บทที่ 11
บ๗ที่ 11
“น้องชายคนนี้ นายไม่รู้เหรอว่าการเคารพผู้สูงอายุและการรักเด็กนั้นคืออะไร? เรียกฉันว่าพี่สาว......หุหุ......” คำพูดที่เหลือถูกเหยียนอี้ฝางอุดอยู่ในปาก โม่เสว่หานถลึงตาโตไม่อยากจะเชื่อถือ ไอ้นี่จูบตนเองในขณะที่มีสติ
มีกลิ่นไวน์จาง ๆ ในปากของเขาซึ่งก็คือลมหายใจของเขา หน้าแดงใจเต้นตึกตัก ไม่รู้จะทำยังไงดี แม้กระทั่งลืมที่จะต่อต้าน สมองว่างเปล่าไปหมด
เวลาหยุดอยู่ห้าวินาที โม่เสว่หานได้สติแล้วผลักเขาออก ยกมือขึ้นจะตบเขา
เหยียนอี้ฝางจับมือเธอไว้อย่างเร็ว ยิ้มมุกปาก “เคารพผู้สูงอายุรักเด็ก? ฉันรู้แค่ว่ามีพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่เรียกว่า ทำผิดแล้ว แต่กลับรู้สึกว่ารสชาตินั่นก็ไม่เลว!”
พูดจบ เหยียนอี้ฝางอุ้มเธอขึ้นพาดบ่า ท่าทางคล่องแคล่วว่องไว
ติงหลังตกตะลึงพรึงเพริด ให้กำลังใจเขาอย่างบ้าคลั่ง! นี่มันหล่อเกินไปแล้ว!
“นาย นายจะทำอะไร? รีบวางฉันลงนะ” โม่เสว่หานเริ่มลุกลี้ลุกลน ชั่วพริบตาเดียวกลายเป็นผู้อ่อนแอทันที จิตใจฮึกเหิมและห้าวหาญเมื่อสักครู่หายไปหมด แทนที่ด้วยความรู้สึกกลัว
เหยียนอี้ฝางไม่สนใจว่าเธอจะขัดขืนยังไง แบกเธอออกไปจากโรงไวน์ และผลักโม่เสว่หานเข้าไปในรถ
ติงหลังตามออกมา เหยียนอี้ฝางแล่นไปอย่างเร็ว มองเห็นท้ายรถที่อยู่ไกล ๆ อุทานด้วยความทึ่ง “โอ้โห ไอ้นี่นึกไม่ถึงว่าจะเท่ขนาดนี้!”
บนรถ โม่เสว่หานเป็นกังวล “นี่ นายจะพาฉันไปไหน?”
เหยียนอี้ฝางไม่หันกลับมา แล้วพูดอย่างเฉยชา “เธอไม่ควรใช้เงินดูถูกคนรวย”
โม่เสว่หาน “......” มีเหตุผลมาก เธอไม่มีคำโต้แย้ง
แต่ว่าทำลงไปแล้ว ไม่มีทางย้อนกลับ ทำได้เพียงแต่เถียงคอเป็นเอ็นพูดขึ้น “ฉันเอาเงินคืนให้นายแล้ว แต่นี้ต่อไปนายกับฉันไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว นายเดินทางสว่างไสวของนาย ฉันเดินทาง......”
“แม่ฉันไปหาเธอแล้วสินะ!” เหยียนอี้ฝางขัดคำพูดของเธอ ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นการแน่ชัด
โม่เสว่หานตะลึง ถอนหายใจ นายคนนี้ฉลาดดีนะ แต่คิดได้ว่าถ้าหากยอมรับว่าเจอกันแล้ว มันจะไม่เป็นการตบหน้าตัวเองเหรอ?
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเงินของแม่เขา จากนั้นตนเองเอาเงินของมามี้คนอื่นไปฟาดใส่ลูกชายของเธอ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าท่า
เหยียนอี้ฝางพูดอีก “เธอนี่ไร้น้ำยาเกินไปแล้ว! เงินแค่นี้ก็สามารถทำอะไรเธอได้ รู้สึกผิดหวังจริง ๆ เลย!”
ฟู่!กระอักเลือด โม่เสว่หานรู้สึกเหมือนได้รับบาดเจ็บเป็นหมื่นจุด
“ยังยังยัง......ยังไงซะฉันก็คืนเงินให้นายแล้ว ฉันจะลงจากรถ!”
เหยียนอี้ฝางไม่สนใจเธอ ขับรถอย่างเคร่งขรึม ยิ่งเคร่งขรึมไม่พูด โม่เสว่หานยิ่งเป็นกังวลกลัว ในระยะเวลาสั้น ๆ ในสมองของเธอฉายหนังฆาตกรรมสยองขวัญไปแล้วหลายเรื่อง เธอตกใจจนหน้าซีดขาวเหงื่อไหลเต็มหลัง
จนกระทั่งรถจอดลงที่ข้างทาง เหยียนอี้ฝางพูด “ถึงแล้ว ลงจากรถ!”
“ฉันไม่ ฉันไม่ลง!” โม่เสว่หานไม่ได้ดูเลยสักนิด หลับหูหลับตาพูด จับราวจับไว้แน่น จะตายยังไงก็ไม่ลงจากรถ
เหยียนอี้ฝางดับรถ จากนั้นก็ลงจากรถแล้วเปิดประตูรถให้เธอ “จะให้ฉันแบกเธอลงมา?”
โม่เสว่หานตกใจจนรีบลืมตาขึ้น งงงวยพบว่านี่มันข้างล่างบ้านของตัวเองไม่ใช่เหรอ......
ในที่สุดก็โล่งใจได้ โม่เสว่หานลงจากรถช้า ๆ ความคิดชั่วร้ายของตนเองเมื่อสักครู่ทำเอาเหงื่อออกเต็มไปหมด
หันหลังกลับก็สบตากับสายตาอันลึกซึ้งของเขา ใจเต้นแรงขึ้น โม่เสว่หานขี้ขลาดจนก้าวถอยหลังไป จนกระทั่งชนเข้ากับรถ
เหยียนอี้ฝางโอบเธอไว้ในอ้อมแขน หน้าตาของไอ้นี่ดึงดูดคนจริง ๆ โม่เสว่หานกลืนน้ำลายลงอย่างยากเย็น “นาย......นายจะทำอะไร?”
“ส่งเธอกลับบ้านเฉย ๆ เธอคิดอะไรอยู่? หน้าซีดขนาดนี้?” โม่เสว่หานมุมปากรักษารอยยิ้มบาง ๆ ไว้ เมื่อเห็นว่าโม่เสว่หานหวาดกลัว ในใจก็รู้สึกอึดอัดใจ
“ไม่ ไม่ได้คิดอะไร!”
“จริงเหรอ?” พูดจบ เหยียนอี้ฝางก็ขยับใกล้เข้ามาอีก ปลายจมูกของเขาเกือบจะแตะโดนกับปลายจมูกของเธอแล้ว
โม่เสว่หานใจเต้นตึกตัก ๆ รู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขา ปิดตาลงไม่ขัดขืน
“โม่เสว่หาน! พวกเธอทำอะไรกัน!!!” แม่เสว่หานถือขยะออกมาพอดี ยืนตกตะลึงตาค้างอยู่ไม่ไกล