บทที่ 141 มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ
1/
บทที่ 141 มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 141 มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ
บทที่ 141 มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ สายตาของเธอที่ล่ะผ่านหน้าต่างข้างนอกรถกลับมามองยังใบหน้าของเขาที่ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนใดๆ แม้ว่าจะมองเห็นแค่ข้างๆ แต่เขาหน้าเขาก็ยังคงทำเป็นเข้มแข็ง มีใบหน้าที่ร่าเริงแจ่มใสให้เธอเห็น ร่าเริงจนทำให้เธออยากจะทำลายมัน คำขอโทษอะไรกัน เธอไม่รับคำอะไรใดๆทั้งนั้น หากไม่เห็นแก่ อ้อย และส้ม ชาตินี้เธอจะไม่ติดต่อเขาเป็นอันขาด “ขอโทษ” การเงียบไปของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่ยเอ่ยซ้ำขึ้นอีกครั้ง เสียงครั้งนี้ดังขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย “ผมสืบรู้ที่มาของข้อความฉบับนั้นแล้ว ว่าคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับมัน” “มันเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น ใช่ไม่ใช่ค่ะ?” เมื่อสักครู่นี้ นรวร พึ่งจะโทรมาบอกเรื่องผู้หญิงคนนั้น ปุริมพยักหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ตอนนี้คนที่ส่งข้อความนั้นมาเสียชีวิตแล้ว ผมสืบเรื่องนาราและผู้หญิงคนนั้นมาแล้ว เธอทั้งสองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกัน ดังนั้น....” ดังนั้น เรื่องที่เขาพูดเมื่อกี้เป็นแค่การคาดเดาของเขาเท่านั้น “งั้นคุณรู้ได้ไงว่าไม่ใช่ฉัน?” “ผมไปที่โรงเรียนของคุณ จากนั้นก็คิดหาวิธีตามหาขวัญใจ ในข้อความนั้นมีคำคำหนึ่งที่ไม่ใช่คุณเขียน มันไม่ใช่ตัวคุณ” ขวัญใจ ขวัญใจอีกแล้ว ที่แท้เขาก็ไปหาขวัญใจจริงๆ จากนั้น ก็มี QQของขวัญใจ ข้อความนั้นเขาน่าจะส่งเมลล์มาตอนบ่ายล่ะสิ หากย้อนคิดพิจารณาอย่างใคร่ครวญ กระดาษที่นาราให้เธอแผ่นนั้น ข้อความแต่ละคำๆผุดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการใส่ร้ายป้ายสีเธอ เธอจำได้อย่างชัดเจน และไม่เคยลืม เพราะมันทำให้เธอรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างยิ่ง เขาพูดถูก เธอนึกขึ้นได้ เธอมักจะเขียนคำๆหนึ่งหายไปขีดหนึ่ง จนมันเป็นความเคยชินของเธอ ขวัญใจรู้เรื่องนี้ดี ปุริมน่าจะเอากระดาษแผ่นนั้นให้กับขวัญใจดูแล้ว ถ้าหากไม่ใช่ขวัญใจ หรือหากไม่รู้ความจริงทั้งหมด คนหยิ่งยโสอย่างเขา จะยอมมาขอโทษเธอได้ยังไงกันนะ? เธอส่ายหัวหัวเราะยิ้มเบาๆ “ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก คำพูดเหล่านี้มันไม่จำเป็นจริงๆสำหรับเราสองคน” เพราะมันไม่จำเป็นแล้ว เมื่อตามหาลูกกลับมาได้ สุดท้ายเธอยังคงต้องไปจากเขาอยู่ดี รถ Volkswagen beetle ของนารา ความรักของเพ็ญภัทร์ ทั้งหมดเหล่านี้ เป็นตราบาปรอยแผลที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจเธอเรื่อยมา เธอไม่ชอบความรู้สึกที่เป็นการตอกย้ำซ้ำรอยแผลเดิม เธอก็เป็นคนคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใช่นักบวชนักปราชญ์ ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยอะไร เขายังคงขับรถต่อไป ทันใดนั้นบรรยากาศในรถกลับเงียบสงบลง อึมครึมจนทำให้เพ็ญนีติ์รู้สึกว่าแม้กระทั่งหายใจยังลำบาก เป็นความรู้สึกติดๆขัดอะไรจะอึดอัดขนาดนี้ “คุณคิดว่า ลูกจะไปที่ไหน?” เขาถามขึ้น ขณะกำลังเหยียบคันเร่งขับอยู่บนถนน “ลองไปถนนเส้นที่เมื่อก่อนฉันเคยเปิดร้านดูกันเถอะ” “ผมให้นรวรไปดูแล้ว เขาบอกว่าไม่มี ไม่งั้น เราลองไปดูอีกครั้งหนึ่ง” จริงๆเขาได้ส่งลูกน้องไปหาตาม คฤหาสน์ ตามบ้านพัก จนทั่วแห่งแล้ว แต่ก็เลือกมาหาด้วยตัวเองอีกรอบทั้งที่เขารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในคฤหาสน์ เพราะว่า คนที่จะเข้าไปได้ นอกจากเข้าประตูใหญ่แล้ว ทางอื่นเข้าไม่ได้ แต่ที่ประตูใหญ่ มีระบบป้องกันอย่างแน่นหนา ตั้งแต่เพ็ญนีติ์พาอ้อยและส้มหนีออกจากคฤหาสน์ไป ในคฤหาสน์ก็ตั้งกฎขึ้นมาเพิ่มอีก จนตอนนี้ ไม่มีใครกล้าที่จะปล่อยให้คนนอกหรือคนใน เข้าหรือออกได้ตามอำเภอใจอีกเลย เธอตอบรับเบาๆ “อืม” จนถึงวันนี้ ทำได้เพียงแค่ตามหาไปเรื่อยๆ เธอไม่รู้ว่าจะไปตามหาที่ไหนแล้ว ทั้งหมดต้องเอาตามเขาแล้วกัน เขาขับรถพาเธอตามหาทั่วเมืองดรัลไปๆมาๆตลอดทั้งคืน แม้กระทั่งที่โรงเรียนอนุบาลที่อ้อยและส้มเคยไปทั้งสองแห่ง ไปปลุกคนดูแลสถานอนุบาล เปิดไฟตามหาทั่วทุกห้องทุกซอกทุกมุม โดยมีเขาเดินนำ ส่วนเธอคอยตามติดอยู่ข้างหลัง ต่างก็ร้องเรียกชื่อของส้มและอ้อย มีเพียงแค่ตอนหาเท่านั้นที่เธอรู้สึกโมโหกระวนกระวายใจ แต่พอเธอกลับเข้ามาถึงในรถ กลับโรยแรงราวกับจะเป็นลมได้ตลอดเวลา ฟ้าใกล้จะสางแล้ว ร่างกายเธอเหนื่อยล้าโรยแรงเต็มที่ แต่กลับไม่คิดแม้แต่จะพัก มองไปที่รถที่ขับไปเรื่อยๆอย่างไร้เป้าหมาย เธอรู้ดีว่าเขาเองก็คิดไม่ออกแล้วเหมือนกันว่าเด็กๆจะไปที่ไหน เพราะว่าสถานที่ที่เด็กๆรู้จักนั้นมีไม่กี่ที่ และพวกเขาก็ไร้เดียงสามาก ตอนนี้ สิ่งที่คิดว่าเป็นไปได้ที่สุดคือ เด็กๆอาจจะถูกลักพาตัวไป ทว่า ทั้งสองคนต่างก็คิดแบบนี้ แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยออกมา ถ้าเป็นแบบนี้ก็ช่างโหดร้ายยิ่งนัก ใต้ท้องฟ้า มวลหมู่เมฆล่องลอย ฟ้าใกล้รุ่งสาง “ปุริมคะ เราแจ้งตำรวจกันเถอะ” เขาส่ายหัว “รอดูอีกสักหน่อยนะ” เธอหยิบมือถือต่อสายหานภนต์ ถือสายไม่นานก็มีเสียงของนภนต์ดังแทรกขึ้นมา “เพ็ณนีติ์ ได้ข่าวเด็กๆแล้วใช่ไหม?” ประโยคนี้ ทำให้ความหวังที่มีอยู่ของเธอมลายหายไป “ไม่มีเลย นภนต์ นายกลับไปพักผ่อนเถอะ ถ้าได้ข่าวคราวยังไง เราค่อยติดต่อบอกกัน” เธอและปุริมยังคงหาต่อไป ทางฝั่งนภนต์ ก็กำลังหา บางที่ ที่ที่เราไปอาจจะไปซ้ำๆกัน แต่เราอาจจะพลาดไม่เจอกันก็ได้ ไม่อยากคิดให้ทรมานตัวเองแล้ว สุดแท้แต่ฟ้าเบื้องบนก็แล้วกัน ท้องฟ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา จะต้องมีวันที่ท้องฟ้าสดใส วันตรุษจีน เธอจะสามารถผ่านช่วงเวลาที่ไร้ความหวังเช่นนี้ไปได้ไหม? เขายังอยู่ในรถ ขับวนเมืองดรัลไปเรื่อยๆ หวังเพียงว่าจะพบร่องรอยของลูกอยู่ที่ถนนที่ไหนสักแห่ง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ คงจะดีใจมากแน่ๆ ทั้งสองไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร มองออกนอกหน้าต่าง รถเริ่มตื่นขึ้นจากการหลับใหล บนถนนในเมืองนั้น เริ่มมีรถเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่ผู้คนข้างในรถกลับยังไม่ได้นอน ร่างที่พิงแนบเบาะ ดวงตาของเพ็ญนีติ์คอยจับจ้องแต่ถนนข้างทางอย่างไม่กะพริบ หวังจะพบเบาะแสของลูกที่หายไป เขาไม่ยอมแพ้ เธอก็ยิ่งไม่ยอมแพ้เช่นกัน จากนั้นก็ไม่มีสายโทรเข้าออกใดๆ แต่จิตใจของเพ็ญนีติ์กลับจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ที่กำแน่นในมือ ใจหนึ่งเธอหวังให้มีสักสายโทรเข้ามา แต่อีกใจหนึ่งก็กลัว ถ้าอ้อยและส้มโดนคนไม่ดีทำร้ายจริงๆ เธอจะทำยังไงดี? เวลาผ่านมาจนกระทั่งถึงตอนเที่ยง ผู้คนบนถนนค่อยๆลดน้อยลง มีเพียงรถบนท้องถนนที่กำลังเร่งรีบกลับบ้านเพื่อเฝ้ารอคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ วันตรุษจีน ทุกครอบครัวต่างกำลังเฉลิมฉลองอยู่ร่วมกัน แต่เธอกับปุริมกลับอยู่กลางท้องถนนเพื่อตามหาพวกเด็กๆ เขายังคงขับรถต่อไป แต่ความเร็วของรถเห็นได้ชัดว่าเริ่มช้าลงแล้ว ตลอดทั้งคืนไม่ได้พักผ่อน บวกกับความเป็นห่วงกังวลลูก ทำให้สีหน้าอาการของเขาก็ดูแย่ไปเหมือนกัน “คุณ ให้ฉันขับแทนคุณเถอะ” เธอเอ่ยขึ้น เขาส่ายหัว “คุณขับรถเป็นจริงๆหรอ? เพ็ญนีติ์ คุณลองบอกผมสิว่าคุณเคยขับรถมาแล้วรวมทั้งหมดกี่ครั้ง?” เธอยิ้ม ดวงตาที่แห้งแดงฝืดจากการอดนอนเป็นครั้งแรกของวันนี้ที่เห็นรอยยิ้มของเธอ “หนึ่งครั้ง” เป็นหนึ่งครั้งที่ทำให้เธอภูมิใจมาก ตอนนี้คิดๆไปแล้วมันเป็นพรสวรรค์ของเธอเองแท้ๆ รอยยิ้มของเธอมอบความอบอุ่นหล่อหลอมบรรยากาศอันอึมครึมตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนที่ผ่านมาได้ ทำให้เขาเริ่มจัดตนเอง ที่นั่งนานจนตัวกำลังจะแข็งเดี้ยงอยู่แล้ว “มันคือครั้งที่เธอหนีออกไปจากคฤหาสน์ครั้งนั้นใช่ไหม ?” เธอพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว” “คุณไม่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณหรอ?” “ฉันคิดแค่ว่าจะออกไปจากคฤหาสน์” คิดแค่จะหนีจากเขาไป ดังนั้นตอนนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรมาก ถ้าฉันคิดว่าฉันทำได้ มันก็ต้องได้แน่นอน “อยากหนี้ไปจากผมมากขนาดนั้นเชียวหรอ?” เธอยังคงยิ้ม ก่อนที่เธอจะไป เธอได้โทรศัพท์ไปหาเขาแต่ เขาอยู่กับเพ็ญพัทร์ “เธอใกล้จะคลอดแล้วใช่ไหม?” “อืม ใกล้แล้ว อีกไม่นานก็จะคลอดแล้ว” เสียที่ราบเรียบ ราวกับไม่กลัวอะไร แต่เธอรู้ดีว่า เพ็ญพัทร์คือจุดอ่อนของเขา “คุณเคยรักเธอมากๆ ใช่ไหมใช่?” ริมฝีปากของเขาเหมือนกำลังกล่ำกลืนฝืนยิ้ม “เธอเคยเป็นชีวิตให้กับฉัน แต่ว่า พวกเราพลาดไปแล้ว” “เพราะอะไร ? คุณรักเธอมากขนาดนั้นแล้วทำไมถึงทิ้งเธอไปล่ะ ถึงให้เธอแต่งงานกับคนที่เธอไม่รักล่ะ? ปุริม คุณทำให้ฉันดูคุณผิดไป ถ้าเป็นแบบนี้สุดท้ายแล้วคุณทั้งสามจะไม่มีใครมีความสุขแม้แต่คนเดียว” รอยยิ้มอันกล่ำกลืนของเขายิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย “ผมบอกแล้วไง ว่านั้นเป็นเพราะ คุณเมนิลา” เขาบอกว่าเป็นเพราะคุณเมนิลาไม่ใช่เพราะพ่อแม่ของเขา “ฉันคิดว่าจะเป็นเพราะใครก็แล้วแต่ ถ้าเกิดคุณรักเธอจริงๆ เธอไม่ควรที่จะปล่อยมือเธอ” “เราหมั้นกันแล้ว เรือนหอ แหวนหมั้น ชุดแต่งงาน ขนาดฤกษ์หมั้นก็กำหนดไว้แล้ว แต่ว่าหลังจากตื่นขึ้นมาในคืนวันนั้น ในกล่องรับข้อความอีเมลล์ของผมเต็มไปด้วยรูป รูปของเพ็ญภัทร์” “รูปที่เธอแอบคบชู้? “ เธอเอ่ยขึ้น คาดว่าคงเป็นแบบนี้ “อืม คุณรู้ได้ยังไง?” “ฉันเดาเอาค่ะ และฉันคิดว่าคุณก็เชื่อมันด้วย ใช่ไม่ใช่?” “อืม” เขายอมรับอีกครั้ง ในใจกลับรู้สึกเสียใจ ตอนนั้น เขาเชื่อจริงๆ เขาคิดว่าในภาพนั้นคือเพ็ญภัทร์ เขาโกรธจนทำลายทุกอย่าง เขาโทรศัพท์ไปยกเลิกงานแต่งงาน ระหว่างเขาและเธอจะไม่มีอะไรใดๆทั้งนั้น “เลิกพูดถึงมันเถอะ ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก” “คุณปุริน ฉันคิดว่าคุณมันคือคนขี้ขลาดในเมื่อตอนนี้คุณยังรักเธออยู่ ในเมื่อคุณรู้ว่าตอนนั้นมันเป็นแค่การเข้าใจผิดกัน คุณก็ไม่ควรปล่อยให้มันเข้าใจผิดกันต่อไปแบบนี้” “แต่ คนที่เธอเลือกในตอนนั้นคือน้องชายของผม เป็นน้องชายต่างพ่อของผมนะ” เขาถอนหายใจ รถกลับมาขับเร็วขึ้นอีกครั้ง ราวกับจะระบายอารมณ์โมโหทั้งหมดออกไป หากไม่ใช่เป็นเวลาที่ทุกคนกลับไปฉลองปีใหม่ รถบนถนนลดน้อยลง เกรงว่าคงเกิดเรื่องไม่คาดคิดไปแล้ว มองออกไป ฟ้าเริ่มจะมืดลงแล้ว สายตาของเพ็ญนีติ์มองออกไปนอกหน้าต่าง คนเรามักจะถูกเยื่อใยเรื่องราวต่างๆผูกมัดไว้ จากนั้นก็ติดกับดักตัวเอง ทำให้ตัวเองไม่พบเจอกับท้องฟ้าที่สดใสสักที “ปุริมคะ ฉันยังหวังว่าคุณจะได้อยู่ร่วมกันกับเพ็ญภัทร์ อย่ายอมแพ้นะคะ” มือที่จับพวงมาลัยอยู่เกิดอาการสั่น “แล้วคุณล่ะ?” ใบหน้าที่ยิ้มของเธอ ถูกเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก “หลังจากที่ฉันออกไปจากคฤหาสน์แล้ว ก็ไม่เคยคิดจะกลับไปที่นั้นอีกเลย ไม่ใช่ความเกลียด หรือกล่าวโทษใดๆ แต่ เราสองคนไม่เหมาะสมกันค่ะ ปุริมคะ เราเป็นเพื่อนกันเถอะ” เธอพูดอย่างราบเรียบดุจสายน้ำนิ่ง ราบเรียบราวกับมองว่าเขาเป็นแค่เพื่อนได้แล้วจริงๆ จิตใจของปุรินเริ่มรู้สึกร้อนรุ่มกังวล เขาหยิบมือถือโทรหานรวร “แจ้งความ” ในที่สุดก็ตัดสินใจแจ้งความ เพราะว่า การรอต่อไปแบบนี้ไม่ได้เป็นวิธีการที่ดีเท่าไหร่ เขาวางโทรศัพท์ลง กุมมือเธอที่อยู่ข้างๆมาไว้ที่ตรงหัวใจ “ผมอยากดื่ม คุณดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ?” กระแสมือเชื่อมใจ ซึมซับชุบฉ่ำหัวใจทั้งสองดวง เพ็ญนีติ์กระวนกระวายใจเป็นห่วงเด็กๆยิ่งนัก จนทำลายอารมณ์ที่จะทำอย่างอื่น เด็กดื้อทั้งสอง ถ้าพวกลูกกลับมาอย่างปลอดภัย เธอจะฟาดให้หลาบจำสักทีหนึ่ง จะตีก้นให้แดงไปเลย ดูซิว่าต่อไปจะกล้าแอบหนีอีกรเปล่า? เธอเองก็อยากดื่มเหล้า “ได้ งั้นเราไปดื่มกัน” “ไปที่คอนโดเถอะ” เขาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ สายตาสั่นไหวนิดหน่อย เป็นครั้งแรกที่ใจของชายหนุ่มกังวลวุ่นวายขนาดนี้ ล้วนเพราะว่า แก้วตาดวงใจทั้งสองของเขาและเธอ อัพเดทครั้งหน้า วันที่3 พ.ย. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 141 มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A