บทที่ 132 เดาได้ถึงจิตใจของเธอ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 132 เดาได้ถึงจิตใจของเธอ
บทที่ 132 เดาได้ถึงจิตใจของเธอ เสียงของปุริมเริ่มเบาลง และหายไปจากบันได เขาในตอนนี้ไม่เพียงไม่ชอบเธอ เขายังไม่เชื่อใจเธออีกด้วย ถึงขนาดพูดได้เลยว่าเขาเกลียดเธอ ดังนั้นสายตายามที่เขามองมาที่เธอนั้นช่างเย็นชา หน้าผาก ยังคงมีรอยเลือด ค่อยๆหันกลับมองไปที่ห้องของเธอ มันเหมือนกับกรงขัง และเธอก็เป็นเพียงนกขมิ้นที่ไม่อาจไขว่คว้าความสุขแห่งอิสระได้ เพ็ญนีติ์จับกำแพงไว้ เพื่อพยุงร่างกาย อากาศที่หนาวเหน็บของค่ำคืนทำให้เธอจามออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เธอไม่ได้เต็มใจ ไม่ได้เต็มใจเลยจริงๆ แต่เมื่อตอนที่เธอวิ่งออกจากห้องโถงไปยังข้างนอกประตูใหญ่นั่น รถของเขาก็เคลื่อนไปแล้ว ไฟที่สาดส่องก็สวนนั้นราวกับความฝัน ในสายตาของเธอเขาได้จากไปอย่างเย็นชา เท้าเปล่าคู่นี้กำลังจะไล่ตามไป แต่ข้างนั้น กลับปรากฏร่างหนึ่งขึ้น “คุณหญิงครับ ดึกมากแล้ว กลับเข้าไปข้างในเถอะครับ” ถึงแม้ว่า ที่นี่จะมีคนคุ้มกันเธอและเด็กๆตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่สำหรับเด็กคงคือการปกป้อง สำหรับเธอมันคงคือการสังเกตการณ์ ทำได้แค่หันหน้า แล้วเดินเข้าห้องไปซะ เธอรู้สึกว่ากำลังสูญเสียชีวิตของตัวเองไปครึ่งชีวิตกระจกในห้องน้ำ หน้าผากของเธอมีคราบเลือด มันคนที่น่ากลัว ทั้งนั้น เขาใช้แรงมาทั้งหมด เขาเกลียดจนอยากฆ่าเธอให้ตาย เพียงเพราะเธอทำร้ายเพ็ญภัทร์ เธอดูเป็นคนที่จะลงมือตามอำเภอใจขนาดนั้นหรือไร ถ้าเธออยากได้เขาจริงๆ เมื่อหกปีก่อนเธอคงไม่ไปจากเขาหรอกเขาดีขนาดนั้นหรือไง แต่ ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนหรอกนะที่อยากมายืนข้างกายเขาจนตัวสั่น บางเวลาเมื่อได้ก็เป็นโชคดี แต่บางเวลาเมื่อหายไป ไม่เจอก็ใช่ว่าจะโชคดี แต่ปุริม เดาใจของเธอได้เร็วดี ยิ้มขมขื่นให้กับตัวเองในกระจก เธออยากหนี แต่เขากลับเดาออกและเตรียมพร้อมไว้แล้ว บางเวลา เธอรู้สึกว่าเขารู้จักตัวเธอดีกว่าตัวเธอเองเสียอีก นำผ้าชื้นๆมาเช็ดเลือดบนหน้าผาก เพียงแค่ไม่อยากให้อ้อยและส้มมาเห็นจนหวาดกลัวก็เท่านั้น ถึงแม้ว่าจะเจ็บ ถึงแม้ว่าจะเลือดออก แต่มันก็แค่ผิวเผินเท่านั้น ติดพลาสเตอร์ไปก็ได้แล้ว ใบหน้าที่แดงก่ำนั้นช่างดูประหลาดตา แต่ก็ก็ยิ้มกับตัวเองในกระจก แบบนี้ก็ดี เขาไม่อยู่ เธอเองก็ออกไปไม่ได้ ตัวเองก็ดูแลตัวเองไป ความจริงก็ไม่อะไรมากอยู่แล้วด้วย กลับมาสำรวจตัวเองอีกที ขาของเธอเองก็เป็นรอยช้ำ เขามีแรงเท่าไหร่กันนะ คิดแล้ว ก็เจ็บฟัน เกลียดจนอยากจะกัดเขาให้จมเขี้ยวสักที คนที่ทำร้ายเธอคนนั้น ช่างเป็นคนที่ชั่วช้าและร้ายกาจมาก ต้องมีสักวัน เธอจะลากคอมันออกมาให้ได้ นารา เธออดสงสัยนาราไม่ได้ นาราไม่เพียงแต่จะใจดีช่วยไปรับเด็กๆแทนเธอ ยังคงสอนเด็กให้กล่าวสุขสันต์วันเกิดกับเธออีกด้วยแล้วเธอจะกล่าวอะไรได้อีก แล้วเธอจะไปสงสัยอะไรได้ ได้แค่สงสัยคนชั่วของตัวเองเท่านั้น เมื่อถึงคืนข้ามปีใหม่ เธอจะหนีออกไปอย่างแนบเนียน ในปีหน้าจะเหยียบคนชั่วนั้นให้จมดิน จะทำให้คนชั่วนั้นไม่มีที่ยืนได้อีก กลับมาที่ห้องเปิดกล่องปฐมพยาบาลแล้วนำยาแก้ฟกช้ำทาที่น่องเบาๆ นี่ก็เพื่อเด็กๆทั้งนั้น ไม่อยากให้พวกเธอคิดมากกัน อย่าให้เรื่องของผู้ใหญ่ไปกระทบกับพวกเด็กๆเลย เมื่อทุกอย่างเสร็จสรรพ เธอเองก็เหนื่อยจนไม่อยากจะขยับตัว ค่ำคืนนี้เพียงเธอปิดตาลงก็หลับไปในทันที ในความฝัน เป็นปุริมที่จะผลักเธอลงมาจากหน้าผา เธอหันกลับเห็นอ้อยและส้มกำลังอ้อนวอนขอชีวิตให้เธอ ขอให้เธอไม่ต้องโดดลงไป มองเด็กน้อยทั้งสอง เธอแย้มยิ้ม เธอโดดลงไปในเหวลึกนี่ด้วยรอยยิ้มที่สดใส ในช่องว่างของหน้าผา โดยเร็ว ตกใจจนเธอเหงื่อท่วมกาย ชั่วพริบตาก็ตื่นขึ้น เมื่อตื่นขึ้น ก็กลายเป็นค่ำคืนที่นอนไม่หลับไป มองไปนอกหน้าต่างที่แสงสว่างค่อยๆส่องมาจากเส้นขอบฟ้า เมื่อแสงอรุณแห่งรุ่งสางเริ่มสาดส่อง นั่นคือช่วงเวลาที่ลึกลับและสลัวที่สุด สวยมาก จนทำให้เธอลุกจากเตียงไปยังที่หน้าต่างห้อง สวมชุดคลุมแล้วผลักหน้าต่างออกไป ปล่อยให้ลมหนาวพัดเข้ามา เมื่อมองไปยังสวน รถเต่าของเธอนิ่งลงที่มุมตรงนั้นอย่างสงบ แม้แต่โรงรถก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ มีสภาพน่าเวทนาที่เหมือนกับเธอเลยท้อง ฟ้ายังคงมืด เวลานี้เขาน่าจะยังไม่หลับหรอก เขาต้องดูแลเพ็ญภัทร์นี่ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนกันนะ เขาถึงได้ใกล้ชิดกับเพ็ญภัทร์ขนาดนี้ เวลาว่างคว้าโทรศัพท์ออกมา แม้จะคิดยังไม่อยากแต่ก็โทรออกเบอร์ของปุริมไป ไม่สนด้วยว่ามันจะเช้าขนาดไหน เธอก็จะโทร ไม่เช่นนั้น เธอจะหงุดหงิด หงุดหงิดแบบมากๆ โทรติดแล้ว แต่เขาไม่รับวินาทีแล้ว วินาทีเล่าเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ช้าเหมือนกับถูกหยุดไว้ตรงนั้น ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังมาจากปลายสาย: หมายเลขที่คุณเรียกได้ปิดเครื่องแล้ว ฮะฮะ แม้แต่เสียงของเธอเขาก็ไม่อยากจะได้ยิน วันเกิดของเธอไม่มีเค้ก ไม่มีเขาอยู่กับเธอในตอนกลางคืน ไม่รู้ว่าจะโทษใคร โทษได้แค่ชีวิตที่ย่ำแย่ของตัวเองเท่านั้น เขาจะปิดของเขาก็ทำไป แต่เธอก็ยังส่งข้อความไปหาเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับ แต่เธอก็จะส่ง ฉันอยากเรียนขับรถในวิลล่า ฉันอยากเรียนขับรถในวิลล่า ฉันอยากเรียนขับรถในวิลล่า ส่งต่อกันไปสามครั้ง เพียงแค่เธอยังไม่ออกไปนอกประตูใหญ่ของวิลล่าก็ไม่นับว่าออกไปแล้วสิ การกระทำเช่นนี้ความจริงแล้วมันคือการประชดประชัน ที่เขาส่งออกมานั้นไม่ใช่แค่กับเธอ นาราก็เช่นกัน ฟ้ายังไม่สว่างมาก ป้าเหมียวก็มาจัดการเตรียมอาหารเช้าให้เด็กๆแล้ว เพ็ญนีติ์เดินเข้าไปในห้องครัว เท้าที่เปลือยนี้ทำให้ป้าเหมียวไม่รับรู้ถึงการมาของเธอเลยสักนิด “ป้าเหมียว อีกสักครู่เมื่อพวกเด็กๆตื่นแล้ว คุณบอกกับพวกเธอด้วยนะคะว่าเมื่อคืนวานฉันดูทีวีจนดึก ดังนั้นเช้านี้จึงไม่ได้ตื่นมาทานข้าวเช้ากับพวกเธอ” “ได้ค่ะ” ป้าเหมียวตอบกลับมาโดยไม่ได้คิดอะไร เพ็ญนีติ์หัวเราะ หันหลังกลับเข้าห้องของตัวเองไป แต่ทันใดนั้นป้าเหมียวก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมา “คุณหญิงคะ ตอนนี้คุณก็ตื่นแล้ว ทำไมถึงไม่อยู่รอคุณหนูทั้งสองล่ะคะ” “ฉันรู้สึกง่วงอีกแล้ว อยากจะนอนค่ะ” เธอตอบเสียงนิ่ง โชคดีที่เธอหันหลังแล้ว ดังนั้นป้าเหมียวจึงไม่เห็นแผลบนหน้าผากของเธอ ไม่อย่างไรไม่ช้าก็เร็วป้าเหมียวก็ต้องรู้อยู่ดี “เช่นนั้นคุณหญิงรีบขึ้นไปเถอะค่ะ” “ป้าเหมียว ฉันอยากไปห้องหนังสือค่ะ คุณพอจะช่วยเปิดมันให้กับฉันได้หรือไม่” “เรื่องนั้น...” ป้าเหมียวใส่ข้าวสารลงไป สับสนจนกล่าวได้แค่สองคำเท่านั้น “ป้าเหมียว ฉันเองก็ไม่อยากเข้าไปในห้องหนังสือเท่าไหร่ คุณช่วยฉันเข้าไปหาหนังสือสอนขับรถให้ฉันก็ได้ค่ะ ได้ไหมคะ” ไม่ให้เธอเข้าไป แบบนั้นเธอไม่เข้าก็ได้ เธอไม่อยากเข้าไปในโลกของปุริมและเพ็ญภัทร์เหมือนกัน นั่นคงเป็นโลกของเขาทั้งสองคน เธอเข้าไป คงเป็นการรบกวนคนอื่น “ได้ค่ะ ถ้าหาเจอแล้วฉันจะเอาไปให้คุณนะคะ คุณหญิง ฉันทำอาหารก่อนนะคะ เมื่อเสร็จแล้วมีเวลาว่างจะไปหาแล้วเอาไปให้ทันทีค่ะ” “ขอบคุณค่ะ ป้าเหมียว” ปุริมไม่ดี เขาไม่เชื่อในตัวเธอ แต่ป้าเหมียวนั้นดีมาก ดีมากจริงๆ กลับมานอนที่เตียงอีกครั้ง ความจริงเธอสามารถใส่หมวกเพื่อปิดบังรอยแผลบนหน้าผากได้ แต่ปีศาจน้อยทั้งสองคนของเธอนั้นแสนรู้นัก จังหวะที่จะเข้ามาหอมเธอ แค่นั้นก็คงจะมองออกแล้ว ดังนั้นเธอเลือกที่จะทำเป็นขี้เกียจอยู่บนเตียงไม่ออกไปดีกว่า เวลานี้ เด็กๆคงกำลังแปรงฟันอยู่ เวลานี้เด็กๆคงแต่งตัวเรียบร้อยและลงมาทานข้าวเช้าแล้ว เวลานี้เด็กๆคงสะพายกระเป๋าหนังสือและไปโรงเรียนอนุบาลแล้ว พิงหลังกับประตู เธอได้ยินแต่ความเงียบของนอกประตูในยามเช้านี้เท่านั้น แต่เดิมก็ไม่ได้มีท่าทางที่เกียจคร้านอะไรอยู่แล้ว แย่จริง เธอออกห่างจากเด็กไม่ได้จริงๆ พุ่งตัวไปที่บานหน้าต่าง ไม่ได้ทานข้าวเช้ากับพวกเธอ แต่เธอก็อยากมองเห็นพวกเธอนั้นตอนออกไปจากวิลล่านี้ เด็กน้อยที่มีความสุขทั้งสอง คงเชื่อคำพูดของป้าเหมียวโดยสิ้น และใช่ ป้าเหมียวเองก็ไม่รู้เรื่องบาดแผลบนหน้าผากของเธอ เรื่องนี้มีแค่เธอเท่านั้นที่รู้ แม้แต่ปุริมเองก็ไม่รู้ เพราะความเฉยชาของเขาทำให้ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมา เด็กๆขึ้นรถไปแล้ว ใจของเธอก็เหมือนลอยตามเด็กๆไปด้วย รถเคลื่อนตัวออกนอกวิลล่าไปแล้ว เธอเพียงมองอยู่เงียบๆ เนิ่นนานและนาน โดยเร็วก็ไมเห็นตัวรถแล้ว แต่เธอยังไม่อยากละสายตาไปจากมัน “ก๊อกก๊อก...” เสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นเสียงต่ำที่แผ่วเบา เหมือนกลัวว่าจะปลุกเธอที่กำลังนอนอยู่ คงเป็นป้าเหมียว ต้องใช่แน่ๆ เธอหันหลังเดินไปที่ประตูพลางกล่าว: “ป้าเหมียว เข้ามาเถอะค่ะ” ประตูเปิดออก ช่วงเวลานั้นเพ็ญนีติ์ก้มหน้าลง และปัดหน้าม้าลงมาเพื่อปิดบังแผลบนหน้าผากอย่างเป็นธรรมชาติ เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เพียงแค่อยากปกปิดมันไว้ก็เท่านั้น “คุณหญิงคะ หนังสือของคุณค่ะ” ป้าเหมียวที่หาหนังสือเจอก็ส่งมันให้กับฉัน เธอรับมา แล้วกวาดสายตามองบนหนังสือ อย่างเป็นธรรมชาติเพื่อไม่ให้ป้าเหมียวคิดว่าเธอตั้งใจจะก้มหน้า “ขอบคุณค่ะป้าเหมียว” “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันขอตัวไปล้างจานนะคะ” ป้าเหมียวไปแล้ว เพียงแค่อยากอ่านหนังสือขับรถเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้น แต่ก็รู้สึกเสียใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้อ่าน เป็นหนังสือมืออาชีพมาก แต่ถ้าใช้ใจที่นิ่งสงบแล้วจริง จะเรียนอะไรก็เร็วทั้งนั้น เธอออกไปไม่ได้ แบบนั้นก็ต้องเรียนขับรถ ค่อยๆจำศัพท์ชั้นสูงพวกนั้น และยังมีข้อควรระวังในการขับรถและเทคนิคต่างๆ แค่นั้นก็มากมายแล้ว แต่ว่าเป็นเพราะใช้ใจ เที่ยงนี้เธออ่านมันไปได้ครึ่งหนึ่ง เหมือนว่าจะจำเนื้อหาได้คร่าวๆแล้วเช่นกัน ลืมทานอาหารไปเสียสนิท ทั้งข้าวเช้า ข้าวเที่ยงต่างลืมสนิท กัดหนังสือเหมือนกับว่ามันคืออาหารอย่างไรอย่างนั้น แต่ท้องก็ยังคงร้องประท้วง เวลาบ่ายแล้วท้องเธอก็ร้องขึ้นมา ป้าเหมียวก็ช่างสุภาพ คิดว่าเธอคงหลับไป จึงมาไม่ได้มาเรียกกันเลย หิวแล้ว ฉันสวมหมวกแล้วเดินออกไปข้างนอก เห็นป้าเหมียวกำลังจัดดอกไม้อยู่ที่ห้องรับแขก เธอกล่าว: “ป้าเหมียว ฉันหิวแล้วค่ะ ฉันอยากทานก๋วยเตี๋ยวจัง” ทานก๋วยเตี๋ยวนั้นเร็ว ไม่ยุ่งเหยิง น้ำร้อนแล้วใส่เส้นลงไป แล้วใส่ไข่ใส่ต้นหอมซอยตามลงไปก็ทานได้แล้ว มันเร็วที่สุด เธอไม่อยากรบกวนผู้สูงอายุมากเท่าไหร่นัก “ได้ค่ะ ฉันจะไปทำเดี๋ยวนี้” ป้าเหมียวเดินไปยังห้องครัว “ฉันคิดว่าคุณคงกำลังนอนยามบ่ายอยู่ จึงไม่ได้ไปปลุกเลยค่ะ” “ค่ะ นอนแล้วเพิ่งตื่น อ่านหนังสือที่คุณให้ฉันมา อ่านมันจนหลับไปเลยค่ะ” เพ็ญนีติ์หัวเราะ นั่งลงที่โต๊ะเพื่อรอทานก๋วยเตี๋ยว เรื่องราวตั้งมากมาย ไม่ว่าเธอจะคิดอีกกี่รอบก็คงไร้ประโยชน์ ช่วงไม่กี่วันมานี้ เธอคิดจนหัวจะแตก แต่ได้แค่คิดแล้วก็คิด นานเท่าไหร่ก็ไม่มีวิธีพิสูจน์เลยว่าจริงหรือปลอม ก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว ป้าเหมียวยังเพิ่มไข่ลวกมาให้อีกด้วย “ทานตอนที่ยังร้อนเถอะค่ะ ไม่รู้ว่าจะถูกปากคุณหญิงไหม”
已经是最新一章了
加载中