ตอนที่ 6 มู่หลานถามใจ
1/
ตอนที่ 6 มู่หลานถามใจ
ยอดหญิงฮัวมู่หลาน
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 6 มู่หลานถามใจ
ตอนที่ 6 มู่หลานถามใจ คนตายย่อมน่ากลัวอยู่แล้ว! “แหว่ะ...แหว่ะ...” ฮัวเสี่ยวตี้ที่น่าสงสารกำลังยืนพิงต้นไม้อยู่ในสวนบ้านหลิวเหมิ่งสำลักเอาของที่อยู่ในท้องออกมาเสียจนหมดจด เขาเขาเขาเขาเขาเขากลัวคนตาย ใครจะทำไม! นี่มันคนตาย ไม่ใช่หมูตายวัวตายแพะตาย เทียบกันได้อย่างนั้นรึ? เฮ่อมู่หลันมองฮัวเสี่ยวตี้ที่อาเจียนออกมาอย่าจนใจ รู้สึกขำจนต้องโยกศีรษะ ดีที่เขาไม่ได้ไปเป็นทหารออกศึก ไม่อย่างนั้นคงได้อาเจียนตายไม่ใช่ถูกข้าศึกฆ่าตาย บุตรชายและบุตรสาวทั้งสองของตระกูลหลิวถูกท่านลุงของหลิวอวี๋อันทิ้งไว้ด้านนอกสวน จนเดี๋ยวนี้ผู้ปกครองชั่วคราวของพวกเขายังไม่อยากให้เด็กได้รับความแรงกระตุ้นแต่จนแล้วจนรอดก็ขวางพวกเขาไว้ไม่ได้ พอเผลอไปหน่อยเดียวพวกเขาก็วิ่งเข้ามาในยังตระกูลหลิวเหมิ่ง หลิวเหมิ่งเป็นนักโทษที่เป็นผู้ต้องสงสัยรายใหญ่ถูกหัวหน้าหมู่บ้านหลิวสั่งมัดให้อยู่อย่างสงบเสงี่ยมอยู่อีกฝั่ง มีเพียงสีหน้าที่แสดงออกว่าเจ็บใจครั้นเห็นเฮ่อมู่หลันกำลังตรวจสอบศพก็รีบตะโกนร้อง “ใต้เท้าเซียนเป่ย เมื่อวานท่านก็เห็นแล้ว แม้ตัวเจ้าตัวเล็กๆข้ายังหอบกระบอกไปตีล้างแค้นถึงบ้านไหนจะกล้าเอาคนมาถึงบ้านแล้วเอามีดแทงตาย!” เฮ่อมู่หลันไม่สนใจเขาทำเพียงก้มหน้าใช้สายตาสำรวจบาดแผลของหลิวอวี๋อันอย่างละเอียด “ใต้เท้าโหยวมาแล้ว! หัวหน้าจางมาแล้ว!” ชาวบ้านหมู่บ้านหลิวจี๋ที่อยากรู้อยากเห็นออกไปต้อนรับและช่วยนำทางให้ผู้พิพากษาเมืองอวี๋กับเสมียนผู้ช่วยเข้ามายังสวนบ้านหลิวเหมิ่ง เวลานี้ยังไม่มีการสอบจักรวรรดิ เรื่องดูแลปกครองพื้นที่ที่ผ่านมาล้วนอาศัยลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์จากฝั่งชาวฮั่นเป็นผู้ดูแล ส่วนชาวเซียนเป่ยควบคุมฝั่งกองทัพทหารกับเขตที่อยู่ของชาวเซียนเป่ยสามสิบหกเขต ผู้พิพากษาที่เมืองแห่งนี้เป็นลูกหลานของตระกูลโหยวในตำบลเหลียง มีนามว่าโหยวเข่อ ปีนี้อายุยี่สิบสี่ปี ถือว่าเป็นขุนนางอายุน้อยผู้หนึ่ง โหยวเข่อนำเจ้าหน้าที่สืบสวนกับหวู่โจ้วมาด้วย พนักงานตรวจสอบไปยังพื้นที่เกิดเหตุเห็นบุรุษเซียนเป่ยผู้หนึ่งกำลังนั่งบนส้นเท้าสังเกตศพด้วยสายตา ด้านข้างมีโถวเหรินกับหัวหน้าหมู่บ้านยืนอยู่ข้างๆก็ประหลาดใจ “บังอาจถามเล่อลี่โถวเหริน ท่านนี้คือ...?” “ท่านนี้คือท่านแม่ทัพตระกูลฮัว ผู้ที่มีขนานนามว่าแม่ทัพฮูเหว่ย” โถวเหรินผู้นั้นกระแอมหนึ่งคำ ไม่ได้เปิดเผยฐานะฮัวมู่หลานต่อหน้าชาวบ้านมากมาย แต่กลับใช้วิธีอ้อมๆกล่าวถึงฐานะของนาง เซียนเป่ยเหรินให้ความสำคัญกับความสำเร็จทางการทหาร แต่ประชาชนเซียนเป่ยทั่วไปจะไม่ได้รับยศสูงมากไปกว่าชาวฮั่น ฮัวมู่หลานใช้ฐานะพลทหารธรรมดาทั้งยังมิใช่ชาวเซียนเป่ยจากชนชั้นสูง อายุยังไม่ทันครบสามสิบก็ไต่เต้าจนได้ตำแหน่ง “แม่ทัพฮูเหว่ย” ขุนนางขั้นหก ซึ่งนับดูในบรรดาเหล่าทหารก็ถือว่าพบเห็นได้น้อย ผู้พิพากษาโหยวได้ฟังก็ตะลึง กลับมามองเบื้องหลังของ “บุรุษ” ร่างสูงซ้ำอีกรอบ แทบไม่กล้าเชื่อว่าคนบุรุษร่างสูงผอมบางอ่อนแอคือวีรสตรีหญิงที่ร่ำลือ “ฮัวมู่หลาน” คนนั้น อีกฝั่งเฮ่อมู่หลันที่ตรวจสอบศพของเฮ่อมู่หลันเสร็จแล้วก็ลุกขึ้น กล่าวกับผู้พิพากษาโหยวและเจ้าหน้าที่ว่า “ผู้พิพากษาโหยวมาได้จังหวะพอดี หลิวอวี๋อันผู้นี้มีความเป็นไปได้ว่าไม่ใช่ถูกฆ่า แต่เป็นการฆ่าตัวตายต่างหาก” “อะไรนะ?” ตาแก่หลิวประหลาดใจจนโบกมือ “เป็นไปไม่ได้ ใครจะอดทนเฉือนเนื้อหนังของตัวเองได้ตั้งสิบเจ็ดสิบแปดมีด!”ไม่ใช่คนเป็นโรคประสาทเสียหน่อย! เจ้าหน้าที่คนนั้นได้ยินสิ่งที่เฮ่อมู่หลันเอ่ยก็รับนั่งลงสำรวจร่างกายศพทันที หวู่โจ้วที่อยู่บนพื้นนั้นเป็นคนไม่ค่อยรู้หนังสือ ตั้งแต่ต้นจนจบก็ก้มหน้าไม่กล้ามองฝูงชนตรง ๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งลง ตนก็รีบทรุดกายลงตรวจสอบศพกับบาดแผลด้วยเช่นกัน หวู่โจ้วพลิกร่างศพ ฮัวเสี่ยวตี้ที่เพิ่งอาเจียนเสร็จกลับมาเห็นทั่วร่างของเจ้าหนุ่มตระกูลหลิวมีบาดแผลสิบเจ็ดสิบแปดแผลกระจายเต็มไปหมด นาทีนั้นในกระเพาะก็คล้ายมีคลื่นซัดมาอีกรอบ ท้ายที่สุดรีบวิ่งไปด้านข้างอาเจียนออกมาชุดใหญ่ แม้แต่น้ำย่อยก็แทบจะออกมาพร้อมกัน “รบกวนใต้เท้าให้ผู้ติดตามสองคนช่วยย้ายน้องชายของข้าไปข้างนอกทีเถิด” เฮ่อมู่หลันไม่ถูกศพทำให้ตกใจแต่ใกล้จะถูกท่าทางฮัวเสี่ยวตี้ที่อาเจียนเอาไตเอาม้ามออกมาทำเอาเสียขวัญอยู่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้บุตรชายคนเดียวตระกูลฮัวต้องมาอาเจียนจนตายอยู่ที่นี่ เฮ่อมู่หลันจึงทำได้แค่ให้เขาออกไป เห็นผู้ติดตามของโถวเหรินนำตัวฮัวเสี่ยวตี้ออกไปแล้ว เฮ่อมู่หลันถึงกลับมาเอ่ยกับผู้พิพากษาโหยวต่อ “แต่ในกรณีที่มีถูกผู้อื่นทำให้เจ็บยามลงมีดย่อมจะลงลึก ยามดึงมีดจะเบา ตอนที่หลิวอวี๋อันสร้างบาดแผลพวกนี้ตอนแทงเข้าไปเบาแต่ตอนชักมีดออกมานั้นแรง รอยแผลไปทางเดียวกัน แถวเดียวกัน บาดแผลไม่มีความรกเลย มือ เท้า เล็บกับส่วนอื่นๆบนร่างกายก็ไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือการขัดขืนตอนได้รับบาดแผล ” นางขบคิดเล็กน้อย เอ่ยถึงเหตุการณ์เมื่อตอนนั้น “บนร่างเขามีบาดแผลทั้งหมดสิบแปดแห่ง นอกจากบาดแผลตรงหัวใจที่ก่อถึงแก่ชีวิตสองมีด แผลแห่งอื่นๆล้วนไม่ถึงขั้นวิกฤติ นอกจากนี้แผลยังปรากฎบนร่างกายซีกขวาเป็นเสียส่วนใหญ่ ซีกขวากลับไม่มีมาก ที่หลังกับสมองส่วนหลังก็ไม่มีกล่าวคือนี่คือสิ่งผู้ถนัดขวาสร้างบาดแผลให้แก่ตนเอง” “คนปกติเวลาถูกผู้อื่นถูกแทงก็มักจะมีการกระเสือกกระสนดิ้นรน บาดแผลทั้งสิบแปดนี้ล้วนอยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นไปได้ว่าโดนมัดอยู่ แต่ในกรณีนี้เขาก็ไม่มีร่องรอยการถูกมัด” “จากที่ว่ามาสามารถคาดการณ์ได้ว่าหลิวอันอวี๋ที่ถนัดมือขวาใช้มีดเล่มเล็กแทงร่างตัวเองไปสิบหกแผล สร้างเหตุการณ์ว่าตนถูกฆาตกรรม เขาใช้มีดแทงไปที่หัวใจสองมีด จากนั้นทิ้งมีดไว้ในโอ่งของสวนบ้านหลิวเหมิ่งจึงถือโอกาสล้างมือไปด้วย ก่อนก่อเหตุเขาคงดื่มสุราเรียกความกล้า ในปากมีจึงกลิ่นสุรานอกจากนี้ตามซอกฟันยังมีเลือดออกคงเป็นเพราะตอนที่เขาทนพิษบาดแผลได้คาบของบางอย่างไว้เพื่อกลั้นความเจ็บปวด ตอนที่เขามาที่นี่ไม่มีใครได้ยินเสียงก็เพราะเหตุนี้ด้วยเช่นกัน” โหยวเข่อราวกับถูกมัดลิ้น เขามองเฮ่อมู่หลันที่ชี้แจงรายละเอียดวิธีราวกับ “รายงานผลชันสูตรศพ” ทหารและ*เซียงหย่งที่ยืนคุ้มกันนักโทษอยู่ได้ยินก็ใบหน้าซีดขาว “หลิวอวี๋อันเสียชีวิตเพราะเสียเสือดมาก เวลาเสียชีวิตคงจะเป็นเมื่อช่วงวานก่อนมืด ตอนที่เลือดยังไหลอยู่เขาจะต้องไปหาที่นอนสงบเงียบๆสักแห่งแน่ๆ เพราะหากมีการต่อสู้จนตายเลือดก็คงกระเด็นทั่วทั่วสวนแล้ว หากเขาเป็นคนฆ่า สถานที่พบศพที่สะอาดถึงเพียงนี้ย่อมหมายความว่าศพถูกเคลื่อนย้าย ใต้เท้าสามารถไปตรวจสอบที่ตระกูลหลิวสักรอบดูก็ได้ หากไม่พบปรากฎร่องรอยเกรงว่าเรื่องราวก็เป็นอย่างที่ข้าว่านั่นล่ะ” ผู้พิพากษาโหยวได้ยินฮัวมู่หลานกล่าวเช่นนั้นร่างก็สะท้าน สิ่งที่เขาสัมผัสได้นั้นมีเพียงความรู้สึกสิ้นหวังและหมดอาลัยของหลิวอวี๋อัน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเขามีบุตรชายและบุตรสาวสองคน เทียบกับคนที่ยอมสละทุกอย่างยังมีข้อแตกต่าง หวู่โจ้วกำลังแหวกเสื้อของผู้ตายออกตรวจดูรอยแผล ได้ยินคำพูดของบรุษชาวเซียนเป่ยผู้นี้ ก็รีบตรวจสอบตามคำพูดของอีกฝ่าย เขายังยื่นจมูกไปดมปากผู้ตายด้วย ดีดเนื้อเป็ดดูแล้วผงกหัวให้ลี่โถว แสดงท่าทีว่าที่นางกล่าวมานั้นถูกต้อง เจ้าหน้าที่ที่ติดตามใต้เท้าโหยวมาผู้นั้นเป็นอยู่ในตำแหน่งนี้มานาน ปกติพบเจอคดีอยุติธรรมและศพคนตายมาไม่น้อย แต่ไม่มีครั้งไหนประหลาดเท่าครั้งนี้ ทำร้ายตัวเองจนมาถึงขั้นสร้างสถานการณ์ว่าถูกฆ่าตาย เฮ่อมู่หลันเห็นเสื้อผู้ชายตายถูกหวู่โจ้วเลิกขึ้นจนเปลือยก็ขยับเข้าไปดูเดี๋ยวตรงคอบ้าง บริเวณท้องล่างบ้างเพื่อค้นหาบาดแผลที่อาจมีอยู่ตรงบริเวณอื่นอีก แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆและนั่นก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักต่อการคาดการ์ณของตัวเอง โถวเหริน หัวหน้าหมู่บ้านกับผู้พิพากษาโหยวรู้ว่าฮัวมู่หลานเป็นสตรี เห็นนางไม่ถือธรรมเนียมขยับไปดูบริเวณท้องล่างของร่างเปลือยบุรุษก็จุ๊ปากอย่างพิศวง หากเปลี่ยนเป็นสตรีคนอื่น ต่อให้ใจกล้าแค่ไหนก็คงจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่มากก็น้อย “หลิวอวี๋อันกับหลิวเหมิ่งผู้นี้มีความแค้นต่อกันรึ?” ผู้พิพากษาโหยวเห็นหวู่โจ้วบอกว่าปากแผลมีกลิ่นสาบจริงๆก็มองไปทางหลิวเหมิ่ง เขาไม่เข้าใจว่าความแค้นแบบไหนกันจึงทำให้คนในหมู่บ้านเดียวกันใช้การตายของตัวเองหลอกล่อให้ผู้อื่นถูกจับได้ “ใต้เท้า หลิวเหมิ่งกับหลิวอวี๋อันมักมีข้อโต้แย้งกันอยู่เสมอ เกี่ยวกับที่ดินตระกูลขอรับ” ตาแก่หลิวกระซิบกระซาบข้างหูผู้พิพากษาโหยว เฮ่อมู่หลันกลับยืนดูศพอยู่อีกด้านไม่ทราบว่ากำลังคิดสิ่งใด ผ่านไปครู่หนึ่งพนักงานส่งสารก็เจอรอยฟันบนท่อนไม้ชิ้นหนึ่งในสวน อ้างอิงตามที่เฮ่อมู่หลันพูด นี่คงเป็นท่อนไม้ที่หลิวอวี๋อันใช้กัดเพื่อบรรเทาความทรมานชิ้นนั้นแน่ๆ ผู้พิพากษาโหยวเห็นคดีสามารถจบลงได้โดยง่ายเช่นนี้ก็ยินดียิ่งนัก รีบสั่งให้ลูกน้องนำผู้ต้องสงสัยกับคนที่เกี่ยวข้องกลับเมืองอวี๋ทั้งหมด ในนั้นย่อมรวมฮัวมู่หลานกับบุตรทั้งสองของตระกูลหลิวแล้วก็ท่านลุงของพวกเขาด้วย หลิวเหมิ่งรู้ว่าบางทีตนอาจสามารถล้างความสงสัยฐานฆ่าคนได้ก็ผงกหัวหงึกหงักไปกับคำให้การของเฮ่อมู่หลัน เฮ่อมู่หลันขยับกายหนีไม่ยอมรับการคารวะขอบคุณจากเขา ขณะกำลังเดินออกไปจากสวนเฮ่อมู่หลันเดินผ่านคู่พี่น้องบุตรของตระกูลหลิว ทันใดนั้นเด็กชายคนนั้นก็ถ่มน้ำลายใส่นาง แววตาของบุตรชายและบุตรสามตระกูลหลิวทั้งสองเต็มไปด้วยความแค้น สิ้นหวังและยังมีความหวาดกลัวต่ออนาคต พวกเขาคงไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับบิดา แต่พวกเขารู้ว่าแค่ว่าคำพูดประโยคเดียวของนางบางทีอาจทำให้วันคืนในอนาคตของพวกตนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เมื่อวานนางยังช่วยไม่ใช้เด็กชายผู้นั้นถูกตี น้ำมูกน้ำตายังเปรอะอยู่ในอ้อมกอดของนาง น้องสาวของเขายังร้องขอบคุณนางเบาๆอย่างเหนียมอาย แต่พอมาวันนี้ชังราวศัตรู “เฮ้ย เจ้าหนู ทำอะไรของเจ้า อยากถูกเตะเรอะ!” ฮัวเสี่ยวตี้ที่อาเจียนขาอ่อนหมดแรงพอเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งถ่มน้ำลายใส่พี่สาวขาก็ไม่อ่อนอีกต่อไป หัวก็ไม่ปวดแล้ว พอสติมาก็เริ่มด่ากราด “ช่างเถอะ เขาก็แค่กลัวเท่านั้น” เฮ่อมู่หลันมองน้ำลายบนขากางเกง ปีนขึ้นหลังม้าอย่างสับสนวุ่นวาย เขาก็แค่กลัว เขาไม่มีทางจงเกลียดจงชังบิดาของตัวเองแล้วก็ไม่มีความกล้ากับพละกำลังพอจะเกลียดผู้มีอำนาจอย่างหลิวเหมิ่ง สำหรับเขาแล้วความเกลียดชังนั้นไม่มีต้นทุนและไม่มีอันตราย วินาทีนี้รู้สึกขอโทษต่อพวกเขาในใจแล้วก็ถือว่าตนไม่ใช่คนเลวแล้ว ในหลายๆปีที่นางยังรับทำคดีมากมายนั้นเรื่องแบบนี้มีให้พบเจออยู่บ่อยครั้งไป บ่อยจนเอียน ก็แค่น้ำลายเท่านั้นนางยังเคยถูกเขวี้ยงด้วยไข่ไก่กับหินมาแล้ว เฮ่อมู่หลันปีนขึ้นม้าเบนศีรษะมองกลุ่มชาวบ้านที่ขนศพของหลิวอวี๋อันขึ้นไปบนเกวียนราวกับขนกระสอบขนซากหมูตายอย่างไรอย่างนั้น คนเมื่อตายแล้วสิ่งใดก็ล้วนไม่มี คิดอยากให้ตัวเองตายเพื่อปกป้องคนที่ตนรัก สร้างเหตุการณ์แจ้งความให้ตนเอง มันมักจะมีช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่เฮ่อมู่หลันรู้สึกเกลียดชังอาชีพของตัวเอง อาชีพที่บางครั้งเกียรติยศและชื่อเสียงถูกเลื่องลือออกไป แม้ในวันนี้นางจะไม่ได้เป็นหมอนิติเวชแล้ว ร่างกาย ความทรงจำ แม้แต่ปากและลิ้นของนางก็ไม่ใช่ของตัวเองแต่นางก็ยังคงใช้เหตุผลและข้อมูลตีสะท้อนกลับไป นี่คือสิ่งที่นางชำนาญ มันอยู่ขอบเขตสติปัญญาของนาง ภายในขอบเขตแห่งนี้นางสามารถเชื่อมั่นในตัวเองได้ราวกับตนเป็นเทพ แต่ ‘ความจริง’ ก็มีบางคราวไม่เกี่ยวกับคุณธรรม ยิ่งไม่เกี่ยวกับความยุติธรรม ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องของ ‘ความจริง’ ล้วน ๆ และบางครั้งยามความจริงถูกกะเทาะเปลือกออกสิ่งที่นำมากลับเป็นความเจ็บปวด สรุปแล้วนางควรหรือไม่ควรทำงานนี้ต่อไป เพียงแค่วินาทีต่อมาเฮ่อมู่หลันก็สลัดความอ่อนแอนั้นไว้ข้างหลัง กดความสงสัยเอาไว้ใต้ก้นลึกหัวใจ ทุกครั้งพอผ่านไประยะหนึ่งนางก็มักจะเกิดความขัดแย้งในตัวเองอย่างนี้หนึ่งรอบ “ย่ะ!”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 6 มู่หลานถามใจ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A