VIP ห้อง 202 ใช่มั๊ยคะ?” พยาบาลทั้งสองคนต่างมองหน้ากัน แล้วหนึ่งในนั้นก็ถามว่า “คุณเป็นญาติของคนไข้ห้อง 202 หรือเปล่าคะ?” “ใช่ค่ะ” นางพยาบาลที่พูดจาเหน็บแนมในตอนแรกรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะงานเข้าแล้ว ก็หัวเราะฮ่าๆแบบแก้เก้อออกมา “เรื่องนี้…ไม่แน่ใจเท่าไหร่นะคะ บางทีฉันอาจจะจำผิดไป…” ต่อจากนั้นพยาบาลก็ไม่พูดอะไรเลยอีกเลย เซี่ยเสว่จึงไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไป ความรู้สึกที่โดนหลอก และการโดนล้อเล่นเกือบจะทำให้เธอทนไม่ไหวจนทุบกล่องข้าวที่ทำมาให้เซียงชิงฉือ ไม่แปลกใจเลยที่เขาประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ขนาดนี้ แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ว่าจะพูดอะไรคุณพ่อคุณแม่ที่แก่แล้วก็คงจะฟังแล้วอดตกใจไม่ได้แน่ๆ และถ้าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ลู่เย่นจะไม่กล้าไม่รายงานกับคุณพ่อเซียงคุณแม่เซียงได้ อย่างไร เพียงแต่ว่าตอนนั้นเธอสับสนแล้วก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าที่แท้เรื่องทั้งหมดคือเรื่องหลอกลวง! อารมณ์ที่สดใสในตอนแรกดิ่งวูบลงไปในพริบตา ที่จริงแล้วเธอมันก็เป็นแค่คนโง่! เป็นคนปัญญาอ่อน! แต่ว่าเสียงเล็กๆในใจเธอ ก็กระซิบบอกเธออีกครั้ง บางทีพยาบาลอาจจะพูดผิดก็เป็นได้ เพราะพยาบาลเพิ่งจะพูดว่า ดูเหมือนพวกเธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เซี่ยเสว่สูดหายใจลึกเข้าไปหนึ่งเฮือก เธอจะตัดสินใจให้แน่ใจก่อนแล้วค่อยพูด เพราะไม่อยากให้พอถึงตอนนั้นเป็นเธอที่ทำผิดต่อเซียงชิงฉืออีก และเขาเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาไม่เหมาะสมที่จะทำเสียงดัง เธอรีบเดินไปที่ห้องผู้ป่วย ประตูนั้นไม่ได้ล๊อค ในขณะที่คิดจะผลักประตูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงของลู่เย่นดังออกมา เซี่ยเสว่คิดว่าบางทีพวกเขาอยากจะพูดเรื่องงานกัน คงจะไม่เหมาะถ้าหากเธอจะโผล่ออกไปตอนนี้ จึงยืนอยู่ที่ประตูและรอให้พวกเขาพูดกันจนเสร็จถึงจะเข้าไป “ท่านประธาน เมื่อคืนนี้คุณนายอยู่ข้างกายคุณตลอดไม่ห่างไปไหนแม้แต่ก้าวเดียวเลยนะครับ” เซียงชิงฉือยืนมือไพล่หลังอยู่ตรงด้านหน้าของหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานพลางมองดูครอบครัวสามคนที่อยู่ด้านนอก ริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยและกล่าวว่า “ฉันรู้” เขารู้ว่าเซี่ยเสว่คอยอยู่ข้างกายเขาโดยตลอด และไม่ห่างไปไหนแม้แต่นาทีเดียว แม้ว่าเธอจะไม่พูดอะไรสักคำ แต่เมื่อทอดตัวนอนลงพักผ่อนก็จับมือเขาด้วย เซี่ยเสว่กลัวอย่างมากว่าเมื่อเขาตื่นมาแล้วจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เมื่อคิดถึงตรงนี้ในใจของ เซียงชิงฉือรู้สึกอบอุ่น ดูเหมือนจะไม่ใช่ว่าเซี่ยเสว่ไม่มีความรู้สึกใดๆกับเขา ที่พูดว่าจะหย่าเป็นเพราะว่าอารมณ์โกรธเท่านั้น ลู่เย่นมองไปที่ท่านประธานที่แม้แต่แผ่นหลังก็แสดงออกว่ากำลังมีความสุข หลังจากอดกลั้นแล้วกลั้นอีก ในที่สุดก็เอ่ยปากพูดในเรื่องที่เสี่ยงที่จะถูกเตะออกไปจนได้ : “ท่านประธาน ผมมีเรื่องที่ไม่แน่ใจว่าจะพูดออกไปดีหรือเปล่า” “พูดมาสิ” “คุณหลอกลวงคุณนายแบบนี้มันดูเหมือน…จะไม่ค่อยดีนะครับ” ลู่เย่นกลืนน้ำลาย คำพูดของเขาก็เท่ากับการกระตุกหนวดเสือ ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัวของท่านประธาน เขาที่อยู่ในฐานะผู้ช่วยพิเศษมีหน้าที่เพียงแค่รับผิดชอบในงานของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะพูด แต่ว่าเมื่อวานเห็นคุณนายขวัญหนีดีฝ่อแบบนั้นแล้ว เขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ถ้าหากว่าคำโกหกนั้นถูกจับได้ล่ะก็ มันจะทำให้การเข้าใจผิดระหว่างคนทั้งคู่รุนแรงมากยิ่งขึ้น เซียงชิงฉือได้ฟังลู่เย่นพูด ก็หันกลับมา ไม่มีท่าทีประหลาดใจปรากฏออกมา ลู่เย่นพูดถูก อย่ามองเพียงแค่ภายนอกว่าเซี่ยเสว่นั้นละเอียดอ่อนและอ่อนแอ แต่จริงๆแล้วเธอก็มีหลักการของตัวเอง ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่ต้องแกล้งป่วยเพื่อหลอกลวงเธอ แต่ว่ามาถึงบัดนี้ เซี่ยเสว่ยังคงสัญญาว่าจะไม่หย่า ดังนั้นปล่อยให้ผ่านไปวันสองวันแล้วก็แค่หาเหตุผลในการออกจากโรงพยาบาล ให้เรื่องนี้มันผ่านไป “ขอเพียงแค่นายปิดปากให้สนิท อย่าให้เรื่องของฉันมันรั่วออกไป ภรรยาของฉันก็ไม่มีทางรู้” “ท่านประธานวางใจเถอะครับ ผมจะปิดปากเงียบเอาไว้” ในฐานะผู้ช่วยพิเศษ ถ้าแม้แต่ความลับข้อนี้เขายังเก็บไว้ไม่ได้ เขาก็ไม่ต้องมีส่วนร่วมอะไรแล้วล่ะ.. เซียงชิงฉือพยักหน้าอย่างพึงพอใจ กับลู่เย่นแล้วเขาไว้ใจอย่างมาก แต่ทั้งสองไม่ได้รู้ตัวเลยว่า การสนทนาของพวกเขาไปถึงหูของเซี่ยเสว่แล้ว เป็นเรื่องโกหกหลอกลวงทั้งเพ! เซี่ยเสว่กำถุงพลาสติกในมือแน่น ตัวสั่นด้วยความโกรธ เซียงชิงฉือแสดงท่าทีไม่สนใจใดๆกับการแสดงออกของเธอเมื่อคืนเลยและตอนนี้ก็ทำเหมือนเธอเป็นตัวตลกที่น่าขำที่สุด ได้หลอกลวงเธอมันสนุกมากเลยใช่ไหม!? เซี่ยเสว่โกรธจนไม่รู้ว่าควรจะเข้าไปเปิดโปงคำพูดโกหกของเขาหรือควรจะจากไปดี แต่สิ่งหนึ่งที่เธอแน่ใจก็คือโจ๊กในมือของเธอจะต้องถูกโยนทิ้งไป แล้วก็จะโยนโจ๊กลงถังขยะแรงๆ ให้เหมือนกับกับความโกรธของเธอเลย สุดท้ายแล้วเซี่ยเสว่ก็ออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เพราะการสักถามเป็นเรื่องของคนรักกันสามารถทำได้ แต่ว่าเธอกับเซียงชิงฉือไม่ได้เป็นอะไรต่อกันเลย เซี่ยเสว่ออกจากโรงพยาบาลมาแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ไร้เมฆ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นวันที่อากาศแจ่มใสมาก ถึงแม้ว่าในใจจะเหมือนก้อนหินที่ถูกบดขยี้ ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ราวกับนั่งรถไฟเหาะ หรือบางทีเธอควรคิดจากอีกมุมหนึ่ง ถ้าหากเซียงชิงฉือ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จริงๆ เขาอาจจะไม่รอด ไม่แน่ว่าวันนี้เธออาจจะได้ไปร่วมงานศพของเขาก็เป็นได้ คิดแบบนี้แล้วก็น่าจะดีกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยกโทษให้เขาหรอกนะ เมื่อกลับไปที่บ้าน เซี่ยเสว่ก็ยังคงหงุดหงิด เธอนำกระดานวาดรูปออกมา ลากดินสอสองสามครั้งวาดเป็นรูปเซียงชิงฉือ จากนั้นก็วาดตัวเองเป็นจอมวายร้าย แล้วก็ลงโทษเซียงชิงฉือด้วยแส้ในมือจนเนื้อตัวแตกยับ จนต้องคุกเข่าขอความเมตตา ขณะที่วาดไป เซี่ยเสว่ยังรู้สึกถึงความโกรธอยู่เล็กน้อย เซียงชิงฉือที่อยู่ในห้องผู้ป่วยกำลังรอให้เซี่ยเสว่กลับมา พอเงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาแขวนที่ประณีตสวยงาม เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วที่เซี่ยเสว่ออกไป ทำไมถึงใช้เวลานานมากขนาดนี้? หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น? เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ในข้อนี้ ทันใดนั้นหัวใจของเซียงชิงฉือก็แทบจะกระโดดออกมา รวบรวมความคิดในความเป็นไปถึงเรื่องไม่ดีแล้ว ก็หยิบมือถือออกมาโทรหาเซี่ยเสว่ โทรอยู่สองสามครั้งก็ไม่มีคนรับสาย ในตอนที่เขากำลังจะกดโทรซ้ำอีกครั้ง ก็มีการกดรับสายแล้ว “เซี่ยเสว่ ทำไมไปนานขนาดนี้?” “ทำแบบนี้แล้วสนุกไหม? เซียงชิงฉือ?” เซี่ยเสว่โยนคำพูดนี้เข้าใส่ก่อนจะวางสาย จ้องมองมือถือด้วยความสับสนอย่างมาก เมื่อคิดว่าจะโทรกลับไปถามให้แน่ชัดอีกครั้ง เซี่ยเสว่กลับปิดเครื่องไปเสียแล้ว เซียงชิงฉือไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ยังดีอยู่เลย ทำไมถึงได้กลายเป็นอีกอย่างได้ขนาดนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเซี่ยเสว่จะรู้เรื่องอุบัติเหตุปลอมๆนั่นแล้ว? เซียงชิงฉือโกรธจัด คิดว่าลู่เย่นหลุดปากพูดออกไป จึงโทรไปหาลู่เย่นแล้วพูดอย่างโหดร้าย “ลู่เย่น นายบอกอะไรกับคุณนาย!” “ผมไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับ…” “ท่านประธาน ผมสาบานว่าไม่ได้หลุดปากพูดอะไรเลย คุณนายจะต้องได้ยินโดยไม่ได้ตั้งใจอย่างแน่นอน เพราะตอนที่ผมออกมาผมเห็นโจ๊กอยู่ในถังขยะตรงปากประตู” ดังนั้นต้องไม่ใช่เขาพูดแน่ๆ! เซี่ยเสว่ต้องรู้เรื่องที่เขาหลอกเธอแล้ว 
已经是最新一章了
加载中