ตอนที่ 17 ใจกล้าแล้ว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 17 ใจกล้าแล้ว
ต๭นที่ 17 ใจกล้าแล้ว ตอนที่ขับรถถึงคฤหาสน์ก็ใกล้สี่ทุ่มเข้าไปแล้ว เทวิณถือถุงโทรศัพท์เข้ามาในถึงหน้าประตูบ้าน เขาก็ตั้งใจปั้นหน้าเข้ม ยกมือวางบนระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ เสียงติ๊ด ๆดังขึ้น ประตูเปิดออก ห้องนั่งเล่นเงียบกริบ โคมไฟคริสตัลไม่ได้ถูกเปิดเอาไว้ เหลือเพียงแสงในนวลจากโคมไฟบนผนัง คนล่ะ? คิ้วของผู้ชายคนนั้นขมวดเข้ากัน หลังจากเปลี่ยนรองเท้าแล้วก็ขึ้นไปชั้นสอง เขาตั้งใจเบาเสียงเดินของตัวเอง นี่เป็นอย่างหนึ่งที่เขาได้เรียนจาก ต่อให้มีตอนกลางคืนมีสติก็ไม่มีทางได้ยิน เดินไปหยุดอยู่หน้าห้องนอนรอง ประตูไม่มะฮอกกานีปิดสนิด แสงไฟสว่างของโคมจากห้องนอนส่องไปทั่วระเบียงเป็นเงาสะท้อน เขาเดินไปเปิดประตูอย่างแผ่วเบา พอประตูอ้าออกเงาขอสาวน้อยคนนั้นก็เข้ามาในสายตา หัวของเธอแนบอยู่บนเตียง ขาเรียวเล็กทั้งสองข้างคุดคู้อยู่บนพื้น ดูออกชัดเจนว่าได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยแล้ว โน้ตบุคที่เดิมควรจะอยู่บนโต๊ะเวลานี้อยู่ข้างๆกับปลายเท้าของเธอ อีกทั้งข้างคอมพิวเตอร์ยังมีสมุดเล่มเล็กๆวางอยู่ไม่ไกล เทวิณเดินเข้าไปในห้อง กระทั่งถึงตรงหน้าเธอก็ค่อย ๆ ย่อตัวคว้าสมุดเล่มนั้นขึ้นมา ตัวอักษรสะอาดเป็นระเบียบเข้าสู้สายตา อัดแน่นไปด้วยงานพาร์ทไทม์หลากหลายประเภท พนักงานโปรโมทสินค้า พนักงานให้บริการ งานพิมพ์ดีด กระทั่งงานแจกใบปลิว ทุกอย่างที่ร่ายมาต่างก็มีการจดโน้ตเงินเดือนและเวลาทำงานเอาไว้อยู่ พอ ดูต่อไป พอเห็นประโยค‘ค่าตอบแทนรายวันห้าร้อย งานกลางคืนKTV’ ก็ดึงดูดความสนใจของเขาทันที เขาใช้เวลาแค่หนึ่งวินาทีก็เข้าใจว่างานแบบนี้เป็นงานแบบไหน ธุรกิจKTVเอกชนที่มีการเปิดรับสมัครโดยมีค่าตอบแทนสูงบังหน้านั้น ความจริงคือต้องการหลอกพวกนักศึกษาที่กำลังร้อนเงิน งานกลางคืนอะไรกัน ก็คือการไปเป็นสาวนั่งดริ๊ง ไปนั่งดื่มนั่งร้องเพลงเป็นเพื่อนลูกค้า งานปกติที่ไหนจะรายได้ดีขนาดนี้กัน เทวิณฉีกหน้านั้นออกมา ไม่รู้เพราะเสียงฉีกขาดนั้นดันไปปลุกเธอเข้าหรือเปล่า สาวน้อยที่เดิมฟุบหน้าอยู่บนเตียงจึงได้ลืมตาตื่นขึ้นมา ตอนที่หันไปเห็นเขาก็ยังดึงสติกลับมาไม่ครบเท่าไหร่นัก “เทวิณ?” แขไขเห็นของที่อยู่ในมือของเขา คิ้วเรียวก็ย่นเข้าหากันแน่น ผลุดลุกทันที พอเห็นว่าเขาฉีกออกไปหนึ่งหน้าก็ยื่นมือไปแย่งกลับมา “คุณมาฉีกสมุดฉันทำไมกันนี่?” “จะหางานก็หาที่มันสุจริตหน่อย อย่าได้คิดไปลองอะไรที่มันผิดศีลธรรม ห้ามไปKTV เข้าใจมั้ย?” เขาสั่งสอนเธอราวกับเป็นผู้อาวุโสอย่างไรอย่างนั้น แก่กว่าเธอแปดปี ก็เท่ากับเป็นผู้อาวุโสที่มีชีวิตอยู่มานานกว่าเธอเกือบครึ่งชีวิตจริงๆละน่า แต่คำพูดนี้ แขไขกลับไม่ได้จำใส่ใจ รู้สึกเพียงแค่เขาคิดอะไรเกินกว่าเหตุ กังวลเกินไป แต่ก็ตอบรับไปส่งๆ “ทราบแล้วค่ะ” เสียง ‘ตุบ’ ขึ้นพร้อมกันนั้นถุงกระดาษสีขาวก็ลอยมาอยู่บนเตียงตรงหน้า แขไขช้อนสายตาขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ “นี่คืออะไรคะ?” “มือถือ” พอเธอตั้งใจอย่างละเอียดเห็นว่าบนนั้นมีโลโก้สีเงินเป็นประกายตัวใหญ่อยู่ โทรศัพท์ยี่ห้อนี้แพงมากเธอรู้เรื่องนี้ดี ตอนที่เห็นเพื่อนๆใช้กันเธอก็รู้สึกอิจฉามาตลอด แขไขหยิบขึ้นมาดู ดึงกล่องโทรศัพท์ที่อยู่ในถุงออกมาเปิดดู เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งยังเป็นสีโรสพิงค์ที่เธอชอบด้วย! “สวยจัง...” เทวิณเห็นเธอชอบมือถือจนจับไม่ปล่อย ในตาก็มีประกายแล่นผ่าน ช่วยไม่ได้ที่ความรู้สึกสุขใจยามได้มอบของขวัญไปโดยที่อีกฝ่ายก็ชอบนั้นจะแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ ทว่าปากก็ยังอดแหนบแนบเธอไม่ได้ “ไร้ประโยชน์” แขไขยู่ปาก “สำหรับคนมีเงินอย่างพวกคุณย่อมไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว แต่มือถือเครื่องนี้เป็นของที่ฉันต้องใช้เวลาทำงานนานมากกว่าจะซื้อได้นะคะ” ต่อให้ซื้อได้ เธอก็ตัดใจซื้อไม่ลงจริงๆ สำหรับเธอ เงินทุกสลึงล้วนสามารถแลกเป็นยาให้กับ ได้ ตอนที่แขไขคิดว่าเขาจะกระทบกระทั่งเรื่องที่เธอเสียใจกับการรังเกียจความร่ำรวย คนคนนี้ก็พลันถามขึ้น “เงินแค่นี้ ก็ไม่ให้คุณงั้นเหรอ?” เอ่ยถึงขจรจิต แขไขก็ก้มหน้าลง หัวเราะเยาะตัวเอง “เขาไม่มีทางให้เงินฉันหรอก” “เขาเป็นพ่อแท้ๆของคุณ” “แต่เขาไม่รักแม่แท้ๆของฉัน การที่เขาเห็นฉันมันจะทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองถูกข่มขู่” “ถูกข่มขู่?” แขไขคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเด็ก ความจริงเธอก็จำมันไม่ได้ชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่ว่ากุลยาไม่ได้เอ่ยย้ำเรื่องนี้ให้เธอฟังแต่ครั้งเดียว ทุกครั้งที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ก็จะลงรอยบนปากแผลนั้นใหม่อีกครั้งอยู่ร่ำไป ในความเจ็บปวดที่ไร้รูปไร้ร่างได้ตอกย้ำซ้ำ ๆอยู่บนร่างเธอ เธอเงียบลงครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของเขา คุณคงรู้เรื่องนี้กระมัง ตอนแรกเขาให้สัญญากับแม่ฉัน แต่พอฉันเกิดมาทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ตอนฉันอายุสิบขวบ หลังจากที่แม่ของฉันรู้ตัวว่าป่วย เพื่อที่จะทำให้ฉันมีข้าวกินก็เลยไปขู่ขจรจิตว่าถ้าไม่พาฉันกลับตระกูลดาวริศกุล ไปด้วย แม่จะแฉเรื่องนี้ ฉันเข้าไปในตระกูลดาวริศกุล แต่พอ เห็นฉันเข้าก็จะพลอยนึกถึงเหตุการณ์นั้น นึกถึงวันที่เขาไม่กล้าคัดค้านและแสดงความอ่อนแอ ดังนั้นเขาก็เลยเกลียดฉัน ยิ่งไม่ให้เงินฉันใช้” ตอนทีเทวิณตรวจสอบเธอก็รู้เรื่องของตระกูลดาวริศกุล แต่จะว่ารู้แล้วก็รู้ไม่เชิง พอได้ยินเธอพูดออกมาจากปากกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปเสียได้ เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง เด็กสาววัยยี่สิบสามตรงหน้าได้ผ่านความยากลำบากมาไม่น้อย รวมปถึงการที่ได้พบกับเขาด้วย คิดถึงเหตุผลที่เธอแต่งงานกับเขา ดวงตาของเทวิณก็มืดลง คิดจะปลอบใจเธอแต่ก็ไม่อาจยื่นมือออกไปได้ เขามองดูมือถือที่ถูกแกะออกมาแล้วเอ่ยเรียบ ๆ “เรื่องมือถือไม่ต้องคืนเงิน ผมทิ้งของคุณก็ต้องซื้อให้ใหม่” แขไขไม่อยากติดค้างน้ำใจใคร อยากจะเอ่ยอะไรสักอย่าง คนคนนั้นก็หมุนตัวออกจากห้องไปแล้ว มองดูเงาแผ่นหลังสูงนั้น แขไขก็รู้สึกระแวงผู้ชายคนนั้นเป็นครั้งแรก การที่เขาซื้อมือถือให้เธอย่อมไม่เรื่องเลวร้าย แต่ทำไมเขาต้องแสดงท่าทางแบบคนเลวด้วย? ..... ปิติกรในวันเดียวกันหลังจากที่ กลับมาจากทำธุระที่บริษัทแล้วก็ถือโอกาสงีบหลับพักผ่อนในห้องทำงาน ผู้ช่วยกับเลขายืนอยู่นอกห้องทำงาน ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรไป นี่เป็นครั้งแรกที่ประธานปิตินอนในห้องทำงาน ลูกน้องใต้บัญชาจึงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร นอกจากเวลาประชุม ตั้งแต่ช่วงบ่ายจรดเย็น ปิติกรก็โทรหาเบอร์คุ้นเคยนั้นไม่หยุด แต่ว่าสิ่งที่ได้ตอบกลับมาก็คือไร้คนกดรับสาย โทรจนแบตมือถือหมดเกลี้ยงก็ยังไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ในช่องอกคล้ายมีลมโทสะทำกำลังเผาไหม้อัดแน่นอยู่ด้านใน ทั้งเพราะขจรจิตกับฉัตรพร แล้วก็แขไข ที่ผ่านมาเธอไม่ได้เป็นเด็กเอาแต่ใจ แต่ครั้งนี้กลับทำเรื่องแบบนี้ลงไปเสียได้ อย่าบอกนะว่าที่เธอกลับมาจากประเทศครั้งนี้ เธอก็คิดว่าเขาที่เป็นพี่ชายคนนี้ไม่สำคัญอีกแล้ว? ก๊อก ก๊อก ก๊อก----- ด้านนอกประตู ผู้ช่วยเคาะประตูอย่างอกสั่นขวัญแขวน เอ่ยว่า “ประธานปิติ ถ้าไม่มีอย่างอื่นแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ภรรยาผมยังอยู่ที่บ้าน...” “ไม่มีอะไรก็ไปได้แล้ว ไม่ต้องรายงาน” ปิติกรเสยผมอย่างรำคาญ เดินไปอยู่ที่บานหน้าต่าง มองดูวิวแสงไฟที่เริ่มเสื่อมถอยท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรีภายนอก ในใจเขากลับไม่สามารถสงบลงได้ พริบตาเดียวก็ล่วงเลยไปเที่ยงคืนแล้ว แต่ก็ยังตามตัวเอไม่เจอ นอกจากรอแล้วเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ดึกขนาดนี้เธออยู่ที่ไหนกันนะ? จะอยู่กับผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า? ชายหนุ่มหญิงสาวอยู่กันตามลำพัง พวกเขาจะทำเรื่องแบบนั้น.... ปิติกรสะบัดหัวไล่ความคิดเพ้อเจ้อนั่นออกไป แต่พอยิ่งคิดจะหยุดก็ความคิดที่ว่าก็ประเดประดังขั้นมา ในใจของเขา แขไขเป็นเหมือนเด็กสาวที่ยังไม่โต เธอไม่มีทางไปอยู่กับผู้ชายและยิ่งไม่มีทางแต่งงานกับผู้ชายคนไหนแน่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เกิดขึ้นตรงหน้าเขาแล้ว ปิติกรเดินไปตรงหน้าโต๊ะ ยกกำปั้นทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง เด็กสาวที่เขาได้มองดูเธอเติบโตก็เหมือนกับทรายที่กำลังไหลออกจากมือของเขา จะจับอย่างไรก็จับไม่อยู่ อยู่ ๆหัวใจก็พลันรู้สึกไร้แรงขึ้นมา เขาเพิ่งจะค้นพบว่า เด็กสาวที่เขาได้ปกป้องมายามนี้ได้เติบโตโดยที่เขาไม่รู้ตัวเสียแล้ว ปิติกรแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน ทุกครั้งที่เขาเผลอหลับ ก็เห็นภาพใบหน้าของแขไขจากนั้นเขาก็จะสะดุ้งตื่นทุกครั้งไป พอเช้าวันต่อมา เขาก็ได้รับสายของแขไข เห็นเบอร์ที่คุ้นเคยบนหน้าจอ ปิติกรก็กดรับอย่างไม่มีความลังเลแม้แต่นิด ตอนที่เปิดปากเขากลับคิดไม่ถึงว่าเวียงที่ออกมาจะเย็นชาถึงขนาดนั้น “ แขไข เธอใจกล้ามากนะ แม้แต่เบอร์ของพี่ก็ไม่รับแล้วงั้นเหรอ?” 
已经是最新一章了
加载中