บทที่ 3 ถูกปิดล้อมไร้ทางออก   1/    
已经是第一章了
บทที่ 3 ถูกปิดล้อมไร้ทางออก
บ๗ที่ 3 ถูกปิดล้อมไร้ทางออก ยาเต๋าแดงสดราวกับเลือด ดูแล้วทำให้คนอยากกินจนน้ำลายไหล เจริญอาหารมาก หยางจิ่งเทียนไม่พูดอะไรสักคำ โยนยาเต๋าเข้าไปในปากตัวเอง ระหว่างที่ยาเต๋ากลายเป็นสีแดงฝาด มีกลิ่นเลือดโชยและยังมีรสชาติหวานเล็กน้อย คล่องคอ เจ้าสีแดงฝาดไม่ได้ตกอยู่ในท้องหยางจิ่งเทียน แต่กลายเป็นกระแสความอบอุ่นผ่านด้านหลังหยางจิ่งเทียน พุ่งตรงไปที่ส่วนสมอง เข้าไปด้านในสมองของเขา ไม่ว่าหยางจิ่งเทียนจะยินยอมหรือไม่ยินยอม ความทรงจำยุ่งเหยิงวุ่นวายและความหยั่งรู้แก่เต๋าได้เกิดเป็นพลังโหมซัดครืนครั่นเข้าไปในสมองหยางจิ่งเทียน เหมือนคลื่นยักษ์ฟองฟู่คำราม ไม่ว่าสมองเขามีความจุมากเพียงใด ก็ถูกยัดเข้าไปในสมองทั้งสิ้น ภาพความทรงจำที่ไม่ใช่ของเขา เกิดขึ้นในสมองเขาไม่หยุด สิ่งพวกนี้ล้วนเป็นภาพย้อนหลังที่ไร้ประโยชน์ ไม่มีประโยชน์มากนักสำหรับหยางจิ่งเทียน สิ่งที่มีประโยชน์เพียงอย่างเดียวคือทำให้หยางจิ่งเทียนได้สั่งสมประสบการณ์ชีวิตเพิ่มมากขึ้นในเฉียบพลัน การหยั่งรู้หลักเต๋าเคลื่อนเข้าไปในสมองหยางจิ่งเทียนในตอนปัจจุบัน แต่การฝึกฝนของหยางจิ่งเทียนในปัจจุบันเหมือนได้อ่านหนังสือที่เข้าใจถึงยาก ไม่มีทางบรรลุหลักเต๋าสายอื่น “อ๊าก!” เส้นโลหิตบนหัวหยางจิ่งเทียนโปนขึ้นมาบนผิว วิญญาณเหมือนเรือลำน้อยถูกพายุทะเลซัดครั่นครืน อยู่ท่ามกลางคววามสั่นสะเทือน ภัยพลิกคว่ำเรือได้ตลอดเวลา วิญญาณถูกฉีกไม่หยุดยั้ง ทำให้รู้สึกสมองตัวเองจะระเบิดแล้ว เหมือนสังเกตได้ว่าหยางจิ่งเทียนรับความทรงจำมากเกินกว่านี้ไม่ได้ ยาเต๋าเริ่มผนึกเอง เอาความทรงจำอันสับสนวุ่นวายผนึกเข้าไปสุดลึกในสมองหยางจิ่งเทียน ต่อมาพลังหยางจิ่งเทียนเพิ่มขึ้น และเปิดผนึกด้วยตนเอง สิ่งที่อยู่ในส่วนลึกในสมองเพียงหนึ่งเดียวคือคัมภีร์อมตะ พ้นบาปร่างมาร! ตามความทรงจำทั้งหมดในหัวนี้ ล้วนเป็นคัมภีร์เต๋าขั้นสูงสุดกระบวนหนึ่งได้บรรลุเข้าไปในหัว แต่ขั้นตอนฝึกฝนถึงขั้นเจ็บปวดทรมานอย่างถึงที่สุด มองข้ามคำเตือนเหล่านี้ กลางหัวหยางจิ่งเทียนรับความทรงจำของพ้นร่างปราบมาร ฝึกกระบวนท่าตามสายพ้นร่างปราบมารในหัว หยางจิ่งเทียนเริ่มฝึก พลังผันแปรรางเลือน ประทุขึ้นมาจากร่างหยางจิ่งเทียนอย่างไม่คาดฝัน ราวกับเจ้าแห่งปีศาจเก้าสวรรค์มองลงมายังโลกมนุษย์ พลังแผ่กระจายเป็นพันลี้ในชั่วพริบตา พ้นร่างปราบมารมีลักษณะบ้าระห่ำ ปลิดทุกชีวิตที่จะช่วงชิงได้ สำแดงพลังพลุ่งพล่านราวมังกร ร่างกายซูบแห้งลงไปอย่างรวดเร็ว ราวกับศพแห้งเจอแดดเจอฝนเป็นบรรพกาล ลมหายใจราวสายรุ้ง ร่างกายท้องเฟ้อขึ้นอย่างรวดเร็ว แสงจ้าพร่าระยิบระยับ กลางแสกหน้าอิ่มเอิบ พร่างแพรวใส การฝึกของหยางจิ่งเทียนกำลังอยู่ภายใต้ครอบงำความคลุ้มคลั่งบ้าระห่ำของพ้นร่างปราบมาร บินสูงขึ้นรวดเร็วราวปาฏิหาริย์ ท่ามกลางบำเพ็ญตบะหลักเต๋าไร้กาล รอตอนหยางจิ่งเทียนฟื้นขึ้นมาก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว อากาศบาดเจ็บของหยางจิ่งเทียนหายฟื้นคืนจนเป็นปกติ ผิวที่สร้างใหม่เปล่งสดใส สง่างามราวเทพ จากแดนจิตบรรลุถึงแดนอักขระ ขณะเยื้องย่าง กำลังมหาศาลสะเทือนในร่างราวแม่น้ำใหญ่ซัดไม่ยั้งไร้ที่สิ้นสุด นี่ไม่ใช่ภาพลวงตาของหยางจิ่งเทียน แต่ถึงขั้นเป็นความจริง สิ่งที่พ้นร่างปราบมารให้ความสำคัญคือ ใช้กำลังทำลายอิทธิฤทธิ์นับหมื่น ผู้มีกำลังมหาศาลเอาชนะวรยุทธนับสิบได้ บำเพ็ญตบะถึงขั้นสูงก็แค่มือเอื้อมดาราเอื้อมกุมจันทร์ เหมือนพลังที่ไม่ต้องเสียแรงก็ได้มาได้ง่ายๆ แน่นอน นี่เป็นเรื่องราวหลังจากนั้น ตอนนี้หยางจิ่งเทียนมาไกลมากแล้ว ตอนนี้จะออกไปจากที่นี่อย่างไร กลายเป็นปัญหาที่ทำให้หยางจิ่งเทียนกลัดกลุ้มใจ ยังไงก็กระโดดลงไปในแม่น้ำมืดๆไม่ได้ ลอยมาตามแม่น้ำเถอะ ใครจะไปรู้ว่าจะพาตัวเองมาถึงที่ไหน? ในนวนิยายบางพวก หยางจิ่งเทียนเคยเห็นบางบันทึกยมโลกทั้งเก้าใต้พสุธา มีบางสิ่งที่น่ากลัว พวกเขากินคนดื่มเลือด ถ้าเป็นสมัยก่อน หยางจิ่งเทียนแค่มองว่าเป็นเรื่องเฮฮา อ่านก็ไม่คิดอะไร ตอนนี้ของประเภทอย่างยาเต๋าโผล่เข้ามาในชีวิตตัวเอง ถ้าบันทึกของหนังสือนี้เป็นเรื่องจริง ในเมื่อเข้ามาได้ ก็น่าจะออกไปได้อยู่แล้ว คิดความคิดเช่นนี้ หยางจิ่งเทียนพื้นที่ตำหนักทุกระเบียดนิ้ว สุดท้ายอยู่ที่ด้านหลังที่นั่ง พบประตูทางหนึ่ง ประตูนี้ถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิด ถ้าหยางจิ่งเทียนมองไม่ละเอียด คงจะไม่เจอจริงๆ หยางจิ่งเทียนเดินเข้าไปในประตู เดินตามทางประตูออกจากตำหนัก เดินโผล่ออกมาที่พื้นผิวโลก แสงอาทิตย์ลอยสูง หยางจิ่งเทียนไม่ได้สัมผัสแสงแดดเกือบเดือน พอมองแสงอาทิตย์ทันที ก็ปรับตัวไม่ได้เล็กน้อย หยางจิ่งเทียนพบว่าตัวเองอยู่ไม่ไกลเมืองหลวงแคว้นเป่ย ตำแหน่งที่ตัวเองอยู่น่าจะเป็นทุ่งรกร้างที่อยู่นอกเมืองหลวงแคว้นเป่ยสิบลี้ เป็นช่วงเวลาได้รับกำไรแล้ว จะถือโอกาสบอกพวกหยางเสว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ ฤดูกาลในตอนนี้เป็นปลายฤดูร้อน เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง หยางจิ่งเทียนรู้ว่าตอนนี้หลี่จิ้นอี้มุ่งหน้าไปที่ที่ดินเช่าเก็บค่าเช่าชาวไร่ชาวนาทุกวัน จึงต้องผ่านทางป่ารกทึบ เขากำลังรอหลี่จิ้นอี้ ในหลายวัน หยางจิ่งเทียนยังไม่ได้เจอหลี่จิ้นอี้สมอยาก เขาไม่รีบร้อน เวลานี้ แม่หยางเสต้องพบว่าเขาหายไปในคุกน้ำแน่แล้วล่ะ ตอนนี้คงกำลังหาร่องรอยตัวเองทุกที่ หยางจิ่งเทียนเดาผิดไปเล็กน้อยแล้ว แม่หยางเสหาหยางจิ่งเทียนไม่เจอแล้ว ในเวลาเดียวกันก็พบอุโมงค์ที่หยางจิ่งเทียนขุดออกมา แต่พวกเขาไม่ได้ส่งคนสะกดรอยตามหาหยางจิ่งเทียน พวกเขาส่งคนสำรวจอุโมงค์แล้ว พบว่าติดต่อกับแม่น้ำลับใต้ดิน พวกเขาคิดว่าหยางจิ่งเทียนคงจะในอยู่ในแม่น้ำใต้ดิน สุดท้ายเส้นทางแม่น้ำใต้ดินตัดสลับกัน ใครจะรู้ว่าทางจะมาถึงในนั้น แล้วมีภัยอันตรายอะไร ก็ไม่มีใครบอกได้ชัดเจน เป็นเวลายามฟ้าสางอีกครั้ง หยางจิ่งเทียนเอนกายอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งในป่าหนาทึบ ที่นี่คือทางที่หลี่จิ้นอี้ต้องผ่านมา ตับ! ตับ! เสียงควบม้าเบาเร็วดังมาจากทางไกล สายตาหยางจิ่งเทียนมองจากทางช่องว่าง เห็นลักษณะคนที่มาไม่ชัด แต่เห็นเสื้อผ้าที่คนใส่ชัดเจน เสื้อผ้านี้เป็นชุดคนรับใช้ของจวนหยาง สีหน้าหลี่จิ้นอี้มองไม่สู้ดีนัก หยางจิ่งเทียนกระโดด ทำให้จ้าวหย่าหลันฉุนโกรธ ในระหว่างช่วงเวลานี้ หลี่จิ้นอี้รับรู้ถึงสัญญาณเตือนของหยางเสและจ้าวหย่าหลันไม่น้อย “หัวหน้าหลี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” หยางจิ่งเทียนยืนอยู่บนต้นไม้ “ใคร?” มีเสียงดังออกมากะทันหัน ในป่าหนาทึบแห่งนี้ทำหลี่จิ้นอี้ตกใจจนกระโดด คนหนึ่งกระโดดลงมาจากหลังม้า เตรียมป้องกัน “คนอะไรทำตัวลับๆล่อๆ มีฝีมือก็จงสำแดงออกมา เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าเป็นใครมิใช่รึ?” “ข้าคือหัวหน้าหลี่แห่งจวนหยาง เจ้ามาสกัดข้าอยู่ที่นี่ด้วยเหตุอันใด ไม่กลัวจวนหยางแก้เผ็ดเจ้ารึ?” หลี่จิ้นอี้ใจเต้นตึกตัก เสียงนี้ช่างคุ้นเคยนัก ในใจยิ่งกังวล แล้วอยู่กลางป่าหนาทึบกว้างอีก ใจหลี่จิ้นอี้ชักหวาดหวั่น เขายกชื่อจวนหยางขึ้นมา แค่หวังจะให้คนที่มาเกรงกลัวจวนหยางบ้าง “ทำไมล่ะ ไม่ได้เจอกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ หัวหน้าหลี่จำข้าไม่ได้แล้ว เจ้ายังขี้หลงขี้ลืมจริงๆนะ ข้าไม่กล้าลืมเจ้าแม้แต่เสี้ยวเวลาเดียวเชียวนะ!“ ครั้งนี้หลี่จิ้นอี้ได้ยินชัด เสียงดังมาจากด้านบนของตน แหงนหน้ามอง แสงพระอาทิตย์แทรกผ่านเงาต้นไม้ ทำให้เขาพอมองเห็นเลือนราง สิ่งที่ผ่านเข้ามาช้าๆกลับเห็นเป็นหยางจิ่งเทียนยินอยู่บนยอดไม้ กวัดแกว่งไปตามยอดไม้เหมือนกับอยู่ด้านบนมานานแล้ว “หยางจิ่งเทียน!?” หลี่จิ้นอี้ถลึงตาโต ไม่กล้าเชื่อในสายตาตัวเอง เดิมทีในใจคิดว่าหยางจิ่งเทียนต้องตาย คาดไม่ถึงว่าจะปรากฏตัวตรงหน้าตัวเอง สิ่งนี้ทำให้เขาสงสัยเล็กน้อยว่าตัวเองมองผิดไปแล้วหรือไม่ “หัวหน้าหลี่ตาดีจริง จำข้าได้ ข้ายังตกใจที่ได้รับความเมตตาจริงๆ” หยางจิ่งเทียนยิ้มจางๆเหมือนเจอเพื่อนเก่าแก่ แต่พูดดังชัดเจนราวคมมีด ดวงตาร้อนดั่งไฟราวกับต้องการจะละลายหลินจิ้นอี้ ในใจเกลียดชัง “เจ้ายังมีชีวิตอยู่?” หลี้จิ้นอี้มองหยางจิ่งเทียนอย่างประหลาดใจ คิดไม่ออก เขารอดมาได้อย่างไร แต่รอยบาดแผลบนร่างกายหายไปหมดแล้ว ไม่เห็นรอยแผลแม้แต่น้อย เวลานี้หลี่จิ้นอี้กลับสงบจิตสงบใจ เขาไม่อาจเข้าใจพลังของหยางจิ่งเทียนได้เลย แม้จะบอกว่าอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ไม่มีใครทัดเทียมเขาได้ แดนอักขระของตัวเองบรรลุระดับสูงกว่าหยางจิ่งเทียน ก็ยังจัดการเขายากจริงๆ “ไอ้เด็กเวร เจ้ายังกล้าปรากฏตัวต่อหน้าข้า ไม่รู้จะพูดว่าเจ้าบังอาจเกินหรือโง่แล้วล่ะ” “ถ้าเจ้าปล่อยทิ้งไว้ กลัวคนจะไม่รู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่น่ะสิ” “ปล่อยทิ้งไว้? ฮ่าฮ่า!” หยางจิ่งเทียนกำลังก้มหัว ในปากมีเสียงหัวเราะฮ่าๆ “ยังไม่ได้ล้างแค้น ความอาฆาตแค้นฝังลึกยังไม่จบสิ้น ข้าจะปล่อยไปได้อย่างไร!” หยางจิ่งเทียนหัวเราะจนทำให้หลี่จิ้นอี้ใจฝ่อ หลังเหงื่อไหลพลัก เสียงหัวเราะนั้นเผยความหนาวเยือกเย็นออกมา ทำให้หลี่จิ้นอี้อยากหันกลับแล้ววิ่งหนี ดวงตาที่ฉายแววตะลึงกำลังจ้องมองหยางจิ่งเทียน แต่รู้สึกตกใจตัวเองเสียแล้ว นักฝึกแดนจิตจะเทียบเท่ากับนักฝึกแดนอักขระอย่างตัวเองได้อย่างไร “ล้างแค้น?” หลี่จิ้นอี้เหมือนได้ฟังเรื่องตลกที่น่าขันที่สุดในโลก เขาหัวเราะใหญ่ “น้ำหน้าอย่างเจ้า? ใช้บำเพ็ญเพียรแดนจิตของเจ้าน่ะหรือ?” หลี่จิ้นอี้ไม่รีบร้อนที่จะจับกุมหยางจิ่งเทียนกลับไป เขามองว่าหยางจิ่งเทียนเหมือนวานรในอุ้งมือพระยูไล แม้หยางจิ่งเทียนจะมีฝีมือเหนือสวรรค์ ก็ไม่อาจรอดพ้นจากเงื้อมมือของเขา “เจ้าจะมัดมือตัวเองกลับไปกับข้าหรือจะให้ข้าตัดมือเท้าเจ้าแล้วลากกลับไป” แววตาหยางจิ่งเทียนเย็นชา ล้วงกระดาษและพู่กันออกมาจากอกโยนไปตรงหน้าหลี่จิ้นอี้ “เจ้าได้รับคำสั่งจากเกาเยว่เอ๋อมาอย่างไร เรื่องทำร้ายท่านแม่ของข้า จงเขียนออกมาให้ละเอียด ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าในวันนี้!” เขาฝืนทนความโกรธแค้นในใจ ไม่ได้โจมตีหลี่จิ้นอี้เป็นครั้งแรก แม้ยังอยากคิดหาความบริสุทธิ์ให้แม่ตัวเอง ไม่อยากให้แม้ตัวเองตายแล้วยังต้องแบกรับชื่อเสียงฉาวโฉ่ “ฮ่าฮ่า ไว้ซีวิตข้า?” หลี่จิ้นอี้กำลังชี้ตัวเอง ดวงตาทั้งสองสบตาหยางจิ่งเทียน ท่าทางนั้นเหมือนเจอเรื่องที่ไม่คาดคิดที่สุด สำหรับเขาหยางจิ่งเทียนถูกความแค้นครอบงำเข้าหัวจริงๆ แม้เขาจะมีพรสวรรค์อีก นักฝึกแดนจิตอย่างเจ้าจะคุกคามนักฝึกแดนอักขระ เรื่องนี้ดูยังไงก็เหมือนหนูแก่กำลังคุกคามแมว เท้าย่ำลงไปที่กระดาษและพู่กันที่หยางจิ่งเทียนโยนลงมา ใช้เท้าย่ำกระดาษจนขาด พู่กันหัก “ดูท่าเจ้าไม่เห็นศพไม่หลั่งน้ำตา ข้าคงต้องลงมือจับกลับไปเองแล้ว” ขณะที่พูด หลี่จิ้นอี้เดินเข้ามาทางหยางจิ่งเทียนทีละก้าวๆ สายฝึกแดนอักขระปรากฏออกมาขย่มต้นไม้ใหญ่ เขย่าใบไม้ร่วงหล่นลงพื้นดิน หยางจิ่งเทียนไม่ขยับ หลี่จิ้นอี้สำแดงฝึกของเขาต่อๆกัน บรรลุสยบเป้าหมายเขา ลูกไม้ตื้นๆนี้ทำอะไร หยางจิ่งเทียนไม่ได้สักนิดเดียว ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ในดวงตาหยางจิ่งเทียนซ่อนแฝงรังสีอันตราย ระยะห่างยิ่งเข้ามายิ่งเข้าใกล้หยางจิ่งเทียน หลี่จิ้นอี้กระโดดขึ้นมาหวังเอื้อมมือไปจับหยางจิ่งเทียน สำหรับเขา นี่เป็นเรื่องง่ายๆ กำลังจะคว้าแตะต้องหยางจิ่งเทียน ภายในมือหลี่จิ้นอี้ก็ยิ่งเพิ่มพลัง ห้านิ้วแผดเสียงกรีดร้อง หวังจะบีบกระดูกหยางจิ่งเทียนให้แตก ให้เขาได้ชิมรสความเจ็บปวด
已经是最新一章了
加载中