ตอนที่5
ตอนที่5
เซี่ยหลิงหลิงตื่นขึ้นมาจากฝันของการเป็นคนรวย
เพราะว่า......จำนวนเงินที่หลีอวี๋นโอนเข้ามานั้นมีมากถึงเจ็ดแสนหยวน!
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในหนังสือถึงบอกว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นมีชีวิตที่น่าโศกเศร้าหลังหย่าเพราะเธอถึงขั้นกล้าเอาทรัพย์สินทั้งหมดที่มีถึงขั้นต้องยืมเงินมาให้กับการ“ลงทุน”ที่ไม่มีที่มาที่ไปของหลีอวี๋นไม่ถูกขายไปก็บุญมากแล้ว
เซี่ยหลิงหลิงคำนวนบัญชีอย่างกระตือรือร้นหากดำเนินการตามปกติแบบนี้ไปเรื่อยๆหลังจากที่เธอหย่าร้างแล้วเงินที่มีก็มากเกินพอแล้วแถมยังสามารถไปเปิดร้านเล็กๆได้อีกด้วย
ความฝันของเซี่ยหลิงหลิงก็คือการได้เปิดร้านกาแฟห้องสมุดเลี้ยงแมวส้มตัวอ้วนๆสักตัวทุกๆวันก็นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตูพร้อมกับลูบแมวไปด้วยว่างๆก็นั่งวาดรูปเล่นตอนนี้คาดว่าความฝันนั้นกำลังจะเป็นจริงในอีกไม่ช้าเธอเริ่มคิดถึงชีวิตอันแสนสุขนั้นแล้ว
ฮัมเพลงไปเรื่อยๆจนอาบน้ำเสร็จเซี่ยหลิงหลิงทาครีมบำรุงผิวเรียบร้อยแล้วกระจกเงาในห้องน้ำถูกปกคลุมไปด้วยไอน้ำในความพร่ามัวนั้นสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่งดงามนั้นคนสวยที่มีดวงตาและคิ้วที่สวยคมยิ่งเมื่อล้างเครื่องสำอางออกแล้วยิ่งดูสวยเข้าไปใหญ่
เซี่ยหลิงหลิงตบหน้าตัวเองอย่างพึงพอใจก่อนจะแปะแผ่นมาสก์หน้า
เธอผลักประตูห้องน้ำออกเบาๆในขณะที่กำลังมีความสุขอยู่นั้นโศกนาฏกรรมก็มาอย่างรวดเร็ว
เซี่ยหลิงหลิงร่างกายนั้นยืนไม่มั่นคงนักเท้าเกิดการลื่นเธอกรี๊ดเสียงดังและไม่สามารถคว้าประตูเอาไว้ได้ลื่นล้มลงบนพื้นเสียงดังก้นกระแทกลงบนพื้นไม้อย่างแรง
“ตู้ม!”
เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“พรึบ”
ขวดน้ำวะฮ่าฮ่าล่วงหล่นลงสู่พื้นก่อนจะกลิ้งมาที่ข้างเท้าของเธอก่อนจะหยุดลงเซี่ยหลิงหลิงชะงักไปเงยหน้าขึ้นมองก็ไปปะทะเข้ากับสายตาของเฉิงรุ่ย
สาวงามร่างกายบอบบางนอนราบอยู่บนพื้นข้อศอกยันพื้นเอาไว้ชุดคลุมอาบน้ำถูกเปิดออกเผยให้เห็นถึงทิวทัศน์ที่สวยงามเพียงบางส่วนขาของเธอคู่นั้นเรียวยาวและตรงดิ่งผ้าเช็ดตัวที่พันรอบหน้าอกนั้นถูกเหน็บไว้แน่นช่วงกระดูกไหปลาร้าที่ดูคมชัดและนุ่มนวลอาจจะเพราะว่าเธอพึ่งเดินออกมาจากห้องอาบน้ำผิวของเธอจึงดูสดใสอมชมพูดูมีเสน่ห์มากๆ
ภาพสถานการณ์ตรงหน้าแบบนี้เป็นผู้ชายคนไหนก็คงจะอดใจไม่ไหว
เฉิงรุ่ย:“เธอทำฉันตกใจ”
เซี่ยหลิงหลิง:“???”
นี่คือคำพูดที่คนๆนึงจะพูดออกมาได้งั้นเหรอ?!หุบปากไปเลยดีกว่ามั้ย?
เพราะคำแถลงการณ์อย่างจริงจังของเซี่ยหลิงหลิงในบ้านไม่มีน้ำโค้กมีแค่เพียงผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ทำจากนมเท่านั้นรวมไปถึง......ยาคูลท์ยี่ห้อวะฮ่าฮ่าด้วยเซี่ยหลิงหลิงรู้สึกสงสัยมากว่าเพราะเฉิงรุ่ยไม่ได้ดื่มน้ำอัดลมถึงได้มายั่วโมโหเธอแบบนี้
แต่เรื่องจริงก็แสดงให้เธอได้รู้ว่าเธอแค่คิดมากไปเอง
เฉิงรุ่ยไม่มีทีท่าว่าจะพยุงเธอให้ลุกขึ้นมาแต่อย่างใดยิ่งไม่ได้มีอาการเลือดลมสูบฉีดหรืออาการสปาร์คอะไรจากสิ่งที่เซี่ยหลิงหลิงเห็นนั้นเขาเพียวแต่ก้มเก็บขวดนมวะฮ่าฮ่าด้วยท่าทีนิ่งๆแล้วเดินจากไป
เซี่ยหลิงหลิง:“......”เดินจากไปเฉยๆแบบนี้เลยเหรอ?
เธอโมโหถึงขีดสุดหยิบรองเท้าแตะแล้วปาไปทางเฉิงรุ่ยรองเท้าแตะลอยไปฟาดที่ก้นของเฉิงรุ่ยก่อนจะเด้งลอยไปอีกทางนึงและในที่สุดเขาก็หยุดเท้าลง
เสียงพูดพร้อมกีดฟันกรอดของเซี่ยหลิงหลิงลอยมาจากด้านหลัง:“พยุงฉันขึ้นมา”
การล้มครั้งนี้ไม่เบาเลยจริงๆข้อศอกของเธอมีรอยช้ำเป็นจ้ำเจ็บไปทั้งร่างเหมือนกระดูกร้าวเฉิงรุ่ยทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพยุงเธอขึ้นมานั่งบนโซฟาเสร็จก็หยิบช็อคโกแลตขึ้นมากินเซี่ยหลิงหลิงแก้แค้นโดยการแย่งช็อคโกแลตมาแล้วอ้าปากกัดช็อคโกแลตคำใหญ่ก่อนจะแสดงท่าทีเยาะเย้ยอย่างภาคภูมิใจ
เฉิงรุ่ยจ้องมองไปที่เธอนิ่งเงียบไปสักพัก
การที่ถูกเฉิงรุ่ยจ้องมองนั้นเป็นความรู้สึกที่แปลกชอบกลดวงตาของเขาเรียวยาวลูกตาของเขาเป็นสีดำดูสวยงามดวงตาคู่นั้นไม่สามารถอธิบายอารมณ์ความรู้สึกได้ซึ่งมันทำให้เซ่ยหลิงหลิงเริ่มยิ้มไม่ค่อยออก
เธอกลืนน้ำลายลงคอพูดด้วยน้ำเสียงแสดงท่าทีไม่พอใจ:”มองอะไรของนายฉันรู้อยู่แล้วว่าฉันน่ะสวย”
เฉิงรุ่ยยังคงจ้องมองเธออยู่อย่างนั้น:“ยังไม่เสียเหรอ?”
เซี่ยหลิงหลิง:“......ฮะ?”
เฉิงรุ่ย:“ดูเหมือนว่ามันจะหมดอายุแล้ว”
เซี่ยหลิงหลิง:“......”
อยู่ๆเธอก็นึกขึ้นมาได้วันที่พวกเขาทั้งสองไปเดินซื้อของที่ซูปเปอร์มาร์เก็ตไม่ได้ซื้อช็อกโกแลตมาด้วยเพราะฉะนั้นเฉิงรุ่ยไปเอาช็อกโกแลตชิ้นนี้มาจากไหนกัน?
เหมือนเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเซี่ยหลิงหลิงเฉิงรุ่ยจึงพูดเชือดขึ้นมาอย่างนิ่มๆ:“ฉันไปเจอมันอยู่ในเสื้อโค้ทกันหนาวที่ใส่เมื่อปีที่แล้วอ่ะ”
มันเหมือนติดอยู่ที่คอช็อคโกแลตที่เหลือจะกินก็ไม่ได้จะคายก็ไม่ออก
นี่คือวิธีการเชือดของเฉิงรุ่ยนี้!
เธอมองไปที่เฉิงรุ่ยด้วยสายตาโกรธแค้นก่อนจะป่าวประกาศไปว่า:“นายอดกินมื้อเช้าแล้วล่ะ”
เพราะอาหารอันเลิศรสทำให้เขากลับสู่โหมดร้องขอชีวิตดูเหมือนจะพยายามผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างทั้งสองคน
......
“ฉันเหมือนจะมีช็อคโกแลตที่ยังไม่หมดอายุอยู่ห่อนึงจะกินมั้ย?”
เซี่ยหลิงหลิง:“......”
ขอบใจมากเลยจ่ะ
แต่ว่าเหมือนจะเป็นเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้กำแพงแห่งความแปลกหน้าที่กั้นระหว่างทั้งสองเอาไว้นั้นถูกทำลายลงไปบ้างแล้วถึงแม้ว่าในหลายวันที่ผ่านมานี้ทั้งคู่จะนั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกันตลอดพูดคุยกันบ้างเป็นครั้งคราวแต่ถึงอย่างนั้นกับเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตของเขารวมไปถึงประตูที่เขาปิดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนั้นก็ยังคงทำให้เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกไม่เข้าใจอยู่ดี
แต่ว่าเธอเองก็ไม่ได้ต้องการจะเข้าใจอะไรมากมายหรอกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอเซี่ยหลิงหลิงโล่งใจขึ้นมาบ้าง
แต่รูปแบบการอยู่ร่วมกันในตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้วเพื่อนแปลกหน้าสองคนคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน......และนี่ก็คือนิยามความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน
“วันนี้นายจะออกไปข้างนอกหรือเปล่า?”
เซ่ยหลิงหลิงถามแบบนั้นเพราะเธอมีเหตุผล
โดยปกติในวันธรรมดาแล้วเฉิงรุ่ยจะขลุกอยู่แต่ในห้องสมุดของเขาจะมีออกบ้านบ้างในบางทีและก็มักจะสวมอยู่ในชุดไหมพรม,ชุดกีฬาออกไปเป็นประจำแน่นอนว่าคงจะไม่ได้ไปสถานที่ที่เป็นทางการแน่นอนดังนั้นภายในใจของเซี่ยหลิงหลิงตอนนี้ก็คือเฉิงรุ่ย=หนอนหนังสือ
คนบางคนหากมองผิวเผินอาจจะดูปกติทั่วไปแต่ไม่รู้ว่าจริงแล้วในคอมพิวเตอร์นั้นเก็บทรัพยากรณ์ข้อมูลอะไรไว้บ้างในสมองของเซี่ยหลิงหลิงนั้นเห็นภาพที่มีของทำมือและเครื่องไม้เครื่องมือเต็มไปหมดทั่วบ้าน
เฉิงรุ่ยมองเธอด้วยท่าทีสงสัยไม่รู้ว่าเซี่ยหลิงหลิงกำลังคิดอะไรแปลกๆอยู่
“อืม”
“ถ้าอย่างงั้นนายรอแปปนึงนะเราจะได้ออกไปพร้อมกัน”พอดีเลยเธอจะเก็บของบางส่วนในห้องไปทิ้งรวมไปถึงชุดชั้นในรูปทรงแปลกๆอีกจำนวนนึงด้วย
คำว่าแปปเดียวที่เอ่ยออกมาจากปากของผู้หญิงนั้นจริงๆแล้วมันคือเวลาอันแสนยาวนานที่ไม่มีใครคาดถึง
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ในขณะที่เฉิงรุ่ยหยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้เธอก็ลากถุงขยะสีดำใบใหญ่ออกมาจากห้องพอดีเหนื่อยจนเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว:“ไหนๆก็จะลงไปพร้อมกันพอดีนายก็ช่วยฉันยกลงไปทิ้งหน่อยนะ”
เฉิงรุ่ยลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปยกถุงขยะนั้นโดยไม่มีท่าทีอิดออดแม้แต่น้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไปก่อน
เซี่ยหลิงหลิงถือกระเป๋าเดินตามหลังมา
เฉิงรุ่ยมีรูปร่างที่สูงมากเซี่ยหลิงหลิงลองกะดูแล้วดูเหมือนว่าหากตัวเองไม่ได้สวมร้องเท้าส้นสูงก็คงจะสูงถึงแค่ระดับคางของเขาเท่านั้นขาที่ได้รับบาดเจ็บจากการหกล้มนั้นเริ่มแสดงอาการปวดขึ้นมาทำให้จังหวะการเดินของเซี่ยหลิงหลิงนั้นค่อยๆช้าลงเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกันนั้นก็มีร่างของคนๆนึงเดินผ่านเซี่ยหลิงหลิงไปเดินก้าวฉับๆนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขาเดินออกจากตึกไปด้านนอกประตูยังมีบันไดอีกเซี่ยหลิงหลิงรู้จักหญิงสาวที่เดินผ่านเธอไปคนนั้นเป็นลูกสาวของเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่บนตึกนี้มักจะคอยอาศัยช่วงเวลาที่มาทิ้งขยะเดินวนไปมารอบๆหน้าทางเข้าตึกไม่เจอเฉิงรุ่ยแต่กลับเจอเซี่ยหลิงหลิงครั้งแล้วครั้งเล่า
เซี่ยหลิงหลิงแอบกรอกตาใส่นิดนึงแถมยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร
สาวน้อยอยู่ในชุดเดรสสีขาวรองเท้าส้นแหลมเหมือนดั่งดอกบัวสีขาวที่ดูบอบบางเธอวิ่งกระเด้งกระโดดไปทางที่เฉิงรุ่ยเดินไป
เซี่ยหลิงหลิงไม่เข้าใจว่าเจ้าเด็กนี่คิดวางแผนจะทำอะไรอยู่ในขณะที่เธอสังเกตเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยท่าทีงุนงงอยู่ๆเจ้าเด็กนั่นก็ทำเสียงโอ๊ยออกมาก่อนจะแสร้งทำเป็นสะดุดล้มตั้งใจจะพุ่งเข้าชนกับแผ่นหลังของเฉิงรุ่ย!
เซี่ยหลิงหลิงอึ้งในทันที
ดอกบัวสีขาวที่บอบบางอะไรกันนี่มันเรียกว่าพญาเสือลงเขา,หมาป่าผู้หิวโหยมากกว่ามีความมุ่งมั่นสูงและจะไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคที่เข้ามาง่ายๆ
เธอสามารถคาดเดาได้เลยว่าฉากต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
เรื่องที่ร้อยวันพันปีจะเกิดขึ้นสักครั้งเฉิงรุ่ยที่ในมือถือถุงดำอยู่ถึงกับชะงักเท้าในขณะเจ้าดอกบัวขาวน้อยกำลังวาดฝันว่าตัวเองจะได้ดื่มด่ำกับแผ่นหลังอันหนาแน่นนั้นแต่เขากลับเดินถอยออกมาหนึ่งก้าวอย่างนิ่งๆเพื่อเว้นระยะให้เจ้าดอกบัวขาวได้มีช่องว่างมากขึ้นสาวน้อยแสดงอาการตกใจจนเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงก่อนจะกรีดร้องด้วยเสียงที่น่าสังเวช
เซี่ยหลิงหลิง:“......”
เฉิงรุ่ยคลายถุงขยะที่อยู่ในมือแล้วสไลด์ไปกับพื้นเจ้าดอกบัวสีขาวนั้นล้มลงไปทับกับถุงขยะนิ่มนิ่มที่สูงเกือบเท่าครึ่งตัวของเธอได้พอดิบพอดีจึงไม่เกิดเหตุการณ์การหกล้มหัวฟาดพื้นเลือดไหลให้ได้เห็น
เรื่องที่ทำให้คนรู้สึกอึดอัดนั้นได้เกิดขึ้นมาในทันที
ถุงขยะพองๆในตอนแรกถูกกดทับอย่างรุนแรงจนแตกเสียงดังตู้มอีกฝ่ายยังไม่รู้สึกตัวหัวของหล่อนมุดเข้าไปในกองเสื้อผ้าสาวน้อยนอนคว่ำอยู่บนกองถุงขยะด้วยความรู้สึกหวาดผวาดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่เธอเงยหน้าขึ้นมีสายยาวๆห้อยลงมาจากหัวเนื้อผ้าลูกไม้และเป็นสีแดงสด
“......”มองดูฉากตรงหน้าเซี่ยหลิงหลิงมีเพียงความรู้สึกที่แบบว่าจุดจุดจุด
สาวน้อยที่มีบราสุดเซ็กซี่แปะอยู่บนหัวเกิดรู้สึกได้ถึงความผิดปกติสีหน้าเริ่มเปลี่ยนเธอกระตุกสายบางๆนั้นลงมาด้วยท่าทีเงอะงะเมื่อเห็นว่าสิ่งที่อยู่ในมือนั้นคืออะไรแล้วสีหน้าของเธอก็เริ่มซีดเผือด
เฉิงรุ่ยยืนอยู่บนบันไดขั้นแรกมือข้างนึงล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงจ้องมองไปที่หล่อนด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวและดูเหมือนไม่มีท่าทีจะลงมือช่วยเหลือแต่อย่างใด
สาวน้อยผู้นั้นทนกับความรู้สึกผิดไม่ไหวปล่อยโฮร้องไห้ออกมาเสียงดังพร้อมโยนบราตัวนั้นบินลอยหายไปไกล
เซี่ยหลิงหลิง:“......”
นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอนี่นา
เฉิงรุ่ยเดินลงบันไดมาอย่างเชื่องช้าก่อนจะค่อยๆก้มลงเก็บบราขึ้นมาเดินเข้าไปถือถุงขยะขึ้นมาอีกข้างด้วยท่าทีปกติและธรรมชาติเซี่ยหลิงหลิงเห็นแล้วก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อยแม้ว่าเธอจะไม่เคยใส่บราพวกนั้นแต่ถึงยังงั้นหากว่าไปตามเนื้อเรื่องแล้วของพวกนั้นก็เป็นของเธออยู่ดี
เธอรีบเดินลงบันได:“เดี๋ยวก่อนนายวางลงเลยนะเดี๋ยวฉันเก็บเก็บเก็บ......โอ๊ย!”
อยู่ๆข้อเท้าก็เกิดหมดแรงก่อนจะเริ่มรู้สึกปวดขึ้นมาฝ่าเท้าเกิดไร้เรี่ยวแรงเซี่ยหลิงหลิงเกือบจะหกล้มหัวทิ่มแล้ว
เซี่ยหลิงหลิงสาบานได้ว่าเธอเห็นกับตาตัวเองว่าเจ้าบ้าเฉิงรุ่ยเอี้ยวตัวหลบเธอ!
หลบ!ออก!เหรอ!
เธอตั้งสติได้อย่างรวดเร็วแล้วเอื้อมมือไปคว้าชายเสื้อของเฉิงรุ่ยเอาไว้และนั่นเองเฉิงรุ่ยไม่ทันได้ตั้งตัวดั่งต้นไม้ที่ถูกพายุโค่นล้มก่อนจะล้มตึงลงไปนอนกับพื้นและเซี่ยหลิงหลิงก็ล้มลงไปทับหน้าอกของเฉิงรุ่ยอย่างพอดิบพอดีจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยสักนิด
หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมอกนั้นมีความอ่อนนุ่มและมีกลิ่นหอมเส้นผมดำเงาใบหน้าขาวๆนั้นเริ่มแดงขึ้น
น้ำเสียงนุ่มๆของเธอถามขึ้นมาด้วยความตกใจ:“นายโอเคมั้ย?”
เฉิงรุ่ย:“......”
สายตาสองคู่ประสานกัน
เกิดคำถามมากมายขึ้นมาในหัวของเซี่ยหลิงหลิงเธอยิ้มแล้วกัดฟันพูด:“นายจะบอกว่าตัวฉันหนักเกินไปใช่ป่ะ”
เฉิงรุ่ยกลืนคำพูดที่กำลังเข้าไป
“เปล่า”
เซี่ยหลิงหลิง:“......”
เฉิงรุ่ย:“แขนหักแล้ว”
เซี่ยหลิงหลิง:“?!”
เธอรีบลุกขึ้นนั่งมองเฉิงรุ่ยยกแขนที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างรู้สึกละอายใจเฉิงรุ่ยถอนหายใจเบาๆนั่นยิ่งทำให้เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกละอายใจมากยิ่งขึ้น
“ขอโทษนะเราไปโรงพยาบาลกันเถอะ!ฉันจะออกค่ารักษาให้นายเองนะ!”
หากเซี่ยหลิงหลิงได้รู้ว่าเฉิงรุ่ยนั้นได้ซื้อประกันชั้นสูงขนาดไหนให้มือของเขาเธอจะไม่มีทางพูดอะไรแบบนั้นออกมาแน่นอน
ไม่ทีทางแน่นอน