ตอนที่695 คุณไม่เข้าใจความคิดของฉัน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่695 คุณไม่เข้าใจความคิดของฉัน
ตอนที่695 คุณไม่เข้าใจความคิดของฉัน ดราณีไม่มีทางเลือกนอกจากพูดซ้ำกับเขา “ฉันจะไปโรงเรียน ตอนเที่ยงมีบางอย่างต้องทำ” ชนัยเลิกคิ้ว “ตอนเที่ยงรึ โรงเรียนคุณตอนเช้าตอนบ้ายไม่มีเรียน แต่มีเรียนตอนเที่ยงเวลาทานข้าวอย่างนั้นรึ” ดราณีไม่ชอบที่เขาไม่เชื่ออะไรเลย ทำไมต้องทำตัวสงสัยเช่นนี้ จึงค้อนเขาอย่างอารมณ์เสีย พวกเราซ้อมชุมนุมกันตอนเที่ยง คุณอย่าทำตัวจุกจิกกวนใจได้ไหม” เมื่อได้ยินว่าเป็นการซ้อมชุมนุม ชนัยก็วางใจ แต่ปากก็ยังไม่เลิกหาเรื่อง “คุณวันวันไม่ตั้งใจเรียน มัวแต่ไปเข้าชุมนุมอะไร นั่นมันโรงเรียนเอาไว้หลอกนักเรียนใหม่เท่านั้น” ชนัยรู้ว่าดราณีกำลังจะคัดค้าน เขาไม่รอให้เธออ้าปาก รีบยื่นมือออกไปคว้าตัวคนไว้ “อีกตั้งนานกว่าจะเที่ยง อยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนผมก่อน” ดราณีจึงได้แต่ตามไปแต่โดยดี เธอนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องอาหารและได้แต่มองดูตาแก่คนนี้ทานอาหารอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ช้าไม่นาน ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรมารบกวนมื้ออาหารของตาเฒ่าคนนั้นได้ ตอนแรกดราณียิ่งมองก็ยิ่งเบื่อ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็รู้สึกว่าน่าสนใจ จะว่าไป เธอไม่ค่อยได้สังเกตเวลาชนัยทานข้าวดีๆเลย เมื่อสังเกตดูก็เหมือนกำลังเห็นชายผู้สูงศักดิ์ ช่างพิถีพิถัน ท่วงท่านั้นไม่เหมือนคนทั่วไป เมื่อเขาเห็นหญิงสาวจ้องอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาจึงเลิกคิ้วหันไปมอง “ไม่ทานข้าว แค่มองผมก็อิ่มแล้วรึ” เขาหยิบแซนวิสที่เหลือขึ้นตรงหน้าเธอ “กินเร็วเข้า” “ฉันไม่หิว” “คุณทานข้าวเช้าแล้วรึ” ดราณีส่ายหัวอย่างซื่อสัตว์ “ยังค่ะ” “...” ชนัยส่งเสียง ‘หึ' “ถ้าอย่างนั้นที่คุณบอกว่าไม่หิวก็หลอกผมสินะ” “ฉันไม่อยากกิน” ตอนนี้ดราณีอยากให้เขารีบทานรีบดื่มให้เสร็จ เธอจะได้รีบออกไปโรงเรียนไวๆ แต่เห็นเธอเป็นอย่างนี้ ชนัยยิ่งมองก็ยิ่งขัดตา “ทานสิ คุณมาดูแลผม แล้วผมจะปล่อยให้คุณไปเรียนแบบหิวๆอย่างนี้ได้อย่างไรกัน” เมื่อเห็นเขายืนกราน ดราณีก็ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป แทนที่ต่อล้อต่อเถียง สู้ลงมือทานเลยจะดีกว่า ชนัยเคี้ยวอาหารที่อยู่ในปาก ว่าไปแล้ว อาหารที่เธอทำก็รสชาตไม่เลว สองวันที่ผ่านมาทำอาหารให้เขาทานหลากหลาย ถึงแม้ว่าจะเป็นจานผัดทอดธรรมดาทั่วไป แต่เธอก็ทำออกมาได้ดีกว่ามาตรฐานทั่วไป อาหารชั้นดี กุญแจสำคัญคืออาหารมื้อนี้เป็นเธอทำ เขาจึงทานอย่างมีความสุข เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชนัยก็อดไม่ได้ที่จะแบ่งปันข่าวดีที่เพิ่งจะได้ทราบจากปรัณ “ผู้ป่วยที่พี่ชายผมรับผิดชอบดูแลอยู่นั้น ตอนนี้เธอฟื้นขึ้นจากอาการโคม่า หญิงสาวคนนั้นได้รับบาดเจ็บจนอยู่ในอาการโคม่าเป็นเวลาสามเดือน ในที่สุดอาการก็ดีขึ้น” นี่เป็นครั้งแรกที่ชนัยพูดถึงเรื่องคนรอบตัวให้เธอฟัง แม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้พบกับคุณปรัณในวันแต่งงาน แต่ความทรงจำนั้นก็ไม่ได้ลึกซึ้ง เพียงแค่ทราบว่าบุคคลนี้เป็นหมอ และเป็นเพื่อนรักของปรัณ “โคม่าเป็นเวลาสามเดือนรึคะ” ดราณีรู้สึกประหลาดใจ “รุนแรงจริงๆ ยังดีที่คนฟื้นขึ้นมา” “ก็ใช่น่ะสิ เพราะว่าความเจ็บป่วยนี้เหงื่อตกมาแล้วตั้งเท่าไร พี่ชายผมเกือบจะซึมเศร้าเพราะเหตุการณ์นี้” ชนัยพูดแล้วก็ส่ายหัว “ผู้หญิงคนนี้ยอมได้บาดเจ็บเพื่อผู้ชายคนนั้น อีกนิดเดียวก็เกือบจะ---” พูดแล้วเขาก็ยกมือตัวเองขึ้น เขาใช้หัวแม่มือนวดกดกันไว้ “อีกนิดเดียวก็จะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว” ดราณีฟังแล้วก็รู้สึกเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ “เพื่อผู้ชายที่เธอชอบใช่ไหมคะ” “ใช่น่ะสิ คุณคิดว่าความรักครั้งนี้มันยิ่งใหญ่มากเพียงไหน ถึงสามารถทิ้งทั้งชีวิตได้ สำหรับผมผมคิดว่ามันโง่มาก ไม่เห็นจำเป็นต้องทำเช่นนี้ ถ้าหากคนไม่ฟื้นขึ้นมา ผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็ต้องอยู่คนเดียวตลอดชีวิต” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดราณีก็ทำคิ้วย่น “คุณอย่าพูดเช่นนั้น ความรักที่สามารถตายแทนได้เช่นนี้สมควรได้รับการยกย่อง” “เรอะ” เขาไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะพูดเช่นนั้น จึงจงใจแกล้งทำเป็นไม่สนใจ “ทำไมล่ะ ไม่เห็นจำเป็นเลย” “ทำไมถึงไม่จำเป็นล่ะ” ใบหน้าของหญิงสาวดูจริงจังขึ้นมา “ความรักเช่นนี้ช่างน่าอิจฉาและน่าชื่นชมอย่างแท้จริง จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่มีความกล้าหาญ สละชีวิตตัวเองเพื่อคนที่เธอรักได้ คุณคิดว่าเธอจะไม่รู้หรือว่าอาจจะไม่ได้ฟื้นคืนมาอีก แต่ก็เพราะรักอีกฝ่ายหนึ่งมากเกินไป” “ถ้าอย่างนั้นคุณล่ะ คุณจะทำมั๊ย” ชนัยวางภาชนะในมือลง มือทั้งสองเท้าอยู่บนโต๊ะและมองเธออย่างมีความหมายลึกซึ้ง ดราณีตกใจ ตอนนี้เธอถึงเข้าใจว่าทำไมเขาถึงถามคำถามเมื่อสักครู่ เธอไม่ได้บอกว่าเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ แค่เธอคิดถึงมันและตอบอย่างจริงจัง “ไม่ได้อยู่ช่วงเวลาคับขัน ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเลือกทำอย่างไร ฉันแค่คิดว่าเมื่อรักใครสักคนอย่างจริงแท้แล้วก็ควรจะสามารถเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเขาได้ เพราะรากฐานของความรักก็คือความเสียสละ” ฟังเรื่องราวมากมายที่คนอื่นพูดเกี่ยวกับความรัก แต่ประโยคที่ว่ารากฐานของความรักคือความเสียสละ นี่กลับเป็นครั้งแรกที่มีคนพูดกับเขา ชนัยอดไม่ได้ที่จะคิดทบทวนถึงประโยคนี้วนไปสองตลบ ทันใดนั้นเขาก็ก้มหน้ายิ้ม “ดีจัง” ดราณีรู้สึกหูร้อนขึ้นมาทันใดที่เขาพูดว่า 'ดีจัง' เธอก้มศีรษะไปที่แซนวิสของเธอต่อไป ราวกับว่าไม่ได้ยิน อาหารเช้าล่วงเลยไปกว่าสี่สิบนาที หลังจากเสร็จแล้ว ชนัยก็ยืนกรานให้ดราณีโดยสารรถเบนท์ลีย์คันหรูของเขา “นายน้อย ไปบริษัทหรือครับ” คนขับรถถามด้วยความสุภาพ ชนัยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น “ไปโรงเรียน ไปส่งเธอก่อน” “ครับ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ดราณีนั่งรถของเขา แม้แต่คนขับรถก็พบกันหลายครั้งแล้ว เมื่อเทียบกับความเกร็งก่อนหน้า ตอนนี้เธอผ่อนคลายมากขึ้น แม้ว่าจะได้ยินพวกเขาทั้งสองพูดถึงตัวเอง เธอก็ไม่ได้รู้สึกอายอะไร ความคุ้นเคยเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ เมื่อคุณไม่ทันรู้ตัวมันก็บุกเข้ามาอย่างเงียบๆ เธอมองออกไปที่ทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ใจดราณีนึกถึงสิ่งหนึ่ง “ใช่แล้ว วันนี้คุณออกไปข้างนอกได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นวันพรุ่งนี้ฉันก็ไม่ต้องมาดูแลคุณแล้ว” แผลบนร่างกายของเขาดีขึ้นแล้วเจ็ดแปดส่วน เมื่อวานตอนทายาให้ดราณีก็เห็นแล้ว ไม่เหลือร่องรอยแผลเป็น ครีมนั้นมีประโยชน์มากจริงๆ ขณะนั้นชนัยกำลังดูตลาดในแท๊บเล็ตอยู่ ทันใดที่เขาได้ยินประโยคนั้น ความคิดเอาก็หยุดชะงัก “ทำไมล่ะ” “ก็คุณสบายดีแล้ว” “ใครบอก” ดราณีรู้ว่าคนคนนี้กำลังจะเล่นขี้โกง “....คุณอย่าทำตัวไม่มีเหตุผล” ชนัยสีหน้าไม่เป็นสุข น้ำเสียงจริงใจมาก “ผมยังไม่ดีซะหน่อย ยังไม่หายดีเลยจริงๆ” “แผลคุณตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว” ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและขบคิด จึงพูดขึ้นว่า “ถึงแม้ว่าเนื้อหนังผมจะหายดีแล้ว แต่ว่าบาดแผลในใจนั้นยังไม่หาย ไม่ต้องดูแลก็ได้ แต่ผมต้องการให้คุณอยู่เป็นเพื่อน” ฟังเขาพูดไม่กี่คำดราณีก็รู้สึกโมโหขึ้นมาและตะโกนชื่อของเขา “ชนัย” “คุณดูตัวเองสิ ว่าจริงจังขนาดไหน” ชนัยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและหันไปถามคนขับรถที่อยู่ด้านหน้า “ลุงวูครับ ผมพูดความในใจของผมแล้วทำไมหล่อนยังไม่เข้าใจอีกครับ” ลุงวูยิ้มและให้ความร่วมมือกับเขา “คุณดราณีครับ คุณชนัยไม่อยากทิ้งขว้างคุณ เขาแค่อยากจะพบคุณตลอดเวลา เพราะคิดถึงคุณมากเท่านั้นเอง”
已经是最新一章了
加载中