ตอนที่ 722 เป็นผู้หญิงของเขาคนเดียวเท่านั้น   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 722 เป็นผู้หญิงของเขาคนเดียวเท่านั้น
ตอนที่ 722 เป็นผู้หญิงของเขาคนเดียวเท่านั้น นอนจนถึงฟ้าสว่าง ตอนตื่นขึ้นมาฟ้าก็สว่างแล้ว แม้ว่าชนัยจะต้องไปสังสรรค์ในตอนกลางคืน แต่ในตอนเช้าเขาตื่นนอนไม่เป็นเวลา ตอนลืมตาขึ้นมาผู้หญิงตัวเล็กข้างกายยังหลับอยู่ เธอหลับได้ดีมาก ร่างกายเล็กซบอยู่ที่อกเขา ไม่ได้สงเสียงใดๆ ดวงตากลมโตในตอนนี้ปิดอยู่ ผ้าห่มหล่นลงมาจากไหล่เธอ เผยให้เห็นหัวไหล่ขาวเนียน ตั้งแต่ลำคอจนถึงไหล่ ทั้งหมดมีแต่รอยรักสีแดงที่ทิ้งไว้เมื่อคืน ทำให้คนเห็นอิจฉาตาร้อน ชนัยค่อยๆปิดตาลงเบาๆ เพื่อบดบังความปรารถนาที่ขึ้นมาอีกครั้ง เขายกมือดึงผ้าห่มขึ้นมาบังรอยรักจางๆ บางทีเธออาจจะตื่นเพราะการกระทำของเขา เห็นแค่ขนตายาวของหญิงสาวขยับเบาๆสองที วินาทีต่อมาก็ลืมตาขึ้น พอเห็นเขาแล้วก็รู้สึกตกใจอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางทึ่มๆแบบนั้นน่ารักมากเป็นพิเศษ “ตื่นแล้วหรอ?” ชนัยกระตุกคิ้ว วางแขนไว้ข้างเธอแล้วจ้อง ดราณีมองไปรอบห้องหนึ่งรอบ ตอนที่มองไปเห็นกองเสื้อผ้าที่ไม่เป็นระเบียบอยู่บนโซฟา ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็แวบเข้ามา...... เธอหน้าแดงทันที แล้วซ่อนเข้าไปใต้ผ้าห่ม “ตะ ตื่นแล้ว......” ชนัยรู้ว่าเธอเขินอาย แม้ว่าผู้หญิงเขาจะเยอะ แต่ใบหน้าเขินอายแบบนี้เขาเคยเห็นเป็นครั้งแรก เขาเม้มปากยิ้มเบาๆ ยกมือขึ้นลูบหน้าผากเนียนของเธอ “เหนื่อยไหม?” เหนื่อยไหม ถ้าปกติเขาถามแบบนี้ ดราณีจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ในตอนนี้ ความหมายแฝงในคำพูดนี้มันค่อนข้างลึก...... “ไม่เหนื่อย” พูดจบ เธอเตรียมจะขยับตัวออกห่างจากเขานิดหน่อย ยังไม่ทันได้ออกแรงก็รู้สึกว่าเอวเหมือนถูกบีบแน่นจนเจ็บ เธออดไม่ได้ที่จะหายใจเสียงต่ำ “โอ๊ย......” “เป็นอะไร?” เขามองเธอด้วยสายตาเป็นห่วงอย่างมากทันที ดราณีจ้องเขาเขม็งอย่างอายและโกรธอย่างมาก “เป็นอะไรน่ะหรอ!?” หัวสมองที่ฉลาดอยู่ตลอดเวลาของชนัยจู่ๆก็ไม่ทำงาน มองท่าทางที่ราวกับว่าทั้งโกรธและอายของเธอ นอกจากกังวลก็ไม่ได้คิดอะไรอื่นอีก “เป็นอะไรกันแน่?” ดราณีใบหน้าขึ้นสีโดยไม่ได้พูดอะไร สักพักเธอไม่รู้ว่าเขาจงใจแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจหรือว่าไม่เข้าใจจริงๆกันแน่ ช่างเถอะ ยังไงก็ต้องลุกจากเตียง ดราณีจิตใจแรงกล้าแม้ร่างกายจะไม่เอื้อ ประคองแขนนั่งขึ้นจากเตียง ไม่เคยมีวันไหนที่พบว่าการลุกจากเตียงเป็นเรื่องที่ลำบากขนาดนี้มาก่อน เมื่อคืน......มันรุนแรงขนาดนั้นเลยหรอ? ยิ่งคิดก็ยิ่งอาย เธอกำลังเตรียมจะใช้เท้ายื่นไปถึงรองเท้าสลิปเปอร์ที่อยู่ไม่ไกล ระยะห่างอีกนิดเดียว จู่ๆฝ่ามือใหญ่ก็หยิบรองเท้าสลิปเปอร์คู่นั้นขึ้นมา ใส่ให้เธออย่างมั่นคง ฉวยโอกาสตอนที่เธออึ้งอยู่ ชนัยลุกขึ้นเอาแขนยันตัวเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง สีหน้าค่อนข้างจริงจัง “ฉันถามเธออยู่นะ ทำไมไม่พูด?” ดราณีสบสายตาที่จริงจังนั้น ถึงได้พบว่าที่แท้เขาก็เป็นห่วงตนมาก พึมพำกับตัวเองอยู่สักพักก่อนจะโพล่งออกมาแผ่วเบา “ฉะ ฉันปวดเอว ขาก็ปวด อาจจะเพราะเมื่อวานเหนื่อยจน......” พูดจบ ดราณีก็รีบก้มหน้า เธอคิดว่าใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเองสามารถทอดไข่ได้ ชนัยอึ้งไป มันสะท้อนว่าทำไมเธอถึงมีสีหน้าท่าทางแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา น้ำเสียงทุ้มต่ำเหมือนกับเป็นเสียงก้องกังวานที่ดังมาจากระฆังวัดในตอนเช้าตรู่ เขามีช่วงเวลาที่พอใจน้อยมาก ดราณีเปลี่ยนจากอายเป็นโกรธ กำลังจะเงยหน้าขึ้นมาถามว่ามีอะไรน่าขำนัก แต่พอเธอเห็นเขาฉีกยิ้มเห็นฟันขาวเรียงตัวสสวย และดวงตาที่โค้งเหมือนพระจันทร์ ก็พูดอะไรไม่ออกเลย ทำไมมีผู้ชายที่ยิ้มแล้วดูดีขนาดนี้? ชนัยเห็นเธอมองตนอย่างเหม่อลอย ก็ยกมือขึ้นลูบคางเธอ “อึ้งอะไร ลำบากขนาดนี้วันนี้ไม่ต้องไปโรงพยาบาลแล้ว หืม?” ดราณีมีสติกลับมา จากนั้นก็เบนศีรษะออกมา “ไม่ได้ ฉันยังต้องดูแลพ่อ” แฟนก็คือแฟน เธอไม่สามารถให้เรื่องนี้มาหน่วงเหนี่ยงเรื่องอื่นๆ “ฉันลาโรงเรียนแล้ว ไม่ไปโรงพยาบาลไม่ได้” แบบนี้เธอจะรู้สึกโทษตัวเอง ชนัยเห็นท่าทางดื้อดึงของเธอ ก็ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “เธอนอนพักสักวันหนึ่ง ฉันจะให้โรงพยาบาลส่งพยาบาลที่ดีที่สุดสองคนไป......” “ไม่ได้!” ดราณีจู่ๆก็ปฏิเสธอย่างใหญ่โต “ไม่ได้เด็ดขาด!” ชนัยตกใจสะดุ้ง ดวงตาเรียวหรี่ลงเล็กน้อย “เธอจะตื่นเต้นทำไม?” “ฉะ ฉันไม่ได้ตื่นเต้น......” ดราณีนึกถึงตอนที่เธอคุยกับเสนานีที่ป้ายรถประจำทาง เธอต้องปกปิดชนัยไปด้วยและต้องคิดว่าจะปฏิเสธอย่างไรไปด้วย รู้สึกไม่ดีเลย การคิดใคร่ครวญนี้เพียงครู่เดียวชนัยก็ดูออก เห็นว่าเธอค่อนข้างลำบากใจอย่างมาก เกือบจะเดาสาเหตุออก “หลังจากกลับไปที่บ้านเธอพูดอะไรใช่ไหม?” ถูกเขาพูดตรงจุด ดราณีก็ใจเต้น ‘ตึกตัก’ ใบหน้าต้องแกล้งเรียบเฉยอย่างมาก “จะเป็นไปได้ยังไง ไม่มีอะไร......งั้นฉันจะไปล้างหน้าแปรงฟัน ขอทางหน่อย” เห็นว่าเธอเปลี่ยนเรื่อง ชนัยก็ไม่เพียงแต่ไม่หลบแถมยังเข้าไปใกล้ “ดราณี เธอมีเรื่องปิดบังฉันใช่ไหม?” ดราณีเหมือนสมองจะระเบิดชั่วคราว พูดออกมาอย่างไม่เป็นระเบียบ ตะกุกตะกัก “ปะ เปล่านะ คุณทำไมมาบังคับแบบนี้เนี่ย จะพูดอะไรได้ ก็รู้สึกขอบคุณคุณไง......” “รู้สึกขอบคุณฉันเลยปฏิเสธน้ำใจฉันหรอ?” ชนัยพ่นออกมาเสียงเย็นชา “เรื่องที่เธอคิดมากฉันดูออก ยังไม่พูดออกมาอีก?” เขายืนกรานที่จะถามอย่างตรงไปตรงมา ตอนแรกเผชิญหน้าเขาดราณีก็ไม่ได้มีความมั่นใจอะไร ในตอนนี้เขาดูมีพลังขึ้นมา อยากจะแกล้งทำก็ทำไม่ลง จึงได้แต่เผยความจริงออกไป เธอเลือกคำพูดเสนานีที่น่าฟังหน่อยในวันนั้น ไม่ได้พูดประโยคที่ขัดหูมากที่สุดออกไป พวกเขาเพิ่งคบกัน เธอไม่อยากให้ชนัยรู้สึกว่าครอบครัวของเธอเองไม่ยอมรับเขา แต่ยิ่งเธอทำแบบนี้ ชนัยก็ยิ่งรู้สึกว่าเสนานีไม่พอใจตัวเองอย่างมาก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ลังเลและปกปิดที่จะพูดมันออกมา มันจะต้องเป็นคำพูดที่ไม่ดีแน่ๆ “คุณแม่คงไม่อยากให้พวกเราติดต่อกันล่ะสิ” เขาถึงขั้นไม่พูดคำว่าคบกัน เขารู้ว่าดราณีคงไม่กล้าเผยให้คนที่บ้นรู้ ดราณีไม่รู้ว่าควรตอบเขาอย่างไร ในใจก็ค่อนข้างหงุดหงิด “ฉัน......” “ฉันคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้” เทียบกับความลังเลในการพูดของเธอ ชนัยกลับทำตัวสบายกว่ามาก แต่ไม่ใช่ว่าไม่ใส่ใจ แต่เพราะว่าเขาได้คาดหมายไว้นานแล้ว “เธอคบกับฉันในอายุเท่านี้ ไม่ใช่แค่ครอบครัวเธอ คนอื่นๆก็ต้องคิดไมดีแน่นอน” ไม่ว่าเขาจะอายุน้อยเท่าไหร่ ความจริงอายุก็อยู่ตรงนั้น ผู้อาวุโสก็จะเป็นพวกอนุรักษ์นิยม ครอบครัวของดราณีไม่ได้โลภในเงินทองเหมือนกับเธอ ดังนั้นเลยไม่ได้พิจารณาในพื้นเพของเขานัก ดราณีเม้มปาก มองผู้ชายตรงหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร ชนัยก็ไม่ได้ยกแขนมากักตัวเธอไว้อีก “เธอไม่ต้องปิดบังฉันหรอก เรื่องพวกนี้ฉันรับได้ แค่ฉันต้องยิ่งพยายามให้มากขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่เธอก็เท่านั้น”
已经是最新一章了
加载中