ตอนที่ 9 เสี่ยวตี้ลับมีด
1/
ตอนที่ 9 เสี่ยวตี้ลับมีด
ยอดหญิงฮัวมู่หลาน
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 9 เสี่ยวตี้ลับมีด
ตอนที่ 9 เสี่ยวตี้ลับมีด ซั่งกวนชิวเห็นฮัวมู่หลานพยุงตัวเองก็ไม่เหมือนกับคนทั่วไปที่ยอมลุกขึ้นหรือลุกขึ้นอย่างนอบน้อม กลับยกสองมือกุมใบหน้าของตนไว้ ส่งผลให้เฮ่อมู่หลันที่เอื้อมมือออกไปครึ่งหนึ่งชะงักค้างไว้ อะไรกัน? นางอยากจับมือของเขางั้นรึ ทันใดนั้นเบื้องหลังของซั่งกวนชิวมีเสียงพึมพำออกจมูก เป็นเสียงหัวเราะของคนจำนวนมากในชุดทหารเซียนเป่ย คาดว่าซั่งกวนคงรู้ตัวว่าตนทำตัวเองเสียหน้าเจ้าให้แล้ว จึงปลดมือออกทั้งสองข้างลง ทั้งใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ “แม่ทัพฮัว ข้าน้อยจริงใจอยากสู่ขอท่าน!” ความทรงจำของฮัวมู่หลานในสมองของเฮ่อมู่หลันเป็นเหมือนชิ้นส่วนแตกหัก แต่ก็ไม่มีความทรงจำชิ้นไหนที่มีฉากอันคุ้นเคยเลย ฮัวมู่หลานกับซั่งกวนผู้นี้มิใช่สหายที่อยู่ในกองทัพเดียวกัน แต่เมื่อปีนั้นยามเว่ยไท่อู่ตี้โถ้ป๋าทาวยกทัพไปยังแคว้นโหรวหรานเขาจึงมีโอกาสเคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับฮัวมู่หลาน หลังจากนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเฮ่อมู่หลันก็ไม่รู้ได้ ฮัวมู่หลานคงมิได้ใส่ใจคนผู้นี้มากนัก ดังนั้นจึงไม่ได้สลักเขาในความทรงจำ แต่ซั่งกวนชิวผู้นี้อายุน่าจะยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีได้แล้ว อายุขนาดนี้แต่ยังไม่แต่งภรรยาพบเจอได้น้อยมาก ชาวเซียนเป่ยมีประชากรชายเยอะประชากรหญิงน้อยจึงแต่งงานช้ากว่าชาวฮั่น แต่ก็ไม่มีที่อายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีแล้วยังไม่แต่งงาน ดังนั้นนางจึงถามเขาเสียงเบาว่า “งั้นภรรยาของเจ้าจะทำเช่นไร?” เมื่อซั่งกวนชิวได้ยินประโยคนี้ เขาก็รีบพยักหน้าอย่างดีใจ “แม่ทัพฮัว ภรรยาของข้าน้อยรังเกียจข้าน้อยจึงได้ทิ้งไป ปีที่แล้วนางก็ได้เป็นฝ่ายขอหย่าและหวนคืนกลับสู่เผ่าเดินแล้วขอรับ!” อึก.......ชาวเซียนเป่ยช่างเป็นเปิดกว้างจริงๆ ฐานะของสตรีก็สูงไม่ธรรมดา ภรรยาสามารถทอดทิ้งสามีของตนทั้งยังขอหย่าแล้วกลับบ้านเดิมของตนได้อีก จะว่าไปตัวเขาถูกภรรยาทอดทิ้งไยจึงดีใจถึงเพียงนี้กัน? หรือว่าภรรยาของเขารูปโฉมไม่น่ามอง? “เอาล่ะ หยุดเอะอะได้แล้ว เจ้าได้ข่าวมาจากที่ใดกันจึงวิ่งมาสู่ขอข้าถึงที่นี่? ทั้งยัง...ยังจัดขบวนกองทัพมาเสียยิ่งใหญ่อีก...” เฮ่อมู่หลันเห็นคนมากมายที่มาดูเรื่องคึกคักก็อดรู้สึกหนังศีรษะชามิได้ “พวกเจ้าก็ไม่ต้องคุกเข่าอยู่ตรงนี้แล้ว เข้าไปคุยข้างในกับข้าเถิด” “ขอรับ!” คล้ายกับผู้คนยังถูกเร้าไม่เพียงพอ รถม้าที่ซั่งกวนชิวกับทหารม้าทั้งสิบสามขนมาด้วยในที่สุดก็ถูกจ๋าหูจอมพลังเข็นมาไว้ที่หน้าบ้านตระกูลฮัว บนรถม้ามีผ้าแพรต่วนเป็นประกายวางไว้ หนังสัตว์ทั้งผืน ยังมีสิ่งถักทอราวกับก้อนเมฆ วางไว้กล่องแล้วกล่องเล่า ชาวบ้านที่นี่ปีปีหนึ่งได้พบเจอบ่อยที่สุดก็คือผ้าเนื้อหยาบ มีบางคนเห็นผ้าไหมหนึ่งยาวฉื่อก็นึกเกลียดบ้านตนขึ้นมา วินาทีที่เห็นผ้าฝ้ายและไหมล้ำค่ามากมายราวของแตกหักที่ถูกกองไว้บนรถม้าใบหน้าก็แสดงความรู้สึกรับไม่ได้ออกมา ด้านหลังรถม้ามีอาชาพันธ์ดีสี่ตัว ตลอดทั้งตัวไม่มีเส้นขนพันกันยุ่งให้เห็น สักเส้น ชาวเซียนเป่ยยกให้ม้าสีขาวเป็นม้ามงคล เมื่อม้าทั้งสี่ตัวนี้เคลื่อนไหวจะมีแสงสีทองเป็นประกาย รอจนพวกมันเดินเข้ามาใกล้จบพบว่ากีบเหล็กของพวกมันล้วนเป็นทองคำ ต่อมาเสียเดาะลิ้นอย่างอัศจรรย์ใจก็ดังขึ้น อยากให้บ้านตนมีลูกอย่างฮัวมู่หลานสักคน ยามแต่งออกไปย่อมดี จ๋าหูเป็นคนในชนเผ่าที่หลงเหลือหลังจากเป่ยเว่ยยกทัพไปทำสงคราม ส่วนมากเป็นทาสและมีพละกำลังมาก ชาวหูเหล่านี้มีบางคนเกิดในเขตเหนืออากาศหนาวเย็นจนแผ่นดินเป็นน้ำแข็ง มีตัวสูงใหญ่ ร่างหนา ทั้งตัวอัดแน่นไปด้วยพละกำลังที่ไม่มีวันหมด จ๋าหูร่างใหญ่เหล่านี้นำรถม้ามายังสวนของตระกูลฮัว ที่คาดไม่ถึงคือพวกเขาสามารถทำให้ลานขนาดใหญ่ดูเล็กลงไปถนัดตา ฮัวฟู่เห็นก็รู้ทันทีว่ารถขนของที่พวกเขานำมานั้นเป็นรถขนของที่ใช้ในวังหลวง ทันใดในใจก็รู้สึกทั้งโมโหทั้งพอใจ ที่โมโหก็คือพวกเขาซี้ซั้วเอารถขนของของราชสำนักมาใช้ ที่พอใจก็คือผู้ที่ดูแลรถขนของของราชสำนักก็คือ “แม่ทัพกองทหารม้า” แม่ทัพกองทหารม้าย่อมมีฐานะไม่ต่ำ หากสามารถใช้รถม้าเหล่านี้ได้ต้องผ่านการยินยอมของแม่ทัพกองทหารม้าเสียก่อน บุตรสาวของเขาสามารถดึงดูดให้ซั่งกวนชิวแหกกฎระเบียบได้เห็นได้ว่ายามนางอยู่ในกองทัพเกียรติยศและชื่อเสียงขนาดไหน สำหรับทหารเฒ่าแล้ว ยกเว้นเรื่องที่เขารู้สึกเสียดายที่ฮัวมู่หลานมิใช่บุรุษ ส่วนเรื่องอื่น ๆนางกลับเติมเต็มความหวังที่ฮัวหูมีต้องการจากลูกหลานในรุ่นต่อไปแล้ว เรือนรับรองของตระกูลฮัวมีขนาดไม่เล็กแต่เมื่อชายร่างสูงใหญ่อย่างซั่งกวนชิวกับคนสิบสี่คนที่เดินต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเข้ามาข้างใน ยามนี้กลับไม่มีแม้แต่ที่นั่ง เพราะว่าอยู่ในห้องเดียวดัน เฮ่อมู่หลังจึงรับรู้ได้ว่าแรงกดดันที่คนเหล่านี้มีนั้นเข้มข้นเพียงใด นางอยู่คลุกคลีในกลุ่มตำรวจมานานมักจะได้สัมผัสกับร่างกายกำยำล่ำสันของตำรวจหน่วยอาชญากรรมกับตำรวจกลุ่มติดอาวุธ มาวันนี้ตรงหน้ามีบุรุษไม่น้อยที่เป็นชาวเซียนเป่ย ชายเซียนเป่ยมีกลุ่มชนที่ค่อนข้างซับซ้อน อยู่ในจำพวกกลุ่มคนที่มีส่วนผสมของชนเผ่ามั่วปนกันไปหมด อย่างบุรุษในห้องนี้มีย่าเหรินที่มีจมูกสูงตาลึก แล้วก็มีพวกคนผิวขาวที่มีเส้นผมสีทองกับนัยน์ตาสีเขียว ทั้งยังมีชาวฮั่นผู้ซึ่งเป็นเจ้าของผิวสีเปลือกข้าวสง่างามอยู่สองสามคน เวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง ในห้องก็อัดแน่นไปด้วยหนุ่มหล่อนานาชาติ หนุ่มหล่อเผ่าฮั่นสง่างามประณีตกับพี่ชายทหารที่น่าเกรงขามยืนอยู่ด้วยกันสว่างเป็นประกายจนเฮ่อมู่หลันลืมตาแทบไม่ขึ้น อ้าปากพะงาบไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอะไรดี ตอนที่ฮัวมู่หลานอยู่ในกองทัพนางผ่านสิบสองปีนั่นมาได้อย่างไรกันนะ? หรือว่านางค่อนข้างโชคร้าย เพื่อนทหารที่พบเจอล้วนแต่เป็นพวกหน้าตาไม่ได้ความจึงไม่เคยหวั่นไหวเลยสักครั้ง? ฮัวฟู่และฮัวหมู่ไม่รู้ว่าควรวางมือเท้าไว้ที่ใดดี บุตรสาวของฝังซื่อเกิดอาการตกใจจนร้องอุแว้ๆออกมาเสียงดังตกใจส่งให้ฝังซื่อที่แม้อยากชมเรื่องสนุกแต่ทำได้เพียงอุ้มบุตรสาวออกจากห้องไป สหายมาจากแดนไกล กับข้าวจะพอกินรึไม่? น้องเล็กตระกูลฮัวแบกใบหน้าเฉื่อยชาของตนเดินออกจากห้องไป ในใจก็คำนวณว่าชายรูปร่างสูงใหญ่ทั้งสิบสี่คนรวมถึงจ๋าหูจอมพลังนั่นจะกินหมูและแกะของบ้านเขาหมดไปกี่ตัวกัน บ้านเขาปลูกเสบียงอาหารเพื่อส่งให้กับกองทัพนะ! อาหารสำหรับคนตั้งยี่สิบคนจะให้ทำอย่างไร? ตอนที่พวกเขายกขบวนกันมาสู่ขอพี่สาวเขาไม่รู้ตัวเลยรึว่านำความเดือดร้อนใหญ่หลวงมาสู่บ้านผู้อื่น! จะเกิดมาตัวโตเช่นนั้นเพื่ออะไร ยามกินก็กินเยอะกว่าผู้อื่น! เสี่ยวฮัวตี้ที่ร่างกายเพิ่งสูงเจ็ดฉื่อบ่นพึมพำพลางเดินไปลับมีด ซั่งกวนชิวได้ยินเสียงลับมีดดังแครกจากข้างนอกก็พลันรู้สึกปวดฟันขึ้นมาทันใด ในทัพหู่เฟิ่นกับทัพอิงหยางไม่มีผู้ใดไม่รู้จักความสามารถด้านวรยุทรของฮัวมู่หลาน ปีนั้นที่นางอดทนฝึกทหาร มีบุรุษอกสามศอกไม่รู้กี่คนที่ถูกนางอัดเสียงร้องเรียกหาบิดามารดา ยามนี้ได้มาเจอญาติๆของฮัวมู่หลาน ทั้งหมดล้วนมีใบหน้าที่แสดงออกถึงความซื่อสัตย์และจิตใจดีกันทุกคน เขากำลังคิดว่าในครอบครัวมีเพียงแม่ทัพฮัวผู้เดียวที่ผิดแผกไปจากผู้อื่น ที่แท้ทั้งบ้านก็นิยมอาวุธฆ่าคน แม้แต่เสี่ยวตี้ที่ผอมแห้งอ่อนแอที่สุดยังวิ่งออกไปลับมีดแล้วเลย ต้องการข่มขู่พวกเขางั้นหรือ? อยากจะบอกพวกเขาว่าหากคิดแต่งพี่สาวของเขาก็ต้องเตรียมถูกปาดคอใช่รึไม่? เฮ่อมู่หลันเองก็ถูกเสียงลับมีดด้านนอกทำเอาขนลุกชันขึ้นตุ่มหนังไก่ หมดปัญญาพูดคุยดีๆ พอมองอีกที ฮัวฟู่ก็จับมือกับอวี่หลินหลังถามว่าเขาเป็นคนจากเผ่าไหน อยู่ในกรมทหารสังกัดใด เข้ากองทัพมากี่ปีแล้ว ถามกระทั่งเงินเดือนตำแหน่งของพวกเขาเหมือนกับเขาตอนเป็นทหารรึไม่ เฮ่อมู่หลันยกมือก่ายหน้าผาก หมดซึ่งคำพูดจนแทบจะสำลักอากาศ นี่ๆๆ พวกเขาไม่ได้มาสู่ขอท่านตกลงมั้ย ท่านมัวแต่รำลึกความหลังเพื่ออะไรอย่างนั้นรึ! “เรือนรับรองบ้านข้าเล็ก นอกจากนี้อาหมู่ของข้าก็ขี้กลัว ช่างเถิด พวกท่านไปที่เรือนของข้าเถิด” เฮ่อมู่หลันรู้สึกว่าการปล่อยพวกเขาไว้ที่นี่ถือเป็นเรื่องผิดพลาดจึงแหวกม่านประตู พวกเขาไปยังเรือนก่อกระเบื้องสูงของตัวเอง เพราะฮัวมู่หลานสูงกว่าบุรุษทั่วไปสักหน่อยเรือนด้านนั้นจึงค่อนข้างโล่งกว้างขวาง ยามที่เดินผ่านสวนนั้นกลุ่มนักรบก็มองไปยังฮัวเสี่ยวโทวที่กำลังนั่งลับมีดอยู่ จ้องจนเขาสั่นอย่างอดไม่อยู่ “อาตี้ นั้นเจ้ากำลังจะทำสิ่งใด?” เฮ่อมู่หลันอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามน้องชาย “ลับมีด ฆ่าหมู เลี้ยงรับแขก” กลุ่มคนเหล่านั้นได้ยินก็ผ่อนคลาย ซั่งกวนชิวยิ่งเอ่ยยิ้มๆอย่างสดใสว่า “ฮัวเสี่ยวตี้ไม่ต้องเกรงใจ พวกเรามาคราวนี้ได้เตรียมอาหารมาด้วย ไม่ต้องลำบาก...” “เช่นนั้นก็ดีเลย...” ฮัวเสี่ยวตี้ได้ยินก็ยินดี หมูและแกะที่บ้านเขาเป็นคนเลี้ยงทั้งหมด ในหนึ่งปีจะเลี้ยงให้พวกมันอ้วนพีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องรอถึงช่วงปลายปีจึงจะเชือด ยามนี้เพิ่งจะเข้าฤดูหนาว จะฆ่าก็น่าเสียดายนัก เขาได้ยินคำกล่าวของซั่งกวนชิวก็เตรียมจะทิ้งมีด ฮัวฟู่ที่เดินออกมาจากเรือนจนถึงหน้าประตูกลับเอ่ยว่า “มีแขกมาไหนเลยจะมีธรรมเนียมปล่อยให้แขกกินธัญพืชแห้งพวกนั้น บ้านพวกเราแม้มิได้ร่ำรวย แต่หากจะให้ท้องอิ่มนั้นย่อมมิใช่ปัญหา” มีซุปร้อนข้าวร้อนให้กินผู้ใดจะยอมทนแทะของพวกนั้น? ได้ฟังคำพูดของฮัวฟู่ นักรบทั้งสิบสี่คนเผยรอยยิ้มเต็มหน้า ร้องขอบคุณผู้เฒ่าฮัวที่ต้องรับอย่างอบอุ่น จากนั้นค่อยหันไปทางฮัวเสี่ยวตี้เอ่ยไม่หยุดว่า “ลำบากแล้ว” เจ้าทหารกล้าพวกนี้ที่แท้ก็หน้าหนากันทุกผู้! ฮัวเสี่ยวตี้ที่มีรอยยิ้มชาหนึบอยู่บนหน้ากับฝังซื่อที่เพิ่งกล่อมบุตรสาวเสร็จอยู่ในห้องหุงต้มต้มน้ำเห็นเหตุการณ์เป็นแบบนี้ก็อยากจะทุบพื้นร้องไห้ออกมา นี่.... กับข้าวของคนตั้งมากมายขนาดนี้จะทำอย่างไร ที่บ้านไม่มีหม้อใหญ่ขนาดนั้นหรอกนะ! เรือนของเฮ่อมู่หลันใหญ่มากทั้งยังตกแต่งเรียบง่าย ในห้องรับแขกนอกจากแผ่นไม้เล็กๆที่นางขอให้คนมาทำให้ ก็มีแค่โต๊ะหนึ่งตัวเท่านั้น ทหารม้าทั้งสิบสี่คนถอดรองเท้าที่หน้าประตู เมื่อผ่านประตูเข้ามาก็นั่งลงบนพื้น ใช้สายตามองไปทั่วอย่างสนอกสนใจ พอจะดูออกมาว่าในสายตาของคนเหล่านี้ไม่พอใจต่อสภาพแวดล้อมอยู่อาศัยของฮัวมู่หลาน โดยเฉพาะสามสี่คนที่แต่งกายหรูหรามาจากตระกูลสูงเหล่านั้น นอกจากจะจ้องไปยังเตียงอุ่นของนางนานสักหน่อย สีหน้าของพวกเขาก็คล้ายจะเอ่ยว่า “ไอ้หยา ที่นี่ใช่ห้องที่ฮัวมู่หลานอาศัยจริงรึไม่นี่ ข้าไม่ได้ดูผิดไปกระมัง” เฮ่อมู่หลันนั่งอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ก่อนจะเริ่มส่งเสียงถาม “ข้าปลดชุดเกราะกลับบ้านแล้ว แต่สหายยังทำงานอยู่ในกองทัพ ข้าเคยย้ำว่าหากมิมีเรื่องห้ามมิให้มาหาข้าที่หมู่บ้าน คอยดูแลปกป้องแคว้นจึงจะเป็นเรื่องสมควรทำ พวกเจ้าได้ข่าวมาจากไหนแล้วเหตุใดจึงนำยกขบวนกันมาหาข้าเสียยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้?” เฮ่อมู่หลันอายุสามสิบก็ถอดเกราะกลับบ้าน ในกองทัพมีแม่ทัพที่ “เกษียร” ตัวเองเร็วแบบนี้น้อย เพื่อนๆในกองทัพของนางมิใช่สตรี ที่โจมตีแค้วนโหรวหรานจนอีกฝ่ายถอยทัพไปได้ย่อมเป็นเรื่องมีเกียรติ ที่ควรได้เลื่อนตำแหน่งก็ได้เลื่อนตำแหน่ง ที่ควรย้ายไปส่วนบริหารก็ได้บ้านไปส่วนบริหาร จะที่หกแคว้นหรือชายแดนล้วนแต่มีโอกาสก้าวหน้า วันนี้พวกเขา รวมถึงซั่งกวนชิว ทั้งที่คอยอารักขาอยู่ข้างกายเว่ยตี้ ทั้งที่ควรคุ้มครองเขตชายแดนกลับมาขี่ช้างจับตั๊กแตนเฟ้าหาเอาตัวหนุ่มหล่อออกมาแบบนี้ ต้องมีแผนการคิดไว้ในใจแน่ๆ นางไม่เชื่อว่าหากสุ่มจับทหารเซียนเป่ยมาสักสองสามคนจะหน้าตาดีระดับนี้กันหมด หรือหากทุกคนรูปโฉมคมสันร่างสูงใหญ่ดูดีแบบนี้หมดทุกคน ในกองทัพก็คงมีแต่สตรีปลอมเป็นบุรุษอยู่เต็มไปหมดแล้ว ยังจะเหลืออะไรมาให้ “วีรสตรี” เช่นนาง! “แม่ทัพฮัว ตอนที่ข่าวลือแพร่ออกไป ท่านฮัวเก้อฮู่ก็ได้รับจดหมายจากครอบครัว แต่ตอนนั้นท่านไม่ได้สนใจ เหล่าพี่น้องจึงไม่ได้เพิ่มภาระให้ท่าน” ซั่งกวรชิวขมวดคิ้วเอ่ยกว่า “แต่หลังจากเรื่องในตอนหลังเริ่มไปไกลอย่างกู่ไม่กลับกระทั่งที่โถวเหรินยังเขียนจดหมายฝากเข้าไปในเมืองหลวง เหล่าพี่น้องก็ทนนั่งอยู่เฉยๆมิได้แล้วขอรับ” เขาชี้นิ้วไปยังนักรบด้านหลัง “พวกเขาเหล่านี้ต่างก็มาจากตระกูลสูงศักดิ์ในหกแคว้น ลูกหลานของชาวฮั่นที่ร่ำรวยก็มี ทุกคนล้วนเลื่อมใสในวรยุทรของท่านแม่ทัพฮัว จริงใจอยากสู่ท่านไปเป็นภรรยาขอรับ” “ข้าน้อยมิได้ใช้กำลังร่างกายบีบคั้นข่มขู่ แล้วก็ไม่ได้มีต้นทุนดีเช่นพวกเขา แต่ว่าแม่ทัพฮัว...” เอ๊ะ? เฮ่อมู่หลันคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มมองเขา ซั่งกวนชิวเดาได้ทันทีว่านางยิ้มอะไรก็ตะเบ็งเสียงร้องขึ้นว่า “ข้าข้าข้าข้าจริงใจต่อท่านอย่างแน่นอน! ยามนี้ข้ายังมิมีภรรยา!” “บุรุษปราชเปรื่องยังไร้ภรรยาเช่นเจ้าวันหน้าย่อมหาภรรยาที่ไม่รังเกียจเจ้าได้แน่ๆ” เฮ่อมู่หลันยิ้ม วางไพ่คนดีลงหนึ่งใบ นางรับใช้ผู้ใดไม่ค่อยเป็นนี่นา นักรบสิบสามได้ยินก็หัวเราะออกมา ซั่งกวนใบหน้าแดงก่ำ หันไปจ้องพวกอวี่หลินหลังที่อยู่ด้านหลัง “หัวเราะไปเถิด หัวเราะจนหน้าบานเป็นดอกไม้เช่นนี้แม่ทัพฮัวไม่มีทางเลือกพวกเจ้าหรอก! ท่านแม่ทัพไม่ต้องการข้าย่อมไม่ต้องการพวกเจ้าด้วยเช่นกัน!” “ฟู่ แม่ทัพซั่งกวน แม้แม่ทัพฮัวจะไม่ต้องการพวกข้าแต่นางก็ไม่ต้องการท่านก่อนนั่นล่ะ” “ใช่เลยๆ ดีชั่วอย่างไรพวกข้าก็ไม่เคยแต่งภรรยาหรือโดยภรรยาทิ้งด้วย” “มีคำกล่าวว่าร่างกายมนุษย์มีห้าส่วนยาว หนึ่งส่วนสั้น แม่ทัพซั่งกวน ท่านมีส่วนใดสั้นหรือไม่ ภรรยาจึงไม่ต้องการท่าน หนีกลับบ้านเดินไปเสีย?” “ไสหัวไป!” เพราะว่าเฮ่อมู่หลันแต่งกายเป็นบุรุษ คำพูดคำจาก็แฝงด้วยอารมณ์ขัน ความตึงเครียดของพวกเขาในตอนแรกจึงบินหายไปอย่างรวดเร็ว บรรยากาศก็สนุกรื่นเริงขึ้นมาแม้แต่เรื่องตลกลามกบางเรื่องก็เริ่มที่จะกล้าพูดออกมา เฮ่อมู่หลานยิ้มทั้งคิ้วและตา ความรู้สึกเหมือนกับได้กลับไปนั่งเล่นพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนๆตำรวจของตัวเอง เพียงแต่ครู่ต่อมา เฮ่อมู่หลันก็รู้สึกยิ้มไม่ออกเสียแล้ว ซั่งกวนชิวสังเกตเห็นสีหน้าไม่ดีเช่นนั้นของเฮ่อมู่หลัน ก็เร่งรีบถามนางด้วยความเป็นห่วง “แม่ทัพฮัว เกิดอะไรขึ้นรึ?” เฮ่อมู่หลันยกจมูกสูดดม มั่นใจว่าตนไม่ได้ดมผิดแน่นอนจึงค่อยชี้นิ้วไปที่รองเท้าบูตหน้าประตู ย่นคิ้วเอ่ยว่า “เอ่อ...ที่บ้านข้าไม่มีกฎเกณฑ์เยอะอะไรนัก...” “แต่ข้าว่าพวกเจ้าน่าจะสวมรองเท้าบูตก่อนดีกว่านะ”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 9 เสี่ยวตี้ลับมีด
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A