บทที่ 2 โลกสวย
บ๗ที่ 2 คิดมากเกินไป
เธอรับมันมามากพอแล้วล่ะ!
เสิ่นฉ่ายเวยหัวเราะเยาะในใจ สองปีมานี้ การผ่านไปในแต่ละวันของเธอราวกับเป็นปี
ชายคนนั้นที่เธอรักมาก แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมองเธอจริงจัง ในบ้านหลังนี้ที่เหมือนคุกใต้ดิน คนรับใช้ด้านล่างก็ทำตามเจ้าของบ้านนี้สร้างความลำบากให้เธอเหมือนกัน
สิ่งเหล่านี้ซ่งหมิงเยี่ยไม่เคยรู้ ก็เพราะในใจของเขามีแต่เสิ่นฉ่ายหมุย!
เอกสารปึกหนึ่งถูกหญิงสาวใช้มือขาวละเอียดยื่นส่งมาให้ด้านหน้าของเขา หน้าผากของเสิ่นฉ่ายเวยมีร่องรอยของความเหนื่อยล้า“ฉันเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว คุณแค่ขยับปากกาเซ็นก็เสร็จแล้ว ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ต่อจากนี้ฉันกับคุณจะไม่มีความสัมพันธ์ใดต่อกันอีก”
“นี่เธอขู่ฉันหรอ?”ซ่งหมิงเยี่ยหันตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาดำขลับราวกับพญาเหยี่ยวจ้องมองมาทางเธออย่างจะกินเลือดกินเนื้อ “เธออยากจะแต่งงานกับฉันก็แต่ง คิดอยากจะหย่าก็หย่าหรอ? เสิ่นฉ่ายเวยเธอไม่เคยให้เกียรติฉันหรือไง!”
“ไม่”ริมฝีปากของหญิงสาวยิ้มซีดเซียวขึ้น “เพราะฉันใส่ใจคุณมากไป ดังนั้นถึงได้เอ่ยเรื่องหย่าขึ้นมาไง นี่มันไม่ดีแล้วไม่ใช่หรือ?คุณก็จะได้เรียกฉ่ายหมุยว่าภรรยา”
พ่อบ้านเดินเข้ามาจากด้านนอกแล้วพูดกับชายหนุ่มด้วยความเคารพว่า“คุณชายครับ รถเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เที่ยวบินของคุณหนูฉ่ายหมุยจะลงจอดในอีกหนึ่งชั่วโมงครับ”
เสิ่นฉ่ายเวยใจลอยไปชั่วขณะ เสิ่นฉ่ายหมุยจะกลับมาแล้ว?
ทันใดนั้นเอกสารการหย่าในมือถูกดึงไปอย่างรวดเร็ว ขอบกระดาษอันคมบางบาดเข้าที่นิ้วของเธอ เลือดสีแดงก่ำไหลหยดลงบนพื้น ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงลงในหัวใจนี้เหมือนกับยาบรรเทาอาการเจ็บปวดชั้นดีฉีดเข้าไปหัวใจของเสิ่นฉ่ายเวย
ซ่งหมิงเยี่ยเม้มปาก บรรยากาศรอบกายตึงเครียดจนน่าตกใจ เขาฉีกกระดาษทิ้งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วโยนทิ้งกระจายไปทั่วราวกับฝนกระดาษ เขาพุ่งบีบเข้าที่คางของเธอแล้วบังคับให้มองเขา “ฉันจะบอกเธอนะเสิ่นฉ่ายเวย ฉันยังทรมานเธอไม่พอ ฉันจะให้เธอชดใช้สิ่งที่เธอเป็นหนี้กับเสิ่นฉ่ายหมุย!”
เสียงหัวเราะต่ำออกมาจากลำคอของหญิงสาว เธอยิ้มขมขื่นและแปลกๆ ในที่สุดราวกับเธออดหัวเราะไม่ได้จึงหัวเราะเสียงดังออกมา “คุณจะต้องเสียใจแน่ ฉันคือลูกสะใภ้ที่ตระกูลซ่งยอมรับ มีฉันยังอยู่หนึ่งวัน เสิ่นฉ่ายหมุยก็ได้แต่เพียงอยู่ในที่ลับๆกับคุณเท่านั้นแหละ! เธอจะไม่มีวันได้เฉิดฉายส่องสว่าง!”
ชายหนุ่มจ้องมองเธอครู่หนึ่ง แกล้งกลับปล่อยมือแล้วเรียกพ่อบ้านมา “พาเธอไปด้วย”
“จะไปไหน?”เสิ่นฉ่ายเวยถามอย่างระวังตัว
“แน่นอนว่าไปรับน้องสาวที่รักของเธอไงล่ะ”ซ่งหมิงเยี่ยยิ้มเล็กน้อย ทว่าเสียงกลับดูอันตราย “มีเธออยู่ เขาไม่สามารถออกมาเจอแสงได้งั้นหรอ?”
หญิงสาวคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้ ชั่วครู่ทั่วร่างก็สั่นสะท้านขึ้น เขาคิดว่าจะพาเธอไปเป็นข้ออ้างเชียวหรือ?
เป็นข้ออ้างให้เสิ่นฉ่ายเวย? ไม่ เป็นไปไม่ได้!
“ฉันไม่ไป!”
เธอพูดปฏิเสธแล้วหันตัววิ่งหน้ออกไป แต่ทว่าบอดี้การ์ดและพ่อบ้านวิ่งเร็วกว่าเธอมาก เพียงครู่เดียว เสิ่นฉ่ายเวยก็ถูกจับไว้แล้วยัดเธอเข้าในรถ!
น้ำเสียงสิ้นหวังที่ดังมาจากที่นั่งเบาะหลังของหญิงสาวดังขึ้น
“ซ่งหมิงเยี่ยคุณจะต้องเสียใจภายหลังแน่! ”
ชายคนนั้นหรี่ตาเบา ๆ ริมฝีปากหยักยิ้มที่ดูน่าอกสั่นขวัญหาย
“เธอก็สนุกให้มากๆนะ คุณผู้หญิงซ่ง”
ภายในสนามบิน เที่ยวบินที่ออกเดินทางจากประเทศBค่อยๆลงจอด
เสิ่นฉ่ายหมุยออกมาจากช่องทางพิเศษสำหรับวีไอพี แวบเดียวก็เห็นเงาร่างสูง สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความยินดี ก้าวเล็กๆวิ่งเข้ามา “หมิงเยี่ย! คิดถึงคุณที่สุดเลย!”
ซ่งหมิงเยี่ยรีบช่วยประคองตัวเธอไว้ น้ำเสียงจริงจังแต่แฝงไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูเอ่ยบ่นขึ้น “ตัวโตแล้วนะ ลืมแล้วหรอว่าอาการของเธอเป็นไง? หมอเขาบอกว่าวิ่งแบบนี้ได้หรอ?”
“ฉันดีขึ้นเยอะแล้วน่า!”หญิงสาวยิ้มสวยบอบบางดูน่าทะนุถนอม ในตอนที่แสงไฟส่องสว่างลงมา ราวกับดอกกุหลาบตูมกำลังผลิบาน สวยจนไม่มีที่ติ “คุณเคยตกลงกับฉันว่า รอฉันกลับมาคุณก็จะคอยดูแลอยู่ข้างๆไม่ห่างหนิ”
“ผมเคยผิดสัญญากับคุณเมื่อไหร่ล่ะ?”
เสิ่นฉ่ายเวยถูกกั้นล้อมไว้ให้ที่นั่งด้านหลังของรถ ฟังเสียงหัวเราะอันแสนมีความสุข หัวใจของเธอเจ็บปวดจนแทบจะหายใจไม่ได้ ราวกับมีมีดแหลมคมกำลังค่อยๆเฉือนหัวใจดวงนี้ ทรมานเธอไม่หยุด ความอ่อนโยนของชายหนุ่มที่เธอไม่เคยได้รับเลยสักครั้ง
ซ่งหมิงเยี่ย คุณมันช่างโหดร้ายเหลือเกิน!
เสิ่นฉ่ายหมุยอิงแอบอยู่ในอ้อมอกกว้างของชายหนุ่ม ดวงตาก็พลางชำเลืองเข้าไปในรถพลันมองเห็นลักษณะลางๆเรียบๆอันคุ้นเคย ใบหน้าอันงดงามนั้นเธอจะลืมได้อย่างไรกัน หญิงสาวหายใจไม่คล่องไปครู่หนึ่ง สีหน้าเริ่มซีดเซียว
เสิ่นฉ่ายเวย?
เธอมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน?!