ตอนที่ 10 มู่หลานเมื่อปีนั้น   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 10 มู่หลานเมื่อปีนั้น
ตอนที่ 10 มู่หลานเมื่อปีนั้น หลังจากเพลงขั้นละครจบไป บรรยากาศอึดอัดก็ดันตัวมาถึงขีดสุด ทุกคนมองไปยังคนข้างๆแววตาสีหน้าอ่านได้ว่า “ต้องเป็นเจ้าแน่ๆ เจ้าพาลทำข้าเดือดร้อนแล้ว” หรือ “เมื่อเย็นวานเจ้าไม่ได้ล้างเท้า อย่างไรเสียข้าก็ล้างแล้ว” เฮ่อมู่หลันไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เวลานี้มาจับตัวเจ้าของกลิ่นตัวจริงไปก็ไร้ประโยชน์ คนเหล่านี้เห็นแวบแรกก็ราบกับกลุ่มนักร้องชายในโทรทัศน์ แต่ที่ว่ามาแทบไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการสู่ขอเลย มีใครที่ไหนบ้างไปสู่ขอผู้อื่นยังไปพูดจาทะลึ่งสัปดนต่อหน้าเขา? แน่นอน นางมั่นใจว่าที่คนพวกนี้มาสู่ขอนางย่อมต้องเตรียมใจนำนางไปภรรยาเอกแล้ว ก็เหมือนกันทกับที่มีคนถามนางว่ายินดีจะแต่งให้อู๋เยี่ยนจู่กับจินเฉิงอู่หรือไม่นั่นแหละ นางย่อมต้องพยักหน้าตกลงเหมือนลูกไก่จิกเมล็ดข้าวสารอยู่แล้ว แต่ก็ต้องถามอู๋เยี่ยนจู่กับจินเฉิงอู่ก่อนว่ายินดีจะแต่งนางเข้าบ้านรึเปล่า ใช่มั้ยล่ะ “แม่ทัพฮัว ข้าคือตระกูลหลี่ที่หลงซี ลูกหลานลำดับที่แปดของตระกูล ตระกูลข้าเป็นทหารมาหลายชั่วอายุคน ให้ความสำคัญกับวีรบุรุษอย่างมาก ข้าได้นำผ้าแพรสิบหกผืน ผ้าไหมยี่สิบผืนมาสู่ขอท่านด้วยใจจริง!” แม่ทัพรุ่นเยาว์ในเสื้อเกราะสีเงินด้านหลังซั่งกวนชิวยืดตัวลุกขึ้น เอ่ยสู่ขอต่อเฮ่อมู่หลัน บุตรชายคนที่แปดของตระกูลหลี่ เอ๋ ตระกูลหลี่ที่หลงซีงั้นรึ นั่นมิใช่ลูกหลานตระกูลถังเกาจู่หลี่เยวนของแม่ทัพเฟยหลี่กว่างอย่างนั้นหรอกรึ? ได้ยินว่าผู้คนด้านหลังซั่งกวนชิวล้วนมาจากครอบครัวชั้นสูง ยังมีที่เป็นองครักษ์ประจำกายฮ่องเต้ที่เลือกเฟ้นมาจากทั่วแผ่นดินอย่างอวี่หลินหลังกับอวี่หลินเจี้ยงอีก นางก็มิอาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป ปรับสีหน้ากล่าวกับพวกเขาทั้งสิบสี่คนอย่างชัดเจนว่า “ฮัวมู่หลาน เดิมไม่มีความคิดจะแต่งให้ครอบครัวสูงศักดิ์ครอบครัวใด และไม่เคยคิดที่จะใช้ชีวิตอย่างที่ผู้อื่นต้องการ” พวกเขาไม่พูดไม่จาได้แต่มองหน้ากันไปมา “น้ำใจของทุกท่านข้าได้รับเอาไว้แล้ว แต่ชีวิตในยามนี้คือสิ่งที่ฮัวมู่หลานปรารถนา ไม่มีตรงไหนไม่ดี” “ถูกชาวบ้านหัวเราะเยาะ กล่าวว่าท่านอัปลักษณ์ร่างสูงใหญ่ตัวสันกำยำยังเรียกว่าไม่มีตรงไหนไม่ดีได้อีกรึ?” ซั่งกวนชิวกัดฟันดังกรอด “ถูกคนวิจารณ์ราวกับสิ่งของชิ้นหนึ่งก็ถือเป็นชีวิตที่ท่านปรารถนาอย่างนั้นรึ?” เมื่อซั่งกวนชิวเอ่ยคำพวกนี้ออกมาเหล่านักรบก็เริ่มกัดฟันกรอด “ข้าจำเมื่อปีนั้นได้ ท่ามกลางกระโจมนับพัน มีเพียงสิบคนที่ถูกเลือก นักรบเซียนเป่ยผู้ลือชื่อ... ” “ข้ายังจำได้เมื่อปีนั้นยามติดตามขบวนกษัตริย์ ตะบึงม้าราวพยัคฆ์เหินในอากาศ คนผู้เดียวสามารถปาดคอแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้าได้ ลงมือสังหารจนอีกฝ่ายกระจัดกระจายถอยร่นกลับไป... ” “ท่าน...ท่านที่เป็นวีรบุรุษเช่นนี้...” ซั่งกวนชิวเอ่ยขึ้นพลันร้องไห้ฟูมฟายออกมา เฮ่อมู่หลันเห็นซั่งกวนชิวร้องไห้ราวกับเด็ก ครู่หนึ่งก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีไป ถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่ฮัวมู่หลาน ไม่รู้ว่าในปีนั้นฮัวมู่หลานมีความยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่แท้จริงแล้ว นางคิดว่าบางทีฮัวมู่หลานไม่ได้คิดว่าชีวิตแบบนั้นเป็นชีวิตที่มีความสุข ความทรงจำของนางยามอยู่ในกองทัพทหารนั้นล้วนเลือนราง เหมือนกับเป็นเพียงงานงานหนึ่งที่นางต้องทำและด้วยเพราะนางเป็นคนจริงจังคนหนึ่ง เมื่อมีงานจึงต้องทำให้ดี เรื่องในอดีตของฮัวมู่หลานบางครั้งเฮ่อมู่หลันนก็ต้องอาศัยผู้อื่นในการกระตุ้นขึ้นมาถึงจะจำได้ มีความทรงจำแต่ไม่รู้จัก นี่คือตัวอย่างบาดแผลจากสงครามเป็นที่เห็นได้ชัด “...หัวหน้าของข้า แม่ทัพเจิ้นจูนหลี่จวี๋เวลานี้ก็ยังไม่มีภรรยา...” เฮ่อมู่หลานกระพริบตาแล้วเอ่ยออกมา คำกล่าวนั้นของเฮ่อมู่หลันทำให้ซั่งกวนชิวทำอะไรไม่ถูก บรรยากาศที่เศร้าสลดรอบกายนั้นถูกกวาดหายหมดสิ้นในชั่วพริบตาเดียว นักรบทั้งสิบสามที่เหลือก็เงียบไปอึดจากนั้นค่อยเอ่ยถามอย่างลังเลว่า “ความหมายของท่านคือคนที่ท่านชื่นชมก็คือแม่ทัพเจิ้นจูนหลี่จวี๋?” บุรุษเคราเฟิ้มอายุสี่สิบกว่าปีผู้นั้นน่ะรึ? แม่ทัพฮัวผู้นี้ที่แท้ไม่ต้องการบุรุษรุ่นเยาว์แขนขาช่วงเอวอัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อ ร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังอย่างพวกเขา กลับอยากได้แม่ทัพแก่ที่เป็นพ่อหม้ายรูปโฉมไม่ชวนต้องใจผู้นั้นหรอกหรือนี่? “อา.....” เฮ่อมู่หลันพลันปวดศีรษะจนใบหน้าร้อน “ดูเหมือนว่าพวกท่านจะเข้าใจความหมายของข้าผิดเสียแล้ว” ซั่งกวนชิวกับทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก “ที่ข้าจะกล่าวก็คือ แม่ทัพหลี่ก็เป็นวีรบุรุษที่มีความสามารถล้ำเลิศ นอกจากนี้ยังอายุมากกว่าข้าเสียอีก ยามนี้เขาเองก็ยังมิแต่งภรรยา เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่สนใจเขา ไม่ปวดใจแทนเขา ไม่โมโหแทนเขา ไม่ร้องไห้เพื่อเขาเล่า? “เท่าที่ข้ารู้ เขามีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าเวลานี้จึงได้ถอดชุดเกราะหวนสู่บ้านเดิม อาศัยอยู่กับบิดาและน้องชาย” “นี่...นี่จะเหมือนกันได้อย่างไร...” บุตรชายคนที่แปดของตระกูลหลี่เบิกตากว้าง “มีตรงไหนไม่เหมือนงั้นรึ?” เฮ่อมู่หลานที่ยืนอยู่ก้มเอวลงมามองตาเขาแล้วถามกลับไป “เพราะข้าเป็นสตรี หรือเพราะข้าได้รับคำจารณ์พวกนั้นกัน?” “เพราะท่าน...ท่านคือ...” ถูกเฮ่อมู่หลันใช้นัยน์ตาสีอำพันคู่นั้นมองมา แก้มทั้งสองข้างของเขาก็แดงร้อนจนตอบกลับไปไม่ได้ “ข้าคือฮัวมู่หลาน เรื่องที่แม่ทัพหลี่ไม่เอามาใส่ใจ พวกเจ้าคิดว่าเหตุใดข้าต้องเอามาใส่ใจด้วยงั้นรึ?” เฮ่อมู่หลันมองทุกคนในห้อง ยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ข่าวลือไร้สาระ ครอบครัวมีเมตตาอะไรนั้น แม้จะทำให้ข้ารู้สึกรำคาญ แต่เพราะอย่างน้อยข้ายังมีความมั่นใจในตัวเอง ‘ฮัวมู่หลาน’ ไม่ใช่คนทั่วไปที่ถูกความวุ่นวายทำให้หนักใจได้ง่ายๆหรอกนะ” “แต่ว่าข้าก็รู้สึกซาบซึ้งใจจริง...” เฮ่อมู่หลันยิ้มออกมาเล็กน้อย “ช่วงที่ผ่านมาข้าก็รู้สึกหดหู่ใจไม่น้อย แต่พวกท่านกลับทำให้ข้าตาสว่างได้อีกครั้งหนึ่ง” “ขอบคุณ!” ขอบคุณพวกท่านที่เมื่อได้ยินข่าวลือพวกนั้นก็เต็มใจมาที่นี่เพื่อสนับสนุน “วีรบุรุษ” ขอบคุณพวกท่านที่เต็มยอม “เสียสละ” ตัวเองเพื่อแต่งงานกับสตรีรูปโฉมธรรมดาเช่นนี้ไปเป็นภรรยา ขอบคุณพวกท่านที่ทำให้นางได้เห็นชีวิตที่ไม่ปะติดปะต่อของฮัวมู่หลาน ได้ทราบว่าฮัวมู่หลานเคยมีเพื่อนที่สุดยอดถึงเพียงนี้ ตกเย็น เฮ่อมู่หลันยืนมองนักรบทั้งสิบสี่คนเริ่มตั้งกระโจมในสวนและด้านนอกสวนตระกูลฮัวก็อดตะลึงมิได้ นี่มันจะเว่อร์ไปเกินหน่อยแล้วกระมัง! นี่คิดจะใช้ “ไม้แข็ง” มาทำให้นางยอมจำนนอย่างนั้นเรอะ? “เมื่อบ่ายที่ข้าพูดเรื่องความรู้สึกพวกนั้นหมดล้วนเสียเวลาเปล่างั้นรึ?” ฮัวมู่หลานมองกระโจมที่พวกเขาช่วยกันตั้งขึ้นมาทีละหลัง ปวดศีรษะราวกับจะแยกออกจากกัน “ท่านแม่ทัพฮัว ท่านกล่าวได้ดีแล้วแต่พวกเรามาเพื่อสู่ขอเจ้าสาว หากยังสู่ขอไม่สำเร็จจะกลับไปได้อย่างไรกัน....” “เช่นนั้นที่พวกเจ้ารับปากว่าจะจากไปเมื่อช่วงบ่ายนั่น?!” “ขอรับ รอท่านยอมรับการสู่ขอจากพวกข้า พวกข้าจึงจะกลับไป” “ใช่แล้วๆ มีที่ไหนกันถูกปฏิเสธครั้งเดียวก็ถอยกลับ นั่นมิใช่วิสัยของวีรบุรุษชาวเซียนเป่ย!” “พวกเราชาวฮั่นมีคำกล่าวว่าสตรีงามย่อมคู่ควรกับขุนนาง หากแต่งมิได้...” “อาๆๆๆๆ!” เฮ่อมู่หลันแทบจะบ้าอยู่แล้ว เจ้าคนพวกนี้ไม่รู้ตัวเลยว่าเอาภาระมาถมใส่บ้านผู้อื่น! เจ้าพวกเซียนเป่ยชั้นสูง ลูกหลานคนมีเงินอวี่หลินหลัง! พวกเขารู้สึกรึไม่ว่ามาภารกิจ “มาช่วยหนุนหลังวีรสตรีฮัวมู่หลาน” ในครั้งนี้ที่จริงคือการ “มาเที่ยวพักร้อนที่ชนบท” เสียมากกว่า? พวกเขากินไก่บ้านนางจนเกลี้ยงแล้ว! ทั้งนางยังต้องรับผิดชอบในการหาอาหารให้อีก! และยังมีลูกหมูสามสี่ตัวที่น่าสงสารที่อยู่หลังบ้านอีกล่ะ! พวกเขาเคยคำนึงถึงความรู้สึกของแม่หมูกันบ้างรึไม่! เจ้าแพะพวกนั้นเป็นแพที่นางตั้งใจเลี้ยงเพื่อเอาน้ำนมสำหรับเลี้ยงกับทาหน้านะ! ผิวหนังของฮัวมู่หลานนั้นหยาบกร้านจนนางกลุ้มใจจะตายแล้วรู้หรือไม่! หากไม่เพราะสาวๆในแถบหมู่บ้านรู้สึกแปลกตาแปลกใจต่อบุรุษเหล่านี้ (หรือความจริงคือต้องตาต้องใจ?) ต่างพากันกระโดดเข้ามาอาสาช่วยฝังซื่อทำอาหารเลี้ยงพวกเขา กระทั่งปั่นส่วนพวกข้าวสาร แป้งบะหมี่ ไข่ไก่รวมไปถึง “ของดี” จากบ้านตัวเองเพื่อกระชับมิตรภาพกับพวกเขา พวกเขาคิดว่าครอบครัวฐานะปานกลางมีเจ็ดปากท้องของนางสามารถเตรียมอาหารมากมายสำหรับพวกเขาได้งั้นรึ? อาหารสำหรับพรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะให้เอามาจากไหน! นางคงจะไม่ถูกเรียกให้ไปตลาดเพื่อแบกซู่หมี่กลับบ้านอีกกระมัง? นางไม่มีงานทำ อาศัยกินสมบัติที่เว่ยไท่อู่ตี้โถ้ป๋าทาวให้มาเข้าใจรึไม่! พอคิดถึงตรงนี้วีรบุรุษหนุ่มรูปงามสง่าตรงหน้าทั้งสิบสี่คนก็ไม่น่ารักอีกต่อไป ไม่ว่าจะร่างกายที่สูงใหญ่ล่ำหนาหรือที่รูปหล่อน่ามองนั่นก็ล้วนกลายเป็นเรื่องผิดบาปไปหมด เจ้าพวกตัวใหญ่ๆก็ล้วนกินเก่ง! ที่เป็นตัวโตเต็มวัยกินทีก็ราวกับถูกพายุซัด! ส่วนที่รูปหล่อน่ามองนั่นพอกินเสร็จก็ไม่ล้างจานอีก! เฮ่อมู่หลันอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ชีวีตนี้ฝังซื่อไม่เคยทำให้เธอได้มีสีหน้าดี ๆบ้างเลยงั้นรึ!
已经是最新一章了
加载中