บทที่ 26 ผ่านแล้วเหรอ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 26 ผ่านแล้วเหรอ
บ๗ที่ 26 ผ่านแล้วเหรอ เวธนีพูดไม่ออกทันที บ้านที่ตนเองเช่าอยู่เป็นบ้านเวนคืน มันเป็นย่านที่อยู่อาศัยเก่าที่ซ่อนอยู่หลังกลุ่มอาคาร ถ้าไม่คุ้นเคยกับย่านนี้ แน่นอนว่าหาเจอยาก เธอรีบร้อนพูด “เธอรอฉันอยู่ที่ทางเข้าของซุปเปอร์มาร์เก็ตGRF ฉันออกไปรับเธอ” ชาวีเดินผ่านซุปเปอร์มาร์เก็ตGRFก็นึกขึ้นได้ว่าที่บ้านไม่มีผักอะไรแล้ว เขาเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต ตอนที่เขาสะพายกระเป๋าใบเล็กเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้น ก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองมาที่ตนอยู่ ตั้งแต่เล็กจนโตเป็นเพราะความหล่อเหลาเย็นชาของเขาจึงเป็นธรรมชาติที่โดนคนจ้องมองอยู่หลายครั้ง ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงรุ่นน้า ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะดูสวย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเสียมารยาทได้ถึงเพียงนี้ ชาวีในใจรู้สึกอึดอัดแต่หน้าตากลับยิ้มอ่อน ๆ ออกมา เดินเข้าไปอย่างเป็นสุภาพบุรุษ แล้วพูดอย่างสง่า “สวัสดีครับคุณน้า ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?” “เอ่อ ไม่! ไม่มี!” วารัตดาหน้าแดง แอบมองคนอื่นแต่โดนจับได้จัง ๆ อยู่ต่อหน้าดวงตาที่ทะลุประโปร่งใสแจ๋วแล้ว เธอรู้สึกใจฝ่อโดยไร้เหตุผล ชาวียิ้มอ่อนอีกครั้ง แต่กลับทำให้คนรู้สึกแปลกแยก มองเธอลึกเข้าไปแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตโดยไม่หันกลับมามอง เห้อ ยุคสมัยนี้ผู้หญิงน่าเบื่อเยอะจริง ๆ มองตามแผ่นหลังเล็ก ๆ ของเขาเดินหายเข้าไปในกลุ่มคนในซุปเปอร์มาร์เก็ต วารัตดายังคงไม่สามารถละสายตาออกมาได้ เหมือน! เหมือนมาก ๆ ! เหมือนจนน่าทึ่ง ทำไมถึงได้เหมือนกันขนาดนี้นะ? เธออดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำกับตัวเอง ประเดี๋ยวก็ขมวดคิ้ว ประเดี๋ยวก็ถอนหายใจ เด็กน้อยคนนี้หน้าตาและท่าทางเหมือนภัทธเจ้านายของตนเองมาก ๆ บนโลกนี้จะมีคนที่เหมือนกันขนาดนี้ด้วยเหรอ? “อะไรที่เหมือนกันมากเหรอ?” เวธนียังเดินไม่ถึงซุปเปอร์มาเก็ต ก็เห็นวารัตดามีสีหน้าท่าทางสับสน เกรงว่าเธอจะถือโอกาสอีก หัวเราะคิกคักอยู่ข้างหน้า ช่วยถือกระเป๋าของเล่นใบเล็กใบใหญ่ในมือของเธอ พูดอย่างเป็นห่วง “ซื้อของเล่นเยอะขนาดนี้ ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว” “นี่สำหรับเด็กน้อยสองคนนั้น ไม่ได้ให้เธอสักหน่อย ถ้าให้เธอแน่นอนอยู่แล้วว่าฟุ่มเฟือย” วารัตดาได้สติกลับมา หันไปมองดูเวธนีอย่างโกรธเคือง แล้วใช้สายตาสอดส่องไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตอีกครั้ง มองไม่เห็นเด็กผู้ชายก่อนหน้านั้นคนนั้น ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “ทำไมเหรอ? มีคนที่รู้จักเหรอ?” “ไม่มี เพียงแต่เจอเด็กน่ารักอยู่คนนึง อยากมองอีกสักหน่อย!” วารัตดายิ้ม เดินตามเวธนีตลอดทางจนถึงบ้าน จนมาถึงหน้าประตู วารัตดาขมวดคิ้วมุ่ย เธอหยุดเดินแล้วมองมาที่เวธนีอย่างเป็นห่วง “หลายปีมานี้ เธอพาเด็ก ๆ อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้? “ใช่แล้ว! ที่นี่โอเคอยู่นะ” “แต่ว่าที่นี่มั่วเกินไป” เวธนีรู้ว่าเธอต้องการพูดอะไร ทั้งยืนมือกดกริ่งทั้งพูดขึ้น “ไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น ที่นี่เพียงแต่ว่าคนงานเยอะหน่อย แต่พวกเขาเป็นคนดี เทียบกับคฤหาสห์ที่หนาวเหน็บ เธอต้องชอบที่นี่มากกว่า อีกอย่างฉันไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของตระกูลบวรพลอีกต่อไปแล้ว จากที่ไม่มีสมบัติอะไรติดตัวเลยสักอย่างจนถึงปัจจุบันนี้ สามารถที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ได้ฉันก็พอใจมากแล้ว” มองดูใบหน้าที่แขวนไว้รอยยิ้มที่เฉยชา วารัตดาทำได้แค่เพียงพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ในเวลานี้ได้ยินแต่เพียงเสียงฝีเท้าที่ดังออกมาจากในบ้าน ขัดบทสนทนาของพวกเธอพอดี เด็กหญิงตัวน้อยราวกับหยกสีชมพูเปิดประตูบ้าน ใบหน้าแขวนไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส พูดเสียงหวานขึ้น “หม่ามี๊ คุณน้าดา กลับมาแล้วเหรอคะ? อิงฟ้าคิดถึงแทบแย่” วารัตดายังไม่ทันได้ชื่นชมความงามของสาวน้อยคนนี้เสร็จ ก็โดนเธอกระโจมเข้ามาในอ้อมแขน เธอก้มตัวลงไปกอดเธอโดยจิตใต้สำนึก ใบหน้าของเธอโดน “จุ๊บ” หอมไปหนึ่งฟอด วิธีการต้อนรับที่ดุเดือดทำให้วารัตดารู้สึกละมุนละม่อมและรู้สึกตะลึง ส่วนเวธนีที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ รีบร้อนดึงอิงฟ้าไว้ แล้วให้วารัตดาเข้าไปในบ้านอย่างอับอาย น้าดา? นี่เป็นการเจอกันครั้งแรก พวกเธอสนิทกันขนาดนี้เลยเหรอ? กล้าเรียกออกมาได้! ห้องรับแขกก็คือห้องอาหาร นอกจากโซฟาตัวใหญ่แล้ว จากนั้นก็คือโต๊ะทานข้าว วารัตดากุมมือที่เล็กนุ่มของอิงฟ้าไว้ ใจของเธอเต็มไปด้วยความสงสาร เอาของเล่นวางไว้ตรงนั้น จากนั้นหยิบอั่งเปาซองสีแดงใบใหญ่ออกมาจากกระเป๋า “มานี่ ๆ หนูชื่ออิงฟ้าใช่ไหม! น้าให้ของขวัญการเจอหน้ากัน” “ว้าว จริงเหรอคะ? อั่งเปานี่ให้หนูเหรอคะ?” อิงฟ้ามือสองข้างกำแน่นอยู่ที่ใต้คางทำท่าทำทางเกินความจริง ตาโตแวววับกระพริบตาปริบ ๆ เวธนีดูต่อไปไม่ไหว กระแอมเสียงเย็นเยือกอยู่สองครั้ง การแสดงออกของอิงฟ้าพอที่จะพูดได้ว่าพรั่งพรูมาก ปากเล็ก ๆ เต็มความประหลาดใจจนถึงความลำบากใจ จากนั้นเต็มไปด้วยสีหน้าเหมือนลูกสะใภ้ที่ถูกกดขี่ว่าจะอยากจะรับแต่กลับไม่กล้ารับ วารัตดาหันกลับไปมองเวธนี นำซองอั่งเปายัดใส่ในกระเป๋าของอิงฟ้า อิงฟ้าพูดขอบคุณอย่างน่ารัก เวธนีเกรงกลัวลูกรักที่ร้ายกาจของตัวเอง รีบเร่งให้เธอนำข้าวกล่องไปส่งให้คุณย่า พออิงฟ้าออกไป วารัตดาถอนหายใจแล้วเอนกายพิงกับโซฟา มองไปรอบ ๆ ห้อง ความรู้สึกสงสารก็กลับมาอีกครั้ง เธอกำลังจะอ้าปากพูดขึ้น พอดีกับที่เสียงของประตูบ้านดังขึ้น เด็กผู้ชายคนนึงถือถุงผักผลไม้ถุงเล็กถุงใหญ่เข้ามาในบ้าน เมื่อเด็กผู้ชายหันหน้ามา วารัตดาถึงกับตัวแข็งทื่อ สายตาจ้องมองไปที่ชาวี ชี้ไปที่เขาอยู่สักพักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้น “นี่......เด็กคนนี้คือลูกของเธอ?” เมื่อมองเห็นสภาพเธอตอนนี้ เวธนีทั้งตลกทั้งภูมิใจเดินเข้าไปหาชาวี “ชาวี เรียกน้าดาสิ” “สวัสดีครับน้าดา!” ชาวีเมื่อเห็นวารัตดามีความประหลาดใจแค่ช่วงพริบตาเดียวเท่านั้น จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความเฉยชาแปลกแยก วารัตดากลืนน้ำลาย กระซิบด้วยน้ำเสียงกลัวว่าจะทำให้เด็กกลัว “แบบว่านี......เธอว่าลูกของเธอ ทำไมถึงได้เหมือนกับภัทธเจ้านายของพวกเราขนาดนี้นะ” “อย่าพูดมั่วๆ นะ!” เวธนีใช้เข่ากระทุ้งวารัตดาไปทีนึง แล้วส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ชาวี “เอ่อชาวี ตอนเย็นหม่ามี๊ไม่กินข้าวที่บ้านแล้วนะ น้าดาช่วยหม่ามี๊หางานได้ หม่ามี๊ตัดสินใจแล้วว่าจะเลี้ยงข้าวคุณน้า” เกรงว่าวารัตดาจะพูดอะไรออกมาโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เวธนีจึงดึงเธอออกไปข้างนอกบ้าน ชาวีตอบเสียงนึง เห็นเงาของเขาสองคนรีบออกไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาครุ่นคิด! 
已经是最新一章了
加载中