บทที่ 133 จิตใจของผู้หญิงนั้นยากแท้หยั่งถึง
1/
บทที่ 133 จิตใจของผู้หญิงนั้นยากแท้หยั่งถึง
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 133 จิตใจของผู้หญิงนั้นยากแท้หยั่งถึง
บทที่ 133 จิตใจของผู้หญิงนั้นยากแท้หยั่งถึง “อร่อยมากค่ะ” เธอกลืนเส้นไปอีกหนึ่งคำ มันทั้งนุ่มและลื่นมาก แต่เธอกลับรู้สึกปวดใจ ถ้าหากว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่และไม่ได้โดดตึกไป เวลาที่เธอไม่สบายใจเช่นนี้ ท่านจะทำก๋วยเตี๋ยวให้เธอทานหรือไม่นะ ใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นในความทรงจำนั้นจางไปมากแล้ว ตอนนั้นเธอยังเด็กอยู่มาก เรื่องราวมากมายที่ผ่านมาตอนนี้เองก็จำไม่ได้แล้ว ในไม่ช้าก็ทานหมดไป อารมณ์ก็เริ่มแจ่มใสขึ้น ”ป้าเหมียว ฉันออกไปข้างนอกนะคะ” “คุณหญิงคะ ช่วงสองวันนี้ระบบรักษาความปลอดภัยข้างนอกไม่ค่อยจะดีนัก คุณหญิงจะออกไปจริงๆหรือคะ” ป้าเหมียวแนะนำเธอด้วยท่าทีที่คลุมเครือ แต่ก็ยังปราณีไม่พูดเหตุผลจริงออกมา เป็นคนดีขนาดไหนกัน เธอหัวเราะ “ไม่กลัวหรอกค่ะ ฉันอยู่แค่ในสวนนี่แหละ ไม่ได้ออกไปไหนเลย” “ก็ได้ค่ะ ไปเถอะค่ะ ถ้าเหนื่อยแล้วก็กลับเข้ามานะคะ ออกไปอาบแดดบ้าง อุดอู้อยู่ในห้องมากไปก็ไม่ดี” เธอไม่อยากคิด แต่นี่คือนี่คงเป็นกฎปีศาจของปุริม ตอนนี้ก็ไม่ได้ย่างก้าวออกไปนอกวิลล่าเลย บอดี้การ์ดในวิลล่านี้เธอเห็นทั้งหมดแล้ว ทั้งในที่แจ้งและในที่ลับ ทั้งหมดคอยจับตาเธอตลอดเวลา นั่นไง ไม่ไกลจากห้องรับแขกนักมีบอดี้การ์ดคนหนึ่งทำทีเป็นสนใจปลาทองตรงนั้นอยู่ตรงมุมนั้น แต่หางตากลับลอบมองเธออยู่ตลอด วางตะเกียบลงแล้วเดินออกจากห้องรับแขกตรงทางประตูกระจกนั่น บอดี้การ์ดคนนั้นยังคงดูปลาทองอยู่ เพ็ญนีติ์รู้สึกว่าปลาตัวนั้นคงสุขสบายมากกว่าเธอ ในน้ำนั้นย่อมดีกว่า บางทีก็เป็นเพราะช่วงกลางวันเช่นนี้ ดังนั้น บอดี้การ์ดมองตามเธอที่เปิดประตูไปยังสวน เหยียบลงที่ทางหิน ทางแบบนี้เดินด้วยเท้าเปล่าย่อมดีกว่า เหมือนเป็นการนวดฝ่าเท้าไปในตัว ค่อยๆย่ำมันไป แดดกำลังดี แต่เธอก็ไม่อยากโดดมันเท่าไหร่นัก พื้นหญ้าและต้นไม้ในสวนดูสดชื่นและเย็นสบาย ในสวนดอกไม้นั้นเป็นดอกเยอบีร่า ดอกไม้นี้ เหมือนกับเป็นดอกไม้ประจำบ้านของปุริม เพราะรักเขาเธอเลยพลอยสนใจสิ่งรอบข้างเขาไปก็เท่านั้นแหละ รถเต่าที่อยู่จอดอยู่กลางแดดนี่ เธอไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนขับกลับมาจากบริษัทให้กับเธอ กดกุญแจรีโมตคอนโทรวที่ปุริมให้เธอมา สักพักประตูรถก็เปิด เธอเข้าไปนั่ง ร้อนมาก ความร้อนอบอ้าววาบผ่านมา รถที่ใหม่อย่างนี้แต่กลับมาต้องอาบแดดอยู่เช่นนี้ มันช่าง... อยากเรียนขับรถ ก็คืออยากเรียนขับรถ บางทีนี่อาจจะทำให้เธอเป็นอิสระก็ได้ ในใจมีแผนการที่ยังไม่เป็นรูปร่างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ตอนนี้เธอต้องเรียนการขับรถให้เข้าใจเสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน ไม่ได้สนว่าร้อนหรือไม่ จับตรงนั้นลูบตรงนี้ นึกไปถึงหนังสือที่อ่านก่อนหน้านี้ เธออยากขับรถจะแย่แล้ว แต่หนังสือเล่มนั้นยังเหลืออีกครึ่งเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน คงจะออกไปผจญภัยทั้งอย่างนี้ไม่ได้หรอก เวลาอย่างนี้ ถ้ามีนภนต์อยู่ด้วยคงจะดีมากๆ เขาจะต้องสอนเธอแน่ๆ สัมผัสทุกส่วนของรถ ทำความเข้าใจแล้วกลับไปที่ห้องพัก และอ่านหนังสืออีกครั้ง เรื่องพวกนี้คือการกระทำเล็กน้อยที่ได้ผลลัพธ์ดีมาก การใช้แรงใจในการทำอะไรสักเรื่อง ทำให้เรื่องที่ยุ่งเหยิงอยู่ในใจจางหายไป และทำให้เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด เธอจึงไปยืนรอที่หน้าประตูใหญ่ คิดว่าเวลานี้เด็กต้องกลับมาแล้ว ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกที่คิดถึงผ่านเข้ามา ผ่านไปกี่ปีแล้วนะ หลายวันมานี้คือช่วงเวลาที่เธอว่างที่สุด แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เธอทรมานที่สุดเช่นกัน “ปี๊นปี๊น...” เสียแตรรถดังมา เด็กน้อยของเธอกลับมาแล้ว ประตูรถเปิดออก เด็กน้อยทั้งสองคนของเธอก็รีบวิ่งมาโดยไว ทันใดนั้นยังไม่ทันได้หอมก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล “หม่ามี๊ ทำไมถึงสวมหมวกหรือคะ ร้อนหรือ” เธอยิ้ม รู้อยู่แล้วว่าคงปิดไม่มิด “หม่ามี๊ไม่อยากให้พวกหนูกังวลค่ะ” “กังวลอะไรหรือคะ” “เมื่อวานตอนเข้าห้องน้ำไม่ได้ระวังค่ะ เลยลื่นจนขูดตรงหน้าผากไป หม่ามี๊กลัวพวกหนูเห็นแล้วจะตกใจกลัวเอา เลยใส่หมวกปิดไว้ค่ะ” พยายามอธิบายบาดแผลตรงหน้าผากให้ดูเบาที่สุดแล้ว แต่เด็กก็ยังกังวลอยู่ดี “หม่ามี๊ ให้พวกหนูดูหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง”“แปะพลาสเตอร์แล้วค่ะ แค่ไม่โดนก็ไม่เป็นไรแล้ว อย่าดูเลยค่ะ น่าเกลียดออก หม่ามี๊สวมหมวกถึงจะดูดีค่ะ” “หม่ามี๊ไม่ต้องอาย สวยอยู่แล้วค่ะ แต่หม่ามี๊คะ ทำไมแด๊ดดี๊ยังไม่กลับมาอีกหรือ” “เขางานยุ่ง ออกต่างจังหวัดไปแล้วค่ะ” ฝืนใจกล่าวไป เพราะไม่สามารถบอกว่าเขาไปดูแลผู้หญิงในดวงใจของตัวเองได้นี่ กล่าวจบก็เดินเข้าไปในวิลล่า สภาพที่ร่มรื่นเช่นนี้ แต่ยิ่งอยู่เธอก็ยิ่งเกลียดที่นี่ ค่ำคืนนั้นเมื่อพาเด็กๆเข้านอนแล้ว ในใจก็คิดเรื่องที่จะไปจากที่นี่อีกครั้ง เธออยากไปจากที่นี่จริงๆ แต่ มีบอดี้การ์ดคอยเฝ้ามองอยู่ตั้งหลายคน นั่นช่างยากเหลือเกิน เธออ่านหนังสือขับรถ เพียงแค่นั้น ไม่ได้ลองขับจริงๆสักที ผ่านไปกี่วัน ก็จดจำได้ขึ้นใจทั้งหมดแล้ว ปุริมไม่กลับมา เหมือนกับว่าหายตัวไปจากโลกนี้แล้ว แต่เขาไปบริษัททุกๆวัน กลางวันเขาเป็นสาธารณชน แต่ตกเย็นไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน เขามีวิธีในการหลบซ่อนคนที่คอยตามเขาอยู่เสมอ ทุกคนมีกฎระเบียบ เขาก็มีวิธีจัดการกับมัน เขาคนนั้นหากยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการก็จะไม่หยุดเด็ดขาด ในที่สุดก็อดทนไหวไม่อยู่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอกดเบอร์โทรของนาราอย่างระมัดระวัง “เพ็ญนีติ์ นั่นคือเธอหรือ” “ใช่ นารา พี่สาวของเธอเป็นอย่างไรบ้าง เด็กปลอดภัยไหม” “ปลอดภัยแล้ว คงไม่มีปัญหาอีกแล้ว เพียงแค่ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลเท่านั้น ปุริม ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาก็ไม่ให้พี่สาวออกจากโรงพยาบาล” กรอกสายตาไปมา ไม่รู้ว่าควรถามหรือไม่ แต่เธอก็ยังต้องถามมันออกไป “จิณณะ เขาได้ไปบ้างหรือไม่”“เหอะ เพ็ญนีติ์ คุณสนใจสามีของพี่สาวฉันแล้วหรือ” “นารา เธออย่าเข้าใจผิด ฉันแค่แปลกใจว่าทำไมจิณณะถึงยอมให้ปุริมไปดูแลเพ็ญภัทร์กัน” “เรื่องนี้เธอไม่ต้องสนมันหรอก ปุริมก็คงมีวิธีของเขานั่นแหละ แต่แรกฉันคิดนะว่าเธอคงมีอะไรที่จะรั้งใจของเขาได้ แต่คิดไม่ถึงเลย แต่พยายามเพียงไม่กี่วันเท่านั้นปุริมก็กลับมาอยู่ข้างกายพี่สาวฉันอีกแล้ว เพ็ญนีติ์ เธอต้องสู้นะ” นารากล่าวไป เหมือนกับว่าเสียดายแทนเธอเหลือเกิน ได้ยินความคิดเช่นนี้ เธอก็หวังว่าตัวเองกับปุริมยังสามารถพัฒนากันต่อไปได้ ดังนั้นถึงได้พยายามช่วยเธออย่างลับๆมาโดยตลอด เมื่อได้ยินนาราพูดถึงปุริมเช่นนี้ เพ็ญนีติ์ก็เริ่มค่อยๆเข้าใจ ว่าความจริงแล้วนาราเองก็ชอบปุริมเช่นกัน เป็นอย่างนั้นแน่ๆ “เพ็ญนีติ์ ที่ฉันช่วยเธอนั้นความจริงแค่อยากให้พี่สาวของฉันและปุริมออกจากช่วงเวลาแห่งความขมขื่นนี้ แต่พวกเขายังเป็นเช่นนี้ พวกเขาคงทรมานกันทั้งคู่ สามีของพี่สาวฉันตอนนี้ก็ไม่รอพบพี่สาวของฉันแล้ว ยามที่ทั้งสองคนพบหน้ากันเหมือนคนที่เป็นศัตรูกันเลย แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปก็ไม่ได้ไง พี่สาวฉันหย่าไม่ได้ มันจะเป็นอย่างนั้นไปตลอดไม่ได้ เช่นนั้นชั่วชีวิตนี้พี่สาวฉันก็ไม่พบเจอความสุขแน่ๆ” เพ็ญนีติ์เข้าใจแล้ว นาราเพื่อความสุขของเพ็ญภัทร์แล้ว ดังนั้นถึงได้หวังว่าเธอจะดึงปุริมมาไว้ข้างกายได้ ทำให้ความสัมพันธ์ของปุริมกับเพ็ญภัทร์จบสิ้นในที่สุด เมื่อรู้เรื่องนี้แล้ว เพ็ญนีติ์คิดว่าเรื่องก่อนหน้านี้คงไม่ใช่ฝีมือของนาราแล้ว นาราจะมาทำให้ปุริมเกลียดเธอทำไมกัน คนคนนั้นจะเป็นใคร เธอนึกไม่ออกจริงๆ “นารา ขอบคุณเธอมากที่มาบอกกับฉัน เด็กไม่เป็นอะไรนั่นก็ดีมากแล้ว แบบนั้นฉันเองก็วางใจ” นั่นคือใจจริงของเธอ เมื่อได้ยินว่าเด็กของเพ็ญภัทร์ปลอดภัยแล้ว คืนนี้เธอคงหลับได้อย่างสบายใจ เธอจะได้เริ่มวางแผนทั้งหมด เธอจะหนี หนีไปแน่ๆ พลิกตัวไปมาก็ยังนอนไม่หลับ ฉันโดนใส่ร้าย และอยากจะพิสูจน์ตน ไม่กี่วันมานี้บางทีปุริมอาจจะอารมณ์เย็นขึ้นมาบ้างจนคิดเรื่องพวกนี้ได้ชัดเจนบ้างแล้ว โทรหาปุริมอีกครั้ง และอีกครั้ง เขาไม่ได้ปิดโทรศัพท์ แต่ก็ไม่รับสายเหมือนกัน ยังคงโทรต่อไป อย่างไม่ยอมแพ้ แค่เขายังไม่ปิดเครื่องนั่นแสดงว่าเขาเองก็กำลังสับสนอยู่ เธอคิดเช่นนั้นจริงๆ อีกครั้งและอีกครั้ง: ทุกครั้งที่โทรไปก็ยังไม่มีใครรับสาย รอสักครู่แล้วโทรไปอีก เธอโทรไปอีกครั้งจริงๆ ไม่รู้ว่าโทรไปกี่ครั้งเหมือนกัน เสียงรอสายนั้นไม่ได้น่าฟังอีกต่อไป สุดท้ายก็รับสายเสียที เธอยังไม่ได้กล่าวอะไร น้ำเสียงนิ่มๆของผู้หญิงจากปลายสายก็ดังขึ้นเสียก่อน “สวัสดีค่ะ ปุริมออกไปข้างนอกค่ะ ความจริงฉันไม่ควรจะมารับสายแทนเขาเช่นนี้ แต่คุณโทรมาไม่หยุดเลย ฉัน... ขอโทษค่ะ ช่วยบอกฉันทีว่าคุณเป็นใคร แล้วฉันจะให้เขาโทรกลับนะคะ แบบนี้ดีไหม” “เพ็ญภัทร์ ฉันเองค่ะ” เมื่อได้โทนเสียงนุ่มของเพ็ญภัทร์ที่ยังคงเหมือนกับเมื่อก่อน นั่นทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมา “เพ็ญนีติ์ เป็นคุณอย่างนั้นหรือ ฮะฮะ รอปุริมมาถึงห้องพักก่อนนะคะแล้วฉันจะให้เขากลับไป คุณสบายใจได้เลยค่ะ” “อย่างนั้นหรือ ขอบคุณมาก” “แบบนั้นฉัน...” เหมือนว่าเพ็ญภัทร์ต้องการจะวางสายแล้ว “อ่า... รอก่อนค่ะ” “อะไรหรือคะ” “เพ็ญภัทร์ เด็กไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” “ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” น้ำเสียงของเธอดูขบขัน ดูแล้วคงมีความสุขมาก “ขอโทษนะคะ” เพ็ญนีติ์กล่าวพึมพำ เรื่องของเด็กๆในวันนั้นทำให้เธอเองก็มีเอี่ยวที่จะทำให้เพ็ญภัทร์แท้งเช่นกัน “เพ็ญนีติ์ ไม่ต้องกล่าวขอโทษเลยค่ะ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับคุณด้วยซ้ำ หรือว่าปุริมไปพูดอะไรใส่คุณ” น้ำเสียงของเธอนั้นทั้งกังวลและกลัว นั่นทำให้เพ็ญนีติ์รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา “ไม่ได้พูดอะไรค่ะ ดูแลตัวเองดีๆนะคะ เมื่อถึงเวลาก็ขอให้คลอดเด็กที่แข็งแรง อ้อยและส้มต่างชอบเด็กเล็กมากค่ะ เมื่อถึงเวลานั้นให้พวกเธอช่วยอีกแรงก็ได้นะคะ พวกเธอน่าจะดีใจน่าดู” “ได้ค่ะๆ อ๊ะ ปุริมกลับมาแล้วค่ะ ฉันเอาโทรศัพท์ให้เขานะคะ ปุริม เพ็ญนีติ์โทรมาค่ะ...” เหมือนว่าเธอกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นเพื่อส่งให้กับปุริมเพ็ญนีติ์ได้ยินเสียงฝีเท้า ปุริมได้รับโทรศัพท์แล้ว “เพ็ญนีติ์ ดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่นอนครับ” น้ำเสียงของเขานั้นช่างอ่อนโยน ดูเขาไม่สนสักนิดว่ากำลังคุยกับเธอต่อหน้าเพ็ญภัทร์ รู้สึกมึนงง เขาที่คุยโทรศัพท์กับเขาในวันนั้นที่โมโหโทโสจนทำร้ายเธอราวกับเป็นคนละคน เธอกลืนน้ำลายแล้วกล่าวเสียงเบา “ฉันแค่อยากจะบอกคุณ ว่าเรื่องวันนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คนไม่เคยให้นาราไปรับพวกเด็กๆ ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรอไม่ ฉันก็ต้องการจะบอกกับคุณ” “ผมรู้แล้วครับ” กล่าวสี่คำอย่างนิ่ง และเขากล่าวอีกว่า: “ดึกมากแล้ว นอนเถอะ ฝันดีครับ” กล่าวจบ ไม่รอให้เธอตอบกลับอะไรทั้งนั้นก็วางสายใส่เธอทันที ชัดเจนมากว่าเขาไม่ได้ร้อนใจอะไรกับเธอเลย แต่ต่อหน้าเพ็ญภัทร์กลับแสดงท่าทางแบบนั้นออกไปไม่ได้ หากกล่าวว่าใจของผู้หญิงนั้นยากแท้หยั่งถึง เธอรู้สึกว่าผู้ชายนั้นหยั่งถึงได้ยากยิ่งกว่า ทำให้คนคิดไม่ออกจริงๆว่าคืออะไรกันแน่ ไม่อยากจะหาใครทั้งนั้น ครั้งนี้ไม่มีน้าน้ำ ก็ไม่มีใครแอบไปบอกกับนภนต์เลย บางเวลา เธอก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างนภนต์กับปุริมนั้นไม่ได้ง่ายเลย แต่หลักๆคืออะไรนั้นเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 133 จิตใจของผู้หญิงนั้นยากแท้หยั่งถึง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A