บทที่ 149 ไม่รักก็ไม่ต้องรัก
1/
บทที่ 149 ไม่รักก็ไม่ต้องรัก
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 149 ไม่รักก็ไม่ต้องรัก
บทที่ 149 ไม่รักก็ไม่ต้องรัก เพ็ญภัทร์์จึงพูดลอยๆขึ้น “งั้น ก็เรียกพ่อเลี้ยงของเด็กๆมาทานข้าวด้วยกันที่นี่สิ ดูสิ พวกเราสั่งกับข้าวเยอะมาก ยังมีหม้อไฟอีกนะ” “ไม่ดีกว่า ขอบใจนะ ฉันขอตัวก่อน” เพ็ญนีติ์พูดจบก็จากไป โต๊ะที่เดินจากมาทุกคนต่างไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ เธอทำตัวเองให้ดีก็พอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอและปุริมเลย ต่อให้เกี่ยวข้องกัน แต่ความสัมพันธ์ของปุริมกับคนบนโต๊ะทั้งหมดนั้นมันพังถึงที่สุดแล้ว “อึก..” เสียงคลื่นไส้ดังอยู่ข้างหลัง ตามด้วยความลุกลี้ลุกลน “พี่สะใภ้ อีกแล้วใช่ไหม ปะฉันจะพาพี่ไปห้องน้ำ” ชนิศาพูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปทางเพ็ญภัทร์์ ทันใดนั้น จิณณะ ก็กดบ่าให้เธอนั่งลงเหมือนเดิม “นั่งลงไป ให้เธอไปเอง เธอมีมือมีเท้าอยู่ ถ้าตัวเองยังดูแลตัวเองไม่ได้ แล้วจะไปดูแลลูกที่กำลังจะคลอดออกมาได้อย่างไร?” คำพูดที่ไร้เยื่อใย เหมือนดังกับเพ็ญภัทร์์ติดหนี้เขาอย่างงั้นแหละ เพ็ญภัทร์์ไม่ได้เอ่ยอะไร ค่อยๆลุกขึ้น เอามือปิดปากมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ ไม่มีใครสักคนเดินตามหลังมาดูแลเธอ เพ็ญนีติ์ทนดูไม่ได้ เงยหน้ามองไปทางปุริม และบอกกับลูกทั้งสองว่า “ไปรอหม่ามี้ที่โต๊ะพ่อเลี้ยงก่อนนะคะ หม๊ามี๊จะไปดูแม่เลี้ยงซักหน่อย” “โอเคค่ะ หม๊ามี๊รีบไปเถอะ แต่ว่า ก็ต้องรับกลับมาเหมือนกันนะคะ” เธอรีบก้าวตามไป ละสายตาออกจากครอบครัวนั้น ระหว่างเธอและเพ็ญภัทร์์ไม่มีความโกรธแค้นต่อกันใดๆ เรื่องราวของปุริมและเพ็ญภัทร์์เกิดขึ้นก่อนที่เธอจะรู้จักกับปุริม ซึ่งเธอไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วยอยู่แล้ว เธอรู้สึกเสมอว่า เพ็ญภัทร์์เป็นคนที่น่าสงสาร น่าสงสารจริงๆ เธออาจจะดูโง่ แต่เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ คนที่เธอโทษคนเดียวก็คือปุริม เขาไม่น่าจะใช้เธอเป็นเงาของใคร รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก และถ้าไม่รักก็ไม่ต้องฝืนมาอยู่ด้วยกัน “เพ็ญภัทร์์ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?” เดินเข้าไปในห้องน้ำ เพ็ญภัทร์์กำลังล้างมือหลังจากอาเจียนเสร็จ เพ็ญนีติ์เดินมาข้างๆเธอ ลูบหลังให้เธอเบาๆ คนท้องแก่ใกล้คลอดมีที่ไหนยังแพ้ทองอาเจียนอยู่แบบนี้ เขามีแต่ท้องสามเดือนแรกๆเท่านั้น ท่าทีของเพ็นภัทร์แปลกจริงๆ “เป็นแบบนี้ตลอดเลยหรอ?” เพ็ญภัทร์์พยักหน้าตอบ อาเจียนจนน้ำตาเล็ดออกมา ทำให้เธอยิ่งมองยิ่งรู้สึกสงสาร “ไปตรวจที่โรงพยาบาลดูบ้างรึยัง?” จะยังไงเธอก็เคยคลอดลูกมาก่อน ถามด้วยความเป็นห่วง อาการแบบนี้น่าเป็นห่วง ผู้ใหญ่อาจจะมีผิดพลาด แต่เด็กก็คือผู้บริสุทธิ์ หลังจากอาเจียนเสร็จเธอค่อยๆพยุงตัวขึ้น แต่มือของเธอกลับสั่นไม่หยุด เธอพยักหน้าเอ่ยขึ้น : “ไม่เป็นไรมากหรอก หมอบอกว่าฉันเป็นพวกแพ้มากไปหน่อย ลูกคนนี้ชอบก่อกวนจริงๆ เหอะเหอะ” พูดไปด้วยเช็ดมือไปด้วย จากนั้นจึงวางมือบนท้อง “เธอดูสิ เด็กคนนี้ถีบฉันอีกแล้ว คงจะอยากออกมาเต็มทนแล้ว” จากปฏิกิริยาของเพ็ญภัทร์์บอกได้เลยว่าเธอรักเด็กคนนี้มาก “ยังอาเจียนอยู่ไหม?” เห็นเพ็ญภัทร์์อาการดีขึ้นมาบ้าง คิดจะพาเธอออกไปนั่งพักข้างนอก เพ็ญภัทร์์กลับยิ้ม ส่ายหัว เอ่ยขึ้นว่า: “ไม่แล้ว จริงๆฉันอยากให้เธอตามออกมาพอดี นึกไม่ถึงว่าเธอจะตามมาจริงๆ เพ็ญนีติ์เธอช่างเป็นคนจิตใจดีจริงๆ ปุริมได้เจอเธอช่างโชคดีจริงๆ” มือเล็กๆเย็นๆยื่นไปจับมือเพ็ญภัทร์์ เงยหน้าขึ้น มองราวกับกำลังใช้สายตาสื่อคุยกับเธอ “อยากจะมีโอกาสได้คุยกับเธอสักครั้ง ฟ้าคงสงสารฉัน ในที่สุดก็มีโอกาสแล้ว” ตอนเธอเอ่ยคำพูดออกมา ช่างเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนเหลือเกิน จนทำให้เพ็ญนีติ์รีบพยักหน้า “เพ็ญภัทร์์ พูดออกมาเถอะ” “ดีจัง เพ็ญนีติ์เธอเป็นคนดีจริงๆ ฉันนึกว่าเธอจะใช้สายตาอีกแบบหนึ่งมองฉันเสียอีก แต่เธอกลับไม่ เหอะๆ ฉันดีใจจริงๆ” น้ำเสียงที่นุ่มนวลของหญิงสาว แม้ว่าจะมีรอยยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นลึกๆแล้ว ไม่รู้ว่าลึกๆแล้วมีน้ำตาว่อนอยู่รึเปล่า ไม่รู้ว่าเพราะดีใจหรือว่าถอดถอนใจ น้ำตาของเธอไหลออกมาไม่หยุด ใช้มือหนึ่งลูบท้องเบาๆ “เพ็ญนีติ์ ร่างกายฉันคือบริสุทธิ์ดี แต่ฉันกลับยอมให้มันแปดเปื้อนเอง หลายครั้งที่ฉันอยากฉันเฝ้ารอคอย แต่ปุริมเขาไม่เคยแตะต้องฉันเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยเลยจริงๆ แฮกๆ...” เธอไอเบาๆ จากนั้นก็พูดต่อ : “ ฉันรู้ว่าเธอจะฟังฉันอย่างสงบ ฉันจึงบอกกับเธอ จริงๆนะ เพ็ญนีติ์ เธอไม่เหมือนคนอื่น คือคนเดียวที่ไม่มองฉันด้วยสายตาเย็นชาแบบนั้น จริงๆแล้วเธอรู้ไหมว่า? เธอมีอำนาจมากกว่าคนพวกนั้นเสียอีก เพราะเธอคือคนที่คลอดลูกให้กับปุริม จะต้องเพราะเหตุสุดวิสัยจึงมีแน่ ใช่ไหม?” เพ็ญนีติ์พยักหน้า ไม่อยากให้เพ็ญภัทร์์รู้เรื่อง หรือว่าปุริมเป็นคนบอกเธอ? “เหอะเหอะ เธอคงจะคิดว่าปุริมคงบอกอะไรกับฉันใช่ไหม แต่ฉันจะบอกให้ว่าปุริมไม่เคยเอ่ยถึงเธอต่อหน้าฉันเลย ฉันรู้เพียงว่าเธอคือแม่ของเด็กๆ ผู้หญิงรอบกายเขามีมาก แต่ว่าก็แค่เล่นสนุกๆเท่านั้นเอง สำหรับฉันแม้แต่แตะต้องเขาก็ไม่แตะ ดังนั้นภาพเหล่านั้นเขาก็แค่ต้องการสร้างกระแสเท่านั้น เพ็ญนีติ์ในใจเขาทุกข์มากๆนะเธอรู้ไหม? ฉันอยากจะไปอยู่ข้างกายเขา แต่ว่าฉันมาสามารถทำอย่างนั้นได้ และก็ไม่ได้อีกต่อไป เพ็ญนีติ์ รับปากฉันนะ ต่อไปจงดูแลเขาให้ดี ให้เขาดื่มให้น้อยลง สูบบุหรี่ให้น้อยลง ฉันอยากให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข อยู่เพราะตัวเขาเอง....” มือเย็นๆของเธอยังคงกุมมือของเพ็ญภัทร์์อยู่และอยากจะเอ่ยอะไรกับเธอต่อ แต่ว่า ประตูห้องน้ำกลับถูกผลักเปิดออก คุณเมนิลารีบแยกทั้งสองคนออกจากกัน รีบคว้ามือของเพ็ญภัทร์์ออกมาจากมือของเพ็ญนีติ์ จากนั้นกุมมือเธอไว้ ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน หากไม่ใช่เป็นเพราะว่ารู้แล้ว เพ็ญนีติ์ไม่อยากเชื่อแม้แต่นิดเลยว่าเธอเป็นลูกสะใภ้ของเขาจริงๆ และก็เป็นเช่นนั้นจริง คำพูดของถูกหยุดไม่พูดต่อเพราะการปรากฏตัวของคุณเมนิลา มองไปที่คุณเทนิลา ตอนนี้เพ็ญนีติ์เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อสักครู่เพ็ญภัทร์์ถึงต้องรีบพูดกับเธอด้วยท่าทีรีบร้อน บางที เธออาจจะทายถูกไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่า คุณเมนิลาจะต้องตามมา “ทำไมมานานจังเลย ยังอาเจียนอยู่ไหม?” เสียงที่อบอุ่นแต่เต็มไปด้วยเจตนาที่เสแสร้ง เพ็ญภัทร์์ปัดน้ำตาออก ค่อยๆส่งสายตากะพริบปริบๆมาทางเพ็ญนีติ์ ราวกับส่งสายตาบอกว่าทุกอย่างที่ตนพูดนั้นคือความจริงจากใจทั้งหมด เธอบอกว่าแต่ไหนแต่ไรมาปุริมไม่เคยแตะต้องตัวเธอเลย บอกว่าผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยทั้งหมดนั้นเป็นแค่การสร้างภาพไม่ได้จริงจังหรือมีอะไรเลย แต่ถ้า ผู้หญิงเกิดได้รักชายใดขึ้นแล้ว เธอจะไม่รังเกียจที่เห็นผู้ชายของตนไปมีผู้หญิงอื่นเลยหรอ? หรือว่า ปุริมจะไม่เคยแตะต้องเธอเลยจริงๆ หรือว่าอาจจะรักกันเกินไป รักจนกระทั่งไม้กล้าแตะต้องกันและกันได้ อาจจะกลัวว่าถ้าแตะต้องไปแล้ว จะเป็นการทำร้าย แบบนี้มันก็จะไม่งดงามเหมือนเดิมแล้ว หลักเหตุผลทั้งหมดพูดไปแล้วก็รู้สึกแปลๆ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คำพูดทั้งหมดที่ออกมาจากปากของเพ็ญภัทร์์ เพ็ญนีติ์เกิดเชื่อเข้าแล้ว และยิ่งพบว่า เพ็ญภัทร์์น่าสงสารเหลือเกิน และแม้ขนาดปุริมเองก็รู้สึกสงสารขึ้นมาเช่นกัน “คุณแม่ค่ะ ฉันดีขึ้นมากแล้วค่ะ เราไปกันเถอะ” เธอเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ เพ็ญภัทร์์พยุงมือของคุณเมนิลาเดินออกไป เพ็ญนีติ์จ้องมองหญิงงามทั้งสองเดินออกจากห้องน้ำไป ทันใดนั้นจิตใจกลับรู้สึกว่างเปล่า ปุริม เพ็ญภัทร์์ เขาทั้งสองช่างโง่ยิ่งนัก ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นความรักที่ไม่มีความหวัง แต่พวกเขายังเอาใจไปผูกใส่กัน จึงต้องคนึงหาวางไม่ลงซักที แบบนี้เรียกว่าโง่ ทำไมโง่จริงๆ ค่อยๆก้าวออกมาจากห้องน้ำ ขณะที่กำลังจะเดินไปหานภนต์และเด็กๆอยู่นั้น คำพูดของเพ็ญภัทร์์ก็ดังขึ้นในหัวสมอง ทีละคำทีละคำ วนเวียนอยู่แบบนั้น จะขจัดยังไงก็ไม่ออกไปแม้แต่นาทีเดียว นภนต์ไม่ได้เอ่ยถามอะไรใดๆ แต่ว่าเขาเห็นแล้วแหละที่เพ็ญนีต์และครอบครัวเขาเจอกัน กินหม้อไฟกัน เด็กๆกินไม่เผ็ด เธอและนภนต์กินค่อนข้างเผ็ด เป็นเพราะตั้งจะจะกินอาหารรสจัดแบบนี้ อาหารที่สั่งมาเป็นสิ่งที่เด็กๆชอบทานทั้งหมด และก็ยังมีของหวาน อ้อยและส้มชอบกิน ขนมฟักทอง ขนาดข้าวเปล่าก็ไม่เอาแล้ว กินคำแล้วคำเล่า นภนต์ยิ้มและบอกกับพนักงานว่า : “รบกวนในครัวสั่งเพิ่มหน่อย อีกสักครู่จะเอากลับบ้านด้วย” “นภนต์ นายเอ็นดูเกินไป พวกเขาจะเสียนิสัยแล้วหน่ะ” “ไม่หรอกน่า พวกเขาเชื่อฟังจะตาย เอ็นดูยังไงก็ไม่นิสัยเสียหรอก เมื่อสักครู่ตอนที่เธอไม่อยู่ พวกเขาบอกกับฉันแบบน่ารักมากเลยนะ บอกว่าต่อไปจะไม่แอบหนีเธอไปไหนอีกแล้ว” “จริงหรอ?” พอนึกถึงตอนที่เด็กหายตัวไป ในใจก็ยังกลัวไม่หาย “หม่ามี๊ พ่อเลี้ยงบอกว่าหม่ามี๊กลัวจนร้องไห้เลย จริงๆหรอ ขอโทษนะคะ” ส้มขอโทษด้วยท่าทีที่จริงจัง “ต่อไปหนูและอ้อยจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” เพ็ญนีติ์ยิ้ม ส่งสายตาที่เขียนคำว่า ‘ขอบคุณ’ ไปให้เขา ต่อไปจะไม่ไหนให้บอกหม่ามี้ คิดถึงใครก็ให้บอกหม่ามี๊ หม่ามี๊จะพาพวกหนูไปหาคนนั้นเอง” “จริงหรอคะ?” “จริงสิ” “งั้นตอนนี้ หนูอยากพบแดดดี๊ แดดดี๊อยู่ในรถคงหิวแย่แล้ว ยังไม่ได้กินข้าวเช้าด้วย” สีหน้าของเพ็ญนีติ์เปลี่ยนไป มองภนต์ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก มาพบเขา แต่คนที่มาส่งเธอและเด็กๆคือปุริม เขารู้แบบนี้คงรู้สึกเสียใจมาก เดิมคิดว่าจะกำชับเด็กๆไว้ แต่กลับลืมซ่ะงั้น ยิ้มแบบเขินๆ “นี่ถ้ากินเสร็จแล้ว พอกลับขึ้นรถ เราก็เจอแดดดี๊แล้วนี่คะ” “เพ็ญนีติ์ งั้นก็เรียกคุณปุริมมาทานข้าวด้วยกันเถอะ” สีหน้าของนภนต์ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด ยังคงเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีที่สงบ ราวกับว่าผู้ชายคนนั้นคือเพื่อนของเขาอย่างงั้นแหละ แต่เพ็ญนีติ์รู้ดี ทุกอย่างไม่เหมือนที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า ถ้าเขาไม่อยากจะพูด มีหรือเอ่ยจะกล้าถามขึ้นเมา “ไม่ต้องหรอก นภนต์ เขาบอกจะเป็นคนขับรถ ก็ให้เขาเป็นคนขับรถไป” “เทศกาลปีใหม่ทั้งที ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เรียกเขามากินด้วยกันเถอะ” “ใช่แล้วค่ะหม่ามี๊ หม่ามี๊ให้แดดดี๊มาเถอะนะคะ เดี๋ยวหนูและส้มจะไปเรียกให้เอง” อ้อยพูดด้วยความดีใจ จูงมือของส้มเตรียมยืนขึ้น ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ เด็กแสบสุดรักทั้งสองของเธอ ไม่รู้จะปราบยังไงดี “นั่งลงเดี๋ยวนี้ค่ะ ใครก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น” จมูกฟุตฟิต อ้อยกำลังจะร้องไห้แล้ว “หม่ามี๊....” “ก็ได้ๆ หม่ามี๊จะโทรศัพท์หา ให้แดดดี๊เข้ามา แบบนี้ดีกว่าไหม?” อัพเดทครั้งหน้า วันที่7 พ.ย. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 149 ไม่รักก็ไม่ต้องรัก
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A