ตอนที่ 7
ตอนที่ 7
ถ้าเฉิงโม่ส่งภาษาต่างดาวมาให้ฉัน ฉันคงจะแปลเป็นจดหมายรักได้
ดูสิ มีความสุขในความขมขื่นจากการแอบชอบ
——ไดอารี่ของนางรวย
หวงซืออี้ใบหน้าขาวซีดโดยสิ้นเชิง เธอฟุบอยู่บนโต๊ะ ออกแรงยื่นมือไปข้างหน้า ค้างอยู่ตรงนั้น
จนกระทั่ง นักวางแผนทนดูไม่ไหวแล้ว เลยเบนหน้าออกมาเตือน “ซืออี้ เธอสวมกระโปรงสั้น......”
จะเห็นหมดแล้ว!
หวงซืออี้รีบลุกขึ้นมา แล้วจ้องไปที่เฉิงซินอย่างดุดัน จู่ๆก็นึกอะไรได้ขึ้นมา เธอเดินกระฟัดกระเฟียดไปอ้อมโต๊ะทำงานตัวยาวไป “เธอลบเลย! รีบลบเดี๋ยวนี้!” ประธานเฉิงยุ่งขนาดนั้น ไม่เห็นแน่นอน!
“ทำไมต้องลบ?” เฉิงซินซ่อนโทรศัพท์ไว้ด้านหลัง ยืนยิ้มกว้างมองเธออยู่ที่เดิม “เธอไม่ได้พูดอะไร ทำไมกลัวเขารู้ล่ะ?”
“นี่แก!” หวงซืออี้ทั้งร้อนใจและโกรธ ภาพลักษณ์ที่สวยงามค่อนข้างบูดเบี้ยว เธอกัดฟันกรอดมองเฉิงซิน “แกจะลบไม่ลบ? ทุกคนแอบเอาไปพูดตลกกัน รู้บ้างไหม? ”
เฉิงซินค่อยๆหุบยิ้ม แล้วพูดเสียงเรียบ “แอบเอาไปพูด? เธอพูดต่อหน้าฉันนี่ ที่แอบเอาไปพูดกันยังไงอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ”
เมื่อวานฉวีวานวานก็คุยกับเธอ ช่วงนี้ข่าวลือเธอกับประธานเฉิงไม่น้อยเลย ห้องดื่มชากับห้องน้ำก็ได้ยินมา บอกว่าไงนะ? บอกว่าเธอมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับประธานเฉิง
ฉวีวานวานพูดอย่างอ้อมค้อม แต่เฉิงซินก็เข้าใจ
พวกเธอพูดว่าเธอกับเฉิงโม่บางทีอาจจะมีความสัมพันธ์แบบคู่นอนกันยังไงล่ะ
เธออยากจะกลอกตาจริงๆ
แม้แต่จับมือเฉิงโม่เธอยังไม่เคยเลยด้วยซ้ำ คู่นอนหรอ......ถ้าเธอปีนขึ้นไปบนเตียงเฉิงโม่ได้ เธอจะซื้อพลุหลายพันอันมาจุดสามวันสามคืนเลย!
หวงซืออี้สีหน้าเปลี่ยน ความโกรธปะทุเข้ามา เธอไม่เคยเจอผู้หญิงแบบเฉิงซินมาก่อน “ไม่ใช่คนเดียวที่พูดหรอก ถ้าเธอไม่ขึ้นมาบนตึกทั้งวัน คนอื่นจะเอาไปนินทาไหม?”
“ฉันเลยไม่ได้ว่าเธอไง เธอจะกังวลอะไร?” เฉิงซินมองเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“พวกเธอน่ะ ช่างมันเถอะ......” มีคนออกมาประนีประนอมการทะเลาะ “พวกเรามาปรึกษาหัวข้อเรื่องกันดีกว่าไหม? เมื่อกี้พูดถึงไหนแล้วนะ? ละครย้อนอดีตทะลุมิติปะ? นี่เฉิงซิน เธอจะเอาคนยุคไหน......”
นักวางแผนขมวดคิ้ว มือเคาะโต๊ะ “ใช่ นั่งลงเถอะ เถียงกันไปก็ไม่ได้อะไร”
เฉิงซินเอาโทรศัพท์ออกมาจากด้านหลัง แล้วก้มมอง “อ่า สองนาทีผ่านไปแล้ว ลบไม่ได้ละ” เธอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “งั้นพวกเรามาประชุมกันต่อเถอะ อีกสองวันประธานเฉิงกลับมาแล้วยังไม่ได้ข้อสรุปจะถูกด่าเอา”
หวงซืออี้ “……”
นักวางแผนพยักหน้า “ไหนลองพูดไอเดียเธอมาสิ”
เฉิงซินไม่มองหวงซืออี้ที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่อดไม่ได้ที่จะเสียดสีเธอ ดึงเก้าอี้ออกมานั่งลง แล้วพูดอย่างจริงจัง “โอเค ฉันจะอธิบายเหตุผลให้ฟัง”
เรื่องนี้เธอคิดมานานมากแล้ว เธอเป็นนักเขียนบทที่มีจินตนาการสูงมากคนหนึ่งมาตลอด ทางเดินสมองเธอไม่เหมือนคนทั่วไปเท่าไหร่ เรื่องที่เธอเสนอนักเขียนบทปกติจะไม่กล้าลองทำกัน การลงทุนก็มีความเสี่ยง
นักวางแผนเลยได้แต่ให้เฉิงซินลองพูดดู ภายในใจก็ได้ปฏิเสธไปแล้ว
หลังจากสิ้นการประชุม หวงซืออี้ก็กวาดตามองไปที่เฉิงซินอย่างดุดัน แล้วเดินออกไปอย่างขุ่นเคือง
เฉิงซินนั่งอยู่บนเก้าอี้ เธอเก็บของตัวเองอย่างลวกๆ ผ่านไปสักพัก ฉวีวานวานก็กระโดดเข้ามาจากด้านนอก ยิ้มกว้างเดินเข้ามาตรงหน้าเธอ แล้วพิงโต๊ะพูดเสียงเบา “เธอเอาไปบ่นกับประธานเฉิงจริงดิ?”
เมื่อครู่พวกเธอทะเลาะกันเสียงดัง ด้านนอกได้ยินกันหมดแล้ว
เฉิงซินเงยหน้ามองเธอ ยิ้มจนตาโค้ง “เดาดูสิ”
ฉวีวานวาน “……”
เธอเดาได้สิแปลก!
ฉวีวานวานสงสัยจนทนไม่ไหว รีบเร่งเร้า “ฉันเห็นซืออี้โกรธจนจะตายอยู่แล้ว ไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบบอกฉันเร็ว ฉันสงสัยนะ”
เฉิงซินยิ้มกว้าง “ไม่บอก มันเป็นความลับ”
……
เมืองซีอัน ในตอนกลางคืน
เฉิงโม่เลี้ยงอาหารนักแสดง สามทุ่มกว่าถึงกลับโรงแรม เขาก้าวเท้ายาวๆเข้าห้องโถง แล้วพูดอย่างไม่คิด “วันนี้ที่บริษัทมีเรื่องอะไรไหม?”
กาวเยวี่ยนไม่รู้ว่าประธานเฉิงพูดถึงเรื่องงานหรือว่าเรื่องส่วนตัว เรื่องงานก็รายงานจนเกือบหมดแล้ว เรื่องไม่สำคัญอื่นๆนั้น......พอถึงประตูลิฟต์ เขารีบกดปุ่มขึ้นแล้วพูด “ไม่รู้เรียกว่ามีเรื่องได้ไหมอะครับ”
เฉิงโม่ดื่มเบียร์ไปนิดหน่อย ความแรงของแอลกอฮอล์ค่อนข้างทำให้ร้อน เขาดึงเนกไทออก ประตูลิฟต์เปิดออก เขาก้าวเท้ายาวเข้าไป แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ว่ามา”
“นักเขียนบทหลายคนได้ประกาศหัวข้อแล้ว ยกเว้นคุณเฉิง”
กาวเยวี่ยนพูดจบก็มองประธานเฉิง ไม่รู้ว่านี่มันเรียกว่าเรื่องได้ไหม
ร่างกายสูงใหญ่ของเฉิงโม่หยุดลง หันตัวเข้าหาลิฟต์อย่างช้าๆ เขามองประตูลิฟต์ปิดลง หลังจากนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้น เขาก็ไม่ได้เจอกับเฉิงซินอีก ไม่ได้ติดต่อกัน ไม่มีการกวนจากเธอ ข้างหูเงียบขึ้นเยอะ
ไม่ได้ประกาศหัวข้อ เพราะว่าวันนั้นที่เขาปฏิเสธเธอหรอ?
ใบหน้าเฉิงโม่ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไร เขาพยักหน้า “อืม รู้แล้ว”
รูดบัตรเข้าห้อง เฉิงโม่ถอดสูทตัวนอกออก ทิ้งไว้บนเตียงใหญ่สีขาวอย่างง่ายดาย ดึงเนกไทออก แล้วทิ้งลงไป เอียงศีรษะเล็กน้อยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองเม็ด เผยให้เห็นลำคอยาวกำยำ
โทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดู กวาดตามองข้อความในวีแชทรวมกันได้ 99+
เขารินน้ำหนึ่งแก้ว ครึ่งหนึ่งของร่างกายพิงอยู่มุมเก้าอี้ มือขวายกแก้วขึ้นมาดื่มสองอึก ก้มมองไปที่โทรศัพท์ในมือซ้าย นิ้วโป้งค่อยๆเลื่อนไป ขณะที่กวาดตาไปที่ข้อความไม่ชัดเจนที่ส่งมาจากเฉิงซิน——
ลูกตาดำขยับเล็กน้อย กดเข้าไปก็เห็นภาษาต่างดาวและตัวอักษรยาวๆ
เฉิงโม่ “……”
เขาส่งเครื่องหมายคำถามกลับไป
ผ่านไปสักพัก ก็ได้รับข้อความต่างดาวอีก
นางรวย: “shjd#8irunbjdjd&hdj……”
มุมปากเฉิงโม่กระตุก แล้วส่งข้อความเสียงกลับไปทันที “พูดภาษาคนที ฉันอ่านภาษาต่างดาวเธอไม่ออก”
เฉิงซินได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเขา ก็ดีใจจนม้วนตัวอยู่บนเตียง วางศอกไว้บนเตียงนุ่ม นอนฟุบแล้วห้อยขาไปมา แล้วรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ประธานเฉิง สวัสดีตอนเย็นค่า”
เฉิงโม่ได้ยินเสียงของเธอ ก็ก้มหน้ายิ้ม
“อืม” เขาไม่ได้ส่งข้อความเสียงไป แต่พิมพ์ลงไป “ก่อนหน้านี้ข้อความพวกนั้นคืออะไร ใช้หน้าพิมพ์หรือไง?”
นางรวย: “โทรศัพท์มันเล็กอ่ะ ใช้หน้าพิมพ์ไม่ได้หรอก ฉันใช้ลิ้นเลีย เชื่อไหม?”
เฉิงโม่ “……”
ความรู้สึกนั้น......
เป็นความอิโรติกที่ยากจะอธิบายและพูดออกมาไม่ได้
เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากเฉิงซินส่งไปเสร็จ ไม่ได้รอให้ตอบกลับ จู่ๆก็พบว่าคำพูดตัวเองมันค่อนข้างจะอิโรติก ดูไม่ค่อยเหมาะสม เลยรีบลบข้อความทิ้ง
เฉิงโม่กระตุกมุมปากเล็กน้อย แล้วตอบกลับ “เห็นไปแล้ว”
เฉิงซินแสดงความอับอายออกไป “ไม่ คุณยังไม่เห็น!”
มุมปากเฉิงโม่กระตุกขึ้นมาบางๆ แล้วพิมพ์ข้อความออกไปหนึ่งแถว อยากจะถามเรื่องที่ว่าทำไมเธอไม่ได้ประกาศหัวข้อออกไป คิดไปคิดมา ก็ลบออก เฉิงซินนอนอยู่บนเตียง จ้องหน้าจอโทรศัพท์ตาไม่กะพริบ รอข้อความที่ “อีกฝ่ายกำลังพิมพ์อยู่”
รอจนนานสักพัก เธอรอคอยอย่างคาดหวังอยู่เต็มอกว่าเฉิงโม่จะส่งข้อความยาวเหยียดหาเธอ
ในที่สุด
ได้รับมาสามพยางค์
【นอนไวๆล่ะ】
ภายในใจของเฉิงซินค่อนข้างยากที่จะคาดเดา เธออยากรู้จริงๆ ก่อนหน้านี้เฉิงโม่อยากจะคุยอะไรกับเธอ
ทำไมถึงลบไป แล้วเหลือแค่สามพยางค์
เธออยากรู้อ่ะ
ถึงเฉิงโม่จะส่งข้อความต่างดาวมาให้เธอ ฉันคงจะแปลเป็นจดหมายรักได้
……
วันต่อมา หลิวโย่วเฟิงโทรมา
“ประธานเฉิง คนในบ้านตะปูคนนั้นบอกว่าถ้าได้ราคาที่คุยครั้งที่สองจะย้ายทันที ประธานเฉิงคิดว่าได้ไม่ได้......”
เฉิงโม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้อง สัดส่วนของตลาดที่ต้องชดเชยเท่าไหนก็ให้เท่านั้น ไม่ต้องมาถามฉันอีก”
วันที่เริ่มสร้างกำหนดไว้เร็วมาก สามวันต่อมา เฉิงโม่อยู่ที่ซีอันตลอด รอจนถึงวันสร้างอย่างเป็นทางการ เขาไปดูสถานที่ คนในบ้านตะปูเห็นเขา คิดอยากจะเข้ามาพูดด้วย ก็ถูกคนงานหลายคนกันไว้ด้านนอก
“ประธานเฉิง ผมเห็นด้วยแล้ว คุณมีเงื่อนไขอะไรผมยอมเซ็นหมด อย่าเปลี่ยนโครงร่างเลยนะ! แบบนั้น......จะไม่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย” คนในบ้านตะปูเห็นว่าคนงานเริ่มทำการก่อสร้างแล้ว เหงื่อก็เริ่มแตกพลั่ก “ดูสิ พวกคุณเปลี่ยนโครงร่าง พอถ่ายทำเกิดข้อผิดพลาดก็ต้องทำขั้นตอนสุดท้าย ต้องใช้เงิน มันไม่คุ้มเลยนะ!”
เฉิงโม่กระตุกยิ้มมุมปาก แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ “หืม? ใช้เงินไม่เท่าไหร่หรอก”
คนในบ้านตะปู “……”
กาวเยวี่ยนยืนอยู่ด้านหลัง ถูกหลิวโย่วเฟิงข้างๆดึงไป เขาก้มมองหลิวโย่วเฟิง
หลิวโย่วเฟิงเคยเห็นโครงร่างแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนไปตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นถ่ายทำในเมืองภาพยนตร์ที่ใหญ่โตขนาดนี้ จะเปลี่ยนกระดาษเขียนกราฟออกมาเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร แถมยังเริ่มงานทันที แต่เพื่อเป็นการกดดันคนในบ้านตะปูต่างหาก เขาพูดอย่างมีชัย “ประธานเฉิงฉลาดมากอ่ะ”
กาวเยวี่ยนไม่ออกความคิดเห็น ไม่ฉลาดจะเป็น CEO ได้อย่างไร?
เฉิงโม่ไม่สนใจคนในบ้านตะปูอีก หลังจากดำเนินงานอย่างราบรื่น ก็หมุนตัวเดินออกไป
คนในบ้านตะปูยังคงโหวกเหวกโวยวาย ตอนแรกก็วิงวอนขอร้อง ต่อมาก็ด่าเฉิงโม่ว่าไม่มีความเป็นมนุษย์ในทันที
เฉิงโม่เหลือบมองด้วยสายตาเย็นชา
คนในบ้านตะปูยืนอยู่ที่เดิม เสียงแหบแห้ง
หลิวโย่วเฟิงรีบให้คนเอาคนในบ้านตะปูออกไป แล้ววิ่งไปตรงหน้าเฉิงโม่รายงานอย่างระมัดระวัง “ประธานเฉิงครับ แล้วจะเซ็นสัญญากับคนในบ้านตะปูตอนไหน?”
เมื่อครู่เฉิงโม่ถูกด่าว่าไม่มีความเป็นมนุษย์ ใบหน้าไร้ความรู้สึก ก้มลงมองผู้รับผิดชอบที่อ้วนเตี้ยม่อต้อ พูดด้วยโทนเสียงเรียบเฉย “บอกไม่ได้ เพราะเวลาในการทำโปรเจ็คมันถูกเลื่อนมาไกลขนาดนี้แล้ว ให้มันกินไม่ได้นอนไม่หลับเงินก็ไม่ได้ไปสักสิบวันครึ่งเดือน เอาเปรียบมันซะ”
พอพูดจบ ก็หมุนตัวเดินออกไป
หลิวโย่วเฟิงมองร่างสูงใหญ่อย่างอึ้งๆ กาวเยวี่ยนคิดว่าผู้รับผิดชอบคนนี้ไม่ค่อยฉลาด จึงเตือนด้วยความหวังดี “ความหมายของประธานเฉิงก็คือ หลังจากครึ่งเดือนค่อยเซ็นสัญญาให้เขาย้ายออกไป”
เฉิงโม่ถึงบริษัทเมื่อวันศุกร์ เขาได้ดูหัวข้อก่อนหน้านี้แล้ว ก็รู้สึกเหมือนขาดอะไร ไม่ใช่ว่าเป็นหัวข้อที่ไม่ดี เป็นแนวอนุรักษนิยม ตามแบบประเพณี อาจจะแสดงออกไปไม่ได้ แต่ตราบใดที่เลือกปริมาณนักแสดงนำด้วยตัวเอง ก็ถือว่าแสดงออกไปไม่ได้ และห้ามหน้าทิ่มเด็ดขาด
เฉิงโม่พิงเก้าอี้ในห้องทำงาน เงยหน้ามองนักวางแผน แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เฉิงซินไม่มีไอเดียเลยหรอ?”
นักวางแผนไม่รู้ว่าข่าวลือของประธานเฉิงกับเฉิงซินนั้นจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน ประโยคไหนจริงประโยคไหนเท็จ อยู่ที่ทำงานมานานแล้ว รู้อยู่แล้วว่าเรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดเพ้อเจ้อ โดยเฉพาะพวกเขาที่ทำงานในวงการภาพยนตร์แล้ว แม้ว่าข่าวลือจะน่าสนใจแต่ใช้การไม่ได้จริง ห้ามเอาไปพูดเพ้อเจ้อ
มีคนเคยไปถามกาวเยวี่ยน แต่กาวเยวี่ยนมีชื่อเสียงในด้านการเก็บความลับ เขาไม่เคยหลุดเผยเรื่องส่วนตัวที่เจ้านายไม่อยากให้เผยออกไปเลย ปกป้องได้ดีมาก ถ้าเป็นในยุคสมัยก่อน เขาก็คือทหารที่จงรักภักดีมาก
นักวางแผนพูดอย่างไตร่ตรอง “เธอพูดมาแล้ว แต่ว่าผมไม่เข้าใจความหมายของเธอ แล้วเธอก็พูดว่าอยากถ่ายทำละครย้อนเวลาทะลุมิติ คุณไม่ชอบแนวนี้มาตลอด ดังนั้นผมเลยไม่ได้รายงานลงไป”
เฉิงโม่ก้มสายตาลง นิ้วมือเคาะอยู่บนโต๊ะ “ให้เธอเข้ามาหาหน่อย”
เฉิงซินเพิ่งทานเค้กชิ้นเล็กๆเสร็จ ก็ได้รับการแจ้งว่าประธานเฉิงให้เธอขึ้นไป
แต่นี่เฉิงโม่เรียกเธอขึ้นไปด้วยตัวเอง
เฉิงซินเข้าไปเติมลิปสติกในห้องน้ำอย่างสุขใจ แล้วรีบขึ้นตึก
เธอไม่ได้เจอเฉิงโม่หลายวันแล้ว
ตอนที่เธอถึงชั้นบน กาวเยวี่ยนเข้าไปในห้องทำงานส่งเอกสารพอดี พอเฉิงโม่เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเธอสวมเสื้อขนสัตว์สีชมพู เธอยื่นศีรษะออกมาทางข้างหลังกาวเยวี่ยน เฉิงซินเอียงตัวยืนอยู่ข้างประตู แล้วยิ้มหวาน “สวัสดีค่ะประธานเฉิง”
เฉิงโม่ดวงตาฉายรอยยิ้มเล็กน้อย “เข้ามาสิ”
เฉิงซินเดินเข้าไป กาวเยวี่ยนวางเอกสารลงแล้วพูดขึ้น “นี่เป็นเอกสารที่คุณต้องเช็คดูแล้วเซ็นครับ”
เฉิงโม่ “วางไว้”
กาวเยวี่ยนปิดประตูแล้วเดินออกไป
เฉิงโม่พิงอยู่บนเก้าอี้อย่างเนือยๆ เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย หางตายกขึ้นกวาดตามองสาวน้อยตรงหน้า “เธอลองเล่าหัวข้อเรื่องที่เธอเลือกให้ฉันฟังหน่อยหนึ่งรอบ”
เฉิงซินมองเขาด้วยความจริงใจ ค่อนข้างสั่นไหว ได้ยินแล้วก็รีบเอาสติกลับมา “อ่า ได้ค่ะ” คิดไปสักพักก่อนจะพูดขึ้น “ให้ฉันวาดรูปหนึ่งรูปก่อนได้ไหม แล้วค่อยให้คุณฟังไอเดียฉัน? ฉันกลวว่าคุณจะไม่เข้าใจความหมายของฉัน......”
เฉิงโม่ “……”
เขาเกือบหลุดหัวเราะ เขาพยักหน้า
“เอาปากกากับกระดาษให้ฉันได้ไหม?”
เฉิงโม่หยิบสมุดว่างๆให้เธอหนึ่งเล่ม แล้วเอาคางชี้ไปที่กระป๋องใส่ปากกา “หยิบเอง”
เฉิงซินถือสมุดกับปากกามา ถือของมาแล้วหมุนตัวไปนั่งลงข้างหน้าโซฟารับแขก โน้มตัวลงวาดภาพบางๆด้านบน ดูเหมือนว่าโต๊ะชาจะเตี้ยไปหน่อย เธอค่อยๆสไลด์ลงมา กึ่งคุกเข่าอยู่บนพรม เอนตัววาดภาพหวัดๆด้วยความตั้งใจ
เฉิงโม่กึ่งหรี่ตา มองเธออย่างเนือยๆ จู่ๆก็นึกถึง “ภาพเหมือนแฟนหนุ่ม” ของเธอที่ไม่มีหน้าและน่าเกลียดสุดๆ
“ประธานเฉิง เอาปากกาเมจิกมาให้ฉันแท่งหนึ่งได้ไหม?”
ทันใดนั้นสาวน้อยก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วยิ้ม
แสงไฟในตอนบ่ายย้อยเข้ามาจากบานกระจก ในห้องทำงานสว่างอบอุ่น ลักยิ้มบนแก้มเธอก็ส่องสว่างมีชีวิตชีวา เฉิงโม่ได้สติกลับมา ลุกขึ้นหยิบปากกาเมจิกหนึ่งแท่งในกระป๋องใส่ปากกาแล้วเดินไป
ตัวเขาเดินไปไม่ถึง จู่ๆก็ขำออกมาอย่างเยาะเย้ย “หน้าแฟนเธอยังวาดออกมาไม่ได้ มาวาดรูปอื่น เธอคิดว่าจะมีคนเข้าใจจริงๆไหม?”
เฉิงซินเงยใบหน้าเล็กมองเขา ไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าหุบลง เธอโอดครวญอย่างไม่ใส่ใจสักนิด “ไม่เป็นไรอยู่แล้ว ฉันวาดเจ้าโง่หนึ่งตัวได้ก็แล้วกัน”
เฉิงโม่ “……”
เขาเดินไปตรงหน้าเธอ แล้วก้มมองเธอ
เฉิงซินถูกเขามองจนกังวล เอ่ยถามเสียงแผ่ว “ไม่ได้หรอ?”
นานอยู่สักพัก เขาค่อยๆโน้มตัวลงมา มุมปากเผยยิ้มเยาะเล็กน้อย แล้วเอาปากกาเมจิกเคาะบนศีรษะเธอไม่แรงไม่เบาหนึ่งที