ตอนที่672 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ละทิ้งเขา
1/
ตอนที่672 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ละทิ้งเขา
ยั่วรักทนายคนโหด
(
)
已经是第一章了
ตอนที่672 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ละทิ้งเขา
ตอนที่672 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ละทิ้งเขา ราวกับมีของบางอย่างพุ่งชน ครู่หนึ่ง ชนุดมรู้สึกว่าตัวเองสมองทึบไปชั่วขณะหนึ่ง แต่เหตุการณ์นี้กินเวลาเพียงชั่วเวลาสั้นๆ ประโยคหลังจากนั้นที่เขาถามขึ้นก็คือ “ตอนนี้ผมเข้าไปได้แล้วใช่ไหมครับ” ปรัณพยักหน้า “ได้ครับ แต่อย่าเพิ่งแตะต้องตัวผู้ป่วย เว้นเสียแต่ว่าจำเป็นเท่านั้น” “ครับ” ชนุดมรีบสาวเท้าไปที่ห้องผู้ป่วยในทันที เขาถูกกันอยู่ที่ด้านนอกนานประมาณครึ่งชั่วโมง แต่อารมณ์ในการเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยครั้งนี้กลับต่างไปอย่างสิ้นเชิง เขาเต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นที่ไม่อาจจะสะกดกลั้นเอาไว้ได้ ราวกับว่าคนที่อยู่ด้านในห้องนั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว พยาบาลยังคงปรับเครื่องมือที่เชื่อมต่อกับร่างกายของเธอ ชนุดมยืนอยู่ที่ด้านข้างและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขารอจนกว่าทุกคนจะจัดการเรียบร้อยแล้วเขาจึงค่อยเข้าไปที่ข้างเตียง “คุณชนุดมคะ ถ้าหากมีสถานการณ์อะไรต้องการแจ้งให้ทราบก็กดออดเรียกพวกเราได้เลยนะคะ” หลังจากที่อธิบายเรียบร้อยแล้ว คนก็เดินออกจากห้องผู้ป่วยไป มีเพียงเขาและเธออยู่ในห้องเพียงลำพังตามเดิม ชนุดมลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งลงตรงข้างเตียง สายตาของเขาสลับไปมาอยู่ระหว่างใบหน้าของเธอและเครื่องตรวจวัดคลื่นสมอง เมื่อมองเช่นนี้ก็ทำให้เขานึกถึงคำพูดของปรัณเมื่อสักครู่ เมื่อคิดถึงว่าเธอมีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมา หัวใจของเขาก็เหมือนมีปีกบิน เปี่ยมไปด้วยความปิติยินดี ยินดีไหม ยินดี มีความสุขไหม สุขออกมาจากข้างในหัวใจ แต่มันมากกว่าคำว่าสุขอีกสองร้อยสามร้อยเท่า เป็นวันที่เขาตั้งตารอคอย คาดหวังจนกระทั่งหมดหวัง คิดว่าวันนี้จะไม่มีวันมาถึงเสียแล้ว ในที่สุดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ละทิ้งเขา ตั้งแต่เล็กจนอายุสามสิบกว่าปี ชนุดมไม่เคยได้รู้สึกหัวใจเบิกบานมานานมากแล้ว ทำเงินได้มหาศาล ธุรกิจเติบโตขึ้น สำหรับเขาแล้วมันก็เป็นแค่ความเคยชิน ไม่มีอะไรสามารถกระตุ้นเขาได้ แทบจะสงบนิ่ง แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเย็นชามาก แต่ว่าการนั่งอยู่ข้างเตียง นั่งมองใบหน้าที่ซีดเซียวบนหมอน แม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับรู้สึกตื่นเต้น ปัจจัยที่ทำให้ตื่นเต้นนั้นไหลเวียนอยู่ในเลือด ตั้งแต่เส้นผมไปจนถึงนิ้วเท้า ถ้าหากไม่ใช่เพราะไม่ถูกกาลเทศะแล้วล่ะก็ เขาอยากจะเปิดหน้าต่างที่อยู่ตรงหน้าแล้วตะโกนออกไป อารมณ์ปิติยินดีเช่นนี้ เขาใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วกว่าที่จะสงบลงได้เล็กน้อย ชนุดมคิดว่าตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ทุกครั้งที่มีแสงแวบของคลื่นสมองโผล่ขึ้นมาเขามันทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก เขาต้องการที่จะควบคุมตนเอง เธอยังไม่ฟื้นขึ้นมา รอให้เธอฟื้นคืนสติขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ค่อยดีใจก็ยังไม่สาย คืนนี้ ชนุดมไม่ได้นอน ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือเขานอนไม่หลับ สมองเหมือนถูกกดสวิตซ์เปิดเอาไว้ อย่าว่าแต่ง่วงนอนเลย แม้กระทั่งกระจิตกระใจที่จะนอนก็ไม่มี จนกระทั่งเจ็ดโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น ดุลยาและไวศทย์นำอาหารเช้ามาให้ เขาก็ยังคงตื่นอยู่ ทั้งสองเดินตามกันมาหน้าหลัง พวกเขาวางปิ่นโตสองเถาที่นำมาเอาไว้บนโต๊ะ “ดม มาทานอะไรซะหน่อยสิ ป้าทำซุปมาเผื่อนะ เป็นอย่างนี้ทุกวันร่างกายจะไม่ไหวเอานะ” การดูแลชีวภาในช่วงเวลานี้ ทำให้เขาซูบผอมลงไปบ้าง คนดูเหมือนจะตัวเล็กลงเล็กน้อย ดุลยาทนดูอยู่ไม่ได้ ทุกครั้งก็จะนำของจากบ้านมาให้เขา “แม้ว่าจะสู้อาหารเสริมราคาแพงไม่ได้ แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยบำรุง ขอแค่คุณอย่ายอมแพ้ก็พอ” ดุลยาเป็นคนเรียบง่าย ระหว่างที่เธอพูดเธอก็เทซุปลงในชามไปด้วย ดุลยาเข้ามาและยื่นให้ตรงหน้า “ดื่มซะหน่อยเถอะ” ชนุดมหลับตาปี๋ สายตามองไปที่ซุปไก่ใส ในนั้นยังมีเห็ดและถั่งเช่า ล้วนเป็นของบำรุงกำลัง ราคาไม่ใช่ถูกๆ เขาก้มลงมองในขณะที่มือก็ยื่นออกไปรับ เขาลิ้มรสมัน อุณหภูมิของซุปกำลังดี เขายกขึ้นดื่มในรวดเดียว ทั้งดุลยาและไวศทย์ต่างตกใจ ไม่ค่อยเห็นเขาเจริญอาหารเท่าใดนัก เธออดทักขึ้นไม่ได้ “ค่อยๆนะคะ ระวังลวกนะ” ชนุดมวางชามเปล่ากลับลงบนโต๊ะ หลังจากนั้นเขาก็ยืนขึ้นต่อหน้าคนทั้งคู่ ทันใดนั้นก็พูดขึ้นอย่างจริงจัง “คุณป้าครับ ไวศทย์ มีเรื่องบางอย่างที่ผมยังไม่ได้บอกพวกคุณ” เมื่อพูดจบทั้งคู่ก็เป็นกังวล “เรื่องอะไรคะ” “เกี่ยวกับชีวภาครับ” ดูเหมือนว่าข่าวร้ายในช่วงที่ผ่านมานี้จะมากเกินไป ทันใดที่ได้ยินว่าเกี่ยวกับชีวภา จิตใต้สำนึกของดุลยาก็คิดไปในทางที่ไม่ดี “ชีวภาเป็นอย่างไรคะ หมอบอกว่าอย่างไรบ้างคะ” “อื้อ เมื่อคืนนี้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด หมอจึงเข้ามาทำการรักษา” “ว่าไงนะ!” ดุลยาเบิกตาโตและจ้องมองคนที่อยู่บนเตียง “เธอ เธอเป็นอย่างไรคะ อย่าบอกนะว่า….” “ไม่ใช่ครับ” เขาไม่รอให้เธอพูดจบในการเดาสุ่มที่เลวร้าย ชนุดมรีบขัดจังหวะ เขาไม่ต้องการได้ยินข่าวไม่ดีใดๆของชีวภา แม้จะเป็นเรื่องคาดเดาก็ไม่อยากฟัง “เป็นข่าวดีครับ” ชนุดมไม่ได้อุบเอาไว้ เขารีบพูดโพล่งขึ้นในทันที “หมอบอกว่าสติของเธอจะค่อยๆฟื้นคืน เมื่อได้รับการรักษาก็จะสามารถฟื้นคืนได้ในไม่ช้า” หลังหนึ่งคืนความคิดของเขาก็ตกตะกอน ในที่สุดชนุดมก็สามารถยอมรับข้อความนี้ แต่เมื่อเห็นคนทั้งคู่ยืนนิ่งเพราะประโยคนี้ เขาก็เหมือนกับเห็นตัวเองในเมื่อวาน ท่าทางเหมือนกับเขาทุกประการ แม้แต่การตอบสนองก็แทบจะเหมือนกัน ไวศทย์นั้นยังเด็กมาก เขาตั้งสติได้เร็วกว่าดุลยา ใบหน้าที่ดื้นรั้นและอ่อนโยนนั้นมีสีแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมือนความดันโลหิตพุ่งไปที่หน้าผาก “แม่ แม่ได้ยินเปล่าครับ พี่กำลังจะฟื้นแล้ว!” เมื่อดุลยาได้สติคืนมา ดูเหมือนว่าผลกระทบนี้ช่างยิ่งใหญ่ ร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อย ไวศทย์ก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยุงเธอไว้ “แม่…” “ดีจริงๆ ช่างดีจริงๆ!” ดุลยาพูดว่ามันดีถึงสองครั้ง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขที่ไม่สามารถเก็บกักเอาไว้ได้ เธอร้องไห้ไปหัวเราะไป ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะว่าวันคืนที่ผ่านมานี้เธออยู่อย่างเป็นกังวล ในที่สุดเมฆฝนก็ผ่านพ้นไป เธอร้องไห้ให้กับลูกสาวของเธอ ร้องไห้ให้กับชีวภา “พระเจ้ามีตา… ชีวภาอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆเท่านั้น ชีวิตของเธอเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ไม่สามารถอยู่อย่างไร้วิญญาณเช่นนี้ได้ตลอดไป โชคดี โชคดีที่ยังไม่สายเกินไป…” ช่วงนี้ คนทางบ้านของเธอทั้งสองวิ่งไปวิ่งมาที่โรงพยาบาล พวกเขาจะรีบไปอยู่ที่ข้างเตียงชีวภาเสมอ พวกเขากลับบ้านน้อยมาก อยู่ที่โรงพยาบาลหกเจ็ดวันถึงจะกลับซะหนึ่งครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่อยากกลับ แต่เมื่อกลับไปแล้วก็เห็นรูปที่แขวนอยู่ในห้อง เมื่อเห็นก็ไม่สามารถที่จะหยุดร้องไห้ได้ เธออดทนเลี้ยงดูลูกสาวของเธอด้วยความยากลำบากมาเป็นเวลาหลายปี ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากที่จะเห็นผลลัพธ์ดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้นชีวภาตั้งแต่เล็กก็เป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย ผลกรรมเช่นนี้ไม่ควรตกเป็นของเธอ ชีวิตของเธอกำลังจะเข้ารูปเข้ารอย เธอยังคงอ้อนวอนขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากลูกสาวของเธอฟื้นคืนขึ้นมา หากว่าต้องการชีวิตของหญิงชราเช่นเธอก็ย่อมได้ เธอไม่มีความหวังอื่นใด ความปรารถนาเดียวก็คือการให้ชีวภาฟื้นขึ้นมา ให้เธอได้มีโอกาสมีชีวิตอีกครั้ง ในที่สุดพระเจ้าก็ได้ยินเสียงของเธอ นี่เป็นสิ่งที่ดุลยาปรารถนามากที่สุด
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่672 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ละทิ้งเขา
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A