ตอนที่ 9
ตอนที่ 9
ฉันอยากสารภาพรักเมื่อเฉิงโม่ชอบเธอ แม้ว่าจะชอบนิดเดียวก็ตาม
——ไดอารี่ของนางรวย
เฉิงโม่อยู่ตรงนั้นในชั่วพริบตาเดียว รู้สึกว่าฟ้าจะถล่มลงมา
หัวสมองเธอว่างเปล่า เหมือนซ่อนอยู่ในความมืดสามวันสามคืน แล้วทันใดนั้นก็มีคนขุดออกมา โดนฉีกเกราะป้องกันบนร่างกายออก แล้วบังคับให้เงยหน้ามองแสงสว่างจ้า
มันสว่างจนเธอโลกหมุน เวียนศีรษะ
ฟ้าถล่มดินทลายเพียงเท่านั้น
——เรียกว่าความเวทนา
เธอเสียใจอย่างมาก ทำไมเธอไปปิดปากผู้ช่วยกาวตั้งแต่แรกนะ?
เธอ เธอจะตอบอย่างไรดี?
พระเจ้าช่วย ให้เธอหายไปจากตรงนี้เถอะ!
ภายในลิฟต์เงียบผิดปกติ สีหน้าของทั้งสามคนเปลี่ยนไป สีหน้าของเฉิงซินทั้งขาวและแดง สีหน้าของเฉิงโม่ดูพินิจพิเคราะห์ ก้มมองเธอ รู้สึกว่าร่างเธอกลายเป็นแข็งทื่อ แล้วเหลือบมองใบหน้าจริงใจของกาวเยวี่ยน จู่ๆในใจก็ซับซ้อน
ตั้งแต่คืนที่อยู่สโมสรออกกำลังกาย หลังจากเฉิงซินพูดพลิกไปมากับเขา เขาก็รู้สึกว่าผู้หญิงนี้ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดี วันนี้เขาสัมผัสใบหน้าเธอ และเธอก็มองเขาด้วยสายตาตรงไปตรงมาและเขินอาย
ถ้าเขามองไม่ออกก็โง่เต็มที
แต่ว่าเธอเอาอาหารเช้าให้กาวเยวี่ยนมันเกิดอะไรขึ้น?
เฉิงโม่กลัวเข้าใจผิด เลยอยากถามกาวเยวี่ยนให้แน่ใจเพื่อตัดสินอีกที แต่ไม่คิดว่ากาวเยวี่ยนจะเป็นคนตรงไปตรงมาขนาดนี้ เป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงๆ
เขามองไปที่ใบหูบางที่แดงของสาวน้อย แล้วกึ่งหรี่ตาเรียกเธอ “เฉิงซิน” พอพูดออกไปก็พบว่าน้ำเสียงเขาแหบนิดหน่อย จึงไอออกไปหนึ่งที
ติ๊ง——
ลิฟต์เปิดออกมาพอดี อยู่ชั้นสอง
ทันใดนั้นเฉิงซินก็ได้สติกลับมา ในสมองยังคงอื้ออึง แต่ก็คิดวิธีรับมือได้อย่างรวดเร็ว เธอหันศีรษะกลับไปมองเฉิงโม่ ยิ้มอย่างใจเย็นแล้วพูด “คราวที่แล้วไม่ใช่ว่าฉันอยากขับรถใหม่คุณหรอ ฉันไม่เคยนั่งมายบัคเลย อยากลองหน่อยเท่านั้นเอง”
กาวเยวี่ยนตกตะลึงจนพูดไม่ออก “……”
ตอบแบบนี้ก็ได้หรอ? เขามองประธานเฉิงอย่างลืมตัว
เฉิงโม่ขมวดคิ้ว ขอบตายิ่งดูยาวและแคบ เขาก้มมองสาวน้อยที่กำลังยิ้มกว้างตรงหน้า
ไม่มีใครเดินออกไป ประตูลิฟต์ค่อยๆปิดลง กาวเยวี่ยนรีบยื่นมือออกไปกันไว้ ประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออก เฉิงโม่เหลือบมองไปข้างนอก แล้วยกมุมปากขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “จริงอ่ะ?” เขามองเธออีกครั้ง แล้วก้าวเท้าเดินออกไป “งั้นไปกันเถอะ”
เธอไม่ขยับ
เฉิงโม่เดินไปสองก้าว เอียงศีรษะเล็กน้อย แล้วจ้องไปที่เธอ เลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่อยากนั่งรถมายบัคหรอ?”
กาวเยวี่ยนมองเฉิงซิน แล้วยิ้มเล็กน้อย “คุณเฉิง คุณออกไปก่อน”
เฉิงซินมองเขาอย่างไร้สีหน้าท่าทาง เดินออกไปอย่างสง่างาม “อยากสิ งั้นต้องรบกวนประธานเฉิงด้วยน้า” เฉิงโม่ไม่ได้มองเธออีก เรียวขายาวก้าวเดินไปอย่างเฉื่อยชา เฉิงซินมองไปที่แผ่นหลังซึ่งดูสบายๆของเขา แล้วก็แอบหายใจเข้า
เดินถึงหน้ารถ เฉิงโม่หันศีรษะกลับมามองเธอแล้วเลิกคิ้ว “เธอขับไหม?”
ตอนนี้ฝ่ามือเฉิงซินมีแต่เหงื่อ เธอมองไปรอบๆ พบว่าผู้ช่วยกาวจอมป่วนได้แอบหนีไปแล้ว เธอเดินตรงไปที่นั่งข้างคนขับ เปิดประตู วางมือบนนั้นแล้วยิ้มกว้างมองเขา “ฉันไม่อยากเป็นคนขับรถแล้ว ได้ไหม?”
เฉิงโม่ไม่ได้พูดอะไร เขาอ้อมหัวรถไปที่ที่นั่งคนขับ หลังจากสตาร์ทรถ มือวางไว้ที่พวงมาลัย เอียงศีรษะมองไปที่ผู้หญิงซึ่งคาดเข็มขัดนั่งอย่างเชื่อฟัง
รถไม่ได้ค่อยๆขับออกไป
สุดท้ายเฉิงซินก็ทนไม่ไหว หันศีรษะไปมองเขา สบดวงตาเรียวดำสนิทของเขาคู่นั้น
เขามีสีหน้าท่าทางที่ทั้งไม่สนใจและสำรวจ ทำให้เธอรู้สึกทรมานอย่างมาก
ในที่สุด ขณะที่เธอทนไม่ไหว เฉิงโม่ก็ขับรถออกไป หลังจากขับออกจากโรงรถ สายตาเขามองไปข้างหน้า “เธอจะไปไหน?”
เฉิงซินตอบอ๋อ “คุณจอดที่สี่แยกหน้าบ้านคุณก็พอ” เธอหันมามองเขาหนึ่งที คิดไปคิดมาก่อนพูด “ตู้หลิงกลับมาแล้ว เรื่อง Counter terrorism ไม่ใช่ว่าเริ่มถ่ายมาหลายวันแล้วหรอ? เธอต้องไปร่วมทีมอยู่หลายเดือน พวกเราเลยนัดเจอกันคืนนี้”
เรื่อง Counter terrorism ถ่ายทำที่โกเลียธ ถ่ายทั้งหมดหนึ่งร้อยวัน การถ่ายทำของทีมนักแสดงเฉิงโม่ต้องไปที่สถานที่อย่างแน่นอน เขาพิงที่นั่งอย่างไร้ชีวิตชีวา ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “อืม ถ่ายทำวันที่หก เมษายน”
เฉิงซินมองสีหน้าท่าทางของเขาตลอด พบว่าตอนที่เธอพูดถึงตู้หลิง ใบหน้าเขาไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา เธอตอบอื้มกลับไป
ในเวลานี้รถไม่ได้ติด ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงสี่แยกแล้ว เฉิงโม่จอดรถไว้ข้างทาง หันศีรษะมามองเธอ “พรุ่งนี้ตอนบ่ายมาหาด้วย มากำหนดหัวข้อก่อนที่ฉันจะไปต่างประเทศ”
เฉิงซินลงจากรถ ยืนโบกมือยิ้มกว้างอยู่นอกรถ “ได้ค่าประธานเฉิง แล้วเจอกันค่ะ”
พูดจบ ก็รีบหันร่างเดินไป
เฉิงโม่มองร่างเล็กของเธอหายเข้าไปในฝูงชน ตกอยู่ในห้วงความคิด คิดว่าถ้าเฉิงซินชอบเขาจริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่ดี ค่อนข้างลำบาก......
ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งแล้ว เฉิงซินมาสายเกือบครึ่งชั่วโมง ตู้หลิงกับสวี่หยวนได้สั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว พอเธอเดินเข้ามาในร้านอาหาร สวี่หยวนยกมือขึ้นโบกบอกเธอว่า ทางนี้
เฉิงซินรีบเดินเข้าไป พอนั่งลงก็ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มหลายอึก จากนั้นก็ลูบหน้าอกตัวเองอย่างหมดกำลัง “ตกใจจะตายอยู่แล้ว ถ้าต่อไปฉันเป็นภรรยาประธานบริษัทภาพยนตร์สือกวางนะ ฉันจะต้อง......ต้องหักเงินเดือนผู้ช่วยกาวอย่างแน่นอน!”
ตู้หลิงนั่งฝั่งตรงข้าม ได้ยินก็หัวเราะแล้วถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
เฉิงซินเอียงศีรษะ เคลื่อนตัวเข้าไปด้านใน ทั้งร่างพิงอยู่บนร่างของสวี่หยวน แล้วเล่าเรื่องให้ฟังด้วยความขุ่นเคือง แถมยังพูดขึ้นว่า “เฉิงโม่จัดการด้วยยากก็ช่างมันเสีย แม้แต่ผู้ช่วยกาวก็ยังชอบรังแกขนาดนี้! กินอาหารเช้าฉันไปฟรีๆเลย!”
ตู้หลิง “……”
เธอกับเฉิงซินเกือบจะทำงานที่บริษัทภาพยนตร์สือกวางในเวลาเดียวกัน กาวเยวี่ยนเป็นผู้ช่วยที่เฉิงโม่จ้างมาส่วนตัว หลายปีมานี้ ใครในบริษัทไม่รู้บ้างว่าเขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และอุทิศตน? เธอเงียบไปหลายวินาที แล้วพูดอย่างยิ้มๆ “นี่ใช้อาหารเช้ามื้อเดียวซื้อคนหรอ?”
สวี่หยวนก็ขำด้วย ก้มหน้ามองเธอ “คืองี้ ถ้าเป็นฉัน ฉันก็ไม่ทำอ่ะ”
เฉิงซินไม่ยอมรับ “งั้นฉันให้บัตรเขาใบหนึ่งไปเลยดีไหม?”
สวี่หยวนพยักหน้าอย่างจริงจัง “บอกไม่ได้หรอก เธอก็ลองดิ?”
เฉิงซิน “……”
เธอยืดตัวขึ้นมา คว้าตะเกียบมาคีบหมูสามชั้นราดซอสแดงขึ้นมาหนึ่งชิ้น งับเข้าปาก “ช่างเหอะ ตอนนี้ฉันมองทะลุปรุโปร่งแล้ว ตราบใดที่เฉิงโม่แสดงออกว่าไม่ชอบฉันขึ้นมา คราวหน้าฉันขึ้นตึกไป เขาคงกันฉันไว้ที่ประตูแน่”
สวี่หยวนมองเธอแวบหนึ่ง “เธอไม่เคยคิดจะสารภาพรักหรอ?”
เฉิงซินกัดตะเกียบ ผลุบสายตาลง ขนตายาวสั่นไหวหลายที แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “ฉันไม่คิดว่ามันจะได้ผล กลัวว่าพูดไปแล้วจะทำลายสถานการณ์ตอนนี้ ไม่รู้ว่าหลังจากทำลายไปแล้ว ความสัมพันธ์ของเราจะเปลี่ยนไปเป็นยังไง......นักเขียนบทต๊อกต๋อยกับประธานร้อยล้าน?”
ทั้งหมดจะกลับไปอยู่ในระดับเดิมไหม?
เธอไม่กล้าเสี่ยง เธออยากนะ แม้จะรู้สึกว่าเฉิงโม่ชอบเธอเพียงนิดเดียว เธอก็จะกล้าพูดออกไป
“หน้าตาเธอไม่ได้ต๊อกต๋อยซะหน่อยนี่” สวี่หยวนบีบแก้มเธอ
ได้ยินประโยคนี้ เฉิงซินก็ยิ้ม
ในตอนนี้ ตู้หลิงเอาสมุดสีแดงเล่มหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ
เฉิงซินกับสวี่หยวนดูหนึ่งที ในขณะเดียวกันก็พูดขึ้น “เชี่*! จดทะเบียนสมรสแล้วหรอ?”
สวี่หยวนหยิบขึ้นมาพลิกดู แล้วเดาะลิ้นหนึ่งทีมองไปที่ตู้หลิง “ไวมากจริงๆ”
“เร็วหรอ? ปกติปะ” ตู้หลิงปฏิเสธ “เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็ว”
เฉิงซินหยิบสมุดสีแดงเล่มนั้นมาดูเหมือนกัน แล้วก็เดาะลิ้นอยู่หลายทีพูดขึ้น “ผู้บัญชาการลู่เคลื่อนไหวเร็วมากอ่ะ” เธอเอาสมุดเล่มนั้นคืนตู้หลิงแล้วยิ้มกว้าง “แบบนี้ฉันก็วางใจละ เฉิงโม่ไม่มีโอกาสอย่างสิ้นเชิง”
ตู้หลิง “……”
เธอกลอกตา “พูดอะไรน่ะ ไม่มีโอกาสอยู่แล้ว” เธอหยุดไปสักพัก “และฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าเฉิงโม่ชอบฉันมากขนาดนั้น”
คนที่ชอบเคยจีบเพื่อนสนิท หัวข้อนี้สามารถไปซุบซิบกับชาวเน็ตในเว็บจือฮูและเว็บโต้วปั้นอย่างร้อนแรงอย่างไม่รู้จบ ก่อนหน้านี้เฉิงซินเคยไปแปะข้อความไว้หลายอันในนั้นโดยใช้ชื่อนิรนาม ข้อความที่แปะทุกอันนั้นถูกตอบกลับมากมาย หลายคนชื่นชมในความกล้าหาญเธอ บอกว่าผู้ชายที่จีบเพื่อนสนิทเธอนั้นไม่ดีหรอก ใช้ไม่ได้ น่าอับอาย
แต่เฉิงซินสนิทกับตู้หลิงมาก ตั้งแต่มัธยมถึงตอนนี้ เป็นเพื่อนสนิทกันมาเกือบสิบปีแล้ว ไม่สามารถแตกหักกันได้เพราะผู้ชายคนเดียว นอกจากนี้ตู้หลิงก็ไม่เคยชอบเฉิงโม่ด้วย
เฉิงซินตักเนื้อให้ตู้หลิง แล้วโอดครวญ “ไม่พูดถึงเขาแล้ว เจ้าโง่คนหนึ่งไม่มีอะไรดีให้พูดหรอก คราวหน้าให้ผู้บัญชาการลู่เลี้ยงอาหารก็พอแล้ว เอาเธอไปโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง”
สวี่หยวนพยักหน้า “นั่นสิ”
ตู้หลิงยิ้ม “ได้ รอเขาลางาน”
ทานอาหารเสร็จ ทั้งสามก็ออกมาจากร้านอาหาร เจอกลุ่มคนหนึ่งแถวออกมาจากห้องส่วนตัวที่ประตูทางเข้า พวกเขาเพิ่งรวมตัวทานอาหารกันเสร็จ ผู้ชายตัวสูงใหญ่เดินนำมองมา แล้วยิ้มอย่างมีมารยาท “เฉิงซิน ตู้หลิง บังเอิญจัง มาเจอกันที่นี่”
เฉิงซินกับตู้หลิงหันไปมองพร้อมกัน จำอีกฝ่ายได้ เธอยิ้ม “ผ.อ.ลู่ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
ลู่จือสิงเป็นผ.อ.หนุ่มที่มีชื่อเสียงในวงการ อายุยังไม่ถึงสามสิบปี ก็ได้รับรางวัลมากมาย เฉิงซินกับตู้หลิงรู้จักกับเขาเพราะโปรเจ็คหนึ่ง ไม่เคยทำงานร่วมกัน ดังนั้นเลยไม่ถือว่าสนิทกัน เขามองเธอแล้วยิ้ม “เมื่อก่อนถ่ายทำที่ทะเลทราย สัญญาณไม่ค่อยดี นี่เพิ่งกลับมา”
เฉิงซินเข้าใจ “อ๋อ เสร็จแล้วหรอ? ยินดีด้วยนะคะ”
“ใช่” ลู่จือสิงชี้ไปที่กลุ่มคนด้านหลัง “กลับมาก็มาทานอาหารฉลอง”
อย่างนี้นี่เอง
กลุ่มคนเดินออกมาจากห้องอาหาร เฉิงซินรีบโบกมือให้ “ไปก่อนน้า”
ลู่จือสิงมุมปากกระตุกขึ้น “ไว้มีโอกาสเจอกันใหม่”
หลังจากออกไป ตู้หลิงก็มองไปที่เฉิงซิน “ฉันคิดว่า ถ้าเอาบทละครที่เธอเขียนให้ลู่จือสิงดูล่ะก็ บางทีต้องถ่ายทำออกมาดีแน่”
เฉิงซินพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ช่างเถอะ เขามีเวลาที่ไหนอ่ะ!”
ก็จริง
……
เฉิงโม่กลับไปถึงบ้าน จัดการกับอาหารเย็นเสร็จก็ไปสโมสรออกกำลังกาย
ขณะที่กำลังออกกำลังจนเหงื่อไหล โทรศัพท์ของฮั่วเฉินตงก็โทรเข้ามา เขาคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดเหงื่อลวกๆ หยิบโทรศัพท์เดินไปที่ข้างหน้าต่าง เพราะว่าเหงื่อแตก เสื้อยืดรัดรูปแนบร่าง เห็นเป็นรูปร่างกล้ามเนื้อชัดเจน “มีอะไร?”
ฮั่วเฉินตงพูดเรื่องที่จะเปิดโรงภาพยนตร์ที่มาเลเซีย แล้วพูดอย่างไม่คิด “ยังไม่หายอกหักหรอ? ยังเศร้าอยู่ไหมล่ะ?”
เฉิงโม่หัวเราะเสียงเย็นชา “หัวข้อนี้ไม่คุยด้วยนะ ยังคุยกันได้อีกสองประโยค”
ฮั่วเฉินตงหัวเราะหนึ่งที “โอเค ไม่พูด แต่เมื่อก่อนฉันเคยพูดแล้วนี่ แกเป็นแบบนี้จีบไม่ติดหรอก ฉันได้ยินมาว่า.....”
“ได้ยินมาว่าอะไร?” เฉิงโม่หมุนขวดน้ำออก เงยหน้าดื่มหนึ่งอึก
“แกไม่ได้อกหักหรอ? เฉิงซินก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับแกด้วยแล้วนี่ ตอนนี้เธอยังป้วนเปี้ยนอยู่เหมือนเดิม หรือว่าแกจีบเพื่อนสนิทเธอไม่ติด เลยเริ่มเข้าหาเธอ?”
“……”
“ที่จริงฉันก็คิดว่าผู้หญิงคนนั้นน่ารักดี น่าสนใจ” ฮั่วเฉินตงแนะนำอย่าจริงใจ “จีบตู้หลิงไม่ติด สู้เก็บเธอไว้ดีกว่านะ”
เฉิงโม่ชะงักมือ วางขวดน้ำลง แล้วขมวดคิ้ว “ทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้หรอก”