บทที่148 ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ   1/    
已经是第一章了
บทที่148 ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ
บทที่148 ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ปุริมช่างรู้จักพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสจริงๆ คิดอยู่ครู่หนึ่งเพ็ญนีติ์จึงเอ่ยขึ้น : “งั้นถ้าเป็นคนขับรถ ก็ต้องขับแค่รถ ห้ามรบกวนเวลาพวกเรากินข้าวหรือช๊อปปิ้งเป็นอันขาด” แค่นี้เธอก็ยอมเขามากแล้ว จริงๆวันนี้จะไม่ยอมให้เขามาด้วย เธอจะไปหานภนต์จริงๆ นัดกันเรียบร้อยว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน “โอเค” ปุรุมทำมือเป็นสัญลักษณ์โอเค จากนั้นก็เดินนำเด็กๆออกไป เดินไปถึงห้องรับแขก เขายื่นมือไปหยิบเสื้อที่อยู่ที่โต๊ะมาพาดไว้ที่แขน เพ็ญนีติ์ชายตาตาม สีม่วงเข้มด้วย ก้มลงมองชุดที่ตัวเองใส่อยู่ เธอกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ปุริมกลับจูงมืออ้อยและส้มออกจากประตูไป ปล่อยเธอให้วิ่งตามมาทีหลัง อยู่ต่อหน้าลูกๆ เธอไม่กล้าแสดงท่าทีใดๆ เขากล้าดียังไงมาใส่ชุดสีสไตล์เดียวกันกับเธอ? แม้ว่าจะเป็นสีเข้มกับสีอ่อน แต่ว่าก็คือสีม่วงเหมือนกัน พอดูก็... เธอนึกขึ้นได้ทันที ว่าเสื้อคลุบตัวนี้ เขาต้องเป็นคนเลือกเองแน่ๆ แต่ว่า ก็ได้ออกมาแล้ว และจะเปลี่ยนก็ไม่มีแล้ว ปุริมยื่นให้เธอก็มีแค่ชุดนี้ชุดเดียว ถ้ามีก็มีแต่ชุดขนปุยสีทอง ใส่แล้วอบอุ่น แต่ว่าถ้าใส่แบบนั้นไปกินข้าว บวกกับอากาศแบบนี้ มันดูไม่เหมาะเท่าไหร่ เข้าไปนั่งในรถของเขา เพ็ญนีติ์ตั้งใจนั่งเบาะหลังของรถ ปุริมก็ไม่ได้เอ่ยอะไร ยากนักที่จะอารมณ์ดีแบบนี้ เมื่อรถเคลื่อนตัว กลับเอ่ยขึ้นว่า “ไปไหน?” เพ็ญนีติ์มองดูนาฬิกาก็ใกล้ได้เวลาแล้ว สถานที่ที่นัดกับ นภนต์ก็คือร้านอาหารกินสุข คนที่เมืองดรัลมักจะชอบที่นี่ วันที่หนึ่งเดือนหนึ่งขึ้นปีใหม่ จะต้องไปกินอาหารแบบอุดมสมบูรณ์มื้อแรกของปีใหม่ “ร้านอาหารกินสุข” “หะ เพ็ญนีติ์ ผมว่าคุณน่าจะเปลี่ยนไปที่อื่นนะ” ปุริมเอ่ยขึ้นขณะขับรถ “ทำไมล่ะ?” “เพราะว่าเมื่อคืนวานนี้ กับข้าวที่คุณ อ้อยและส้มกินก็คือข้าวร้านกินสุขนี้ พึงจะกินมาเอง ผมว่าคุณเปลี่ยนร้านดีกว่า เปลี่ยนรสชาติซักหน่อย มีร้านสวนร้านหนึ่งรสชาติไม่เลว ผมว่าคุณโทรหาคุณนภนต์บอกให้เขาไปที่นั้นดีกว่า” “ไม่ต้องหรอก เพราะเมื่อคืน กับข้าวที่นภนต์กินก็ไม่ใช่ของร้านนี้ซักหน่อย ที่นี่เป็นที่ที่เขาเลือกเอง” เขาตั้งใจพูดคำว่าเป็นร้านที่ภนต์เลือกเอง แม้ว่าชายทั้งสองจะเป็นคนที่เธอติดต่อได้โดยที่ไม่ได้นัดหมาย แต่ว่าเมื่อผ่านเหตุการณ์ไปเราก็จะเติบโตขึ้น ครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมกลับไปอีกเด็ดขาด ยังไงก็จะไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของปุริมอีกเป็นอันขาด เธอมองเขา เมื่อก่อนในสายตาเขาเธอเป็นอะไรกันแน่นะ เป็นเงาคนอื่นมานานแล้ว ...เธอก็เป็นคนเหมือนกันนะ เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน เธอจะไม่ยอมเป็นเงาของใคร ปุริมไม่ได้พูดอะไรอีก เร่าบึ่งรถไปที่ร้านอาหารกินสุข ซึ่งเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงสไตล์ครอบครัวมากที่สุดในเมืองดรัล มีรสชาติของคำว่าบ้านอยู่ในนั้น ปกติคนจะเข้าเต็มร้านตลอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงช่วงเทศกาลงานสำคัญ อย่างปีใหม่ ผู้คนมากมายต่างจองล่วงหน้ามาที่ร้านนี้ ถึงแล้ว พอรถจอดสนิท เพ็ญนีติ์จูงแขนอ้อยและส้มลงจากรถ ปุริมทำได้แค่เคลื่อนรถไปจอดยังที่จอดรถ มองสามสาวแม่ลูกเดินเข้าประตูร้านไป มองกระจกหลังเห็นเพ็ญนีติ์หยิบโทรศัพท์ขึ้น เดินไปคุยโทรศัพท์ไป เด็กน้อยทั้งสองที่อยู่ข้างๆก็เหมือนดังนางฟ้าตัวน้อยๆที่เป็นที่สนใจอย่างมากต่อสายตาผู้คนที่พบเจอ ปุริม นั่งนิ่งๆอยู่ในรถ เธอไม่ให้เขาเข้าไปด้วย เขาก็ทำได้แค่นั่งรอเขาอยู่ในรถ ขณะที่พวกเธอกิน เขาก็ดู ไม่ไม่ เขาพกขนมปังมาด้วย วันปีใหม่เพ็ญนีติ์พาลูกๆไปกินอาหารอย่างหรู แต่เขากลับกัดขนมปังกินอยู่ในรถ “นภนต์ ฉันมาถึงแล้ว ตอนนี้อยู่ที่หน้าประตู” เพ็ญนีติ์มองรอบด้านสี่ทิศ เหมือนกับหานภนต์ไม่เจอ “ยืนอยู่ที่นั้นรอฉันก่อน ฉันจะออกไปรับพวกเธอ” นภนต์พูดไปพร้อมเดินไปหาเธอที่หน้าประตู ในที่สุดก็เจอเพ็ญนีติ์และพวกเด็กๆ เดินเข้าไปหาอย่างดีใจ ไม่ได้เจอกันนานจริงๆ เธอยังคงงดงามน่าหลงใหลเหมือนเดิม ยิ่งชุดรัดรูปที่ใส่ยิ่งทำให้เห็นหุ่นอันงดงามของเธอ “เพ็ญนีติ์ ฉันอยู่ตรงนี้” เดินไปด้วยก็โบกมือให้เขาไปด้วย ในที่สุดก็เจอเขาแล้ว “พ่อเลี้ยง....” “แม่เลี้ยง...” อ้อยและส้มร้องตะโกนขึ้นพร้อมกัน แต่ว่า คำที่เรียกนั้นความหมายชัดเจน ว่าทักคนล่ะคน คนหนึ่งเรียกพ่อเลี้ยง อีกคนหนึ่งเรียกแม่เลี้ยง ส้มรีบรุดเข้าหานภนต์ ในโลกของเด็กๆ พ่อเลี้ยงคือสุดยอดที่สุด พวกเขาชอบพ่อเลี้ยง แต่ว่าอ้อยกลับยืนทื่ออยู่ ดึงมุมเสื้อของเพ็ญนีติ์ “หม่ามี๊ ดูสิ แม่เลี้ยงกำลังมองพวกเราอยู่” มองตามทางที่อ้อยชี้นิ้ว เพ็ญนีติ์มองเห็นเพ็ญภัทร์์ เป็นเธอจริงๆ เห็นเพ็ญนีติ์นั่งอยู่บนโต๊ะกินเข้าส่งสายตามองมาทางตน รอยยิ้มที่เอ็นดูอบอุ่น เธอคงจะชอบอ้อยและส้ม เธอก็มองเห็นตนเช่นกัน เมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าเกิดแม้กระทั่งทักทายก็ไม่มี เพ็ญนีติ์พูดกับนภนต์ขึ้น :”นภนต์ ฉันเจอเพื่อนคนหนึ่ง เดี๋ยวขอพาเด็กๆไปทักทายก่อนนะ โต๊ะนายอยู่ที่ไหนหรอ? อีกสักครู่ฉันจะตามไปนะ” “อืท อยู่ในห้องโถงใหญ่ ฉันสั่งหม้อไฟ หม้อไฟของร้านนี้ทั้งหมดอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ฉันรู้สึกว่าต้องกินหม้อไฟจึงจะเรียกได้ว่าเป็นบรรยากาศปีใหม่จริงๆ และก็ยังมีกับข้าวต่างๆ หม้อไฟต้องกินกับกับข้าว เข้ากันดีทั้งสองอย่าง ดังนั้นจึงตั้งใจสั่งหม้อไฟและต้องนั่งที่ห้องโถงใหญ่ เพ็ญนีติ์ เธอไม่ว่าอะไรใช่ไหม?” นานแล้วที่ไม่ได้เจอนภนต์ รู้สึกว่าคำพูดเขาเริ่มเยอะขึ้นแล้ว “ไม่มีปัญหา นายสั่งได้ตามใจเลย ฉันไปแปบหนึ่งเดี๋ยวมา”ขณะพูดอยู่ สายตาก็มองเห็นจิณณะ และยังมี คุณเมนิลา ชนิศา วูลฟฺ และยังมีเด็กผู้ชายที่เธอไม่เคยเจอหน้ามาก่อน คนนั้นน่าจะเป็น ดาว นึกไม่ถึงเลยว่าคุณเมนิลาและครอบครัวเธอทุกคนจะมารวมตัวกันทานข้าวที่นี่ แต่ว่าเธอน่าจะลืมเรียกคนคนหนึ่งไป ปุริม หรือว่าปุริมไม่ใช่ลูกของเธออีกคนหรอ? พอนึกถึงเรื่องนี้ อยู่ดีๆในใจของเธอก็รู้สึกโมโหขึ้นมา มีแม่แบบนี้ก็เท่ากับไม่มี ทำให้เธอรู้สึกสงสารปุริมขึ้นมา ยิ่งนึกได้ว่าตอนนี้เขาต้องนั่งรออยู่คนเดียวในรถแล้ว เธอเริ่มที่จะทนไม่ได้ ถ้าเกิดคนที่มากินข้าวกับเธอไม่ใช่ นภนต์ เธอจะบอกให้ปุริมมาบอกกับคุณเมนิลา ว่าปุริมก็มีบ้านเช่นเดียวกัน “แม่เลี้ยงขา แฮปปี้นิวเยียร์คะ คุณย่าแฮปปี้นิวเยียร์ค่ะ” อ้อยสวัสดีปีใหม่ก่อน แต่พอหลังจากไหว้สองคนนี้เสร็จแล้ว กลับไปหยุดชะงักอยู่ที่ชนิศาและจิณณะ เธอไม่รู้จักสองคนนี้ “อ้อย นี่คือคุณลุง และนี่คือหม่ามี๊ของฉัน วูลฟลุกขึ้นแนะนำอย่างอาจหาญ “คุณป้าชนิศา แฮปปี้นิวเยียร์ค่ะ” “แฮปปี้นิวเยียร์ค่ะคุณลุง คุณป้าแฮปปี้นิวเยียร์ค่ะ” ส้มก็สวัสดีตาม ด้วยท่าทีที่ไม่แพ้ไปจาก วูลฟ เลย เพ็ณนีติ์กำลังจะเอ่ยพูด เพ็ญภัทร์์กลับทำทีโบกไม้โบกมือให้ส้มและอ้อย “มานี้ ไหนดูสิ สูงขึ้นมากแล้วนี่นา” “คุณป้าคะ คุณป้าก็กำลังจะคลอดน้องแล้วใช่ไหมคะ? มองเห็นท้องป่องๆของเพ็ญภัทร์์ อ้อยและส้มรีบเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ว่าเด็กน้อยทั้งสองกลับไม่มีใครกล้าไปชิดมากนัก กลัวว่าถ้าไปแตะโดดท้องคุณป้าจะทำให้น้องน้อยในท้องเจ็บเอาได้ “อืม ใกล้แล้วค่ะ” อ้อยกะพริบตาปริบๆ “น้องจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันคะ?” “อ้อย....” เพ็ญนีติ์เรียกเสียงต่ำ คนเยอะขนาดนี้ เด็กน้อยไม่ควรจะพูดมากไป จะคลอดเด็กผู้หญิงหรือผู้ชายก็เป็นเรื่องภายในครอบครัว “เหอะๆ น่าจะเป็นเด็กผู้ชาย ถ้าเป็นแบบนี้จะได้เป็น ลูกชาย ลูกสาว คู่กันเขาว่าดี” ในขณะที่เพ็ญนีติ์กำลังเอ็ดอ้อยอยู่นั้น จิณณะที่นั่งอยู่ข้างๆเพ็ญภัทร์์รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวเป็นประโยคที่พูดออกมาลอยๆ กลับทำให้สีหน้าของเพ็ญภัทร์์เปลี่ยนสีไป ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะต่างก็รู้ดีว่าจิณณะกำลังพูดถึงเรื่องอะไร มีเพียงเด็กๆเท่านั้นที่ไม่เข้าใจว่าจิณณะกำลังสื่ออะไร “คุณลุงคะ อะไรเรียกว่า ท้องแบบมีชายหญิงคู่กันแบบมีหงส์มีมังกร?” ส้มคิดคำพูดของจิณณะ กลับนึกออกอีกเรื่อง “ฮาฮา แต่ในท้องของแม่เลี้ยงมีน้องแค่คนเดียวเอง เด็กน้อย หนูชื่อว่าอะไรหรอคะ?” “ส้มค่ะ” ส้มยิ้ม “คุณลุง คุณลุงหน้าเหมือนแดดดี๊ของหนูมาก” “อืม ดังนั้นถ้าเด็กคนนี้คลอดออกมาแล้วก็คงเหมือนฉัน” พูดตามใจอีกแล้ว มักพูดกำกวมทิ้งให้คนฟังต้องคิดต่อ วันปีใหม่ เพ็ญนีติ์ไม่อยากให้จิณณะพูดคำพูดแบบนี้ คนอยู่เยอะแยะ เพ็ญภัทร์ฟังแล้วก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ในหน้าที่งดงามนั้นยังคงยิ้มอยู่เหมือนเดิม เพราะตั้งท้องจึงทำให้เธออ้วนขึ้นมานิดหน่อย แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบถึงใบหน้าที่งดงามนี้แม่แต่น้อย ทุกกิริยาท่าทางยังคงทำให้ทุกคนที่เห็นรู้สึกรักเอ็นดู เธอสวยมากจริงๆ แต่ยังไงก็แล้วแต่ เธอโชคไม่ดีนัก โชคไม่ดีที่ต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้รัก เพ็ญนีติ์รู้สึกไม่อยากทนอยู่เห็นอีกต่อไป “อ้อย ส้มลูกพวกเราไปกันเถอะ ปานนี้พ่อเลี้ยงรอนานแย่” ขณะที่อ้อยและส้มกำลังจะเดินตามเธอออกไป เมนิลารับเอ่ยขึ้น :”เดี๋ยวก่อน คุณย่ามีซองแดงจะให้ อะ คนล่ะหนึ่งซองนะคะ” เมนิลา ยื่นซองแดงใส่มือให้เด็กๆคนล่ะหนึ่งซอง “สูงขึ้นมากแล้ว สวยด้วย พอโตขึ้นจะต้องสวยกว่าหม่ามี๊อย่างแน่นอนเลย แดดดี๊ไปไหนล่ะ? ทำไมไม่ได้มาด้วยกัน?” ประโยคนี้ เป็นประโยคที่เลวร้ายมาก เพ็ญนีติ์บอกไปแล้วว่าพาลูกๆมาหาพ่อเลี้ยง แต่คุณเมนิลากลับไม่สนใจ ถามถึงปุริมต่อหน้าเพ็ญนีติ์ ด้วยความที่เป็นเด็ก ที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา พูดจาไม่อ้อมค้อม ใครถามอะไรก็ตอบไปแบบนั้น และพวกเขายังจำได้ว่าคุณเมนิลาคือคุณย่าของพวกเขา แม้ว่าจะไม่ค่อยไปมาหาสู่กันสักเท่าไหร่ แต่ว่าคำว่าย่าก็นับว่าเป็นญาติกันอยู่ คุณเมนิลาก็เป็นญาติของพวกเขาเหมือนกัน “คุณย่า แดดดี๊อยู่ข้างนอก รอพวกเราอยู่ที่รถ” บนโต๊ะอาหาร นอกจากจิณณะและลูก ใบหน้าของทุกคนบนโต๊ะกลับเริ่มเปลี่ยนสี ส้มที่พึ่งพูดจบก็รู้ได้ว่าบรรยากาศมันเปลี่ยนไป รีบจูงมือของเพ็ญนีติ์ “หม่ามี๊พวกเราไปกันเถอะคะ แดดดี๊ยิ่งรออยู่ด้วย” “ฮ่าฮ่า มิน่าเมื่อคืนไม่โทรมา บังอาจนัดเจอกันในวันนี้ เขาช่างใส่ใจจริงๆ เพ็ญนีติ์ เธอไม่กลัวหรอว่า ขณะที่เธอพึ่งจะลงรถได้ไม่นาน อาจจะมีมีหญิงอื่นขึ้นมาแทนก็ได้ ช่างเป็นคำพูดที่ไม่ควรเก็บมาใส่ใจยิ่งนัก ทั้งตัวของเพ็ณนีติ์แข็งทื่อ สีหน้าค่อยๆเปลี่ยนสีขาวซีด มือจับไปที่ท้องราวกับว่าเจ็บปวดยิ่งนัก เพ็ญนีติ์เอ่ยออกมาเสียงเรียบ : “คุณจิณณะคะ มันเป็นเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” “คำพูดประโยคนี้ ทำให้คุณเมนิลาแอบส่งสายตายกนิ้วให้ “จิณณะ คุณพูดให้น้อยลงหน่อยนะ”
已经是最新一章了
加载中