ตอนที่ 3   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 3
ตอนที่ 3 ฉันกำลังวาดภาพแฟนของฉันอยู่ แฟนของฉันนี้ยังไม่มีใบหน้า เพราะว่า ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะเป็นแฟนฉันได้ไหม ——ไดอารี่ของนางรวย ตระกูลเฉิงรุ่นก่อนมีสองคนเป็นทหาร เฉิงโม่ถูกฝึกการทำงานและพักผ่อนอย่างมีระเบียบวินัยพวกพี่น้องหลายคนตั้งแต่เด็ก พื้นฐานคือตื่นเจ็ดโมงเช้ามาวิ่งทุกวัน วิ่งเสร็จก็อาบน้ำ ทานอาหารเช้าแล้วค่อยออกไปทำงาน ไม่ชินกับการทานอาหารเช้าที่ห้องทำงาน ในเรื่องนี้ กาวเยวี่ยนก็รู้ดี แม้แต่เฉิงซินก็รู้หมด ดังนั้น เฉิงซินไม่มีทางจะให้อาหารเช้าเขา เฉิงโม่เห็นสายตาจริงใจของกาวเยวี่ยน ระหว่างคิ้วขมวดขึ้น ใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกเดินไปทางห้องทำงาน แล้วพูดด้วยโทนเสียงเรียบเฉย “ไม่ต้อง ฉันทานแล้ว ยังไงเฉิงซินก็ให้มา นายอย่าทิ้งล่ะ” กาวเยวี่ยนวิเคราะห์คำพูดของประธานเฉิง ค่อนข้างเดาไม่ออก ประธานเฉิงดีใจหรือไม่ดีใจ? เดี๋ยวจะมีประชุมเช้า เฉิงโม่เดินเข้าไปในห้องทำงาน แล้ววางเสื้อสูทตัวนอกไว้บนโซฟาอย่างสบายๆ เขาหันศีรษะมามองแวบหนึ่ง พบว่าผู้ช่วยของเขายังยืนอยู่งงอยู่ทางเข้าประตู ค่อนข้างไม่พอใจ “เตรียมเข้าประชุม” กาวเยวี่ยนมีสติกลับมาแล้วรีบพูด “โอเคครับ” เขารีบวางอาหารเช้าไว้ในห้องเก็บของ เตรียมรอทานในตอนเที่ยง แล้วก็ไปเตรียมข้อมูลที่ต้องใช้ในการประชุม เฉิงโม่เดินไปนั่งข้างหน้าโต๊ะสำนักงาน เลขาเอากาแฟดำเข้ามาวางไว้บนโต๊ะ เขายกกาแฟขึ้นมาเจ็บเล็กน้อย มองกาวเยวี่ยนยุ่งไปยุ่งมาอย่างเหม่อลอย เฝ้ามองอย่างติดตาม เมื่อก่อน เขาเป็นห่วงแค่ประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น กาวเยวี่ยนพอเรียนจบก็มาทำงานอยู่ข้างเขาเลย ปีนี้อายุยี่สิบหกปี อายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปี พฤติกรรมดี ตั้งใจทำงานไม่สะเพร่า ไม่มีงานอดิเรกที่แย่ๆ หน้าตาธรรมดา แต่ว่าเมื่อเทียบกับเขา ยังห่างกันไกลโข เฉิงโม่แอบระมัดระวังในใจ เฉิงซินเข้าบริษัทมาสองปีกว่า ตอนเขาตามจีบตู้หลิงแล้วเพิ่มวีแชทเธอเป็นเพื่อน จนถึงตอนนี้ก็ปีกว่าแล้ว สาวน้อยในตอนแรกนั้นเรียกเขาว่าประธานเฉิงอย่างทำตามกฎระเบียบ เชื่องเหมือนกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง เวลาผ่านไปนาน ก็ค่อยๆเผยนิสัยออกมา มีท่าทีอ่อนโยนและมีไมตรี เธอก็เริ่มไม่สุภาพขึ้นเรื่อยๆ ในบริษัทก็เรียกเขาว่าประธานเฉิงตามกฎ ส่วนตัวก็เรียกเขาว่าเฉิงโม่อยู่บ่อยๆ เมื่อก่อนเขายังนึกว่า เฉิงซินค่อนข้างชอบเขา เข้าใจผิดจริงๆหรอเนี่ย? พอกาวเยวี่ยนหันศีรษะไป ก็เห็นประธานเฉิงหรี่ตาครึ่งหนึ่ง มองเขาด้วยสีหน้าไม่แยแส เขาพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ “ประธานเฉิง เป็นอะไรครับ?” “ไม่มีอะไร” เฉิงโม่วางแก้วลง ลุกขึ้นมาเดินออกจากห้องทำงานไป “ไปประชุม” กาวเยวี่ยนรีบถือเอกสารตามไป รายงานผลงาน “รองประธานฮั่วบอกว่าเดี๋ยวทางนั้นทั้งหมดจะราบรื่น วันที่สิบ เดือนเมษายน จัดงานตัดริบบิ้นก่อตั้งบริษัท คุณต้องไปล่วงหน้าประมาณสองวัน” บริษัทภาพยนตร์สือกวางไม่เพียงลงทุนแค่หนังกับละคร ให้ความสำคัญกับการสร้างช่องทางการตลาดของบริษัทเครือข่ายเบื้องหลัง จนถึงปัจจุบัน บริษัทภาพยนตร์สือกวางมีแบรนด์โรงภาพยนตร์ชั้นเยี่ยมอย่าง “เมืองสือกวาง” อยู่ทั้งหมด 45 ที่ทั่วประเทศ นี่เป็นสถิติของการเผยแพร่ภายนอก ที่จริงยังมีอีก 6 ที่ที่ยังไม่ได้ก่อตั้ง อุตสาหกรรมภาพยนตร์เดิมทีจะเป็นการสื่อสารกันภายในประเทศ ภาพยนตร์จีนในช่วงปีนี้ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ภาพยนตร์สงคราม ภาพยนตร์ไซไฟ ล้วนแล้วค่อยๆพัฒนาดีขึ้น ต่างประเทศก็มีโรงภาพยนตร์ของคนจีนอยู่แน่นอน บริษัทภาพยนตร์สือกวางเป็นโรงภาพยนตร์แรกที่เดี๋ยวจะก่อตั้งในมาเลเซีย ทางนั้นจะมีรองประธานฮั่วเจิ้นตงของบริษัทภาพยนตร์สือกวางเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ตลอด เฉิงโม่พยักหน้า “อืม” ตอนนี้เพิ่งปลายเดือนมีนาคม ยังมีช่วงเวลาห่างจากการก่อตั้งอยู่ เขาถามขึ้น “เรื่อง Counter terrorism วันที่เริ่มถ่ายทำได้ตัดสินใจหรือยัง?” “น่าจะเป็นช่วงกลางเดือนเมษายน รายละเอียดวันที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ คุณก็รู้ว่าผ.อ.เจียงเชื่อเรื่องโชคลาง ทุกครั้งที่ถ่ายทำเขาจะหาคนมาคำนวณ” “รีบตัดสินใจให้เร็วที่สุด” ขาเขาเรียวยาว ก้าวเดินไว แป๊ปเดียวก็เดินถึงทางเข้าห้องประชุม “ห้ามกำหนดวันก่อตั้งสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่งั้นฉันไม่มีทางปรากฏตัว” วันที่ถ่ายทำของทุกเรื่อง เฉิงโม่จะต้องไปรับผิดชอบด้วยตัวเอง พิธีการก่อตั้งโรงภาพยนตร์เขาก็ต้องไปเหมือนกัน กาวเยวี่ยนแสดงออกว่ารู้ แล้วเดินเข้าห้องประชุมตามหลังเขาไป เฉิงซินกลับไปข้างล่างตึก ยังคงไม่ค่อยวางใจ เธอนั่งเก้าอี้เปลี่ยนท่าอยู่หลายที คิดใคร่ครวญว่าถ้าผู้ช่วยกาวเอาเรื่องเธอไปพูด เธอจะโต้กลับอย่างไร? แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ไม่ให้เฉิงโม่คิดว่าเธอรุกเกินไปก็พอ เธอคิดอยู่สักพัก กลุ่มวีแชทสามคนก็ดังขึ้น ในกลุ่มมีเธอ ตู้หลิงและสวี่หยวน สวี่หยวนเป็นคน @ เธอในกลุ่ม สวี่หยวน @ นางรวย: “อาทิตย์นี้ว่างไหม? พนักงานพักร้อนหนึ่งคน ขาดผู้ช่วย อาทิตย์นี้มาดูร้านให้ฉันหน่อย” สวี่หยวนเรียนจบการออกแบบเสื้อผ้า หลังเรียนจบก็เปิดสตูดิโอเล็กๆกับเพื่อนนักเรียน เพิ่งเริ่มได้หนึ่งปี กิจการก็เรื่อยๆ แล้วก็พึ่งเธอกับตู้หลิงคอยช่วยโฆษณาให้อยู่บ่อยๆ ถึงได้รอดมาได้ วันเสาร์เฉิงซินต้องไปบริษัทตกแต่งห้อง วันอาทิตย์ถึงจะว่าง นางรวย: “วันอาทิตย์ว่างทั้งวัน พอใจไหม?” สวี่หยวนส่งสติกเกอร์ขอบคุณนางรวยทันที สติกเกอร์นี้เฉิงซินทำขึ้นมาเองด้วย ต่อมาสวี่หยวนก็ถามเธอด้วยความเห็นอกเห็นใจ “เธอกับประธานเฉิงเธอเป็นยังไงบ้างแล้ว? ตอนนี้เขามีคนคุยอยู่ปะ?” นางรวย: …… คราวที่แล้วเฉิงซินพูดกับสวี่หยวน เธออยากจะฉวยโอกาสนี้เข้าหาในตอนที่เฉิงโม่กำลังอกหักอยู่ เฉิงซินคิดไปคิดมา เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเฉิงโม่มีคนคุยหรือเปล่า ยังไงถ้าเธอไม่สำเร็จก็คือ...... สวี่หยวนยุ่งมาก อาทิตย์นี้เธอสามารถไปช่วยได้แน่นอน เฉิงซินดูรูปโปรไฟล์ของตู้หลิง ตู้หลิงหลายวันมานี้ต้องไปต่างประเทศเพื่อไปสำรวจสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ พอดีสองวันนี้ลู่จัวเฟิงลาพักร้อน ทั้งสองตัวติดกัน เลยไม่มีเวลามาแชทกันออนไลน์ คิดไม่ได้แล้ว ต้องทำงาน หัวข้อที่ส่งไปเมื่อวานถูกเฉิงโม่ปฏิเสธไปแล้ว เธอค่อนข้างมีความคิด ลองเขียนประวัติย่อของบุคคลหนึ่งดู เขียนไปสามชั่วโมง เขียนออกมาได้ห้าร้อยตัวอักษร ดูแล้วก็ไม่ค่อยพอใจ ต้องลบออกหมด เฉิงซินมองเอกสารที่ว่างเปล่าด้วยความหดหู่ พอมองไปที่เวลา จะเที่ยงแล้ว เธอปิดคอมพิวเตอร์ทันที แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นไปบนตึก ห้องทำงานของเฉิงโม่อยู่ชั้น 22 ข้างบนนอกจากห้องประชุมสองห้องแล้ว ก็จะมีห้องทำงานของผู้บริหาร คนธรรมดาจะขึ้นมารบกวนง่ายๆไม่ได้ แต่เฉิงซินเป็นข้อยกเว้น หนึ่งปีกว่าก่อนหน้านี้ ตอนที่เฉิงซินเป็นเพื่อนในกลุ่มพันธมิตรกับเฉิงโม่ เธอมีธุระอะไรก็สามารถขึ้นตึกมาหาเขาได้ทันที เลขานุการข้างบนคุ้นเคยกับเธอมาก เลขาเฉินเห็นเธอ ก็ยิ้มอย่างสุภาพ “คุณเฉิง ประธานเฉิงยังประชุมอยู่ค่ะ” พอพูดจบประโยค ประตูห้องประชุมก็เปิดออก พอเฉิงโม่เดินออกมาก็เห็นเฉิงซิน อากาศในปักกิ่งเพิ่งจะหยุดอุ่นได้ไม่นาน ตอนนี้ยังค่อนข้างหนาว เธอมองเขาสวมเสื้อกันหนาวผ้าขนสัตว์สีขาวตัวหลวม ผมที่กึ่งยาวถูกมัดขึ้นไปหลวมๆ เผยให้เห็นใบหน้าเท่าฝ่ามือ เฉิงซินกับตู้หลิงเป็นคนซูโจว ไม่รู้ว่าคือการบำรุงร่างกายของตำบลโบราณริมน้ำแห่งเจียงหนานหรือเปล่า ทั้งคู่มีผิวพรรณที่ขาวเนียน ตอนแรกที่ไปกองทัพบกเดือนกว่า กลุ่มหญิงสาวผู้สร้างภาพยนตร์หลายคนดำขึ้นเป็นสองเฉด ยกเว้นเธอกับตู้หลิง “อ๋อ......ฉันไม่ได้มาหาประธานเฉิง” เฉิงซินยิ้มตอบกลับไป “ฉันมาหาผู้ช่วยกาว” เฉิงโม่ “……” เขาเห็นลักยิ้มน่ารักบนแก้มของสาวน้อย จึงยิ้มคิกคักออกมา แล้วเดินไปอย่างไม่แสดงออกอะไร เฉิงซินเห็นเขา สายตาก็เป็นประกาย “ประธานเฉิง” เฉิงโม่เอ่ย “อืม” อย่างเรียบๆ สายตาไม่ได้มองมาที่เธอ ร่างสูงใหญ่เดินผ่านเธอ แล้วเข้าห้องทำงานไป ......เย็นชาอะไรขนาดนี้? สายตาเฉิงซินมองตามแผ่นหลังเขา รอยยิ้มบนหน้าหุบลง แม้แต่ลักยิ้มบางๆก็ไม่เห็น แต่ว่า แป๊ปเดียวก็นึกถึงเรื่องสำคัญ เธอมองกาวเยวี่ยนทางด้านหลังของเฉิงโม่ เธอเงยหน้ายิ้มกว้าง “ผู้ช่วยกาวคะ” กาวเยวี่ยนชะงักฝีเท้าลง มองมาทางเธออย่างหมดหนทาง ราวกับรู้ว่าเธอมาหาทำไม กลัวเขาจะบอกประธานเฉิงล่ะสิ? เขานึกถึงเมื่อก่อนตอนที่ประธานเฉิงตามจีบตู้หลิง แม้ว่าเฉิงซินจะละเลยบ้าง แต่ทั้งสองก็ติดต่อกันบ่อย เรื่องที่ติดต่อกันก็หนีไม่พ้นเรื่องตู้หลิง กาวเยวี่ยนคิดอย่างเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้สึกว่าเรื่องนี้มันกระอักกระอ่วนพอแล้ว ประธานเฉิงตามจีบตู้หลิงมาปีกว่า เฉิงซินก็ไม่รู้ว่าเริ่มชอบประธานเฉิงตอนไหนเหมือนกัน ถ้าปล่อยให้นานกว่านี้ น่าจะรู้สึกแย่มากๆเลยล่ะมั้ง? ตอนนี้มาช่วยเขา เพื่อรักษาศักดิ์ศรีตัวเอง? คิดแบบนี้แล้ว จู่ๆก็คิดว่าเฉิงซินน่าสงสารเกินไปหน่อย เฉิงซินไม่รู้ผู้ช่วยกาวจินตนาการไปถึงไหนแล้ว เธอหันไปมอง “อาหารเช้าทานหรือยัง?” เฉิงโม่เดินมาถึงประตูทางเข้า ได้ยินเสียงกระตือรือร้นของเธอ เขาขมวดคิ้ว ตามจีบผู้ชายนี่ตามขึ้นมาถึงห้องทำงานเลยหรอ? ไม่รู้หรอว่าแบบนี้มันกระทบต่อการทำงาน? เขาปิดประตูลง คิดว่าจะสร้างกฎให้เธอดีไหม นอกประตู กาวเยวี่ยนคิดแล้วคิดอีกก่อนพูด “ทานแล้ว” เฉิงซินตาเป็นประกาย “งั้นก็ดีแล้ว” ทานแล้วก็แสดงว่าเขาคงไม่บอกเรื่องนั้นกับเฉิงโม่ กาวเยวี่ยนพยักหน้า เฉิงซินลงตึกไปอย่างมีความสุข เลขาเฉินมองดูการแสดงอยู่ข้างๆ ก็ค่อนข้างสับสน ถามกาวเยวี่ยนอย่างอดไม่ได้ “คุณเฉิงให้อาหารเช้านายหรอ? ทำไมอ่ะ?” ความจริงไม่อาจพูดได้ กาวเยวี่ยนหัวเราะหนึ่งที “ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดหรอก อย่าไปคิดเยอะ ทำงานไป ” เลขาเฉิน “……” นินทาสักหน่อยจะเป็นอย่างไร? เธอโอดครวญ แล้วหันศีรษะไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนเลขาข้างๆ “เฉิงซินคงไม่ได้ตามจีบกาวเยวี่ยนหรอกมั้ง? เมื่อก่อนฉันนึกว่าเธออาจจะชอบประธานเฉิงมาตลอด เธอขึ้นมาข้างบนได้โดยไม่ต้องนัดหมาย ฉันยังนึกว่า......” “นึกว่าเธอมีอะไรๆกับประธานเฉิงหรอ?” “ไม่ใช่หรอก เมื่อก่อนประธานเฉิงตามจีบตู้หลิง แต่จีบไม่ติด เฉิงซินเป็นเพื่อนสนิทกับตู้หลิง ความสัมพันธ์ของทั้งสองดีมากขนาดนี้ ถ้าเธอชอบประธานเฉิง แบบนั้นยอมรับได้หรอ? ประธานเฉิงเคยจีบเพื่อนสนิทเธอนะ! เธอลองคิดดูว่าแฟนเธอเคยจีบเพื่อนสนิทเธอ เธอยอมรับได้ไหม?” “รับได้......” ดังนั้น ถ้าเฉิงซินชอบประธานเฉิงจริงๆ จะต้องกล้าหาญมาก และประธานเฉิงไม่แน่นอนว่าจะชอบเธอด้วย เฉิงซินไม่รู้คำนินทาเล็กๆน้อยๆที่ห้องทำงานชั้นบน กลับมานั่งในที่ทำงานของตัวเอง เธอนึกถึงท่าทางเย็นชาเมื่อครู่ของเฉิงโม่ ก็ก้มหน้าถอนหายใจออกมา สุดท้ายต้องทำอย่างไรกันแน่ ถึงจะทำให้เฉิงโม่ชอบเธอได้? เธอนอนพิงโต๊ะ หยิบปากกามาวาดรูปบางๆ จากนั้นก็ถ่ายรูป แล้วโพสต์ลงโมเมนต์ในวีแชท ตอนเย็น เฉิงโม่สังสรรค์เสร็จกลับถึงบ้าน อาบน้ำฝักบัวเสร็จก็ไปแช่ในอ่างน้ำ เดินไปที่ครัวรินน้ำหนึ่งแก้ว เขาก้มศีรษะมองโทรศัพท์ เลื่อนไปดูที่โมเมนต์วีแชทด้วยความเคยชิน โมเมนต์วีแชทของคนส่วนมากในรายชื่อจะถูกเขาบล็อคหมด เขาเลื่อนไปดูโมเมนต์วีแชทของเฉิงซินอย่างราบรื่น เห็นรูปใบนั้นแล้ว เธอวาดได้น่าเกลียดมาก บูดๆเบี้ยวๆ หลานชายสี่ขวบของเขายังวาดได้ดีกว่าเธอ แต่ดูออกว่ารูปที่เธอวาดคือผู้ชายคนหนึ่ง เป็นผู้ชายที่ไม่มีใบหน้า หมายความว่าอย่างไร? เฉิงโม่รู้สึกสงสัย คนที่สงสัยเหมือนกันก็คือเพื่อนของเธอ มีนักเขียนบทถาม: เธอวาดอะไรเนี่ย? นางรวย: แฟนฉันไง ถามอีกว่า: [ทำปากยู่] เธอโสดไม่ใช่หรอ? แถมแฟนเธอทำไมไม่มีหน้าล่ะ? นางรวย: เพราะฉันยังไม่รู้ไงว่าแฟนฉันเป็นใคร! เธอไม่รู้ว่าเฉิงโม่จะเป็นแฟนเธอได้ไหม ดังนั้น ตอนนี้แฟนของเธอเลยยังไม่มีใบหน้า เฉิงโม่ฟุบโต๊ะอาหารอย่างเกียจคร้าน ผ้าคลุมอาบน้ำหลวม สามารถเห็นกล้ามเนื้อราบเรียบรางๆด้านใน เขาตกอยู่ในภวังค์จ้องมองรูปวาดนั้น มองประโยคที่เธอตอบกลับ มุมปากยิ้มขึ้นมา แล้วกดไลค์ให้เธอหน่อย
已经是最新一章了
加载中