บทที่2แต่งแทน
บ๗ที่2แต่งแทน
สายตาของเสิ่นชีร่วงต่ำมองลงไปยังขาเรียวยาวแกร่งของเห้ออี้หนิงซึ่งแทบจะละสายตาไปไม่ได้
เธอไม่อยากจะยอมรับว่าเห้ออี้หนิงคือลูกรักพระเจ้าที่แท้จริง
เขาได้ครอบครองสิ่งที่ผู้ชายทุกคนบนโลกใบนี้ต้องการเอาไว้ทั้งหมดเองแล้ว
หน้าตารูปร่างความแข็งแรงความร่ำรวยฐานะอำนาจต่างๆอีกมากมาย
ทว่าแม้ว่าผู้ชายแบบนี้จะดีแต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอแม้แต่น้อย
แม้ว่าเธอจะเสียใจกับการกระทำอันบุ่มบ่ามของตัวเองแค่ไหนแต่กลับไม่ได้ถอยออกจ้องไปยังเห้ออี้หนิงตรงๆแล้วเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้ฉันจะชดใช้ให้คุณฉันคงจะจ่ายเป็นดอกเบี้ยเป็นงวดๆไป”
จู่ๆเห้ออี้หนิงก็ยับเข้ามาใกล้ค่อยๆพุ่งเข้ามากดร่างเสิ่นชีเอาไว้
เสิ่นชีตั้งตัวไม่ทันเพียงพริบตาก็นั่งติดบนโซฟาแล้วเธอกระพริบตาปริบๆจ้องมองไปที่เห้ออี้หนิงที่กำลังกดตัวร่างเธอเอาไว้ทว่ากลับไม่กล้ายื่นมือไปผลักเขาออกไปสักนิด
เธอชัดเจนแล้วหากเพียงเธอยื่นมือไปก็จะต้องสัมผัสโดนใส่หน้าอกเนียนแกร่งของฝ่ายตรงข้ามแน่นอน
เธอจึงทำได้เพียงถอยหลังไปไม่หยุดอย่างจนตรอกเวลานี้เสิ่นชีกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาไปแล้วเธอไม่มีทางถอยอีกแล้วจริงๆ
โชคดีที่เห้ออี้หนิงก็หยุดท่าทางทีดูเหมือนจะกดเธอต่อลงไปแล้วเก็บกำปั้นของเธอให้ห่างออกจากตัวไปแล้วมองเธอด้วยความวางตัว
เพราะฝนตกเป็นเหตุเสื้อผ้าของเสิ่นชีจึงแนบชิดติดไปกับตัวเธอแน่นจึงเผยให้เห็นส่วนเว้าโค้งสวยงามของร่างบาง
ดวงตาของเห้ออี้หนิงกวาดมองไปทั่วร่างบางของเสิ่นชีไปหลายครั้งในที่สุดก็หยุดลงที่กระดูกไหปลาร้าของเธอ
เห้ออี้หนิงกดร่างเธอเอาไว้อยากจะสัมผัสรอยตำหนิด้วยอารมณ์ชั่ววูบสายตาคมราวพญาหงส์ค่อยๆมองขึ้นมาแววตาแฝงไปด้วยนัยยะบางอย่างที่ทำให้คนไม่ค่อยเข้าใจ
แสงไฟส่องใบหน้าของเห้ออี้หนิงจนเป็นเงาดำสะท้อนนั้นกลับทำให้ดวงตาเรียวคมดั่งพญาหงส์ของเขายิ่งแสดงออกให้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ
ขนตาแพงอนยาวแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจนและมุมปากที่โค้งขึ้นทำมุมองศาพอดีกลายเป็นความลงตัวเข้ากันอย่างน่าประหลาด
เห้ออี้หนิงจ้องมาที่เสิ่นชีราวกับกำลังยิ้มเยาะ“โอ๊ะ?”
เสิ่นชีใช้มือทั้งสองข้างยกขึ้นบังหน้าอกไม่รู้ว่าควรผลักหรือไม่ควรผลักออกเป็นเพราะความคับแคบใกล้ชิดนี้ทำให้ทั่วทั้งร่างเกร็งจนราวกับกลายเป็นหุ่นแกะสลัก
เสิ่นชีหันหน้าหนีอย่างสุดกำลังทั้งยังหลับตาไม่ยอมดูเห้ออี้หนิง
ราวกับว่าเพียงแค่เธอไม่มองที่จริงก็คงไม่ถูกกดขี่แบบนี้หรอก
เห้ออี้หนิงมองเสิ่นชีที่ทำท่าทางเหมือนนกกระจอกเทศก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆพลางค่อยๆลุกยืนขึ้นแล้วหันตัวกลับไปนั่งบนโซฟาเดี่ยวข้างๆแทน
พลันคนใช้ก็มาข้างๆทันทีมีทั้งคนเปลี่ยนผ้าขนหนูที่พันรอบเอวและช่วยเช็ดผมของเห้ออี้หนิงให้แห้งมีทั้งคนคลานเข้ามาจัดการทำเล็บให้เขา
เสิ่นชีรอมาครึ่งวันแต่เรื่องน่ากลัวที่ทำใจรอคอยไว้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นแต่อย่างใดเธอจึงค่อยๆลืมตาขึ้นด้วยอาการสั่นงกๆเงิ่นๆ
เสิ่นชีอยากจะนั่งลงแต่กลับพบว่าจริงๆแล้วเป็นเพราะตัวเองเกร็งเกินไปจึงทำให้แข้งขาชาไปครู่หนึ่ง
พอเสิ่นชีนั่งเสร็จจู่ๆเห้ออี้หนิงก็เปิดปากพูดขึ้น“ทำไมถึงร้องไห้จนใจจะขาดขนาดนั้นล่ะ?”
เสิ่นชีชะงักค้างไปทั้งตัวการป้องกันตัวที่เพิ่งเอ่ยขึ้นเมื่อกี้ชั่วพริบตาก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเศร้า
เธอส่ายหัวเบาๆไม่อยากจะอธิบายอะไรเพียงแค่ค่อยๆลุกยืนขึ้นแล้วโค้งคำนับหนักๆพลางเอ่ยกับเห้ออี้หนิง“ขอบคุณมากๆค่ะเงินที่ติดหนี้คุณฉันจะคืนให้แน่นอนค่ะ”
เธออยากจะหาคนมาระบายด้วยแต่ต้องไม่ใช่ผู้ชายอันตรายตรงหน้าคนนี้เด็ดขาด
เมื่อกี้เธอคงจะเวียนหัวไปไม่คิดว่าจะมาร้องไห้จนใจจะขาดต่อหน้าเขาขนาดนั้น
หลังจากที่เสิ่นชีเอ่ยขอบคุณแล้วก็ขอตัวจากไปพอมองแผ่นหลังของเธอแล้วเห้ออี้หนิงก็กระพริบตาถี่แต่ก็ยังให้คนไปส่งเธอกลับ
ฝนข้างนอกตกหนักเกินไปแล้ว
เสิ่นชีกลับมาถึงบ้านแล้วเพิ่งจะเข้าประตูมาก็มีหลากหลายสายตาจดจ้องมาที่ตัวเธอ
เสิ่นชีเพียงแค่พูดขึ้นเรียบๆประโยคเดียว“ฉันไปพักก่อนนะ”
“หยุด!”เสียงน่าเกรงขามเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังน้ำเสียงโมโหเรียกเสิ่นชีให้หยุดก้าวเดิน
เสิ่นชีค่อยๆหันกลับมาจ้องมองชายวัยกลางคนที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตรงหน้า“คุณพ่อยังมีคำสั่งอะไรอีกคะ?”
สีหน้าของเสิ่นกางครึ้มลง“ในสายตาแกยังมีพ่อคนนี้อย่างฉันอยู่หรอ?ดึกขนาดนี้ไปไหนมาล่ะ?ดูสภาพแกตอนนี้สิว่าเป็นยังไง!”
มุมปากของเสิ่นชีขยับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไป
ด้วยความสามารถของเสิ่นกางทำไมถึงจะไม่รู้ข่าวเรื่องที่เกิดกับจ่านโป๋กัน?ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจก็ยังตั้งใจจะถามอีก?
หญิงวัยสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเสิ่นกางก็ยังมาต่อว่าเธอด้วยเช่นกัน“เสี่ยวซีทำไมเธอต้องทำให้พ่อของเธอโกรธบ่อยๆด้วย?รีบๆมาขอโทษพ่อเธอซะ!”
เสิ่นชีไม่ได้ปริปากส่งเสียงเสียงโกรธแค้นฮึมฮัมอยู่ในลำคอยังไงก็พูดไม่ออก
เสิ่นกางโกรธจนตัวสั่นพลางชี้นิ้วไปที่เสิ่นชี“ดูสินี่ไงลูกสาวของเธอ!”
คุณนายเสิ่นรีบคลายโมโหให้เสิ่นกางหันหน้าไปพูดกับเสิ่นชีว่า“เสี่ยวซีแกนั่งลงก่อนพวกฉันมีเรื่องจะคุยกับแก”
เสิ่นชีคิดแล้วคิดอีกก็ตัดสินใจไม่กลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็นั่งลงตรงหน้าพวกเขาทั้งที่เปียกปอนไปทั่วตัวทั้งอย่างนั้นรอฟังโอวาท
ยังไงก็ตามไม่ว่าเธอจะทำอะไรผิดอะไรงั้นก็รอฟังเลยก็แล้วกันว่าสรุปแล้วคืนนี้พวกเขาอยากจะพูดอะไร
คุณนายเสิ่นส่งสายตากับเสิ่นกางคุณนายเสิ่นจึงเปิดปากพูดขึ้น“เสี่ยวซีเธอยังจำได้ไหมว่าตระกูลเสิ่นลุกขึ้นมาได้ยังไง?”
ไม่รอให้เสิ่นชีตอบกลับคุณนายเสิ่นก็พูดต่อเองเลย“เพราะตระกูลเห้อให้เงินเงินกับพวกเราตระกูลเสิ่นมาก้อนหนึ่งถึงได้ทำให้ตระกูลเสิ่นฟื้นกลับมามีสภาพได้แบบตอนนี้ตระกูลเห้อให้เกียรติตระกูลเสิ่นให้โอกาสกับตระกูลเสิ่นเพียงแค่สามารถมีลูกให้ตระกูลเห้อได้ไอ้เงินก้อนนั้นก็ไม่ต้องคืนให้แล้ว”
เสิ่นชีรู้เรื่องนี้อยู่แล้วพลันขมวดคิ้วขึ้นแล้วตอบทันที“ไม่ใช่ว่าจัดการให้เสิ่นอินอินแต่งเข้าไปเป็นสะใภ้เรียบร้อยแล้วหรอกหรอ?”
คุณนายเสิ่นรีบยกยิ้มกลบเกลื่อนสีหน้า“ใช่ไงแม้ว่าจะตัดสินใจให้อินอินแต่งเข้าไปตั้งแต่แรกแล้วแต่ว่า…...เสี่ยวซีตอนนี้เกิดเรื่องกับอินอินนิดหน่อยเธอเลยไม่สามารถแต่งเข้าตระกูลเห้อได้แล้วล่ะ”
เสิ่นชีไม่มีเสียงตอบ
“อินอินเธอ.........ร่างกายไม่แข็งแรง......”การแสดงออกอย่างอ้ำๆอึ้งๆของคุณหญิงเสิ่นทำให้ในใจของเสิ่นชีเริ่มสังหรณ์ได้ถึงลางไม่ดี
“สรุปแล้วจะอยากจะทำอะไรกันแน่?”เสิ่นชีถามตรงๆตัดบทพูดของคุณนายเสิ่น“มีอะไรก็พูดมาตรงๆเถอะ”
เสิ่นกางที่นั่งอยู่ข้างๆก็ไม่อยากจะยืดเยื้อแล้วเหมือนกันจึงพูดแทนเธอไป“ให้แกแต่งเข้าไปแทนอินอิน!”
สีหน้าของเสิ่นชีเปลี่ยนไปทันทีพลันร่างกายก็ดีดตึงขึ้นทันที“คุณพ่อนี่มันหมายความว่าอะไร?”
สีหน้าของเสิ่นกางขรึมลง“เสิ่นชีตระกูลเสิ่นเลี้ยงแกมาสิบแปดปีถือว่าเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเอาไว้ตอนนี้ก็ควรจะตอบแทนเจ้านายได้แล้วล่ะ!”
พอเห็นเสิ่นกางโกรธคุณนายเสิ่นก็รีบหันกลับมาวิงวอนขอร้องเสิ่นชี“เสี่ยวซีถ้าหากตระกูลเสิ่นไม่มีใครแต่งเข้าไปแล้วล่ะก็ตระกูลเห้อจะต้องเรียกเก็บเงินที่ให้พวกเรายืมตอนแรกคืนคราวนี้ตระกูลเสิ่นจะจบสิ้นจริงๆแล้วล่ะถ้าถึงเวลานั้นคฤหาสน์หลังนี้รถยนต์เครื่องเพชรใบหุ้นส่วนทั้งหมดก็จะไม่เหลือเลย!ตระกูลเสิ่นต้องจบเห่แน่ใครกันล่ะที่ช่วยออกเงินให้เสี่ยวลิ่วรักษาตัว?”
ราวกับเสิ่นชีโดนฟ้าผ่า
ใช่สิถ้าตระกูลเสิ่นจบสิ้นแล้วพี่ชายล่ะจะทำยังไง?
ถ้าหากจะบอกว่าตัวเองอยู่บนโลกใบนี้แล้วเหลือญาติเพียงแค่คนเดียวแล้วนั้นญาติคนนั้นกลับไม่ใช่แม่คนที่ต้องการผลักตัวเองเข้าไปในมรสุมทว่ากลับเป็นพี่เสิ่นลู่ซะเอง
แต่ว่าตัวเองจะแต่งกับคนอื่นได้ยังไงล่ะ?
ในเมื่อตัวเองต้องการอยู่กับจ่านโป๋ด้วยกันไปตลอดชีวิต!
เสิ่นชีออกจากห้องนั่งเล่นด้วยความใจลอยไม่มีสติพอเสิ่นชีไปสาวน้อยที่แต่งหน้าสวยงามราวกับดอกไม้ก็ค่อยๆเดินลงมาจากชั้นบนหลังจากนั้นก็โอบกอดแขนของคุณนายเสิ่นเอาไว้“แม่หนูไม่อยากแต่งงานกับคนตระกูลเห้อคนนั้นเขาเป็นแค่ลูกบุญธรรมตอนนี้แม้แต่สิทธิในการสืบทอดมรดกก็ไม่มีแล้วก็เป็นได้แค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง!”