บทที่ 150 ทำไมฉันจะต้องไป   1/    
已经是第一章了
บทที่ 150 ทำไมฉันจะต้องไป
บทที่ 150 ทำไมฉันจะต้องไป อ้อยจึงยิ้มหยุดร้อง “ดีค่ะดีค่ะ หม่ามี๊รีบโทรเลย” พอกดโทรออกหาปุริม เธอรู้สึกว่าเสียงรอสายดังอยู่แค่แป๊ปเดียวเขาก็รีบรับ “เพ็ญนีติ์ มีอะไรหรอ?” แต่เสียงผู้ชายที่รับกลับเฉยๆไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลย ราวกับว่า เขาไม่ได้กำลังรอสายโทรศัพท์จากเธอเลย แต่แค่กดกดรับสายไปเท่านั้นเอง “เด็กๆอยากให้คุณเข้ามากินข้าวด้วยกัน” เธอตั้งใจเอาเด็กๆมาอ้าง นี่ไม่ใช่ความคิดของเธอ ความคิดเธอคืออยากไม่ให้เขามาด้วยตั้งแต่แรก “แล้วคุณล่ะอยากให้ไปไหม?” คิดไม่ถึงว่าเขาจะถามคำถามนี้ “แล้วแต่คุณสิ อยากมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา เพียงแต่...” เธอปรับเสียงให้เบาลง ส่งสายตาไปยังโตทานข้าวของครอบครัวเขา มองเห็นแผ่นหลังของเพ็ญภัทร์์ ตอนนี้เพ็ญภัทร์์กำลังนั่งนิ่งๆอยู่บนเก้าอี้มุมโต๊ะ เธอกลับไม่กินอะไรเลย ทั้งโต๊ะดูออกเลยว่าเธอดูเหงาหงอยที่สุด ช่างเถอะ ให้เขามาเถอะ ตัวเองก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว ชาตินี้คิดว่าจะไม่ข้องเกี่ยวอะไรด้วยแล้ว เทศกาลปีใหม่แบบนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่การพบกันแบบเป็นทางการเท่าไหร่ ก็ให้เขาและเพ็ญภัทร์์แอบมองดูกันอยู่ไกลๆเอาก็ดีเหมือนกัน เธอเข้าใจรสชาติของการรักกันแต่ไม่เจอกันดี ความรู้สึกเจ็บปวดแบบนั้นมันทำให้คนรู้สึกจะเป็นจะตาย “มาเถอะ เอาเป็นว่าฉันอยากให้คุณมาก็แล้วกัน” “จริงหรอ?” “จริงสิ” “ผมจะรีบไป” พูดจบชายหนุ่มก็วางสาย สายตาของเพ็ญนีติ์ จับจ้องอยู่ที่โคมไฟสีแดงที่อยู่หน้าประตูใหญ่ พลันนึกถึงน้ำตาของเพ็ญภัทร์์ตอนก่อนหน้านี้ ปีใหม่แล้ว ร้องไห้แบบนี้ไม่ดีเลย ไม่มงคลเลย สะบัดๆหัวมันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอนี่นา “แดดดี๊ มาเร็วๆ อยู่ทางนี้ค่ะ” ร่างสูงใหญ่ของปุริมเดินเข้าประตูใหญ่มา ซึ่งเป็นที่จับตามองของทุกคนเป็นอย่างมาก แววตาเป็นประกายแวววาว ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็ เปล่งประกายแวววาวราวกับดวงดาวระยิบระยับ เสียงของอ้อยก็เหมือนดังคลื่นเสียงที่ไร่รูปร่างแผ่กระจายไปรอบนอก เสียงใสก้องที่สามารถทำให้คนที่อยู่ไกลๆยังได้ยินชัดแจ๋ว ปุริมได้ยินแล้ว โต๊ะอีกฝั่งก็ได้ยินเช่นเดียวกัน เรียกว่าสายตาทุกคนบนโต๊ะนั้นต่างจ้องมาที่เขา เป็นวูลฟคนแรกที่ยืนนขึ้น “คุณลุง...” และไม่สนใจในสายตาเอ็ดเตือนของชนิศา รีบวิ่งตรงเข้าไปหาปุริม “ปัง” จิณณะหยิบโทรศัพท์ของเพ็ญภัทร์์ขึ้นแล้วโยนลงบนโต๊ะ ดังสั่นสะเทือนจนทุกคนบนโต๊ะปวดหูได้ เพ็ญภัทร์์เริ่มตัวสั่น เงยหน้าขึ้นมองจิณณะ ส่งสายตาไปปฏิเสธบอกว่าตัวเธอเองก็พึ่งรู้ว่าเขาจะมาเหมือนกัน “เธอติดต่อให้เขามาใช่ไหม?” จิณณะถามเสียงแข็ง “อย่างพึ่งร้องสิ ฉันถามเฉยๆก็ร้องแล้ว” เพ็ญภัทร์์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ฉันจริงๆ” ปีใหม่ทั้งทีก็อยากใช้ชีวิตแบบสงบๆ ยิ่งอยู่ข้างนอก ก็ไม่อยากให้อายชาวบ้านเขา บอกแล้วไงว่าเลิกราไปแล้ว เธอไม่ได้ติดต่อเขามานานแล้วจริงๆ ลูกที่อยู่ในท้องก็เป็นลูกของจิณณะ เธอยังจะทำอะไรได้ น้ำตา พอนึกถึงน้ำตามันก็เริ่มจะหยดไหลทุกครั้ง กลั้นไว้ยังไงก็ไม่อยู่ เหมือนยังกะเด็กขี้แย ตั้งแต่เด็กจนโตก็เป็นแบบนี้แล้ว เธอร้องแบบนี้ มีเพียงแค่ปุริมคนเดียวที่ไม่รู้สึกรำคาญ และยังเป็นคนที่คอยประคองใบหน้าเธอขึ้นและจูบซับน้ำตาให้กับเธอ ทำให้เธออดไม่ได้ยิ่งร้องเช้าไปใหญ่ ทุกครั้งที่เธอร้อง เขาจะเจ็บปวดใจ แต่เวลานี้ ไม่รู้ทำไมน้ำตาเธอไม่ยอมหยุดไหลสักที? น้ำตาทำให้ใบหน้าของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเลือนรางไป ปุริม เธอไม่ได้ตั้งใจมันทำให้ชีวิตของพวกเขาต่างเปลี่ยนไป สายตาที่หาเรื่องทั้งโต๊ะ ขณะที่ปุริมมุ่งหน้าไปทางเสียงที่ร้องเรียกของอ้อย เดินไปหาเพ็ญนีติ์ สายตาก็เหลือบไปเห็นโต๊ะนั้นเข้า แต่สายตาเข้าหยุดล๊อกอยู่ที่เพ็ญนีติ์เท่านั้น เขาบอกกับตัวเองว่าห้ามมองเด็ดขาด อย่ามองไปที่เพ็ญภัทร์์เด็ดขาด เขาและเธอจบกันแล้ว จบแบบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแม้แต่น้อยนิด แม้ว่าในใจจะไม่ยอมเป็นห่วงเป็นใยมากขนาดไหน แต่ทุกอย่างมันจบลงแล้ว เด็กในท้องนั้นไม่ใช่ลูกเขาจริงๆ ไม่เคยทำก็คือไม่เคยทำจริงๆ ทำไมผู้ชายกับผู้หญิงในโลกนี้ถึงเป็นแฟนกันไม่ได้นะ? เขาอยู่กับเพ็ญภัทร์์ มองเธอเป็นแค่เพื่อนอย่างบริสุทธิ์ใจ แม้ว่าจะมีคำว่ารักปนเปื้อนอยู่สักหน่อย แต่เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดทำให้เธอมีมลทิน เพราะว่าทำไม่ได้จริงๆ ผู้หญิงของน้องชาย แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับจิณณะเป็นน้องชาย แต่เพราะเลือดเนื้อในกายบอกกับเขาว่าใช่ ดังนั้นเขาจึงต้องรับว่าจิณณะเป็นน้องชายจริงๆของเขา เมื่อคืนวาน เขาบังคับตนไม่ให้โทรศัพท์หรือส่งข้อความไปหาเพ็ญภัทร์์ได้ คิดว่าปีใหม่นี้จะสามารถผ่านไปได้อย่างสงบราบรื่น คิดไม่ถึงเลยว่า ตอนนี้จะต้องมาพบกับเพ็ญภัทร์์และจิณณะ ใกล้เข้ามาแล้ว ระยะห่างระหว่างเขาและเพ็ญนีติ์ใกล้เข้ามาแล้ว แต่ว่า เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่เยือกเย็นอีกคู่กำลังจ้องมาทางเขาเช่นเดียวกัน คือสายตาของจิณณะ แต่จิณณะไม่ได้เรียกเขาเอาไว้ แต่ว่าสายตาแห่งความแค้นแสดงออกชัดเจนว่าเป็นคู่อริกัน ไม่รู้ว่าจะพิสูจน์ยังไงว่าลูกของเพ็ญภัทร์์เป็นลูกของตนเองจริงๆ ใช่ลูกเขาจริงๆหรอ เขาไม่เคยต้องการเพ็ญภัทร์์เลย หรือว่าต้องใช้ผลเลือดเป็นสิ่งพิสูจน์? หัวเขาใหญ่นิดหน่อย เขาไม่สมควรเข้ามาจริงๆ เด็กคนนั้นทำให้เขาทั้งรักทั้งเกลียด และคนที่คิดและรู้สึกเหมือนเขาก็คือจิณณะ เขาสัมผัสได้ว่าจิณณะกำลังมองที่ท้องของเพ็ญภัทร์์ในใจก็เกิดความขัดแย้งกันขึ้น “แด๊ดดี๊ มาเร้วๆ พวกเราอยู่ที่นี่ค่ะ” ส้มโบกไม้โบกมือให้กับเขา ดีใจที่เห็นแดดดี๊มา แต่ตอนนั้นในใจของเขาเป็นพยับเมฆาที่ทำให้ฟ้ามืดเป็นทุกข์ คนในห้องโถงเริ่มพูดถึดซุบซิบ ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดี เด็กน้อยนั้น ก็เป็นเสมือนสายจุดชนวนระเบิด ยืนอยู่บนหน้าโต๊ะ นภนต์พึ่งจะสั่งพนักงานให้นำแก้วเหล้ามาเพิ่มสองแก้ว แต่เขากลับไม่มีอารมณ์ที่จะดื่มเหล้าแม้แต่น้อย เขามาหยุดยืนอยู่ข้างเพ็ญนีติ์ : “คุณรู้ว่าเธอก็อยู่ที่นี่ใช่ไหม?” “เพ็ญนีติ์พยักหน้า และตอบ ‘ใช่’ พร้อมมองไปทางเพ็ญภัทร์์ “คุณตั้งใจใช่ไหม?” มีเสียงดังขึ้น เขาจับไปที่คอเสื้อของเพ็ญนีติ์ โมโหจนอยากจะตีเธอให้ตาย เพราะเขารู้ดีว่าการมาของเขาครั้งนี้จะเป็นการทำร้ายเพ็ญภัทร์์ เมื่อคอเสื้อแน่นขึ้น การจะหายใจก็เป็นไปได้ยากลำบาก เธอเพียงแค่หวังดีจะให้เขาและเพ็ญภัทร์์ได้เห็นกันแบบไกลๆ กลับไม่คิดว่าเขาจะบอกว่าเธอตั้งใจให้เป็นแบบนี้ ปากขยับอ้าออก แต่ว่ายิ่งแน่นก็ยิ่งหายใจไม่ออกขึ้นเรื่อยๆ “อา...” “ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้” เสียงเย็นยะเยือกเอ่ยขึ้นเห็น มือที่อยู่บนคอของเพ็ญนีต์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งมือ ไม่รู้ว่านภนต์มาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ร้านอาหารกินสุขคึกต่อเนื่อง ใบหน้าของปุริมเขียวปั๊ด บอกเป็นความหมายว่าจะไม่ปล่อยมือจากคอเสื้อเพ็ญนีติ์เป็นแน่ สายตาเหลือบมองไปที่เพ็ญภัทร์์ เขากำลังกลัวว่าจิณณะจะเกิดบ้าขึ้นอีก ปรากฏว่า คนโต๊ะนั้นทั้งโต๊ะลุกขึ้นยืนหมด เหมือนกับกำลังจะเช็คบิลกลับ แต่พอมองดูกับข้าวบนโต๊ะก็รู้ชัดเจนว่าพึ่งกินไปนิดเดียว ยังกินเสร็จเลย เพ็ญภัทร์์ขยับตัวลุกตามจิณณะ ได้แต่ก้มหน้ามองที่พื้น ท้องที่กลมๆของเธอทำให้หุ่นเธอเปลี่ยนไป เรียกได้ว่าอยู่ในสภาวะที่พูดอะไรไม่ออก “ไป เร็วหน่อยสิ” จิณณะเอ่ยเสียงต่ำ โกรธโมโหจนอยากจะฆ่าเธอ ไม่รู้ว่าฝ่ามือของเขากว้างใหญ่ขนาดไหน เพียงแค่จับเฉยๆ กลับทำให้การทรงตัวของเพ็ญภัทร์์เคลื่อนได้ให้เสียการทรงตัวไป ข้างๆของเธอก็คือโต๊ะอาหาร... “เฮ้ย...ระวัง....” มือที่จับคอเสื้อของเพ็ญนีติ์อยู่รีบปล่อยออกทันที ปุริมรีบหมุนตัว รีบรุดไปหาเพ็ญภัทร์์ แต่เขาจะเร็วขนาดไหน แต่ก็ต้องวิ่งมาไกลมาก ต่อให้เป็นซุเปอร์แมนบินได้ ก็บินมารับเพ็ญภัทร์์ที่จะล้มไว้ไม่ทัน ทันใดนั้น ปุริมลุกขึ้นยืน ยังเดินมาได้ไม่กี่ก้าว จิณณะก็ยื่นมือไปจับเพ็ญภัทร์์ที่โซเซไว้ไม่ให้เธอล้ม จากนั้นก็รีบปล่อยมือละออกจากเพ็ญภัทร์์ร้องตะโกนกลางห้องโถงใหญ่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโมโหแค้น “ปุริม นายเป็นห่วงภรรยาของน้องชาย หรือว่าเป็นห่วงเด็กที่อยู่ในท้องกันแน่?” คำพูดของจิณณะเหมือนดังคำเตือน ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของเขา แต่ว่าเด็กในท้องเขารู้นานแล้วว่าไม่ใช่ลูกของเขา ปุริมกำหมัดแน่น เขาและจิณณะเคยมีเรื่องชกต่อยกันมาแล้วถึงสองครั้ง เลือดตกยางออกทุกครั้ง เรื่องชกต่อยเขาไม่กลัว และไม่กลัวว่าจะบาดเจ็บกันทั้งคู่ แต่เขากลัวการเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ของเพ็ญภัทร์์ เพราะสิ่งที่เพ็ญภัทร์์ไม่อยากเห็นมากที่สุดคือเขาและจิณณะมีเรื่องกัน แต่ตอนนี้ อยากจะตีอีกแล้ว เขาอยากจะชกให้จิณณะตาสว่างซักที เด็กนั้นเป็นลูกตัวเองแท้ๆ ยังจะมาสงสัยอะไรอีก? ปุริมกำหมัดแน่น เขาไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าตัวเองเดินไปหาจิณณะด้วยความเร็วแค่ไหน ชั่วพริบตาเดียวก็มาหยุดยืนต่อหน้าจิณณะ “เด็กในท้องลูกแก” เขาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ท่าทีจริงจังไม่เอะใจใดๆ “แกเลิกดูถูกเพ็ญภัทร์์ได้แล้ว” หญิงสาวที่อยู่ข้างหลังตัวเริ่มสั่น เหมือนกำลังกลั้นอยู่จึงไม่ขยับตัว เสียงอ่อนๆนุ่มของเพ็ญภัทร์์เอ่ยขึ้น “จิณณะเราไปกันเถอะ” “ไม่ วันนี้ฉันจะต้องรู้ความจริงให้กระจ่างให้ได้” สลัดมือของเพ็ญภัทร์์อย่างแรง ปุริมมองเห็นมือขาวๆของเพ็ญภัทร์์สั่นอย่างแรงมาก “จำเป็นต้องทำแบบนี้ต่อหน้าผู้คนไหม?” ปุริมยังไม่ได้เอ่ยอะไร น้ำเสียงอันนิ่งแข็งของเพ็ญภัทร์์กลับแทรกขึ้นก่อน น้อยนักที่เธอจะมีทีท่าแบบนี้ น้อยจริงๆ แต่ไหนมาเธออ่อนแอบอบบางมาตลอด แต่มีท่าทีที่สงบเด็ดเดี่ยวแบบนี้ได้อย่างไรกัน? แบบนี้ดูไม่เหมือนเพ็ญภัทร์์เลย ไม่ใช่แค่ปุริมคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ จิณณะเองก็เช่นกัน แต่สำหรับเขาเด็กในท้องคือเรื่องที่ทำให้เขาอับอายที่สุด และเขาไม่เคยต้องการเด็กตั้งแต่แรกแล้ว “ฉันแค่อยากจะพูดเรื่องบางเรื่องให้ชัดเจนเท่านั้น ไหนๆก็เจอกับตัวแล้ว ก็พูดเลยแล้วกัน “ เขาไม่ได้สนใจเลยว่าคนจะเยอะแค่ไหน ไม่สนใจว่าคนในร้านอาหารกำลังมองอยู่ “ปุริม วันดีปีใหม่เช่นนี้ แกก็ยอมน้องมันไป รับไปกินข้าวอยู่กับลูกทั้งสองนู๊น เพ็ญนีติ์ยังรอแกอยู่นะ” เมนิลามาได้ทันเวลาพอดี เธอช่วยพูดให้ปุริมรีบไปจากที่นี่ ยิ่งวันนี้เป็นวันปีใหม่ ถ้าเกิดเลือดตกยางออกกันจริงๆคงไม่มงคลเท่าไหร่ เนมิลาไม่ได้สนใจเรื่องที่เขาทั้งสองจะชกต่อยกันเลย แต่เขาไม่ชอบให้เห็นเลือด หรือสิ่งที่ไม่ดีในวันมงคล ถ้าเกิดคนที่มาพูดให้แล้วกันไปเป็นคนอื่น ปุริมอาจจะยอมถอย แต่กลับเป็นเมนิลา ยิ่งทำให้เขาโกรธโมโหเพิ่มมากขึ้นอีก “ทำไมฉันต้องไป เป็นเขาเองต่างหากที่พูดไม่ชัดเจนคลุมเครือผิดไปจากความจริงเอง”
已经是最新一章了
加载中