บทที่ 4
บ๗ที่ 4
ข้างล่างตึก ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ ๆ
ทั้งสองคนนั่งจ้องตากัน โม่เสว่หานยากที่จะยับยั้งความคิดที่อยากจะหลบหนี จึงทำท่าทางถามขึ้นอย่างเฉยชา “นายรู้ได้ยังไงว่าบ้านฉันอยู่ที่นี่?”
“ผมสืบค้นบัตรประชาชนที่ใช้ในการเปิดห้องที่โรงแรม” เหยียนอี้ฝางพูดเปิดเผยตรงไปตรงมา สายตาที่ลึกซึ้งนั้นยังกับจะมองเธอให้ทะลุปรุโปร่ง
โม่เสว่หานเหงื่อแตกพลัก ตายแน่ แม้กระทั่งบัตรประชาชนของตนเองเขายังรู้ทั้งหมด เวลานี้ไม่ได้กลัวว่าจะถูกตัดคอเลือดไหลแล้ว แต่กลัวว่ามันยากที่จะเก็บกวาด
“คือว่า……ฉันมีความรู้สึกว่าจำเป็นอย่างมากที่จะต้องอธิบายสักหน่อย คืนวันนั้นฉันดื่มเมามาก จากนั้น……”
“ดื่มเหล้าเมาไม่ใช่ข้ออ้างที่ผู้กระทำผิดจะใช้เพื่อเป็นการหลุดพ้นจากโทษ ผู้ที่เมาในอุบัติเหตุทางรถยนต์ยังต้องรับผิดชอบเต็ม ๆ พี่ว่ายังไงหละ?” เหยียนอี้ฝางยกแก้วขึ้นดื่ม ด้วยท่าทางเฉยชาสง่างาม อากัปกิริยาท่วงท่าทำให้คนรู้สึกใจสั่นได้
โม่เสว่หานหันหน้าหนี ไม่กล้ามองอีก ใบหน้านี้ก็คือจุดเริ่มต้นของอาชญากรรม!
ที่หนักกว่านั้นก็เป็นเพราะว่าเธอดื่มเหล้าจนเมา จากนั้นก็ไม่อาจต้านทานความหล่อของเหยียนอี้ฝางได้ จึงควบคุมตัวเองไม่ได้ชั่วขณะถึงได้ลากเขาไปเปิดห้อง
“งั้น……งั้นในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว นายเสนอราคามาเถอะ!” โม่เสว่หานมือสั่น แก้วกับที่รองแก้วกระทบกันจนส่งเสียงชนกันออกมาไม่หยุด จึงรีบวางแก้วลง
“เหอะ ห้าร้อยบนหัวเตียงเหรอ?” เหยียนอี้ฝางคิดถึงเงินที่ถูกกำจนยับเหล่านั้น แล้วหัวเราะกับตัวเอง
“ไม่ ไม่ใช่ ฉันฉันฉัน……ตอนนั้นทั้งตัวฉันไม่มีเงินสด นี่มันก็เกิดขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ นอกจากฉันจะสามารถชดเชยด้านนี้ให้เธอแล้ว ฉันก็จนปัญญาแล้วจริง ๆ” โม่เสว่หานแทบอยากจะขุดหลุมแล้วมุดเข้าไป เคยคิดไว้ว่าชีวิตนี้จะสามารถใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไร้อุปสรรคขวากหนามจนตาย ถ้าหากถูกกักตัวจากความผิดข่มขืน มันยากที่จะรับได้จริง ๆ
“ได้ ในเมื่อพี่อยากจะชดใช้ งั้นก็ห้าแสน ขาดแม้แต่สลึงเดียวก็ไม่ได้” เหยียนอี้ฝางจู่ ๆ ก็พูดประโยคนี้ขึ้น โม่เสว่หานตกใจจนแทบจะช็อกไป
เธอถลึงตาโต เวลาผ่านไปอยู่นานก็ยังพูดไม่ออก รู้สึกเพียงแต่ว่าเหมือนมีก้างปลาทิ่มแทงอยู่ที่หน้าอก สามารถพูดได้ว่าเจ็บมากที่สุด
“ทำไม? ไม่ยินยอมเหรอ?” เหยียนอี้ฝางมองมาที่เธอ ในตาแฝงไปด้วยความหัวเราะเยาะ ผู้หญิงคนนี้ซื่อบื้อกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ
เธอคิดว่าเขาจะมาเรียกค่าเสียหายจากเธอจริง ๆ เหรอ?
สงสัยจริง ๆ ว่าไอคิวของเธอระดับนี้มีชีวิตอยู่ได้อย่างไรจนถึงอายุเท่านี้?
“คือว่า ลดลงหน่อยได้ ห้าแสนมัน……” โม่เสว่หานยิ้มจนเจ็บเนื้อ กำมือไว้แน่น ไม่สามารถระเบิดอารมณ์ได้ยิ่งกว่านั้นยิ่งไม่กล้ายั่วโมโหนายคนนี้
“ไม่ได้ ขาดแม้แต่สลึงเดียวไม่ได้ ไม่อย่างงั้นก็คุยกับทนายของผมเถอะ!” เหยียนอี้ฝางเดิมทีไม่ได้จะมาเรียกค่าเสียหายจากเธอ เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกหวาดกลัวอย่างมากของเธอ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน
“อย่าสิ พ่อหนุ่มอย่าเอะอะก็จะหาทนาย แบบนี้ไม่ดีเลย” โม่เสว่หานในใจทักทายบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังฝืนยิ้มให้เขา
“สามารถผ่อนจ่ายได้” ทันใดนั้นเหยียนอี้ฝางก็พูดประโยคนี้ขึ้นลอย ๆ
“ผ่อน ผ่อนจ่าย?” โม่เสว่หานใช้สมาธิในการไตร่ตรอง รู้สึกเหมือนตนเองตกลงไปในหลุมที่ใหญ่และลึกประเภทที่หลุดออกมาไม่ได้
เหยียนอี้ฝางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาขณะที่เธอกำลังครุ่นคริส เปิดรูปความละเอียดสูงที่ไม่เซ็นเซอร์รูปนั้นขึ้น ส่ายไปส่ายมาตรงหน้าเธอ “ให้เวลาพี่สิบนาทีในการพิจาณา ไม่เช่นนั้นพวกเราก็เจอกันที่ศาลเถอะ!”
“ตกลง แต่ฉันมีข้อแม้ ห้ามเปิดเผยเรื่องนี้กับคนอื่นเด็ดขาด นิดเดียวก็ไม่ได้!” เพื่อชื่อเสียงของตนเอง โม่เสว่หานกัดฟันทุ่มหมดหน้าตัก
“ยินดีที่ได้ร่วมมือกัน!” เหยียนอี้ฝางยืนขึ้นอย่างเฉยชา ยิ้มเล็กน้อยแล้วยื่นมือออกมาที่เธอ
กิริยาท่าทางจิตใจดีนั้น ทำให้ใจของเธอสั่นไหวอย่างไม่รู้ตัว ไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้ เธอระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่จึงยื่นมือออกไปช้า ๆ
มือใหญ่หนาของเขา ใช้แรงจับฝ่ามือของเธอ
อุณหภูมิที่ร้อนแผดเผาคล้ายกับปลุกอารมณ์อันเร่าร้อนของคืนนั้นขึ้น ใบหน้าของโม่เสว่หานร้อนผ่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อรอให้เธอได้สติกลับคืนมา เหยียนอี้ฝางก็เดินออกไปจากร้านกาแฟแล้ว