ตอนที่ 18 แอบพบลับๆ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 18 แอบพบลับๆ
ต๭นที่ 18 แอบพบลับๆ เวลาเดียวกัน แขไขเพิ่งจะทำซิมใหม่ เธอออกมาแต่เช้าตรู่ ตอนที่ออกประตูมาก็พบกับเทวิณที่นั่งกินอาหารเช้าในห้องอาหาร โกหกกับเขาว่าไปโรงพยาบาล “พี่ชาบ เมื่อวานมือถือฉันหาย ตอนนี้เพิ่งจะทำซิมใหม่ ไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ” ได้ยิน ปิติกรก็กระวนกระวาย กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดจึงรีบร้อนอธิบาย “ฉันจะไม่ฟังพี่ได้ยังไงกัน” ได้ยินเธอเอ่ยแบบนั้น ปิติกรถึงได้ข่มโทสะลงไป “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” “ฉันอยู่ที่ถนนรุ่งฟ้า” “พี่จะไปหาเธอ” “ตอนนี้เหรอ?” ผ่านเหตุการณ์เมื่อมา แขไขก็รู้สึกประหม่า เธอยังเสมองไปรอบ ๆอย่างหวาดระแวง “อีกสองวันค่อนมาดีกว่านะ อีกครู่ฉันจะไปโรงพยาบาล” “ตอนนี้” ปิติกรตัดบทเธอ น้ำเสียงไม่ยอมให้ค้าน วาจาแข็งกระด้างอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “เจอกันแล้วพี่จะไปส่งที่โรงพยาบาล” แขไขยังคิดจะเอ่ยอะไรต่ออีก แต่ก็ไม่อาจขัดใจอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงของปิติกร ทำได้เพียงบอกที่อยู่ไป ไม่เกินยี่สิบนาที ปอร์เช่ พานาเมร่าสีดำก็มาจอดเทียบนิ่งอยู่ข้างทางเท้า ปิติกรมองสาวน้อยที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนทางเท้า หัวใจที่กระสับกระส่ายมาทั้งคืนในที่สุดก็สงบลง เธอไม่ได้สังเกตว่ามีรถขับมาจอด ปิติกรบีบแตร ทำเอาสาวน้อยตกใจจนเกือบทำมือถือตกพื้น แขไขวิ่งเหยาะขึ้นมาบนรถ หันหน้าไปทางผู้ชายที่ประจำตำแหน่งคนขับ สูทเข้ารูป เสื้อเชิ้ตที่แลดูเรียบร้อย ทรงผมที่ตัดแต่งทรงอย่างประณีต ยังมีแว่นตาที่เสริมให้ดูฉลาดหลักแหลม สีผิวของเขาขาวไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอ แม้ดวงตาจะไม่ใหญ่ แต่สันจมูกสูงตรง พอแวบแรกแม้จะไม่อาจเอ่ยได้ว่ารูปหล่อ แต่กลับดูมีความรู้ ไม่เจอกันแค่ปีเดียว เขาดูมีความหนักแน่น ความสุขุมมากขึ้น แต่เธอล่ะ... แขไขมองเสื้อยืดสีขาวกับการเกงยีนส์บนร่าง วันนี้เธอสะพายเป้หนังสือมาด้วย ไม่ต่างจากตัวเองเมื่อหนึ่งปีก่อนสักนิด นี่คือระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสอง ไม่แค่อายุที่ห่างกับเป็นสิบปี แต่ยังมีเรื่องความรู้และวิธีคิดอีก แขไขกำสายประเป๋าเป้แน่น ส่งเสียงเรียกเบาๆ “พี่ชาย” “เป็นยังไงบ้าง ไม่เจอกันตั้งนานทำให้เราแปลกหน้ากันไปแล้วเหรอ?” ปิติกรยกมือขยี้หัว เหมือนสมัยเด็ก ๆ “เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น?” พอ แขไขคิดถึงเทวิณ ในใจก็รู้สึกเศร้าซึม ไม่กล้าพูดความจริงออกมา “ไม่ทันระวังก็เลยทำตก” หางตาของปิติกรหรี่มองโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่อยู่บนตักของเธอ เป็นรุ่นที่เพิ่งออกสู่ท้องตลาด ราคาไม่ใช่น้อยๆ เขารู้ว่าแขไขเป็นคนมัธยัสถ์ ดังนั้นเธอไม่มีทางซื้อเองแน่ ดวงตาของเขาหรี่ลงหลายส่วนราวกับจะมองให้ทะลุโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้น “ซื้อใหม่?” ได้ยินเขาถามอย่างนี้ แขไขก็ยิ่งรู้สึกผิด ก้มหน้าจนแทบจะติดเบาะอยู่แล้ว เอ่ยเสียงค่อย “อืม” วินาทีแห่งความเงียบเกิดขึ้นอยู่อึดใจ ปิติกรบังคับให้ตัวเองเบนสายตาไปทางอื่น จากนั้นก็เริ่มขยับรถ ไม่ให้อารมณ์ของตัวเองไปทำให้สาวน้อยตกใจ เขาพยายามรักษาบรรยากาศเดิม “ออกมาเช้าขนาดนี้คงยังไม่ได้กินข้าวเช้าสินะ พี่จะพาเธอไปกินของอร่อย” “ไม่ต้องหรอกพี่ชาย ฉันจะไปโรงพยาบาลเลย” แขไขปฏิเสธ เทวิณพอมีคำเตือนของ ก็มักรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ปิติกรรู้นิสัยเธอดีก็เสียงอ่อนลง “ พี่เพิ่งกลับประเทศมา อยากกินข้างกับเธอสักมื้อ แค่ข้าวเช้าคงไม่ใช้เวลานานเกินไปหรอก เธอกินอะไรไปสักหน่อยจะได้มีแรงดูแลแม่ไงล่ะ” พูดถึงขนาดนี้แล้ว ถ้ายังไม่ไปอีกก็แสดงว่าแขไขไม่รู้กาลเทศะ จึงทำได้เพียงพยักหน้าตกลง “งั้นก็ได้” ทั้งสองไม่ได้ไปไกล ไปเพียงร้านกาแฟเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆเท่านั้น ปิติกรสั่งไข่เบเนดิกต์กับอเมริกาโน่ ส่วนแขไขสั่งแซนวิชทูน่ากับนมร้อนหนึ่งแก้ว มองดูท่าทางเคี้ยวอาหารทีละคำ ๆของเธอ ความกลัดกลุ้มที่อยู่ในใจของปิติกรก็น้อยลงไปไม่น้อย “เธอยังเป็นเหมือนเมื่อก่อน ไม่เปลี่ยนไปสักนิด” ตอนเด็ก ๆเธอชอบก้มหน้าต่ำแบบนี้กินอาหารทีละคำ ๆ ปากเล็กๆขยับไม่หยุดเหมือนกระต่ายตัวน้อยๆ “จริงเหรอ” แขไขเงยหน้าขึ้น มุมปากมีคราบซอสจากแซนวิช แต่เจ้าตัวดันไม่รู้สักนิด ปิติกรส่ายหน้าอย่างจนใจจากนั้นก็เอากระดาษยื่นไปเช็ดให้เธอ “ใช่สิ เซ่อซ่าเหมือนคนซื่อบื้อไม่มีผิด” ถ้าเธอมีความเจ้าเล่ห์ได้สักครั้งของ เขาก็คงไม่ต้องเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้ เธอไปเรียนต่างประเทศหนึ่งปีเต็มๆ แล้วก็เป็นหนึ่งปีที่ไม่ได้เจอเธอ ยี่สิบปี เป็นช่วงอายุที่เด็กสาวได้เริ่มอารมณ์อ่อนไหว สับสนในตัวเอง เธอเติบโตเป็นสาวสวยที่มีแต่ความดีงาม เพียงแค่ยืนอยู่ก็ดึงดูดสายตาของทุกคน แต่เธอกลับไม่รู้อะไรเสียบ้างเลย ไม่เคยสนใจสายตาของคนอื่น ทุกวันอยู่แต่ที่บ้าน โรงพยาบาลไม่ก็โรงเรียน ซื่อบริสุทธิ์เสียยิ่งกว่าอะไร ไม่ใช่ยัยซื่อบื้อแล้วจะเรียกว่าอะไรได้ แต่มาวันนี้... ปิติกรนึกถึงเรื่องที่เธอแต่งงานกับเทวิณนัยน์ตาก็ครึ่มลง แขไขตั้งอกตั้งใจกินแซนวิชชิ้นนั้นจนหมด พอเงยหน้ามองก็พบว่าอาหารของผู้ชายตรงหน้าแทบจะไม่ได้ถูกแตะต้องเลย เห็นสีหน้าของเขาไม่ดี ก็ย่นจมูกถาม “พี่ชาย อารมณ์ไม่ดีเหรอ?” สีหน้าของปิติกรมีความซับซ้อน อดกลั้นแค่ไหนก็ยังมีหลุดออกมาอยู่เล็กน้อย “พี่ได้ยินจากพ่อว่าเธอแต่งงานแล้ว?” จบคำแขไขก็เบนสายตาทันที เธอไม่แม้กระทั่งกล้าสบตาปิติกรตาดำและขาวกลอกไปมา “พี่ชาย เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิด...” “พี่รู้” ย่อมไม่คิดแน่ว่านี่เป็นความต้องการของเธอ “พวกเธอพัฒนาไปกันถึงขั้นไหนแล้ว?” แขไขคิดว่าเขากำลังถามถึงความสัมพันธ์ของเธอและเทวิณ จึงต่อไปตามจริง “พวกเราจดทะเบียนสมรสแต่ไม่ได้จัดงานแต่ง ตอนนี้ฉันอยู่กับเขา” “อยู่กับเขา!?” หัวคิ้วของปิติกรย่นเข้าหากัน แม้ว่าจะไม่ต่างจากที่เขาคาดการณ์ไว้ในใจเท่าไหร่นัก แต่พอได้ยินเธอพูดออกมาจากปากแบบนั้นเขาก็ไม่อาจรักษาความนิ่งของตัวเองไว้ได้ “พวกเธอได้...” แขไขไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา มองเขาอย่างงงงวย พอเห็นความหมายในสายตาของเขาเธอถึงได้สติขึ้นมา ใบหน้าแดงขึ้นมาทันใด “เปล่านะพี่ชาย พี่คิดอะไร เขาไม่ได้บังคับฉันนะ!” ได้ยินดังนั้น หัวใจที่ห้อยต่องแต่งของปิติกรก็ร่วงลงพื้น เขาลอบถอนหายใจ แม้แต่ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกตึงเครียดนั้นเกิดขึ้นจากด้านอารมณ์หรือว่าตรงส่วนไหน “ไข่หวาน ห้ามเธอทำอะไรเลอะเทอะนะ พ่ออายุมากแล้ว มีหลายเรื่องที่ทำพลาดได้ แต่เธอจะต้องดูแลตัวเองให้ดี พี่จะช่วยเธอเอง รู้มั้ย?” ได้ยินเขาพูดแบบนี้ แขไขก็รู้สึกซาบซึ้ง “ฉันรู้แล้ว พี่ชาย ตั้งแต่เล็กจนโตก็มีแค่พี่ที่ดีกับฉันอย่างจริงใจ” มายามนี้ปิติกรถึงค่อยเผยรอยยิ้มออกมาได้ เขาถามเธอเสียงแหบห้าว “คิดถึงพี่มั้ย?” ทุกครั้งที่เขาสนทนากับเธอด้วยความอ่อนโยนแบบนี้ ปิติกรมักจะรู้สึกเขินเล็กน้อย ที่เขาดูแลเธอแบบนี้นั้นทุ่มเทหัวใจเสียยิ่งกว่าใคร “คิดถึงสิ” “ให้เธอ” ปิติกรยื่นกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีน้ำเงินให้เธอ ใหญ่ขนาดสองฝ่ามือ “เป็นของขวัญจากพี่” 
已经是最新一章了
加载中