บทที่ 143 เป็นผู้หญิงคนนั้นจริงๆ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 143 เป็นผู้หญิงคนนั้นจริงๆ
บทที่ 143 เป็นผู้หญิงคนนั้นจริงๆ คนอื่นตอนเมาจะนอนอยู่เฉยๆ แต่เธอกลับไม่อยู่นิ่งๆเลย ฝ่ามือตีลงไปอีกครั้ง เสียงฝ่ามือที่กระทบกางเกงดังขึ้น แต่ว่าตอนที่เขายังไม่ได้ยกมือขึ้นมานั้น ในพงหญ้าข้างๆ มีเสียงหนึ่งดังขึ้น :”แด๊ดดี้จะตีหม่ามี้ไม่ได้นะ” เสียงอันคุ้นเคย รวมถึงความไร้เดียงสาแบบเด็กๆ เขาต้องหลอนไปแล้วแน่ๆ ต้องหลอนไป ปุริมส่ายหัวไปมา สอดมือไปข้างๆหมายจะแบกเพ็ญนีติ์กลับไปนอนที่คอนโดอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็มีเงามาเพิ่มสองคน ยืนตรงอยู่ตรงหน้าของเขา เงาตรงนั้นทำให้เขาตกใจจนต้องเงยหน้าขึ้น ที่แท้คือ ส้มและอ้อย ปุริมขยี้ตามองดูอีกครั้งอย่างละเอียด เขาไม่ได้ตาฝาดไป คืออ้อยและส้มจริงๆ “อ้อย ส้ม พวกลูก...” “ปล่อยหม่ามี้ของหนูนะ รีบวางลงเดี๋ยวนี้” ส้มเอามือเท้าสะเอว “ทำไมต้องตีก้นหม่ามี้ด้วย? เมื่อก่อนแดดดี๊ต้องตีหม่ามี้แน่ๆเลย จึงทำให้หม่ามี้ต้องหนีจากไปทำให้หม่ามี้ไม่ต้องการแดดดี๊แล้ว ใช่ไหมคะ? “ต้องเป็นแบบนี้ แดดดี้ แดดดี้ตีหม่ามี้ได้ยังไงกันคะ? แดดดี้เป็นแดดดืที่ไม่น่ารักเลย” เด็กทั้งสองจ้องมองเขาอย่างโมโห โกรธมาก จมูกของทั้งสอง มีสีแดงระเรื่อ หากนับดูแล้วพวกเธอหายตัวไปก็หนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนแล้ว ทำไมยังดูมีชีวิตชีวาอยู่ “อ้อย ส้ม พวกหนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?” เขาทนไม่ได้จึงถามขึ้น เด็กน้อยต่างสงสัยแต่ผู้ใหญ่นี้สิไม่รู้จะตอบอย่างไงแล้ว ทั้งๆที่เป็นเพ็ญนีติ์ที่ก่อเรื่องวุ่นวาย แต่เรื่องกลับกลายเป็นเขาที่แกล้งเธอ นอกจากนี้ยังถูกเด็กทั้งสองมองผิดไป เพียงแค่ตอนนั้นเขาไม่ได้โมโหใดๆ นาทีที่มองเห็นเด็กทั้งสอง เขารู้สึกดีใจมากอย่างบอกไม่ถูก ก่อนหน้านี้ซูบโซมไปมากเท่าไหร่ตอนนี้ก็ดีใจมากเท่านั้น ยื่นมือไปโอบพวกเขาเข้ามาใกล้ชิดกับตนที่นั่งอยู่ แต่ว่า เด็กทั้งสองฉลาดมาก รีบปัดมือออก “อย่ามาแตะต้องตัวพวกเรา ขอโทษหม่ามี้ก่อนค่ะ ไม่งั้น หม่ามี้จะไม่ให้อภัยแดดดี้ตลอดไป” ต่อให้หม่ามี้ไม่ให้อภัยแดดดี้ ครอบครัวเราสี่คนก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ และที่สำคัญที่สุด หม่ามี้ไม่ต้องการพวกเธอสองคนแล้ว หม่ามี้เคยบอกว่า ให้ลูกทั้งสองไปหาแดดดี้ จากนั้นให้บอกับทุกคนว่าแดดี้และหม่ามี้ไม่ต้องการลูกแล้ว ดังนั้น อ้อยและส้มคิดไปคิดมาก็เริ่มกลัว ปุริมค่อยๆปล่อยมือออกจากเพ็ญนีติ์ “อ้อย ส้ม มานี้ลูก มาให้แดดดี้กอดหน่อย” “ไม่ค่ะ” มองเห็นเขายืนขึ้น ความสูงของเขาทำให้เด็กทั้งสองต้องเงยหน้าขึ้นมอง “รีบขอโทษหม่ามี้เดี๋ยวนี้ค่ะ ไม่งั้นพวกเราสองคนจะไม่สนใจแดดดี้ตลอดไปเลยค่ะ” ย้ำให้เขาขอโทษ ให้เขาทำทุกวิถีทางให้หม่ามี้มีความสุข แบบนี้ หม่ามี้ของพวกเธอจึงจะกลับมาสนใจพวกเธอเหมือนเดิม หากเด็กๆพยายามแก้ปัญหานี้กัน ทั้งที่ตอนนี้คนก่อเรื่องหลับอยู่บนพื้นไปแล้ว ปุริมถอนหายใจ ทั้งชีวิตต้องยอมแพ้ให้กับอ้อยและส้ม ลูกสองคนนี้เท่านั้น และที่สำคัญเป็นการแพ้แบบราบคาบเลยทีเดียว มองเห็นเด็กทั่งสองมองตนด้วยท่าทีระวังตัว เหมือนดังเขาเป็นหมาป่าที่จ้องจะจับกินอย่างนั้นเลย “อ้อย ส้ม ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องวิ่งไปไหนนะ แดดดี้จะขอโทษหม่ามี้เดี๋ยวนี้ครับ แต่ว่า หม่ามี้ตอนนี้เมาแล้ว แดดดี้ไม่รับประกันว่าหม่ามี้จะได้ยินรึเปล่า” คิ้วขมวดเข้าหากัน ให้เขามาขอโทษเพ็ญนีติ์ต่อหน้าลูกทั้งสอง เป็นเรื่องที่...เรื่องที่...แต่ก็ไม่ได้เต็มใจเลย “อะไรนะ หม่ามี้เมาเหล้าหรอคะ?” ส้มเอ่งโพล่งขึ้นมา อ้อยก็เอ่ยตามมา “แดดดี้ แดดดี้มอบเหล้าเพื่อจะตีหม่ามี้ใช่ไม่ใช่ค่ะ?” เด็กสองคนนี้ดูร่าเริงจริงๆ ร่าเริงกว่าเขาอีก สายตามองเด็กๆที่ขยับเขาใกล้หม่ามี้ที่นอนอยู่บนพื้นหญ้า และรีบขยับหนีเขา ปุริมยืนมือโอบทั้งหมดไว้ในอ้อมกอด วินาทีนั้น มันเป็นความรู้สึกที่มีความสุขเติมเต็มจิตใจของเขา เขารู้สึกได้ว่าเขารักลูกทั้งสองมากมายขนาดไหน รักมากจริงๆ “อย่าหนีไปไหนอีกเลยลูก หม่ามี้ของลูกเป็นห่วงจะแย่แล้วรู้ไหม หม่ามี้กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูก ร้องไห้แล้ว เมาแล้วด้วย แดดดี้ก็เช่นกัน หนูลองดมดูสิ กลิ่นที่ติดตัวอยู่มีแต่เหล้าใช่ไหม?” เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ เสียอันนุ่มนวลอบอุ่นของชายหนุ่ม ทำให้เด็กทั้งสองที่โมโหหงุดหงิดอยู่เมื่อสักครู่นี้ค่อยๆสงบสติลง เด็กๆก้มหน้าลงดมเหมือนดังกับหมาน้อยสองตัวเลย “ส้ม แดดดี้ เมาเหล้าแล้วจริงๆ” เขามีคำถามจะถามลูกๆมากมายก่ายกอง ทำไมต้องวิ่งหนีออกมา? ตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ไปอยู่ไหนมา? และก็....ยังมี...มีมากมาย มากมาย... แต่ว่า ไม่ใช่เวลานี้ อากาศข้างนอกเย็นมาก เสียงของประทัดยังคงดังอยู่ นี้ปีใหม่แล้วนี่นา ในที่สุดลูกๆและพวกเราต่างก็ได้มาอยู่รวมกันแล้ว ดวงตาเริ่มเปียกชื้น เป็นครั้งแรกที่น้ำตาไหลออกมาอย่างพลั่งพลูขนาดนี้ แต่ก็กลั้นมันไว้ “แดดดี้เมาแล้วจริงๆ ลูกทำให้หม่ามี้ตกใจห่วงมาก หม่ามี้จึงต้องดื่มเมาขนาดนี้ ตอนนี้เราพาหม่ามี้กลับบ้านกันเถอะนะ จากนั้นก็อาบน้ำให้หม่ามี้ รอจนกระทั่งหม่ามี้ตื่นเราค่อยฉลองปีใหม่กัน ดีไหมคะ?” พอพูดถึงฉลองปีใหม่ ส้มก็ดีอกดีใจยกใหญ่ “แดดดี้ แดดดี้จะฉลองปีใหม่กับพวกเราจริงๆหรอคะ?” “แน่นอนสิคะ จะต้องไปแน่นอน แดดดี้จะทำอาหารเย็นทั้งมื้อให้ทุกคนทานเอง และก็จะห่อเกี้ยวด้วย” พูดไป ใจของเขาก็อ่อนใจแล้ว “มา ให้แดดดี้โทรศัพท์สักครู่ได้ไหมคะ?” “ก็ได้ค่ะ” ส้มมองไปยังนัยน์ตาของเขา “แต่ว่ายังไงก็ตาม แดดดี้ต้องขอโทษให้หม่ามี้ให้อภัยแดดดี้นะคะ ไม่อย่างงั้น หม่ามี้จะไม่เอาเราสองคนแล้ว” คำพูดที่ไร้เดียงสาแบบนี้ทำให้เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง “ทำไมหม่ามี้จึงจะไม่ต้องการพวกหนูละคะ?” “หม่ามี้ไม่อนุญาตให้พวกเรามาหาแดดดี้ และก็ไม่ให้พวกเราพูดถึงแดดดี้ต่อหน้าคนอื่น ถ้าเกิดว่ามาหาแล้ว และพูดถึงแล้ว หมามี้บอกว่า หม่ามี้จะไม่เอาพวกเราแล้ว ตอนที่พวกเราตามมานั้น ได้บอกชื่อแดดดี้ไป แดดดี้ พวกเราจำได้แค่ทางมาที่นี่ ดังนั้นจึงมาที่นี่” ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง ในที่สุดปุริมก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด มองไปที่เพ็ญนีติ์ที่หลับหริ้มพร้อมส่ายหัวเบาๆ เธอไม่อยากพบเขามากขนาดนี้หรอ “ได้ แดดดี้รับปาก รอให้หม่ามี้ตื่นขึ้นมาก่อน หม่ามี้ต้องการพวกเราอย่างแน่นอน ดีไหมคะ?” เพ็ญนีติ์จะไม่เอาส้มและอ้อยได้อย่างไรกัน ถ้าอ้อยและส้มรู้ว่าการหายตัวไปของพวกเธอทำให้เพ็ญนีติ์ต้องผ่านอะไรมาบ้าง พวกเขาคงไม่กลัวแบบนี้ “จริงหรอคะ?” “จริงสิ มา แดดดี้จะโทรศัพท์ แป๊ปเดียวก็เสร็จแล้ว จากนั้นจะพาทุกคนขึ้นไปด้านบน แล้วเราฉลองปีใหม่กัน” “โอเคค่ะ” ปุริมโทรศัพท์หานรวร สั่งให้เตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารมาส่งที่คอนโดภายในเวลายี่สิบนาที นอกจากนี้ยังมีพลุดอกไม้ไฟและประทัด ของที่ใช้สำหรับฉลองปีใหม่ทั้งหมดให้เตรียมมาให้ครบ หลังจากโทรเสร็จ กดวางสาย “ให้แดดดี้อุ้มหม่ามี้ขึ้นข้างบน ได้ไหมคะ?” “เออ ไม่ดีค่ะ” “ดูสิว่าหม่ามี้เมาจริงแล้ว ตื่นขึ้นมาเองไม่ได้” อ้อยทำใจกล้าคุกเข่าต่อหน้าเพ็ญนีติ์ ส้มและเธอแอบมาหาแดดดี้แล้ว เธอกลัวยิ่งนักว่าหม่ามี้จะโกรธ และไม่ต้องการพวกเธอแล้ว สองมือเล็กๆจับที่แขนเขย่าๆเพ็ญนีติ์เบาๆ “หม่ามี้ หม่ามี้นอนหลับแล้วหรือยังค่ะ?” ไม่มีการตอบกลับใดๆ เพ็ญนีติ์หลับลึกแล้วจริงๆ ฤทธิ์เหล้าในกายเธอทำให้เธอนอนหลับไป เธอหลับไปอย่างสงบราวกับรู้สึกได้ว่า มีอ้อยและส้มอยู่ข้างๆ แล้วคิ้วที่ขมวดอยู่ตลอดเวลาก็ค่อยๆคลายออกแล้ว มือเล็กๆเขย่าอีกครั้ง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เพ็ญนีติ์หลับไปอย่างเงียบๆ ลืมทุกข์เรื่องราวทุกอย่างบนโลกนี้สิ้น อ้อยเชื้อแล้ว “ก็ได้ แดดดี้อุ้มหม่ามี้ขึ้นไปข้างบนกัน หนูหิวแล้ว” “หนูก็หิวแล้วเหมือนกัน” ในใจนั้น น่าสงสารจับใจ ไม่รู้ว่าในตู้เย็นยังพอมีอะไรที่กินได้อยู่รึเปล่า คอนโดนี้เขาเองก็ไม่ได้มาอยู่นานแล้ว อุ้มเพ็ญนีติ์ไว้ในอ้อมกอดแต่สายตาก็เอาแต่จับจ้องอ้อยและส้ม นิสัยชอบแอบหนีของเด็กสองคนนี้สงสัยได้มาจากแม่แน่ๆเลย เด็กสองคนปีกกล้าขาแข็งแล้ว อยากจะสั่งสอนซักหน่อย แต่ว่าไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้เด็กๆดื้อรั้นเอามาก คิดในทางกลับกัน ถ้าไม่ใช่เพราะลูกทั้งสองออกมาตามหาเขา เขาก็จะไม่มีทางตามหาเพ็ญนีติ์เจอเลย ผู้หญิงคนนี้มีวิทยายุทธ์ในการหลบซ่อนล้ำเลิศยิ่งนัก จะว่าไปแล้ว เขาไม่เคยคิดเลยว่าเธออยู่ใกล้แค่เมืองดรัลแค่นี้เอง ที่สำคัญอยู่ได้ยังไงชานเมืองห่างไกลความเจริญขนาดนั้น เดินเข้าสู่ห้องโถง ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เด็กๆต้องหิวมากๆเป็นแน่ ไม่เคยต้องมาตกระกำลำบากขนาดนี้ เรียกให้ยามเอาของกินที่มีอยู่มาให้ ให้เอามาส่งที่คอนโด ให้เด็กๆได้กินรองท้องไปก่อน ไม่งั้นคงหิวแย่ เขาเป็นห่วงยิ่งนัก ขณะเดินขึ้นมายังเหมือนได้ยินเสียงท้องร้อง “จ๊อกจ๊อก”ของเด็กๆ อยากจะพาลูกๆไปกินอาหารดีๆอร่อยๆข้างนอกจริงๆ แต่ว่า..... ก้มลงมองหญิงสาวที่หลับฝันหวานอยู่ในอ้อมอกแล้ว เป็นเพราะเธอคนเดียว ที่ทำให้เขาไม่สามารถพาลูกๆไปกินข้าวข้างนอกได้ แต่จะบอกลูกว่าปล่อยให้เธอนอนอยู่คอนโดคนเดียวแล้วเราออกไปกินก็ไม่ได้ อ้อยและส้มจะต้องฆ่าเขาแน่ๆ เด็กสองคนนี้ ยิ่งไม่ว่าเรื่องอะไรก็กล้าทำได้ ไม่สิ เขาไม่จำเป็นต้องทำกับข้าวก็ได้นี่นา ที่สำคัญเด็กๆจะได้อิ่มเร็วๆ ขณะยืนอยู่ในลิฟต์ เขาวางเพ็ญนีติ์พิงไว้กับผนัง ปุริมโทรหา นรวรอีกครั้ง “สั่งอาหารที่ใช้ฉลองในวันปีใหม่กับร้านกินสุขให้ฉันชุดหนึ่ง และเอามาส่งที่คอนโดฉันให้เร็วที่สุด จ่ายเพิ่มห้าเท่า” เขาไม่เชื่อว่าถ้าจ่ายแบบนี้จะยังช้าอยู่ ได้ครับท่านประทาน” พอรู้ว่าตามหาอ้อยและส้มเจอแล้ว นรวร ก็ถอนหายใจ แบบนี้ลูกน้องอย่างพวกเขาจะได้ฉลองปีใหม่อย่างสงบสักทีไม่ต้องออกไปตามหาใครอีกแล้ว คิดไปแล้ว เมื่อคืนวานไม่ได้กลับบ้านก็ถูกภรรยาที่บ้านด่าไปแล้วรอบหนึ่ง เขาก็อึดอัดใจ ภรรยายิ่งกล่าวหาว่าแอบไปหาเมียน้อย ต่อฟ้าดินต่อมโนธรรมสำนึก แม้เมื่อวานไม่ได้กลับบ้านจริง ไปหาผู้หญิงก็จริง แต่ก็แค่เด็กเล็กๆสองคนเองไหมอ่า เมื่อจัดแจงวางแผนทุกอย่างเสร็จ ค่อยกลับไปร่วมวงกินข้าวกับภรรยาลูก ป๋า ม๊า สบายจริงๆ เด็กสองคนนั้นเกือบทำให้ เทศกาลดีๆ แบบนี้ของเขาพังซะแล้ว ขณะกำลังกินอยู่ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอมองดูว่าลูกน้องโทรมา เขาจึงกดเรา “มีเรื่องอะไร?” “นายนรวร ครับ ผู้หญิงคนนั้นออกมาแล้วครับ” “ออกมาก็ออกมาสิวะ จะเป็นอะไร” “แต่นายครับ เธอออกมากับคุณเพ็ญภัทร์์ครับ” “อะไรนะ?” นรวนย้ายโทรศัพท์จากมือซ้ายไปมือขวา ดูไปแล้ว ปุริมทายถูกทุกเรื่องจริงๆ ที่แท้ก็คือผู้หญิงคนนั้น...
已经是最新一章了
加载中