ตอนที่690 ตัดสินใจเผชิญหน้า   1/    
已经是第一章了
ตอนที่690 ตัดสินใจเผชิญหน้า
ตอนที่690 ตัดสินใจเผชิญหน้า บทสนทนากับนัชชามีประโยชน์กับเธอมาก วันรุ่งขึ้นเมื่อดุลยามาส่งซุปบำรุงกำลังให้ เธอดื่มจนหมดและพูดอย่างสงบนิ่ง “แม่ หนูรู้ว่าซุปนี้ชนุดมให้คนส่งมาให้หนู” ใบหน้าของดุลยาแข็งทื่อ เธอหัวเราะขึ้นอย่างรวดเร็ว “เธอพูดอะไรกัน ซุปนี่แม่ต้มให้เอง เกี่ยวอะไรกับชนุดม…” “แม่ อย่าหลอกหนู ในนี้มันมีวัตถุดิบพิเศษอยู่ ถ้าไม่ใช่มืออาชีพทำแล้วมันจะไม่ออกมาเป็นแบบนี้” ดุลยาอ้าปากค้าง เธออยากจะอธิบายแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ช่างเถอะ เธอรู้รสชาตมือแม่ อาหารของเธอชีวภาทานมาตั้งแต่ยังเด็กยันโต แน่นอนว่าต้องจดจำได้ คำพูดเมื่อถึงตรงนี้ ดุลยาก็อยากบอกความจริง “แม่ไม่ได้อยากปิดบังลูก ตอนนี้ลูกกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้น ร่างกายต้องการสารอาหารดีๆใช่ไหม แม่กลัวว่าถ้าบอกว่าชนุดมเตรียมมาแล้วลูกจะไม่ดื่ม แม่วิ่งไปวิ่งมาระหว่างบ้านและโรงพยาบาลไม่มีเวลาทำซุปที่ประณีตเช่นนี้” เธอมองค้อนเล็กน้อย ไปที่ชามพอร์ซเลนสีขาวอันว่างเปล่าในมือ หลังจากที่นิ่งเงียบเธอก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “แม่ให้เขาเอามาให้เองสิ” ทันทีที่ได้ยินประโยคดังกล่าว ดุลยาก็ตกอกตกใจ “ใคร” ชีวภาลุกขึ้นและถอนหายใจ “ชนุดม” หลายวันมานี้เธอทำให้คนรอบตัวรู้สึกลำบากใจ เธออายุยี่สิบสองปีแล้ว ไม่สามารถทำตัวเหมือนเด็กได้ อย่างน้อยปัญหาทางอารมณ์ของตัวเองก็ควรจะจัดการให้ดี ดุลยาหวังว่าเธอจะได้พบชนุดม ในฐานะผู้อาวุโสเธอมองเห็นความรักที่ชนุดมมีต่อเธอ มันเป็นความรักที่อบอุ่นอย่างแท้จริง หากพวกเขาสามารถไปด้วยกันได้ ชีวภาจะต้องมีความสุขมาก เพียงแต่ว่าอารมณ์ของชีวภาที่มีต่อชนุดมนั้นค่อนข้างรุนแรงมาก เธอกลัวว่าจะกระทบต่อการฟื้นตัวของร่างกาย แม้ว่าใจจะเป็นกังวล แต่ว่าเธอก็ไม่เคยพูดอะไร ในเวลานี้เธอได้ยินว่าชีวภาต้องการพบเขา ใจของดุลยานั้นมีความสุขมาก “เด็กดี ลูกคิดได้แล้ว” คิดได้รึ ชีวภารู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้ เมื่อนึกถึงชายคนนั้นหัวใจยังเจ็บเหมือนถูกทุบ เธอส่ายหัวเบาๆ “ยังไงก็ต้องเผชิญหน้ากันอยู่แล้ว” นัชชาพูดถูก การหลบหนีไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย เธอต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้า การเผชิญหน้ากับเขายังไม่เท่ากับการเผชิญหน้ากับหัวใจที่แท้จริงของตนเอง เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้น ใจดุลยาก็มีความสุข และดึงมือเธอมาจับเบาๆ “ชีวภา ลูกเป็นผู้ใหญ่แล้ว ลูกคิดได้เช่นนี้แม่มีความสุขมาก ดมในความคิดแม่ก็ไม่ใช่คนไม่ดี เขาดีกับลูกไม่น้อย แต่จะคบหากันเช่นไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของลูก ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แม่ก็จะอยู่เคียงข้างลูก ลูกไม่ต้องกังวลไป” ในโลกนี้ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม คนเดียวที่จะสามารถอยู่เคียงข้างเธอได้ตลอดไปก็คือคนในครอบครัวของตัวเอง ดวงตาของชีวภานั้นเป็นสีแดงก่ำ ในขณะเดียวกันนั้นเธอก็รู้สึกมีกำลังใจและมั่นใจขึ้นมา บางทีเธอควรที่จะทำตามวิธีนี้จริงๆ ---- หลังจากที่เธอบอกดุลยาเรื่องที่จะให้ชนุดมมาส่งอาหารเสร็จแล้ว เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ผู้ชายคนนั้นก็รีบนำมาให้ที่ห้องผู้ป่วย วันนี้ชีวภาลงจากเตียงและเดินปกติแล้ว เธอเพิ่งจะขึ้นมาจากสวนดอกไม้ บนร่างกายยังสวมใส่เสื้อคลุมถักไหมพรหมสีแดงอยู่ เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา เธอก็ยกมือขึ้นเพื่อกระชับเสื้อคลุมเข้ากับตัวโดยสัญชาตญาณ เธอคิดว่าชนุดมจะถามว่าทำไมจู่ๆเธอถึงให้ดุลยาขอให้เขามา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ การเคลื่อนไหวลื่นไหลเป็นไปอย่างธรรมชาติ เขาเทน้ำซุปลงในชามและวางไว้ที่ข้างเตียง “ทานอาหารเย็นเถอะ” การแสดงออกแบบนั้น ท่าทางนั้น ถ้าใครไม่รู้ก็จะคิดว่าเขามาดูแลเธอที่นี่ทุกวัน ทุกอย่างเป็นไปอย่างคล่องแคล่ว อย่างไรก็ตาม บรรยากาศเช่นนั้นทำให้ชีวภารู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย ถ้าหากว่าตั้งใจเกินไปก็จะทำให้เธอรู้สึกอึดอัด เป็นอย่างนี้ก็ดี หลังจากที่ชายคนนั้นจัดอาหารเรียบร้อยแล้ว เขาก็ยกมาไว้ที่ปลายเตียง เขาถอดเสื้อสูทออก สวมเพียงเสื้อเชิ้ตเท่านั้น เน็กไทต์ก็ถูกเขาคลายออกเล็กน้อย ผูกไว้อย่างหลวมๆที่คอเสื้อ ชีวภามองไปที่ร่างของเขา หลังจากนั้นสองสามวินาทีก็หันไปมองที่กระติกเก็บความร้อน เธอไม่ได้พูดอะไร เธอหยิบชามขึ้นและทานอย่างช้าๆ ชนุดมไม่ได้เข้าใกล้เธอ เขาจงใจที่จะนั่งลงที่โซฟาซึ่งหากจากเธอ เมื่อเห็นว่าเธออารมณ์บูดบึ้ง เขาจึงกลัวว่าถ้าตัวเองเข้าไปใกล้จะทำให้เธอทานไม่สะดวก เมื่อชีวภาใกล้ที่จะทานเสร็จแล้ว เขาจึงหยิบกระดาษทิชชู่และเดินไป หลังจากยื่นให้เธอแล้ว เขาก็เหลือบมองดูที่กับข้าว และขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมคุณทานน้อยอย่างนี้” ชีวภาทานอิ่มไปแล้วประมาณเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ “ตอนกลางวันทานสายไปหน่อยค่ะ ตอนนี้เลยยังไม่ค่อยหิว” ชนุดมไม่ได้บังคับเธอ เขานำอาหารมารวมกัน เมื่อเธอคิดว่าคนคนนี้กำลังจะทิ้งมัน อยู่ๆเขาก็นั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างและยัดของที่เหลือเข้าปากตัวเองให้หมดภายในสองคำ เขาทานเร็วมาก และการเคลื่อนไหวและท่าทางยังคงสง่างาม หลายปีมานี้มารยาทบนโต๊ะอาหารของเขาพัฒนาไปมาก แต่เมื่อชีวภาเห็นก็ถึงกับตกตะลึง “คุณ คุณยังไม่ได้ทานข้าวหรอคะ” ชนุดมกลืนอาหารในปากลงไปและพูดขึ้น “อื้อ ทานไม่ทัน” การประชุมของเขาลากยาว ถ้าหากว่าทานข้าวต่ออีกก็จะมาหาเธอทางนี้สาย เขากลัวว่าเธอจะหิวจึงรีบออกมา ชีวภามองไปที่อาหารที่เย็นชืด ในที่สุดเธอก็รู้สึกว่าทนไม่ได้ มีหลากหลายความรู้สึกผสมปนเป มากที่สุดคงจะเป็นความรู้สึกผิด “เมื่อครู่ทำไมคุณไม่ทานกับฉันล่ะคะ…” “ผมกลัวว่าคุณจะอึดอัด” ชนุดมทานไม่กี่คำเขาก็จัดการเก็บให้กับเจ้าหน้าที่พยาบาลที่อยู่ด้านนอกประตู ด้วยท่าทีที่ไม่ได้สนใจอะไรเลย เมื่อกลับเข้าห้องผู้ป่วยเขาก็ยังเห็นเธอทำหน้าตาแตกตื่นตกใจ เขาเดินไปนั่งที่ด้านข้าง นัยน์ตาทั้งสองข้างเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน “ว่าไง” ชีวภาจึงได้สติกลับมา ไม่รู้ว่าทำไม เธอไม่อยากจะเชื่อว่าชายคนนี้จะทานอาหารที่เหลือจากเธอได้ เขาทานอาหารเหลือจากคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…. แต่ว่าเธอถามไม่ออก ทำได้แต่เพียงซ่อนความประหลาดใจไว้ในแววตาเท่านั้น “ไม่มีอะไร...” “คืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ” ชีวภารู้สึกสับสนเล็กน้อย “แล้วแม่ฉันล่ะคะ” “ผมให้คุณป้ากลับไปพักผ่อน” เมื่อพูดจบ เขาก็กลัวว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายใจ จึงพูดเสริมไปอีกว่า “คุณไม่อยากให้ผมอยู่เป็นเพื่อนรึ” “ไม่ใช่อย่างนั้น” สมองชีวภามึนงงเล็กน้อย ทุกครั้งที่เธอพบชายคนนั้น สิ่งที่เธอตั้งใจไว้ก็หายไปหมด “คุณอยู่เป็นเพื่อนฉัน แล้วคุณจะหลับได้อย่างไรคะ” ชนุดมยกมือขึ้นตบที่เก้าอี้นั่งยาว “ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ไม่มีปัญหา” เก้าอี้ตัวนี้กว้างแค่เพียงหนึ่งเมตรกว่า ที่จริงร่างกายเขาใหญ่กว่าปกติ เมื่อนอนแล้วก็ไม่มีที่ให้พลิกตัว แค่คิดก็รู้ว่ามันจะลำบากแค่ไหน แต่ว่าเมื่อเห็นเขายืนกราน ชีวภาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอหยิบรีโมทเปิดโทรทัศน์บนกำแพง เสียงของพิธีกรรายการดังขึ้นมา ที่สุดแล้วก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ชนุดมไม่ได้จ้องเธอ เขาหยิบโน้ตบุ๊กคออกมาดูข้อมูลตัวเลขที่เต็มไปด้วยสีสัน ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างราบรื่น ระหว่างนั้นเขาก็รับสายอยู่ครั้งหนึ่ง เขาก็ไม่ได้ปกปิดว่าอยู่กับชีวภา “วิลล่าเมื่อดูดีแล้วก็เซ็นสัญญาได้ คุณเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด สำหรับการตกแต่งจุดที่ต้องการเปลี่ยนก็ได้ทำการแก้ไขหมดแล้ว วางแผนใหม่ตามสถาปนิค ต้องให้รวดเร็วที่สุด”
已经是最新一章了
加载中