บทที่ 6
บ๗ที่ 6
เหยียนอี้ฝาง :ไม่สนใจว่าเธอจะใช่หรือไม่ใช่ครั้งแรก จำไว้ด้วยว่าต้องคืนเงิน
ความโมโหของโม่เสว่หานที่เพิ่งหายไปเมื่อสักครู่ เมื่อเห็นข้อความที่ส่งมากความโมโหก็พุ่งขึ้นมาอีก นายคนนี้มาเพื่อทวงหนี้
ที่อยู่บ้าน บัตรประชาชน รูปภาพ รวมถึงเลือดเวอร์จิ้นอยู่ในมือเขาทั้งหมด อยากจะหนีก็ไม่มีทางหนีได้แล้ว
เหยียนอี้ฝาง :ถ้าหากเลยเวลาที่กำหนดคิดดอกเบี้ยสิบเปอร์เซ็นต์
โม่เสว่หานรู้สึกว่าชีวิตตกอยู่ในความมืดสลัวขึ้นมากระทันหัน ตายแน่ หนี้มหาศาล!
โม่เสว่หานหน้านิ่วคิ้วขมวด ส่วนเหยียนอี้ฝางที่อยู่อีกฝ่ายหนึ่งของโทรศัพท์กลับหัวเราะอย่างลำพองใจ ดวงตาแฝงไปด้วยประกายความปลิ้นปล้อนเหลี่ยมจัดและไม่ซื่อ
ในคืนนั้นถึงแม้ว่าเขาจะถูกวางยา สติเลอะเลือนนิดหน่อย แต่ก็ยังพอรู้สึกตัวได้ว่าตัวเองทำอะไร ความรู้สึกในตอนนั้นที่ทำลายพรหมจรรย์ชั้นบาง ๆ นั้นยากที่จะลืม
ทันใดนั้น ในใจเปลี่ยนเป็นรู้สึกซับซ้อน ผู้หญิงคนนี้ชอบเอาชนะคน ทั้ง ๆ ที่เป็นครั้งแรกยังจะปากแข็งอีก
โทรศัพท์ดังขึ้น แม่อี้ฝานโทรเข้ามา
เหยียนอี้ฝางภายในใจปรากฏรอยยิ้ม รับสายอย่างรวดเร็ว เสียงผู้หญิงอ่อนโยนนุ่มนวลดังขึ้นข้างหู “อี้ฝาน ตอนเย็นกลับมาทานข้าวที่บ้านนะ พ่อเขาอยากเจอลูก”
“ครับ ผมจะกลับไปตรงเวลา” เหยียนอี้ฝางยิ้มมุมปาก ดูท่าแล้วติงหลังปล่อยข่าวออกมาแล้ว เมื่อนึกถึงว่าเย็นวันนี้ตาแก่จะโมโหจนระเบิด จึงสั่งการล่วงหน้า “แม่ครับ อย่าลืมให้คุณพ่อกินยาให้ตรงเวลานะครับ ยาลดความดันครับ”
วางสายโทรศัพท์ไป เหยียนอี้ฝางก็ส่งข้อความไปหาโม่เสว่หาน :คืนนี้กินข้าวเป็นเพื่อนฉัน ชดเชยคืนห้าหมื่น
โม่เสว่หานที่อยู่อีกฝ่ายกลับถูกคำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้พูดไม่ออก เธอกำลังสับสนว่าจะตอบเขาดีไหม
เหยียนอี้ฝางส่งข้อความมาอีก :ข้าวหนึ่งมื้อ ห้าหมื่น!
โม่เสว่หานยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง จึงพิมพ์ข้อความส่งกลับไป :นายไม่ได้ดื่มเหล้าหรอกนะ? หรือว่าส่งข้อความผิด?
เหยียนอี้ฝาง :หกโมงเย็น ฉันไปรับเธอ
โม่เสว่หาน “......” ฉันตอบตกลงนายแล้วเหรอ?
แต่คิดไปคิดมา มื้อนึงชดเชยห้าหมื่น นี่มันคุ้มค่าเกินไปแล้ว
ไม่เช่นนั้น เธอขายของหมดหน้าตัก ก็ยังรวมกันได้ไม่ถึงห้าหมื่น
เหยียนอี้ฝางส่งข้อความมาอีกครั้ง :แต่งตัวสุภาพหน่อย
โม่เสว่หาน “......” ทำไมรู้สึกใจคอค่อยดีนะ?
เอาเถอะ เพื่อเงินห้าหมื่นเทหมดหน้าตัก โม่เสว่หานรีบเปิดตู้เสื้อผ้าดู รื้อค้นอยู่หลายรอบก็พบว่าเสื้อผ้าที่ถือว่าสุภาพนั้นน้อยซะยิ่งกว่าน้อย
จึงตรงดิ่งไปเคาะประตูห้องน้องสาวโม่ฉิง “เปิดประตู ฉันยืมเสื้อผ้าหน่อยจะออกไปทานข้าว”
จากนั้น โม่ฉิงแง้มประตูโยนกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนออกมา และปิดประตูห้องลงอีกครั้ง โม่เสว่หานยังได้ยินเสียงล็อคประตูอีกด้วย
เมื่อดูเวลาแล้ว ใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว โม่เสว่หานรีบกลับไปแต่งตัวที่ห้องตัวเอง ก่อนออกจากบ้านเกรงว่าพ่อกับแม่จะถามเยอะแยะ จึงโกหกไปว่าไปงานเลี้ยงรุ่นไม่กลับมากินข้าวแล้ว
หกโมง เหยียนอี้ฝางมาถึงข้างล่างตึกตรงเวลา ส่วนโม่เสว่หานก็มารอที่ข้างล่างตึกตั้งนานแล้ว
เพียงแต่เธอคิดไม่ถึงว่า เหยียนอี้ฝางคนนี้จะมีรวยขนาดนี้ ขับรถคันเป็นล้านมา เป็นที่น่าเตะตามาก
เธอรีบขึ้นรถ รัดเข็มขัดนิรภัย เสียงต่ำเฉยชาของเขาดังขึ้นมาจากด้านข้าง “เสื้อผ้าไม่เลว สวยดี”
“อ้อ เสื้อผ้าของน้องสาวฉันหนะ” โม่เสว่หานเริงร่า หลุดปากพูดออกมา ดังนั้นจึงไม่เห็นสายตาของเหยียนอี้ฝางที่กำลังจะโมโหแต่ก็สงบลงในทันที
ทั้งสองคนไม่พูดกันตลอดทาง จนกระทั่งรถมาจอดที่โซนคฤหาสถ์หรูใจกลางเมือง ในที่สุดโม่เสว่หานก็รู้แล้วว่า เหยียนอี้ฝางคนนี้เป็นทายาทคนรวย
อึ้งทึ่งจนใจสั่นอยู่สักครู่ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องที่ทำให้รู้สึกทึ่งยิ่งกว่านั้นอยู่ข้างหลัง
เมื่อเธอเข้ามาถึงประตูบ้านตอนที่ได้เห็นคนวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนโซฟาแล้ว ตกใจจนหน้าซีดขาวแล้ว
“ท่าน ท่านประธานเหยียน......”