ตอนที่ 16 ได้คืบจะเอาศอก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 16 ได้คืบจะเอาศอก
ต๭นที่ 16 ได้คืบจะเอาศอก ตอนที่เทวิณมาถึงโรงแรมก็เป็นเวลาหกโมงครึ่งพอดี ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ เมื่อรถจอดสนิดพนักงานดูแลลานจอดรถก็ขึ้นมาเปิดประตู เขาสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม เนกไทด์ลายสก็อตสีเทาเข้ม ทั้งภูมิฐานและเหมาะสม ผู้จัดการมานำทางด้วยตัวเอง ตอนที่เดินผ่านห้องโถงใหญ่เพิ่งไปที่ห้องวีไอพี ลูกค้าที่มารับประทานอาหารก็อดเบนสายตามองไม่ได้ คนคนนี้รูปร่างสูง หุ่นดี ใบหน้านั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าดาราที่เป็นที่นิยมเลย ไม่ว่าเดินไปที่ไหนก็ดึงดูดสายตาผู้คน “คุณวิณห้องนี้ครับ” ผู้จัดการค้อมเอวลง ทำท่าทางเชื้อเชิญอย่างนอบน้อม เทวิณพยักหน้าเป็นเชิงได้ยิน พอผลักประตูเข้าไป ด้านในเป็นห้องขนาดใหญ่ ทุกคนกำลังนั่งดื่มชาอยู่ในห้องส่วนตัว พอเห็นเขาก็ทยอยลุกขึ้น พัตพงษ์เดินขึ้นมาด้านหน้าหนึ่งก้าว แนะนำให้คนทั้งสี่ที่อยู่ที่นั่นรู้จัก “ท่านนี้คือเทวิณ ก่อนหน้านี้เคยเป็นหัวหน้ากองบินกู้ภัย พิธานคุณพ่อของเขาคือประธานใหญ่ของวีรสกุลกรุ๊ปจำกัด คุณปู่ ดำรงชัยคือผู้บัญชาการอาวุโสของกองทัพของเรา” ครอบครัวที่มีลำดับศักดิ์ใหญ่ขนาดนี้ใครได้ยินย่อมต้องยอมหลีกทางให้สามส่วน แม้ว่าทั้งสี่จะเป็นเศรษฐีที่มั่งมีเพียงใด ก็ยังไม่กล้าดูถูก ต่างทยอยร้องทักทายขึ้นมา พอทุกคนมาถึงจนครบ ก็เริ่มการดื่มกินอย่างเป็นทางการ ในจำนวนทั้งสี่ที่มายังที่แห่งนี้ คนที่นั่งข้างตำแหน่งประธานก็คือพิริยะ แฮนด์ของกองบิน ที่อยู่ที่เมืองJ แต่คำพูดของเขาที่เกี่ยวข้องกับกองบิน นั้นมีน้ำหนักมาก จะเจอเขาสักครั้งนั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์ มีเพียง เท่านั้นที่สามารถนัดเขาออกมาได้ ยังมี ก้องภพผู้จัดการใหญ่ของบิ๊กโดรน เป็นบริษัทที่เกี่ยวกับการจัดจำหน่ายโดรนขนาดเล็กสำหรับพลเรือนโดยเฉพาะ กว่าแปดปีที่เปิดกิจการมาพวกเขาไม่หยุดยั้งการพัฒนาโดรน เพียงแต่ว่าโควตาในตลาดสำหรับการจัดจำหน่ายนั้นไม่เยอะ ที่ตามเขามาด้วยยังมีหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี ฐากูร อีกคนที่เหลือคือรวินท์ ฝ่ายการเงินของเมือง J การที่เขามาที่นี่ในวันนี้เพียงลำพังจะเห็นได้ถึงความจริงใจในนั้น ส่วนพัตพงษ์เป็นคนแผนกรวบรวม แน่นอนว่าต้องคำนวณรายละเอียดและเวลาทั้งหมดเป็นอย่างดีแล้ว พอแก้วเหล้าเลยแก้วที่สามไปแล้ว บรรยากาศก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย พวกผู้ชายก็ค่อยเริ่มพูดเรื่องธุรกิจ พัตพงษ์มองก้องภพแวบหนึ่งก็หันไปโบกมือ “ สองปีมานี้บริษัทของคุณพัฒนาค่อนข้างช้า ผมได้ยินว่าแบกเงินกู้ไว้ก็ไม่น้อย ตอนนี้คุณวางแผนไว้ยังไงบ้าง เล่าให้ทุกคนฟังทีสิ” ก้องภพเป็นผู้ก่อตั้งวงศ์ใหญ่ นับตั้งแต่ช่วยที่เริ่มใหม่ๆจนถึงตอนนี้ได้สะสมประสบการณ์มาไม่น้อย หากจะเอ่ยถึงเรื่องความรู้สึกย่อมต้องบอกว่าค่อนข้างลึกซึ้งในเรื่องนี้ทีเดียว ทว่าเรื่องรายได้กลับเลวร้ายลงทุกขณะ ไม่สามารถแบกรับไว้ได้จริงๆ “ทางด้านผมตอนนี้จะปกป้องเอาไว้ก็ลำบาก บอกอย่างไม่ปิดบัง ผมวางแผนหาคนรับซื้อ” รวินท์ได้ยินก็ผสมโรงไปอีกประโยค “ถ้าถูกซื้อไปจริงๆ นั่นก็เท่ากับว่าส่ง ‘ลูก’ ไปให้คนอื่น คุณทนได้งั้นเหรอ?” “ผมทนไม่ได้อยู่แล้ว แต่ประเด็นคือตอนนี้ไม่มีวิธี...” เทวิณต่อท้ายประโยคอัติโนมัติ “ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีทางเลย การรับซื้อก็มีหลากหลายวิธี รวมไปถึงมอบอำนาจการค้าและการตัดสินใจทั้งหมดให้กับบริษัทเพียงผู้เดียว” ก้องภพได้ยินดังนั้นดวงตาก็เปล่งประกาย “งั้นตามความเห็นของเทวิณ บริษัทของพวกเราพอจะมีสิทธิ์นี้หรือเปล่าครับ?” “ถ้าไม่มี วันนี้ก็คงไม่นัดพวกคุณออกมา” เทวิณยิ้ม “ที่วงศ์ใหญ่ตอนนี้รายได้ของไม่ดีเพราะเทคโนโลยียังไม่พอ ของแบบเดียวกันขายห้าปียังมีคนซื้อ แต่ขายซ้ำกันสิบปีผู้บริโภคก็คงเริ่มเบื่อกันบ้างแล้ว ถ้าถูกรับซื้อนั้นมีการเสนอด้านเทคโนโลยี บริษัทย่อมไม่ด้อยไปกว่าตอนนี้แน่ ผมมีประสงค์จะซื้อวงศ์ใหญ่ผ่านวีรสกุลกรุ๊ปจำกัดนอกจากนี้ยังคิดจะขยายฐานออกไปไปนอกจากกุล่มพลเรือน เรื่องอุตสาหกรรมโดรนนี้ คุณก็รู้ดีว่าดีแล้วว่าผมออกตัวในนามทีมกู้ภัย สามารถทำเรื่องนี้ได้ไม่ยาก” ก้องภพช่วงนี้กลุ้มใจจนแทบบ้าเพราะเรื่องบริษัท เขากำลังหาคนช่วยเหลือ เดิมไม่ได้หวังว่าราคาที่ถูกซื้อนั้นจะสูงเท่าไหร่นัก แต่ว่าพอตอนนี้ได้ยินที่เทวิณพูดออกมา เท่ากับช่วยส่งฟืนช่วยชีวิตเขาที่อยู่ท่ามกลางกองหิมะ “อย่างนั้นความหมายของเทวิณก็คือ?” “ผมสามารถรับซื้อวงศ์ใหญ่นอกจากนี้ยังมอบอำนาจที่ว่านั่นให้กับบริษัทได้ แน่นอนว่าก่อนที่จะเอ่ยถึงเรื่องนั้นจะต้องมีผมอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการของบริษัทเสียก่อน คุณยังเป็นผู้ถือหุ้นของวงศ์ใหญ่ตามเดิม ทั้งยังดำรงตำแหน่งในบริษัทได้อีกด้วย ทีมเทคโนโลยีก็ยังคงเก็บเป็นความลับอยู่ อย่างนี้คุณคิดว่ายังไงบ้าง?” อย่าว่าแต่คิดยังไงเลย ในสายตาของก้องภพเงื่อนไขแบบนี้เปรียบเสมือนก้อนขนมเปี๊ยะที่ตกมาจากฟ้าชัดๆ เขาอยากจะตกปากรับคำรอนๆ ทว่ายังมีอีกหนึ่งคำถาม... “แต่ว่าให้ทีมช่วยเหลือเฉพาะทางมาใช้อุปกรณ์นั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก ถ้าหากจะเปลี่ยนรูปแบบล่ะก็คงจะเป็นปัญหาพอดู” “เฮ้ย!” พัตพงษ์โบกมือตัดบทเขา ยิ้มตาหยีมองไปทางพิริยะที่อยู่ด้านข้าง “ถ้ายังมีพี่พิริยะอยู่ทั้งคน ย่อมไม่มีปัญหา” ก้องภพถึงได้เข้าใจแล้วว่าอะไรคือจุดหมายของการพบกันครั้งนี้ เขาเงยหน้ามองในฉับพลัน ทั้งตื้นตันทั้งรู้สึกมีความสุขในเวลาเดียวกัน “บริษัทนี้ตอนอยู่ในมือผมถือเป็นเผือกร้อน แต่เชื่อว่าถ้าออยู่ในมือของเทวิณจะต้องเปลี่ยนเป็นทองแน่!” คำพูดนี้เอ่ยออกมาอย่างซื่อตรง ทุกคนที่นั่งอยู่ในนั้นหัวเราะ เทวิณตั้งแต่ต้นจนจบนั้นไม่ได้ใส่ใจสักนิด เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ และรู้ดีว่าควรทำมันอย่างไร อาหารมื้อนี้จบลงตอนเวลาเกือบๆสามทุ่ม หลังจากส่งพิริยะแล้ว ก้องภพก็ตกลงว่าเวลาที่จะนัดพบกันอีกครั้งก่อนจะจากกัน บนรถ พัตพงษ์มองดูแลนด์ โรเวอร์สีดำของก้องภพที่ขยับออกไป ส่ายหน้ายิ้มๆ “ก็เป็นคนธรรมดา” “แต่ก็ยังมีข้อดีอยู่” จุดนี้พัตพงษ์ยอมรับ “มนุษย์น่ะขอให้ซื่อสัตย์ก็พอ อารมณ์ร้ายหน่อยหรือความสามารถไม่พอก็ช่างเถอะ” เอ่ยจบ เขาก็รู้สึกมีความปรารถนาไม่สิ้นสุด ก้มหน้าดูเวลาก็เอ่ยขึ้นว่า “คุณบอกจะไปก็ไป ผมยังทิ้งเรื่องกังวลใจให้คุณอีก ไปหาที่ดื่มสักแก้วกันมั้ย?” “ไม่เป็นไร ผมจะกลับบ้านแล้ว” คำตอนนี้ค่อนข้างต่างจากที่พัตพงษ์เดาไว้ “เวลานี้ก่อนหน้านี้คุณยังฝึกซ้อมนะ กลับบ้านอะไรกันเล่า” “ไปเอาของ วันหน้าเถอะครับ ผมเรียกรชตมาแล้ว เดี๋ยวให้เขาช่วยเช็คร่างกายให้คุณ” ก่อนหน้านี้สุขภาพของพัตพงษ์ไม่ดี เทวิณจึงได้แนะนำให้เขารู้จักกับรชต ได้ยินดังนั้นพัตพงษ์ก็พยักหน้าติดๆกัน “ได้ คุณไปทำธุระเถอะ” หลังจากออกมาจากโรงแรม เทวิณก็ขับรถตรงไปที่ศูนย์การค้าใกล้ๆ ในเวลาช่วงใกล้เลิกงาน พนักงานได้เก็บข้าวของเตรียมกลับบ้านแล้ว “คุณผู้ชายคะ ขออภัยด้วยค่ะ ร้านเราปิดแล้ว” สายตาของเทวิณมองผ่านมาที่เคาท์เตอร์ก็พลันนึกได้ว่าโทรศัพท์รุ่นของ นั้นผ่านมานานแล้ว เขาจึงล้วงรุ่นที่ตัวเองใช้ออกมาให้ดูเร็วๆ “มีรุ่นนี้หรือเปล่า?” “มีค่ะ” พนักงานเล็กๆคนหนึ่งชี้นิ้วไปที่เคาท์เตอร์ด้านข้าง ในนั้นมีโมเดลตั้งโชว์อยู่ “แต่คนขายกลับบ้านไปแล้ว...” “ไม่ต้อง เอาเครื่องนี้แหล่ะ สีชมพู” กล่าวจบ เขาก็ควักบัตรเครดิตสีทองขึ้นมาวางบนเคาท์เตอร์ “รูดบัตรเถอะ” พนักงานคนนั้นไม่เคยเจอลูกค้าที่ซื้อของเร็วปุบปับแบบนี้มาก่อน เธอรับเครดิตการ์ดใบนั้นมา อดคิดไม่ได้ว่า ซื้อสีชมพูไปต้องไม่ใช่เขาเอาไปใช้เองแน่ คงซื้อไปให้ผู้หญิงสินะ ไม่รู้ว่าใครถึงได้โชคดีขนาดนี้ หลังรูดบัตรเสร็จ เธอก็หยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ส่งให้เขา พอเห็นลักษณะของผู้ชายชัดๆแล้ว ก็ถามอย่างเกรงใจว่า “ต้องการใบเสร็จหรือเปล่าคะ?” “ไม่ต้อง” ต่อมาเทวิณเดินออกไปจากร้าน พอขึ้นรถ เขาก็วางโทรศัพท์ไว้ที่เบาะข้างคนขับ พอหวนคิดถึงท่าทางตอนที่เธอบอกกับเขาว่าอยากได้โทรศัพท์แล้ว ริมฝีปากก็รู้สึกชาหนึบ ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวพอเธอได้รับของที่เขาซื้อมาให้จะมีปฏิกิริยาอย่างไร เธอจะ...จูบเขาอีกรอบรึเปล่านะ? 
已经是最新一章了
加载中