บทที่3บังคับขู่เข็ญ   1/    
已经是第一章了
บทที่3บังคับขู่เข็ญ
บ๗ที่3บังคับขู่เข็ญ คุณนายเสิ่นกอดสาวน้อยเอาไว้ด้วยความปวดใจ“ได้ได้ได้พวกเราไม่แต่งอิงอิงของพวกเราสวยขนาดนี้แน่นอนว่าถ้าจะแต่งต้องได้แต่งกับคนที่ดีที่สุดในเมื่อลูกไม่อยากแต่งเข้าไปก็ให้พี่สาวของลูกแต่งเข้าไปก็ได้แล้วล่ะ!” “เธอก็ไม่ได้เป็นพี่สาวของหนูสักหน่อยร่างกายเธอก็ไม่ได้มีเลือดเนื้อเชื้อสายของตระกูลเสิ่นสักนิด”เสิ่นอินอินพูดขึ้นอย่างเหยียดหยามพลันเอ่ยต่อทันที“ถ้าจะแต่งก็จะต้องแต่งกับเห้ออี้หนิงเขาถึงจะได้เป็นผู้นำตระกูลเห้อในอนาคตไงล่ะ” เสิ่นชีเดินกลับไปที่ห้องอย่างไร้วิญญาณพอประตูห้องปิดลงทั้งร่างก็ค่อยๆแนบไหลลงไปกับประตูและนั่งแหมะลงบนพื้นพรมในที่สุด เธอกอดเข่าเอาไว้น้ำตาพรั่งพรูไหลออกมา จ่านโป๋ยังจะอยู่หรือตายแล้วก็ไม่รู้คิดไม่ถึงว่าที่บ้านจะให้ตัวเองไปแต่งงานแทนอิงอิงอีก ถ้าหากตัวเองไม่แต่งงานตระกูลเสิ่นจะต้องตัดค่ารักษาของพี่ชายทิ้งแน่นอน แต่ว่าถ้าตัวเองแต่งเข้าไปล่ะ.......... แล้วจ่านโป๋จะทำยังไง? ทำไมพระเจ้าต้องทำแบบนี้กับตัวเองด้วยล่ะ? เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก“เสี่ยวซีฉันรู้ว่าเธออยู่ข้างในแม่ขอคุยกับลูกหน่อยได้ไหม?” เสิ่นชีชะงักไปทั้งตัวรีบเก็บนิ้วมือไว้แน่นทันที เงียบเชียบไม่พูดจาไปพักหนึ่งก็ยังเปิดประตูห้องออกไป คุณนายเสิ่นก็ไม่ได้สนใจว่าลูกสาวของตัวเองเปลี่ยนชุดอันเปียกปอนนั้นออกไปรึยังก็รีบเดินเข้ามาพูดเองตามอำเภอใจ“เสี่ยวซีฉันรู้ว่าเธอโกรธแค้นฉันมากแต่ว่าฉันก็จนปัญญาเหมือนกัน!ปีนั้นฉันพาเสี่ยวลิ่วกับเธอเปลี่ยนตระกูลมาไม่รู้ว่าลำบากมากขนาดไหนตระกูลเสิ่นก็ปฏิบัติกับพวกเธอเหมือนกับเป็นคนของเราให้นามสกุลกับพวกเธอทั้งยังส่งเสียให้เธอได้เรียนหนังสือช่วยพี่ชายของเธอรักษาตัวเธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าโรคของพี่เธอยังไงก็อาจจะรักษาไม่หายไปชั่วชีวิตอยู่แล้วถ้าหากไม่มีโรงพยาบาลดีๆก็กลัวว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน” ดวงตาของเสิ่นชีก้มตกลงพยายามกับซ่อนความโศกเศร้าเอาไว้ “พอคิดได้ว่าเป็นเพราะตระกูลเสิ่นของพวกเราถูกตระกูลเห้อบีบบังคับให้ใช้หนี้ในใจของฉันก็ไม่สงบถ้าหากไม่สิ่งต่างๆตรงหน้าพวกนี้เธอกับเสี่ยวลิ่วควรจะทำยังไงกัน?”คุณนายเสิ่นแสร้งทำเป็นเช็ดน้ำตา“ฉันทำก็เพื่อให้เธอได้ดีแม้ว่าตระกูลเห้อคนนี้จะเป็นแค่ลูกเลี้ยงแต่ไม่ว่ายังไงก็ตามก็เป็นถึงลูกชายคนโตของตระกูลเห้อเธอแต่งเข้าไปแล้วเธอก็จะกลายเป็นสะใภ้ใหญ่!แม่ว่าเขาจะไม่ใช่คนของตระกูลเห้อแต่ว่าเห้ออี้หนิงก็คงจะมองในส่วนของความเป็นพี่น้องให้เธออยู่ดีกินดีสุขสบายไปทั้งชีวิต” พอเห็นเสิ่นชีไม่มีปฏิกิริยาอะไรในที่สุดคุณนายเสิ่นก็งัดไม้ตายสุดท้ายของเธอออกมาจากนั้นจึงหันตัวแล้วปล่อยร้องไห้โฮออกมา“ชีวิตฉันนี่มันทรมาณซะจริง!ทั้งชีวิตนี้มีลูกถึงสามคนคนหนึ่งก็โง่เง่ามาตั้งแต่เป็นเด็กคนหนึ่งไม่เชื่อฟังคำสอน......น่าสงสารอินอินของฉันยังเล็กขนาดนี้ก็ต้องกลายเป็นเด็กไม่มีแม่แล้ว.......ฮือฮือ.......ยังไม่เท่าอยู่แล้วตายทั้งเป็นแบบนี้!ฉันยังมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วจะมีความหมายอะไร?” ทุกๆครั้งที่คุณนายเสิ่นเป็นแบบนี้เสิ่นชีล้วนแต่ประนีประนอมยอมไปซะทุกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้เสิ่นชีเพียงแค่ถามเรียบๆกลับไปประโยคหนึ่ง“แม่จ่านโป๋ก็เชื่อฟังแม่มาตั้งแต่เล็กจัดเทศกาลทุกๆปีก็เอาของขวัญติดมือมาเยี่ยมเสมอตอนนี้เกิดเรื่องกับเขาแล้วแม่เคยจะถามถึงเรื่องราวของเขากับหนูสักคำไหม?” พอพูดคำนี้ออกไปดวงตาของเสิ่นชีก็เริ่มแดงก่ำอีกนิดเดียวน้ำตาก็จะแตกทลายแล้ว “เขาไม่ตายไปแล้วหรอกหรอ?ก็แค่คนคนเดียวตายเองมีอะไรให้น่าถามหรอ?”คุณนายเสิ่นจัดการพูดต่อเอง“ถ้าไม่ใช่เพราะตอนแรกเห็นว่าบ้านของจ่านโป๋ยังพอมีอิทธิพลและกำลังอยู่บ้างฉันจะยอมให้พวกแกคบกันได้ยังไงล่ะ?” เสิ่นชีหลับตาลงอย่างแรงหยาดน้ำตาไหลรินลงมา เธอไม่มีทางยอมรับคนที่พูด......แบบนี้จริงๆแท้จริงแล้วก็คือแม่ของเธอ ในสายตาของเธอนอกจากตัวเธอเองกับเสิ่นอินอินแล้วยังสนใจใครอีกกัน? “จะว่าไปแล้วตอนนี้ฉันไม่ได้กำลังหาที่พึ่งที่ดีกว่าให้เธออยู่หรอกหรอ?เสิ่นชีเธอไม่ต้องการความสุขสบายหรอตระกูลเห้อนั่นเป็นครอบครัวยังไงแล้วตระกูลจ่านล่ะถือว่าเป็นอะไร?ฉันจะเตือนเธอให้ถ้าเกิดเธอกล้าไม่ยอมแต่งเข้าไปล่ะก็ฉันจะให้หยุดรักษาเสี่ยวลิ่วทันที!”เสิ่นชีพยายามอดทนอย่างถึงที่สุดจึงลุกยืนหยัดขึ้นเต็มความสูงไม่ปราดตามองเสิ่นชีเพียงสักนิดก็เดินออกจากห้องไป ฟังสิว่าเธอพูดอะไร?นั่นคือลูกชายของเธอ!คิดไม่ถึงว่าเธอจะใช้ลูกชายของตัวเธอเองมาบีบบังคับขู่เข็ญลูกสาว! ได้ยินเสียงประตุห้องถูกกระแทกลงเสิ่นชีก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไปแล้วนั่งกอดเข่าแล้วปล่อยโฮร้องไห้ออกมา ร่างท่าทางขี้กลัวร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเสิ่นชีแล้วเอ่ยถามด้วยความเกรงกลัว“เสี่ยวชีเสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว” เสิ่นชีได้ยินเสียงนี้แล้วก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าดูหวาดกลัวของเสิ่นลู่พริบตาก็เข้ามาปรากฎอยู่ในม่านตาของเสิ่นชี เสิ่นชีลุกขึ้นยืนฉับพลันจากนั้นก็โผเข้าใส่กลางอ้อมอกของเสิ่นลู่เอาความรู้สึกอัดอั้นตันใจทั้งหมดของตัวเองใช้น้ำตาระบายความอัดอั้นตันใจออกมาให้หมด ทั่วทั้งบ้านไม่มีใครสนใจสักคนว่าเธอเปียกปอนไปทั่วทั้งตัวมีเพียงพี่ชายที่เป็นโรคออทิซึมเท่านั้นที่เจอ “พี่..........”เสิ่นชีกอดเอวของเสิ่นลู่เอาไว้แทบขาดใจตายสะอึกสะอื้นจนไม่มีเสียง “ไม่ร้องนะเสี่ยวซีไม่ร้อง”เสิ่นลู่ชะงักค้างไปทั้งร่างแต่ก็ยังค่อยๆลูบหัวของเสิ่นชีราวกับเครื่องจักรทื่อๆอยู่ เสิ่นชีหลอกล่อให้เสิ่นลู่นอนหลับแล้วนั่งอยู่อีกฝั่งอย่างใจลอย ตั้งแต่จำความได้การดูแลพี่ชายก็คือหน้าที่ของเธอ ไม่รู้ว่าเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่พี่ชายถูกตรวจพบว่าเป็นโรคโรคออทิซึมตั้งแต่นั้นก็ไม่สุงสิงยุ่งเกี่ยวกับใครทั้งสิ้น นอกจากเสิ่นชีที่เข้าใกล้เขาได้แล้วก็ไม่มีใครเข้าใกล้เขาได้อีก เสิ่นชียื่นมือไปลูบแก้มของพี่ชายเบาๆในใจก็เปลี่ยนไปอ่อนโยน พี่ชายโตมาได้งดงามสุดๆสวยงามหยดย้อยใบหน้าก็ดูดีล้ำค่าพอๆกับเห้ออี้หนิงเช่นกันทั้งงดงามทั้งมีเสน่ห์ ทว่าสภาพความเป็นอยู่ของทั้งสองกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว พี่ชายทำได้เพียงแค่ถูกปิดล็อคไว้ในห้องจมดิ่งอยู่ในโลกอันโดดเดี่ยว เห้ออี้หนิงกลับเป็นราชาแห่งโลกเงินทองความร่ำรวย พอนึกถึงเห้ออี้หนิงเสิ่นชีก็รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองย่ำแย่ลงมาก พี่ชายผ่านการรักษามาเป็นเวลายาวนานเริ่มยอมให้สื่อสารสนทนากับตัวเองแล้วหมอบอกว่าต้องยืนหยัดทำต่อไปอีกสักระยะหนึ่งก็จะพูดคุยสื่อสารเหมือนกับคนทั่วไปได้แล้ว ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อน่าเคร่งเครียดนี้จะให้ตัดการรักษาทิ้งไปได้ยังไงกัน? แต่ว่าเงินที่ตัวเองหามาได้ต่างก็ถูกแม่รีดไถเอาไปบอกจะเอาไปช่วยเสริมสุขภาพให้พี่ชายตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ตัวเองดันไปติดหนี้อีกตั้งหนึ่งล้านถ้าเกินตระกูลเสิ่นจะไม่ออกเงินจริงๆแล้วล่ะก็......... เสิ่นชีไม่กล้าคิดต่อไป เธอนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าเสิ่นลู่ต้องกลับไปจมดิ่งอยู่ในโลกอันโดดเดี่ยวอีกครั้งจะเป็นยังไง ไม่ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด! เห้ออี้หนิงเขย่าแก้วเหล้าในมือไปมามองดูพี่ใหญ่ที่จู่ๆก็เข้ามาเยี่ยมเยียนพลางค่อยๆหรี่ตาลง“ให้เหตุผลของการช่วยแต่งงานแทนนายมาสักข้อซิ” พี่ใหญ่ของเห้ออี้หนิงลูกเลี้ยงของตระกูลเห้อเห้อยี่ฉีออกแรงยกแก้วไวน์แดงในมือกรอกเข้าปากไปรวดเดียวแล้วถอนหายใจยาวเหยียด“อี้หนิงฉันประกาศออกไปอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะทิ้งสิทธ์ในการสืบทอดมรดกของตระกูลเห้อ” “แต่มันก็ยังไม่พอที่จะเป็นแต้มต่อในการที่จะให้ฉันทิ้งการแต่งงานของฉันไป”เห้ออี้หนิงยกยิ้มขึ้นนัยน์ตาส่องประกายวาบ“เปลี่ยนเงื่อนไข” “ถ้าเกิดฉันบอกว่าฉันมีที่อยู่ของเด็กผู้หญิงคนนั้นที่นายพยายามตามหาอยู่.......เงื่อนไขนี้ล่ะ?”ทันใดนั้นเห้ออี้ฉีก็เงยหน้าส่งสายตาจ้องมองเจ้าน้องชายจอมฉลาดแกมโกงคนนี้ เห้ออี้หนิงบีบนิ้วมือไว้แน่นใบหน้าดูดีมีเสน่ห์พลันเปลี่ยนไป“นายพูดจริงหรอ?” เห้ออี้ฉีพยักหน้า“สถานที่สุดท้ายที่เธอปรากฏตัวคือที่ที่ฉันกำลังจะไปฉันสามารถถือโอกาสช่วยถามให้นายได้” เห้ออี้หนิงยังลังเลอยู่นิดหน่อย พลันเห้ออี้หนิงก็เอ่ยขึ้น“หลังจากหนึ่งปีเพียงแค่เธอไม่ท้องคุณยายจะต้องลงมือตามหาคนแน่นายก็แค่แลกกับอิสระเพียงหนึ่งปีก็พอแล้ว” 
已经是最新一章了
加载中