บทที่20 ข่าว   1/    
已经是第一章了
บทที่20 ข่าว
บ๗ที่20 ข่าว ถึงแม้เสียงรอบข้างจะเยอะมาก แต่อธิชากลับไม่ได้ยินเสียงของบริษัทสัวเทียน ราวเหมือนกับก้อนหินลูกหนึ่งตกลงไปในหลุมลึก เพียงเเค่ผิวน้ำเกิดรอยลายน้ำกระเด็นขึ้นมา เเต่ลึกๆก็เงียบมาก ทำให้อธิชาเริ่มกังวลขึ้นมา ในวันนี้ เธอติดต่อกับหนังสือพิมพ์โดยเฉพาะ เเละให้สัมภาษณ์กับตัวเอง บอกความจริงเลย หนังสือพิมพ์ที่เกี่ยวกับคนเเบบนี้ไม่ได้สนใจไรนัก เเต่อย่างไงฝ่ายตรงข้ามก็นำเงินมาไว้ต่อหน้าเเล้วไม่เอาก็โง่ล่ะ ดังนั้นพวกเขาได้ส่งเเพทย์ฝึกหัดไปสัมภาษณ์ ให้กับอธิชาที่เป็นผู้จัดการของบริษัทวาโร เเล้วยังทำให้สัมภาษณ์เฉพาะส่วนตัว เมื่อการสัมภาษณ์จบลง จากนั้นอธิชาก็ตรวจสอบต้นฉบับอย่างชัดเจน ยืนยันสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดให้กับบริษัทสัวเทียนเเล้ว ถึงจะเต็มใจที่จะจ่ายเงิน เเล้วให้เเพทย์นั้นกลับไป ดังนั้นวันที่2 ติณห์เห็นหนังสือพิมพ์ที่อยู่ไว้ในบนโต๊ะ เกี่ยวกับการสัมภาษณ์ของอธิชา เห็นเธอพูดเรื่องที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ติณห์กลับยิ้มเเล้วยิ้มอีก ดูเขาเหมือนได้ใจมาก ในไม่ช้า เเค่ยิ้มเขาก็ยิ้มไม่ออกแล้ว เเต่ว่าหนังสือพิมพ์นี้ ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับความเห็นเเก่ตัวหรือเป็นการรบกวน ติณห์ไม่ได้ให้รินรดาเห็น เขาวางหนังสือพิมพ์เงียบ ๆ ลงในบด จากนั้นจ้องมองมันที่บดเล็กน้อย ดังนั้นเมื่อรินรดาตอนที่มาในห้องสำนักงาน เเล้วยังฮัมเพลงมาอีกด้วย เธอไม่รู้ว่าเเม่เลี้ยงของตัวเองได้ทำเรื่องอะไรลงไป เเล้วเธอไม่ควรรู้ อธิชานั้นยังให้สัมภาษณ์อย่างไร้เหตุผลถึงเกี่ยวกับรินรดาในหนังสือพิมพ์อีกด้วย เเล้วยังบอกว่าเธอเป็นคราบในครอบครัว เเต่ติณห์ ตามปกติเเล้วจะไม่ให้เหตุการณ์เเบบที่ไปมีการปรับเปลี่ยนลงหนังสือพิมพ์โดดยตรงหรอก ช่วงบ่ายๆนั้น เขาได้ไปที่โรงหนังสือพิมพ์เเห่งนั้น “คุณติณห์” เขาไปตลอดทาง ทุกคนที่รู้ภายในก็รู้กันว่า ติณห์บริษัทสัวเทียน ภาพที่ปรากฏส่วนใหญ่ในสายตาของผู้อื่น ก็คือสวมใส่หน้ากากไว้ และเพราะว่าตำแหน่งของเขาจึงไม่มีใครกล้าพูดเขาในทางที่ไม่ดี ดังนั้นเมื่อเขาเดินต่อหน้าบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ บรรณาธิการรู้สึกเสียใจและนั่งเฉยๆไม่ได้ ตัวเองไม่ควรโลภเรื่องเงินเล็กน้อยนั้นเลย พอมาตอนนี้ ทำให้คนใหญ่คนโตมาอีก “คุณหาญ” ติณห์มองไปชื่อที่วางบนโต๊ะแล้วเรียกออกมา แต่เกือบจะทำให้คุณหาญขาอ่อนนั่งไปบนพื้น “ครับๆ” บรรณาธิการนำผ้าเช็ดหน้าออกมาในกระเป๋าของเขาและเช็ดเหงื่อจากหน้าผากของเขา “ ได้ยินว่าพวกคุณได้ดำเนินการสัมภาษณ์อธิชาแล้ว?” คำถามนี้ ทำให้คุณหาญแทบจะคุกเข่าลงไปกราบขอร้องต่อหน้า ติณห์แล้ว “ครับ. นางเป็นคนบังคับพวกเราว่าให้เราสัมภาษณ์เธอ” “ออ?” ติณห์ออกเสียงอย่างสงสัยเบาๆ “ ผมเองก็ไม่ถือถามเรื่องสำนักพิมพ์ของพวกคุณ แต่ผมมีอย่างหนึ่งร้องขอ เอาพวกคำที่มันไม่จริงลบออกไปให้หมดแล้วก็ขอโทษ“ คุณหาญเห็นว่าเขาไม่เอาเรื่อง ถอนหายใจไปที และได้เอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากอีกครั้ง “ หากว่าพรุ่งนี้ผมยังเห็นเนื้อหาของหนังสือพิมพ์เล่มนี้แล้วก็ คุณรู้ตัวเองนะ" ติณห์เงยหน้ามองบรรณาธิการบริหารหัวล้านนี้ หลังจากได้พูดขู่เบาๆออกไป เขาก็ได้เดินจากไปช้าๆ คุณหาญคิดอยู่ตั้งนานก็ไม่รู้ คำไหนกันแน่ หรือคำไหนกันที่ไม่เป็นจริง ถึงกับทำให้คุณชายนี้ต้องโมโหขนาดนี้ ถึงกับวิ่งมาถึงสำนักพิมพ์เพื่อมาขู่ พอนึกถึงตรงนี้ เขาก็ได้เรียกนักศึกษาฝึกงาน ที่ไปสัมภาษณ์นั้นออกมา นักศึกษาฝึกงานคนนั้น ก็ดูออกนานแล้วว่าคนที่ใส่หน้ากากนั้นคือติณห์ แต่เธอไม่คิดเลยว่าหลังจากที่เขาออกมาจากห้องทำงาน ตัวเองก็ถูกเรียกเข้าไป ณ เวลานั้น ข้าน้อยของเขาได้สั่น มองดูเส้นผมที่เหลือไม่มากบนหัวคุณหาญแล้ว เขาพยายามให้ตัวเองตั้งสติขึ้นมา "แมวน้ำ นายรู้ไหมว่าฉันเรียกนายมามีเรื่องอะไร?" " ผม ผมไม่รู้ครับ" แมวน้ำกำลังพยายามทำให้ตัวเองตั้งสติให้ได้มากที่สุด แต่เมื่อเธออ่ะปากพูดแล้ว เขาถึงรู้ว่า ตัวเองไม่สามารถที่จะ ตั้งสติได้ " นายลองดูเนื้อหาที่นายเขียน" คุณหาญได้โยนหนังสือพิมพ์ให้ แต่คำพูดที่ออกมาจากปากไม่ได้น่าฟังเลย " เอาไปดูเองว่าตัวเองเขียนผิดตรงไหนกันแน่ หลังจากนั้นก็แก้มัน หากว่าไม่แก้ ทางเดียวก็คือนายต้องจากไปจากที่นี่" แมวน้ำก็ได้นึกย้อนคิดดูดีๆกับหนังสือพิมพ์ตัวเอง และได้สังเกตเห็นว่า สองแม่ลูกที่รับสัมภาษณ์นั้น คำพูดคำจาลักษณะต่างๆกัน เหยียบสูงชูต่ำ เหยียบลูกสาวคนโต แต่เชิดชูลูกสาวคนรอง แล้วติณห์มาเพื่อใคร? แมวน้ำได้สังเกตเห็นเนื้อหานี้แล้ว รีบๆโทรหาคุณหาญ ร้องขอให้เขาให้เวลาตัวเองหน่อยนึง รอให้สศีชากับชฎายุจบงานแต่ง ทุกอย่างก็น่าจะจบ แม้กระทั่งคุณหาญเองก็นึกวิธีอะไรไม่ออก ก็เลยได้ฟังที่ นักข่าวแมวน้ำพูด และทำตาม ว่าไปอธิชา ก็เห็นตัวเองปล่อยเขาออกไปแบบนี้แล้ว บริษัทสัวเทียนยังไม่แสดงความคิดเห็นอะไรหน่อยหรอ แต่ว่าไม่มี ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ทางกลับกัน เมื่อเช้าวันที่ 2 เธอยังเห็นเนื้อหาในหนังสือพิมพ์ที่เธอถูกสัมภาษณ์แล้วลบออกไปตั้งเยอะ เกี่ยวกับลูกสาวทั้งสอง วินาทีนั้น อธิชาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารินรดาช่วงนี้หายไปอยู่ที่ไหน เป็นไปได้ไหมว่า กำลังเกาะใครเขาอยู่ พอนึกถึงครั้งก่อน เธอเองก็คันฟันมาก ความแค้นนี้ รินรดา ฉันจะเอาคืนแน่ แต่ว่าเธอกลับลืมไปว่า เพราะอะไรเธอถึงถูกโจมตีตลอด อย่างที่เขาว่า บางคนเนี่ยรวยแล้วลืมเรื่องเยอะ และในเวลาที่เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี สศีชาได้หยิบโทรศัพท์เข้ามา "แม่! นางรินรดานั่นมันด่าหนู!" อธิชาดูข้อความสนทนา เพิ่งส่งมาเมื่อวานนี้ แถมยังเยาะสศีชาเอาหมาที่นางไม่ต้องการ คำนี้ไม่ว่าใครเห็นแล้วก็รู้สึกไม่โอเค อธิชาคิด " คำนี้แกควรที่จะไปพูดกับชฎายุ พวกแกกำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว เขาก็คงจะช่วยแกน่ะ" สศีชาเปิดตาโตไว้ "แม่! แม่เก่งอ่ะ! หนูจะไปพูดกับชฎายุเดียวนี้ หื้ม นางกะหรี่ หาเรื่องฉัน" พอพูดเสร็จเธอก็เดินออกไป เดินไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย "ชฎายุ นายรู้มั้ย นางรินรดานั่นว่าอะไรเราสองคน" และทุกอย่างนี้ รินรดาไม่รู้อะไรเลย เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองขึ้นหนังสือพิมพ์ และไม่รู้ด้วยว่าติณห์ไปแก้แค้นแทนเธอ และไม่รู้ด้วยว่าข้อความที่ตัวเอง ส่งออกไปนั้นจะถูกกลายเป็นจุดออ่น และในเวลานั้นพอดี มีสายโทรศัพท์ที่ไม่รู้จักเข้ามา พูดอะไรไม่รู้ พอเขาพูดจบ รินรดาก็เดาความหมายออกมาได้ส่วนมาก " ผมคือนักข่าวแมวน้ำ ในวันที่คุณสศีชาแต่งงานผมขอเวลา สัมภาษณ์คุณหน่อยได้ไหมครับ" ตอนแรกรินรดากะว่าจะปฏิเสธ แต่พอนึกได้ว่า อีกฝ่ายมีอะไรจะถาม ถ้าปฏิเสธไปก็คงจะไม่ดี ถึงได้ตอบตกลง นักข่าวแมวน้ำไม่รู้ว่ารินรดาจะคุยง่ายขนาดนี้ หลังจากที่ตัดสายทิ้งแล้วยังไม่อยากจะเชื่อ งั้นดูเหมือนว่า ข้อความที่ไม่เป็นจริงที่ติณห์พูด ก็น่าจะเกี่ยวกับรินรดา เขาลองนึกย้อนกลับไปดูวันนั้นที่อธิชาพูดถึงรินรดาแล้วสีหน้าดูไม่ได้เลย คนที่ไม่รู้ก็อาจจะคิดว่าเขามีความแค้นมากมาย พอนึกถึงตรงนี้ เขาก็ได้ตัดสินใจ จะกู้ชื่อเสียงรินรดากลับมา สิ่งที่เธอไม่ควรรับ ก็ไม่ควรที่จะให้เธอมารับ! พอหันกลับมา นักข่าวแมวน้ำรู้สึกว่าตัวเองครั้งแรกที่แมนมาก และในเวลาที่ต่างคนต่างคิดนั้น พิธีในงานแต่งก็ได้เริ่มขึ้น และวันนั้นรินรดาได้ลุกขึ้นมาเช้ามากต่างจากปกติ ตั้งใจแต่งหน้าแต่งตาแต่งตัวให้กับตัวเอง เมียเก่าออกงาน ก็ต้องให้มัน หรูหราสดใหม่หน่อย หลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้วเธอได้ลงมา ติณห์รอเธออยู่ข้างล่าง เหมือนกับ ผีเสื้อโบยบินลงมา ณ เวลานั้นอึ้งไปหมด " นายว่าแบบนี้ฉันสวยหรือยัง?" หลังจากที่รินรดากับติณห์อยู่ด้วยกันมานาน ได้สังเกตเห็นว่าจริงๆแล้วติณห์ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร ดังนั้นเธอจึงเดินตรงมาอยู่ตรงหน้าติณห์แล้วหมุนรอบ กระโปรงที่ทำจาก ผ้าบาง ก็ปีนปลิว จากที่ติณห์ดูแล้ว จะบอกว่าเธอเป็นนางฟ้าที่หล่นอยู่ในโลกก็ว่าได้ ดังนั้นเขาจึงพูดออกมา"สวย" ทำให้รินรดาอึ้ง "สวยจริงๆออ? นายโกหกฉันหรือเปล่าเนี่ย? เห่อ นายบอกว่าสวยก็พอละ" พอพูดเสร็จแล้วก็หมุนรอบต่อหน้าเขา ตอนเด็กรินรดากับสศีชาเคยซ้อนเต้น หลังจากนั้นด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง เธอจึงไม่เต้น แต่ตอนนี้ไม่ได้ใส่กระโปรงนี้แล้ว เธอเอียดปลายนิ้วขึ้นมาแล้วเต้นต่อหน้าติณห์ ในเวลาที่เธอเต้นอยู่ ติณห์ได้ยื่นแขนออกไป จับเธอกอดไว้ในอ้อมกอด แล้วพูดเสียงเบาๆที่ข้างหูเธอว่า " หากว่าเธอยังอยากจะออกจากประตูนี้แล้วก็ ก็เชื่อฟังหน่อย" ประโยคนี้หมายความว่าอะไรรินรดาก็รู้แล้ว มองดูแก้มเธอที่แดงไปเกือบครึ่ง เธอรีบลุกออกมาจากตัวเขา แล้วสะบัดกระโปรงที่เป็นรอย " งั้นเรารีบไปกันเถอะ" แต่ติณห์กลับช้าๆ " รีบอะไรกัน กินอาหารเช้าแล้วค่อยไปก็ไม่สาย" รินรดาเห็นว่าเขาไม่ไป จึงต้องจำใจ นั่งลงมากินข้าวเช้าเป็นเพื่อนเขา หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้ออกไปด้วยกัน ในงานแต่งถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยงามมาก และก็ยังเป็นงานแต่งงานกลางแจ้งที่สศีชาชอบ เมื่อตอนที่ดินและเดินเข้าไปในงานก็ยังมีความรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่เสียดายตัวเองไม่มีโชค ถูกหักหลังไม่ว่า แถมยังมีเรื่องอะไรไม่รู้เยอะแยะมากมาย และในเวลาที่เธอกับติณห์เดินมาถึงประตู ปัญหาก็ได้เกิดขึ้น อธิชาตะคอกใส่รินรดา ถามเธอว่ามาที่นี่ทำไม รินรดาขมวดคิ้ว " คุณพูดแบบนี้ก็แปลกสิ น้องสาวฉันแต่งงาน ทำไมฉันจะมาไม่ได้?" อธิชากำลังจะโต้กลับ แต่ดันเห็นติณห์อยู่ข้างหลังเธอ พอนึกถึงลูกชายของบริษัทสัวเทียงไม่มีการตอบรับอะไรมา สีหน้าของเธอ ก็ดูแย่ขึ้น ณเวลานี้ติณห์ได้สะบัดการ์ดเชิญที่อยู่ในมือ " นี่เป็นของผม รินรดาเป็นเพื่อนสาวผม เรายังเข้าไปไม่ได้อีกหรอครับ?" อย่างที่เขาว่ากัน เชื่อมือไม่ตกคนหน้ายิ้ม ใบหน้าของติณห์ยิ้มไว้ ถึงแม้ว่าจะใส่หน้ากากไว้ แต่ก็ไม่ส่งผลให้ยิ้มถวายโดยตรง และแล้วอธิชาก็จากไป แต่ยื่นขาออกไปในเวลาที่รินรดาเดินผ่านข้างๆไป เพื่อที่จะสมดุลให้เธอล้ม 
已经是最新一章了
加载中