ตอนที่ 4   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 4
ตอนที่ 4 ฉันไม่อยากได้คนอื่น ฉันแค่อยากได้คุณ เฉิงโม่ ——ไดอารี่ของนางรวย ตอนที่เฉิงซินเตรียมจะนอน เมื่อเห็นไลค์นี้ เธอมองโทรศัพท์อย่างอึ้งๆ สรุปแล้วเฉิงโม่รู้หรือไม่ว่าผู้ชายไร้ใบหน้าในรูปวาดของเธอคือเขาน่ะ? ถ้าต่อไปพวกเขาคบกันจริงๆ เขาจะเสียใจไหมที่ไลค์รูปนี้? เมื่อเธอนึกถึงใบหน้าอึมครึมของเขาก็อยากจะหัวเราะ จู่ๆก็คิดถึงใบหน้าเย็นชาของเขาเมื่อตอนกลางวัน ก็ขำไม่ออก ยังมีความเป็นไปได้อยู่ เขาจะไม่มีวันรู้ความลับนี้ตลอดไป เฉิงซินดึงผ้าห่มมาคลุมศีรษะ แต่จะทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ ตอนที่เธอนอนไม่หลับเธอจะชอบจินตนาการบทละคร ตอนนี้ในหัวค่อนข้างวุ่นวาย มีโครงเรื่องที่ยังไม่ชัดเจนแต่อยากจะแสดงออกมามากๆ มีความรู้สึกแบบนี้ไม่มากนัก เฉิงซินไม่กล้าหลับ ลุกขึ้นมาเปิดคอมพิวเตอร์ เคาะแป้นพิมพ์ต๊อกแต๊ก ประสาทเธอถูกกระตุ้น แทบจะไม่มีความรู้สึกอยากหลับ ขณะที่รอเธอมีปฏิกิริยาโต้กลับ ก็เช้ามืดตีห้าแล้ว เธอตกใจมาก รีบขึ้นเตียงไปนอน นอนดึกทำให้ผิวเสียนะ! นักเขียนบทและนักแต่งหนังสือหลายคนล้วนแล้วมีนิสัยนอนดึก บางครั้งแรงบันดาลใจมันมาแล้ว เขียนจนถึงฟ้าสว่างก็มี ตอนที่เฉิงซินอยู่มหาวิทยาลัยก็นอนโต้รุ่งเหมือนกัน ตอนนั้นยังวัยรุ่นอยู่ นอนโต้รุ่งหลายคืนก็ไม่มีผลกระทบอะไร แต่ตอนนี้ไม่ได้! เพราะเฉิงซินอวดว่าผิวเธอดี ไม่ได้อวดแค่เธอคนเดียว เธอยังอวดตู้หลิงรวมไปด้วย...... ก่อนหน้าที่กลุ่มผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Counter terrorism จะรวมตัวกัน เฉิงซินอยู่กลุ่มนักเขียนบทเล็กๆเดียวกับตู้หลิงอย่างแน่นอน ทั้งคู่เป็นคนซูโจว แถมยังหน้าตาสวย ผิวขาวเนียน มีงานเลี้ยงครั้งหนึ่ง มีโปรดิวเซอร์หลายคนในบริษัทมาร่วมงานด้วย พวกเขาพูดล้อเล่นกันว่าประธานเฉิงนั้นลำเอียงว่าเอานักเขียนบทที่สวยที่สุดในบริษัทสองคนแบ่งไปอยู่กลุ่มเดียว ผ.อ.เจียงเคยทำงานร่วมกับเฉิงโม่หลายครั้ง ทั้งคู่คุ้นเคยกันดีมา เขาเพลินเพลินกับการดูฉากแล้วพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ประธานเฉิงของพวกเราน่ะลำเอียงกับคนสวย” ทุกคนล้วนหยอกล้อ ตอนนั้นเฉิงโม่กำลังนั่งอยู่ที่นั่งหลักในห้องส่วนตัวอย่างใจเย็น แสงไฟอ่อนๆโปรยลงมาบนผมสั้นดำสนิท กึ่งสว่างกึ่งมืด เขาขมวดคิ้วแล้วหัวเราะออกมา แล้วตอบกลับไปอย่างเฉื่อยชา “ใครไม่ชอบคนสวยบ้าง?” ทุกคนหัวเราะกันยกใหญ่ บอกว่าจริง เฉิงโม่มองตู้หลิงแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างลองเชิงและเหม่อลอย “การบำรุงร่างกายของตำบลโบราณริมน้ำแห่งเจียงหนาน” ตอนนั้นเฉิงโม่ไม่รู้เลยว่าเฉิงซินก็เป็นคนซูโจว แค่รู้ว่าเธอสนิทกับตู้หลิงมาก เฉิงซินตอนนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเฉิงโม่กำลังตามจีบแล้ว เธอจึงยิ้มกว้างแล้วพูด “ฉันก็เป็นคนเจียงหนานนะ” เธอชอบเฉิงโม่ ชอบมานานกว่าที่เฉิงโม่ชอบตู้หลิงอีก เขาอึ้งไปสักพัก ผ.อ.เจียงยิ้มพลางตอบ “ทั้งคู่เลยหรอ?” เฉิงโม่มีสติกลับมา ก็ก้มศีรษะหัวเราะ ในตอนนั้นเฉิงซินก็คิดว่าผู้หญิงที่เฉิงโม่ชอบจะต้องเป็นคนที่สวยแน่นอน ตู้หลิงสวย เธอชอบสวมชุดกี่เพ้า นิสัยอ่อนหวานนุ่มนวล เป็นนักเขียนบทสาวสวยสวมกี่เพ้าที่เป็นที่รู้จัก เฉิงซินรู้ว่าตัวเองก็หน้าตาสวยเหมือนกัน แต่เธอกับตู้หลิงเป็นคนละแนวกัน สำหรับสวี่หยวนล่ะก็ นิสัยตู้หลิงจะพิเศษมากกว่า เธอน่ารักมีเสน่ห์มากกว่า ลางเนื้อชอบลางยา เฉิงซินรู้ เฉิงโม่ชอบผู้หญิงแบบตู้หลิง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ใบหน้าของผู้หญิงน่ะ สำคัญที่สุด เธอยังต้องใช้ใบหน้านี้ไปจีบเฉิงโม่ …… เมื่อวันศุกร์ การเผยแพร่ภาพยนตร์จีนจำนวนการขายตั๋วภาพยนตร์เมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 60.8 พันล้านใบ บริษัทภาพยนตร์สือกวางยอดขายตั๋วสะสมอยู่ที่ 16.839 พันล้านหยวน ในนั้นมีภาพยนตร์ 3 เรื่องที่มียอดขายตั๋วมากกว่าหนึ่งพันล้านใบ มีภาพยนตร์ 8 เรื่องที่มียอดขายมากกว่าห้าร้อยล้านใบ มีภาพยนตร์ 39 เรื่องที่มียอดขายมากกว่า หนึ่งร้อยล้านใบ เป็นลำดับที่สองของทั้งประเทศ เป็นรองจากบริษัทภาพยนตร์และสื่อโทรทัศน์หัวเฉิน แต่ว่าเทียบกับปีที่แล้ว สถิติของบริษัทภาพยนตร์สือกวางยังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เฉิงซินเลื่อนดูสถิติของบริษัท ในใจค่อนข้างกังวล สถานภาพทางสังคมเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าแล้ว! เขาก้าวฝีเท้าเร็วเกินไป เธอกลัวว่าตัวเองจะตามเขาไม่ทัน...... ตอนนี้กังวลอยู่ ซ่งเม่ยลี่เดินเข้ามา แล้วพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง “หัวข้อที่ส่งไปเมื่อวานถูกตีกลับ เธอคิดว่าประธานเฉิงอยากจะถ่ายทำอะไรกันแน่อะ? หนังในเมือง หนังสืบสวน หรือว่าหนังสงคราม?” เฉิงซินมองเธอหนึ่งที แล้วพูดอย่างเป็นธรรมชาติ “เขาปฏิเสธมาแล้ว ก็คงไม่ชอบแหละ” เมื่อก่อนบริษัทภาพยนตร์สือกวางคุณพ่อของเฉิงโม่เป็นคนบริหาร ได้ยินมาว่าหลังจากประธานถังได้ทำการผ่าตัดสุขภาพไม่ค่อยดี เลยเกษียณไปแล้ว เมื่อสี่ปีก่อนเฉิงโม่เลยได้บริหารต่อ พวกสื่อล้วนพูดว่าเขาสายตาเฉียบคมมากกว่าประธานคนก่อน โปรเจ็คการลงทุนเสียผลประโยชน์น้อยมาก เฉิงซินเชื่อใจเขา ปีที่แล้วภาพยนตร์ของโปรดิวเซอร์สองเรื่องที่เฉิงโม่รับผิดชอบมียอดขายตั๋วมากกว่าหนึ่งพันล้านใบ พอที่จะพิสูจน์ให้เห็นความสามารถในการกำกับและการเขียนบทของเขา เธอไม่กล้าเอาโครงเรื่องที่ไร้คุณภาพของเธอไปให้เขาดู...... กลัวถูกเขาคัดค้านและหัวเราะเยาะเธออย่างใจดำ ตอนเที่ยง เธอแอบขึ้นไปข้างบน เมื่อเลขาเฉินเห็นเธอ ก็ยิ้มกว้างแล้วพูดขึ้น “วันนี้ตอนบ่ายประธานเฉิงมีสัมภาษณ์ ไม่อยู่บริษัทค่ะ” เฉิงซินยิ้มอย่างสง่างาม “อ๋ออย่างงี้นี่เอง จริงๆฉันจะบอกว่ามาหาผู้ช่วยกาวนะคะ” พูดจบ ก็เมินเลขาเฉินที่ใบหน้านิ่งไป แล้วหันตัวเดินไป หลังจากเลขาเฉินรอให้เธอเดินไป ก็หันศีรษะมานินทากับเพื่อนร่วมงาน “เฉิงซินกำลังตามจีบผู้ช่วยกาวอยู่จริงๆหรอ?” เธอคิดจริงๆว่าหญิงสาวเฉิงซินคนนี้แปลกเกินไป ทำให้คนมองไม่ออก ดูเหมือนว่าประธานเฉิงจะใจกว้างกับเธอมากจริงๆ มีธุระอะไรก็สามารถขึ้นมาหาประธานเฉิงได้ทันที พูดได้ว่าเธอพิเศษกับประธานเฉิง เทียบกับมีประธานเฉิง ยังจะไปชอบผู้ช่วยธรรมดาอีกหรอ? เลขาหลิวคิดไปคิดมา แล้วพูดออกมาอย่างดูหมิ่น “ประธานเฉิงจีบง่ายขนาดนั้นเลยหรอไง? เธอดูพวกนักแสดงโนเนมในวงการบันเทิงหลายคนสิ ใครไม่อยากมีซัมติงกับประธานเฉิงบ้าง ขนาดพวกเธอประธานเฉิงยังไม่ชอบเลย จะไปชอบนักเขียนบทธรรมดาๆอย่างเฉิงซินได้ไง?” เลขาเฉินคิดไปคิดมา ก็พยักหน้า “ก็จริง......” สิ่งทีพวกเขาพูด กำแพงมีหู ประตูมีช่อง ตอนที่เฉิงโม่ตามจีบตู้หลิงก็ไม่ได้ป่าวประกาศ แต่ก็มีคนมองออกและเดาออก ตั้งแต่ที่ตู้หลิงบอกว่าตัวเองมีแฟน ทุกคนก็เดาได้รางๆว่าประธานเฉิงจีบเธอไม่ติด เฉิงโม่เป็น CEO ของบริษัทภาพยนตร์มหาชนจำกัด มีคอนเนคชั่นครึ่งหนึ่งในวงการบันเทิง ยิ่งหน้าตาดีด้วย เป็นคนที่สูงรวยหล่อจริงๆ ไม่ได้มีแค่พวกพนักงานเท่านั้นที่สนใจเรื่องรักๆใคร่ๆของเขา แม้แต่สื่อมวลชนและปาปารัซซี่ก็ตามรายงานข่าว แล้วก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะคบกับสาวคนไหน ในสัมภาษณ์ พิธีกรถามว่า “คำถามจากชาวเน็ตมากมาย ประธานเฉิงตอนนี้โสดหรือเปล่าคะ?” เฉิงโม่พิงโซฟาอย่างเฉื่อยชา คำถามนี้โดนถามแทบทุกครั้งที่สัมภาษณ์ มุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อย “ครับ ผมโสด” พิธีกรยิ้ม “ที่จริงฉันก็สงสัยมาก คุณชอบผู้หญิงแบบไหนคะ?” ช่วงไม่กี่ปีมานี้ข่าวลือของเฉิงโม่ก็ไม่น้อย แต่โดยพื้นฐานก็โดนตะบันหน้า บ่อยครั้งที่ขาหน้าเพิ่งจะโดนข่าวลือ ขาหลังก็คอยแถลง ประธานหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดปี มีสถานภาพทางสังคมมากกว่าหมื่นล้าน หน้าตาหล่อ ไม่มีทางที่จะสงสัยได้เลยจริงๆ มีเงารางๆแวบขึ้นมาในหัวของเฉิงโม่ แต่จับภาพไว้ไม่ได้ เขาเงียบไปlสองวินาที แล้วยิ้มบางๆ “ไม่แน่ใจครับ ให้เป็นเรื่องของความรู้สึกดีกว่า” การสัมภาษณ์จบลงก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว เฉิงโม่คิดอยู่สักพัก ให้คนขับรถขับกลับไปที่บ้านตระกูลเฉิง คนขับรถจอดรถภายในลานบ้านตระกูลเฉิง เฉิงโม่ผลักประตูแล้วลงจากรถ เดินมาถึงประตูทางเข้าก็ได้ยินเสียงคุณแม่เขาเจิงหวั่นโอดครวญ “มีเงินเพิ่มเป็นเท่าตัวแล้วเป็นยังไงบ้างเนี่ย? ยังไม่มีแฟนเลยด้วย แม่น่ะจะจัดหาให้สักหน่อย เขาก็ไม่สนใจแม่เลย” น้องสาวตระกูลเฉิงพูดพลางยิ้มกว้าง “แม่คะ แม่ปล่อยพี่หนูไปเถอะ เขามีคนที่เขาชอบ แต่จีบไม่ติด ตอนนี้คงยังรักษาตัวเองอยู่” เฉิงโม่ “……” เขาน่าเศร้าลง ค่อนข้างแย่ “เฉิงหนิงหนิง ลูกลองคุยให้หน่อยนะ” เขาเดินเข้าไปด้วยสีหน้าเย็นชา เฉิงหนิงหนิงร้องอ๊ะหนึ่งที แล้วรีบหันไปมองเขา แกล้งทำเป็นใสซื่อ “ฉันไม่ได้พูดอะไรนะ” เฉิงโม่กวาดสายตามองเธอ จู่ๆก็นึกถึงเฉิงซิน ผู้หญิงคนนั้นดื้อและแกล้งทำเป็นใสซื่อเก่งกว่าเฉิงหนิงหนิง และชอบทำเป็นเห็นด้วยแต่ในใจกลับต่อต้าน โกหกคนได้อย่างมีแยบยล เขาคิดถึงตรงนี้แล้วก็ขมวดคิ้ว ทำไมเฉิงซินมีข้อเสียเยอะขนาดนี้นะ? เจิงหวั่นมีสติกลับมาจากความตกตะลึง แล้วรีบถาม “ลูกจีบใครไม่ติดนะ?” เฉิงหนิงหนิงอยากจะยกมือขึ้น บ่งบอกว่าเธอรู้นะ เฉิงโม่กวาดสายตามองเธอหนึ่งที เธอเลยหดคออีกครั้ง ปีนี้เฉิงหนิงหนิงอายุยี่สิบสองปีแล้ว กำลังเรียนปริญญาโทอยู่ ปกติเฉิงโม่รักน้องสาวคนนี้มาก เขาไม่ได้ว่าเธออีก เอ่ยเสียงเรียบ “มันผ่านไปแล้ว แม่ไม่ต้องถามแล้วครับ แล้วเฉิงหนิงหนิง เรื่องนี้น่ะไม่ต้องเอาไปพูดเพ้อเจ้ออีกนะ” เขายังมียางอายอยู่ไหมนะ? แต่ละคนล้วนหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เฉิงหนิงหนิงกระซิบ “ฉันไม่ได้เป็นคนพูดออกไปซะหน่อย พวกพี่ฮั่วต่างหาก ถ้าจะโทษก็ไปโทษพวกพี่นู่น” พวกเขาแอบล้อเขาในกลุ่มหรอ? “ได้ยินว่าเขายังหาเพื่อนสนิทมาช่วยด้วยนะ เป็นกลยุทธ์ที่มีชั้นเชิงดีนะ ฮ่าๆๆๆ!” “โตๆกันหมดแล้ว ยังจะทำอะไรใสซื่อแบบนี้อีก?” “นั่นแหละ จีบมาปีกว่า! น่าตลกไหม? ถ้าเป็นฉันนะ มีลูกไปละ ตอนนี้พี่ๆต้องให้แต๊ะเอียแล้ว” เฉิงโม่ขมวดคิ้วแน่น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหนึ่งที ในกลุ่มแชทเงียบไปแล้ว เขาเลื่อนดูเวลาที่คุยกัน แม่เขาแสบจริงๆ เฉิงหนิงหนิงมองเขาอย่างเห็นอกเห็นใจ “พี่......” เฉิงโม่มองอย่างเงียบๆ “เก็บความเห็นใจเธอไป” เฉิงหนิงหนิงเก็บสีหน้าท่าทางทันที จากนั้นก็พูดขึ้น “ไม่เห็นเป็นไรเลย ถ้าพี่ชอบเพื่อนผู้หญิงนักเขียน บริษัทก็มีคนตั้งเยอะไม่ใช่หรอ? แค่เปลี่ยนสักคน” “เอาเถอะๆ ไม่ต้องพูดละ” เจิงหวั่นเห็นสีหน้าลูกชายไม่พอใจ ก็รีบดึงลูกสาวมา “ทานข้าวๆ” เฉิงโม่สีหน้าไม่พอใจอย่างมาก ทานข้าวเสร็จก็กลับทันที พอเขาเดินไป เจิงหวั่นก็ดึงลูกสาวมาถามอย่างระมัดระวัง “ลูกบอกว่าพี่ชายไปจีบใครอยู่นานแล้วจีบไม่ติดนะ? ผู้หญิงที่ไหนเนี่ย สเปคสูงขนาดนั้นเลย? นี่ก็ไม่ชอบหรอ?” เฉิงหนิงหนิงจับโทรศัพท์พลางยิ้มกว้าง “แม่คะ หนูจะให้แม่ดูรูปนะ สวยมากอ่ะ” เจิงหวั่นโน้มเข้าไป เฉิงหนิงหนิงเปิดรายชื่อแชทในวีแชทแล้วพูดขึ้น “รูปเธอน้อยมาก หนูให้ผู้ช่วยพี่ฮั่วส่งมาให้หนูด้วย แม่ดูดิ ได้ยินว่าพี่ชายหนูก็ความสามารถมากอยู่ ผู้หญิงคนนั้นกับเพื่อนสนิทเธอที่พี่เขาจีบอยู่เป็นนักเขียนบทสาวที่สวยสุดในบริษัทเลยนะ สวยทั้งคู่” “คนไหน?” เจิงหวั่นเห็นสองรูป เฉิงหนิงหนิงชี้ไปที่รูปแล้วพูด “รูปบน ที่ยิ้มหวานๆ มีลักยิ้ม” “ก็สวยแหละ แต่ก็สเปคสูงไปนะ......” เจิงหวั่นดูแล้วดูอีก อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ลูกชายชั้นหล่อขนาดนั้น เป็นถึง CEO บริษัทมหาชนจำกัด ยังไม่ดีพอสำหรับเธออีก? เธอปฏิเสธได้ยังไง?” “แม่คะ เธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว” เฉิงหนิงหนิงอธิบาย “ที่จริงหนูรู้สึกว่าเพื่อนสนิทเธอหน้าตาดีกว่าหน่อยนึง หนูชอบแบบนี้......” ตอนนี้เฉิงหนิงหนิงยังไม่รู้ว่า ตอนที่ผู้ช่วยฮั่วเจิ้นตงส่งรูปภาพมาไม่ได้สนใจมากนัก เพียงแค่บอกว่ารูปแรกคือตู้หลิง แต่จริงๆแล้วคนในรูปคือเฉิงซิน ไม่รู้ว่าเขาส่งผิดหรือว่าเน็ตมันนช้า รูปแรกคือเฉิงซิน ด้วยเหตุนี้เฉิงหนิงหนิงเลยยอมรับคนผิด …… เฉิงโม่กลับบ้านมาอาบน้ำ อารมณ์บูดบึ้งในใจถึงค่อยๆหายไป เขาชินกับการไถดูโมเมนต์วีแชทก่อนนอน นิ้วเรียวยาวไถลงมาอย่างรวดเร็ว เพื่อดูอันที่เขาอยากดู นางรวย: ออกกำลังกาย สามเดือนน้ำหนักไม่ลดคงกลายเป็นขอทาน เฉิงโม่ไม่เข้าใจทางเดินสมองของเธอ ทำไมน้ำหนักไม่ลดแล้วจะกลายเป็นยาจก? เขากวาดตามองรูปที่เธอแนบ เป็นรูปที่อยู่ในสโมสรออกกำลังกาย การตกแต่งช่างน่าคุ้นตา เป็นที่ที่เขาสมัครบัตรไว้ โดยปกติ ตอนที่เฉิงโม่เกิดความสงสัย คนมากมายก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน มีคนถามขึ้นมาอย่างที่คิดไว้: ทำไมน้ำหนักไม่ลดแล้วจะกลายเป็นยาจกอ่ะ? นางรวยตอบ: เพราะความสวยของผู้หญิงเป็นทรัพย์สมบัติอันมหาศาล! เฉิงโม่ “……” เธอพูดได้ไม่เลวเลยเหมือนกัน ดูเหมือนทางเดินสมองจะผิดปกติ ในสมองของเธอคงมีคำตอบ มุมปากของเฉิงโม่กระตุกขึ้น หลุดหัวเราะออกมา เย็นวันนี้เฉิงซินไปเข้ายิมก็บังเอิญพบกับความล้มเหลว ค่อนข้างผิดหวัง สโมสรออกกำลังกายที่นั่นค่าสมาชิกทำบัตรแพงโคตร ถ้าไม่รู้ว่าเฉิงโม่เข้ามาออกกำลังกายที่นี่ทุกเย็นวันศุกร์และเสาร์ล่ะก็ เธอคงไม่ทำบัตรนั้น ยังไงเธอก็ไม่ชอบออกกำลังกาย...... ไม่คิดว่าแค่สองอาทิตย์ก็ล้มเลิกความตั้งใจแล้ว เธอไม่อยากยอมแพ้ วันต่อมาหลังจากที่เธอไปเซ็นสัญญาบริษัทตกแต่งห้องและรับกุญแจมาในตอนบ่าย เธอก็สะพายกระเป๋าไปที่สโมสรออกกำลังกายทันที ที่นั่นใหญ่และมีคุณภาพมาก มีห้องพักผ่อนแยกออกมาหนึ่งห้อง ด้านในมีอาหารไขมันต่ำและเครื่องดื่มขายอยู่ เฉิงซินอยากได้อาหารสักเซ็ต หาที่นั่งติดริมหน้าต่างนั่ง ตัดสินใจว่าทานอาหารเย็นเสร็จแล้วจะไปเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกาย หลังจากเฉิงโม่ถึงสโมสรออกกำลังกาย กำลังจะเข้าไปในห้องฝึกซ้อมส่วนตัวเขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคยกำลังวิ่งเหยาะๆอยู่ที่ลู่วิ่ง หางม้าไม่สั้นไม่ยาวกระเด้งไปมา สวมชุดออกกำลังกายแนบเนื้อ เผยให้เห็นเอวคอดขาวเนียน สายตาเขาเลื่อนลงมา กวาดสายตาตั้งแต่รอบเอวลงมา บั้นท้ายยังเด่น เขาเดินไป ยืนนิ่งอยู่ระหว่างลู่วิ่งสองอัน กวาดสายตามองดูที่เลขบนลู่วิ่ง วิ่งไปได้สามสิบนาทีแล้ว “ไม่เลว วิ่งได้สามสิบนาทีจริงๆ” เฉิงโม่พูดอย่างไม่กระตือรือร้น “……” เฉิงซินพอได้ยินเสียงเขา ก็สะดุ้งโหยง ใบหน้าสูญเสียการควบคุมนิดหน่อย เฉิงโม่กดปุ่มหยุดให้เธออย่างมือไวใจเร็ว เห็นว่าเธอยังยืนตกใจอยู่ด้านบน ก็อดว่าด้วยเสียงทุ้มต่ำไม่ได้ “เฮ้อ ไม่กลัวตกลงมาตายหรือไง” เฉิงซินเบิกตากว้างมองเขา เขาสวมชุดออกกำลังกายสีดำทั้งชุด ด้านบนสวมเสื้อยืดแนบเนื้อมาก จนมองเห็นกล้ามเนื้อที่ลอนสวยที่ไม่ได้โอเวอร์ เขารูปร่างผอมสูงแข็งแรง ทันสมัยมาก เป็นรูปร่างที่ดีมากสุดๆ เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเฉิงโม่สวมชุดออกกำลังกาย ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย “ประธานเฉิงคุณทำให้ฉันตกใจแทบตาย......” เธอยังนึกว่าเขาจะไม่มาแล้ว เฉิงโม่มองเธออย่างเงียบๆ “แค่นี้ก็ตกใจหรอ? ฉันนึกว่าเธอใจกล้าบ้าบิ่น” เฉิงซินลงมาจากลู่วิ่ง บางทีอาจจะเพิ่งวิ่งมา ผิวขาวเธออมชมพู ดวงตาดำสนิท ตอนที่ลูกตาเคลื่อนไปมา ดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ เธอพูดอย่างดีใจ “เพราะจู่ๆคุณก็ปรากฏตัวอ่ะ” มุมปากเฉิงโม่กระตุกขึ้นเล็กน้อย แล้วหมุนตัวกลับไปที่ห้องฝึกซ้อมส่วนตัว เฉิงซินมองแผ่นหลังสูงใหญ่ของเขา แล้วพบว่ามีสายตาไม่น้อยจากรอบข้างมองไปที่ร่างกายเขา นึกขึ้นได้ว่าเฉิงโม่ก็เป็นเซเลบครึ่งๆ ก็รีบตามไป “คุณมาทำอะไร?” “มาสโมสรออกกำลังกายจะมาทำอะไรล่ะ?” เขาไม่หันศีรษะกลับมาด้วยซ้ำ เลี้ยวเข้าไปในห้องฝึกซ้อมส่วนตัวแล้ว เฉิงซินอยู่ด้านหลังเขา เฉินโม่ไม่ได้เปิดประตู เขาขยับข้อมือนิดหน่อย แล้วหันกลับไปมองเธออย่างไม่ใส่ใจ “ตามฉันมาทำไม?” ทำไมหรอ? ฉันมาที่นี่ก็เพื่อตามคุณไง! เฉิงซินนึกถึงรายงานทางการเงินที่ประกาศไปเมื่อหลายวันก่อน เธอเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ยินดีด้วยนะคะ สภาพการเงินเพิ่มขึ้นแล้ว” “ขอบใจ” เฉิงโม่เตรียมจะอบอุ่นร่างกาย เห็นว่าเธอยังยืนอยู่ ก็ขมวดคิ้ว “เธอจะยืนดูอยู่ตรงนี้หรอ?” เฉิงซินพูดอย่างเป็นธรรมชาติ “ช่าย ฉันวิ่งไปสามสิบนาทีแล้ว พอแล้วล่ะ” ที่จริงวิ่งไปเพียง ยี่สิบนาทีเอง สิบนาทีแรกเดินจบไปแล้ว ทำแค่กายบริหารแบบพิลาทีส “ฉันคุยเป็นเพื่อนคุณไง” เฉิงซินหาเบาะหนึ่งอันมานั่ง แล้วมองเขาอยู่ “ยังไงฉันก็ว่าง” “คิดหัวข้อเสร็จแล้วหรอ?” “……” เป็นเจ้านายอย่างที่คิดไว้ คิดเรื่องงานตลอดเวลา เฉิงซินเงียบไปหลายวินาที เงยหน้าขึ้นมามองเฉิงโม่แล้วพูดขึ้น “ยัง ฉัน......” “หืม?” เฉิงโม่พิงที่ออกกำลังกายอย่างอ่อนกำลัง ดูท่าทางที่ดูกระอักกระอ่วนและผิดปกติของเธอ จึงหัวเราะในลำคอ “เธอคิดจะทำอะไร?” ตอนแรกที่เฉิงโม่ให้เฉิงซินเป็นเพื่อนในกลุ่ม ถึงจะไม่ได้พูดตรงๆ แต่ก็ทิ้งเงื่อนไขไว้ให้เฉิงซินหนึ่งอย่าง เช่นการให้เธอเลือกทำโปรเจ็คละครที่ตัวเองชอบ หรือเธอคิดจะเป็นคนเขียนบท เขาก็ให้โอกาสเธอได้ลอง แต่ว่า เฉิงซินไม่เคยพูดถึง เฉิงซินนั่งบนเบาะ สองมือเท้าคาง เงยใบหน้าเล็กขึ้นมามองเขา แล้วพูดเสียงอ่อนโยน “เฉิงโม่ ถ้าฉันสามารถเขียนละครที่น่าพอใจออกมาได้หนึ่งเรื่อง คุณเป็นโปรดิวเซอร์ให้ฉันได้ไหม?” เฉิงโม่อึ้งไปสักพัก ไม่คิดว่าเธอจะพูดถึงความต้องการนี้ เขาก้มลงมามองเธอแล้วหัวเราะออกมา “ได้ ถ้าบทละครผ่านข้อเสนอน่ะนะ” เฉิงซินไม่รู้ว่าเขาเข้าใจความหมายที่เธอสื่อไหม แล้วพูดอย่างจริงจัง “ไม่ใช่ผู้ควบคุมการถ่ายทำนะคะ เป็นผู้กำกับ” หลายคนจะสับสนระหว่างผู้ควบคุมการถ่ายทำกับผู้กำกับ แต่สองอย่างนี้มันต่างกันมาก ผู้ควบคุมการถ่ายทำจะมีหน้าที่สำรวจตลาด ว่าตัดสินใจลงทุนดีไหม เมื่อตัดสินใจลงทุนถึงจะว่าจ้างผู้กำกับมา ผู้กำกับต้องเข้าใจการตัดต่อ เข้าใจการตลาด การเลือกคนแสดง จัดการถ่ายทำออกมาให้สมบูรณ์ การผลิตในขั้นตอนสุดท้าย และฉายภาพยนตร์ออกไป ยิ่งสำคัญเลยก็คือการควบคุมงบประมาณ ความเร็วในการถ่ายทำและอื่นๆ ทำให้ภาพยนตร์และละครมีระยะเวลาและงบประมาณที่มีเหตุผลสมบูรณ์ ในกระบวนการการถ่ายทำ ทุกอิริยาบถของผู้กำกับจะกระทบต่อคุณภาพของภาพยนตร์ทั้งเรื่องได้อย่างง่ายดาย เป็นตำแหน่งที่ขาดไม่ได้เลย พูดง่ายๆก็คือ หนึ่งคนจ่ายเงิน หนึ่งคนออกแรง บทละครที่เธอเขียนออกมา ไม่ผ่านข้อเสนอของสือกวางอย่างแน่นอน แม้ว่าจะลงทุนไปแล้ว ก็ไม่แน่นอนว่าเขาจะได้รับผิดชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ บริษัทภาพยนตร์สือกวางยังมีผู้ควบคุมการผลิตและผู้กำกับในนามคนอื่นๆอีก เฉิงโม่ยุ่งขนาดนี้ สายตาก็แหลมคมขนาดนี้ บทละครของเธอคงไม่เขาตาเขาอย่างแน่นอน แต่เธอก็อยากทำภาพยนตร์สักเรื่องที่เฉิงโม่กับเธอทำสำเร็จด้วยกัน มีเหตุผลแบบนี้ หลังจากที่เธอเขียนบทแล้วมีอุปสรรคอะไรก็สามารถปรึกษาเขาได้หมด ภาพยนตร์และละครหนึ่งเรื่องตั้งแต่เตรียมบทละครไปจนถึงการถ่ายทำเสร็จสิ้น อย่างน้อยต้องใช้เวลาหนึ่งปีกว่า เธอยังมีเวลามากมายได้อยู่กับเขา เฉิงโม่ยังคงเอนตัวอยู่อย่างไม่ใส่ใจ มองเธอกึ่งหรี่ตา เฉิงซินถูกเขามองจนรู้สึกเสียความมั่นใจ เธอก้มศีรษะพลางยู่ปาก “ช่างเถอะ ฉันรู้ว่าประธานเฉิงไม่ได้ใจดีขนาดนั้น เมื่อก่อนก็แค่เรียกให้ฉันช่วย พอจีบไม่ติด......” “……” เฉิงโม่หายใจเข้าลึกๆ “นี่เฉิงซิน” “หืม?” เธอเงยหน้าขึ้นมา เฉิงโม่มองหน้าเธอแล้วพูด “ฉันสัญญา ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีเวลา ก็จะให้คนอื่นเตรียมให้เธอ......” พอเฉิงซินได้ยินว่าเขาจะให้คนอื่นเตรียมให้เธอ ก็รีบตะโกน “ไม่ ฉันไม่อยากได้คนอื่น ฉันอยากได้แค่คุณ!”
已经是最新一章了
加载中