บทที่ 134 ไม่เคยเปลี่ยน
1/
บทที่ 134 ไม่เคยเปลี่ยน
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 134 ไม่เคยเปลี่ยน
บทที่ 134 ไม่เคยเปลี่ยน กี่ครั้งแล้วนะ ปุริมปรากฏมานภนต์ก็หายจากเธอไป แล้วไม่เคยกลับมาอีกเลย นภนต์เหมือนกับเอาอะไรสักอย่างของปุริมมาเป็นแม่แบบเลยตกดึก มืดมากจริงๆ น้ำค้างตกกระทบร่างกายจากหน้าต่างที่เปิดอยู่เพียงครึ่ง ไหลรั่วมาเป็นหยด จะฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เพียงแค่ช่วงเวลาหน้าร้อน ช่วงกลางวันยังคงร้อนแรงอย่างถึงที่สุด เธอสามารถหนีชายหนุ่มคนไหนไปก็ได้ แต่เธอไม่อาจหนีไปเด็กน้อยของเธอได้ก็เท่านั้น รื้อชุดที่พอดีตัวและยืดหยุ่นแบบชุดออกกำลังในตู้เสื้อผ้าออกมาใส่ แบบนี้คงสะดวกต่อการเคลื่อนไหวมากกว่า เธอมีเวลาเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น หากพลาดเวลาเปลี่ยนกะนี้ไป เธอก็จะไปไม่ได้แล้ว และหากถูกพวกบอดี้การ์ดล่วงรู้ถึงจุดประสงค์ของเธอ น่ากลัวว่าภายหลังแผนการที่เธอตั้งใจคิดมาตั้งหลายวันจะใช้การไม่ได้อีก เร็วขึ้น ต้องเร็วขึ้น ของทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว มีแค่กระเป๋าใบเดียวเท่านั้น มีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน และมีเงินอีกเล็กน้อย แต่นั้นเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายของเธอและเด็กๆเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ดูๆแล้วเด็กๆคงต้องลำบากไปกับเธอแน่ แต่เมื่อกลางวันเธอได้ติดต่อไปยังเจ้าของบ้านในอดีตแล้ว บางทีเจ้าของบ้านอาจจะคืนเงินมาให้เธอ เพราะเธออยู่ที่นั่นยังไม่ครบสามเดือนเลย และที่ยังเหลืออยู่ก็คือร้านเสื้อผ้าเล็กๆในอดีต ทั้งหมดนั่นคือเงิน แค่ใช้แรงใจนั่นก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้แล้ว เธอจะกัดฟันเพื่อฝ่าฟันวิกฤตนั้นไปให้ได้ เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที เธอกำลังเดิมพัน แต่เธอบอกกับตัวเองว่ามีแค่หนึ่งผลลัพธ์เท่านั้น นั่นคือเธอต้องชนะ ต้องชนะเท่านั้น ห้านาที สี่นาที สามนาที เหลืออีกแค่สองนาทีเท่านั้น เพ็ญนีติ์ลุกขึ้นแล้วเดินไปยังห้องของเด็กๆ เด็กๆหลับกันลึกมาก ค่อยๆอุ้มทีละคน หนักสุดๆ เพราะที่หลังของเธอเองก็ยังมีหนึ่งกระเป๋า แต่เธอต้องอดทนไว้ เมื่อทานข้าวเย็นเสร็จ เธอก็ให้เด็กๆทานยาที่ทำให้หลับได้ลึกกันไปคนละนิดคนละหน่อย เมื่อได้ยานี่ เธอก็ไม่กลัวว่าเด็กจะตื่นขึ้นมาระหว่างทางแน่นอน ทุกอย่างถูกเตรียมการไว้อย่างดีแล้ว ไม่สนว่าที่นี่จะคือป้อมปราการที่แข็งแกร่งหรือไม่ เธอยังคงอยากหนีไป ไม่ว่ากรงขังนั้นจะสวยแค่ไหนมันก็คือกรงขัง นั่นไม่นับว่าเป็นบ้านของเธอ เธอไม่สนใจหรอก เมื่อก่อนที่ยอมให้กันนั้น เพราะว่าความรักที่มีต่อปุริมในใจของเธอยังคงเหลืออยู่ แต่เพราะความเย็นชาของเขาทุกอย่างมันจึงได้จางไปหมดแล้ว เธอจะหนีไป ก็คือจะหนีไป ถึงเวลาแล้ว นี่คือเวลาเปลี่ยนกะของบอดี้การ์ด เวลานี้ของทุกๆวันเหล่าบอดี้การ์ดจะไปรวมตัวกันที่ห้องเล็กข้างๆห้องนั่งเล่น เธอสังเกตเห็นก้นบุหรี่ในเวลานั้นด้วยตาของตัวเอง ในมือของทุกคนต่างมีบุหรี่เพื่อผ่อนคลาย และทุกๆครั้ง ก็ใช้เวลาประมาณสิบนาทีในการเปลี่ยนตัว สังเกตอยู่ทุกวัน ไม่มีใครรู้ดีไปยิ่งกว่าเธออีกแล้ว รีบเดินราวกับบิน รองเท้าสั้นแบนแบบนี้ช่วยพลางเสียงเดินได้ดี ห้องโถงเปิดเพียงแค่ไฟมืดๆเท่านั้น บรรยากาศตอนนี้จึงดูสลัวๆ เหมือนเพราะพาลูกสาวที่แสนน่ารักมาด้วย แต่เธอไม่มีใจจะมาชื่นชมตอนนี้ เพียงทำได้แค่รีบเดินพุ่งออกไปนอกประตูใหญ่และวิ่งไปยังรถเต่าที่ไม่เคยขับมาก่อน เธอทำได้แค่บนหนังสือเท่านั้น เธอไม่เคยลงมือขับรถด้วยตัวเองมาก่อน ทั้งหมดนั้นเพียงแค่มองคนอื่นขับเท่านั้น เปิดประตูรถวางเด็กไว้ที่หลังเบาะหลัง เหมือนว่าเด็กน้อยทั้งสองจะรู้ว่านั่นคือเธอที่อุ้มมา ดังนั้นพวกเธอจึงไม่กลัวและไม่ตื่นขึ้นมา และยังคงหลับสนิทต่อ อ้อยและส้มฉลาดที่สุด เธอรักพวกเธอจะแย่แล้ว ทำตามในหนังสือไปทีละขั้นทีละขั้น เพิ่งจะได้เหยียบคันเร่ง หน้าผากเริ่มมีเหงื่อชื้น จะถึงเวลาแล้ว เธอต้องรีบแล้ว “บรื้น...” รถขยับแล้ว เธอตื่นเต้น การขับรถครั้งแรกในชีวิต ขับมาถึงหน้าประตูใหญ่โดยราบรื่นแบบที่คาดไม่ถึงมาก่อน เธอรู้สึกว่าตัวเธอนั้นเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งทีเดียว หรือไม่ก็เพราะช่วงเวลาคับขันนั้นเปลี่ยนให้คนเราฉลาดขึ้น ดังนั้นเมื่อไม่อะไรผิดพลาดเธอก็ออกตัวไปยังประตูใหญ่ทันที ข้างหลังยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดใด คนพวกนั้นยังคงไม่รู้ว่าเธอกำลังขับรถเต่าไปยังประตูใหญ่ “คุณลุงคะ ลูกๆของฉันป่วยค่ะ ฉันต้องพาพวกเขาไปโรงพยาบาล” คนคุ้มประตูคงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก เธอคิดว่าอย่างนั้น เธอกำลังเดิมพัน เดิมพันว่าชายชราคนนี้จะไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น และไม่ได้รับคำสั่งอะไรมาจากปุริมทั้งนั้นเมื่อกล่าวจบ ใจของเธอเหมือนจะหลุดออกมาจากลำคอ เธอกำลังรอดูปฏิกิริยาตอบกลับของชายชราเนิ่นนาน ชายชราก็รีบกดเปิดประตูทันที “เช่นนั้นคุณหญิงรีบไปเถอะครับ คุณชายไม่อยู่ ลำบากคุณหญิงต้องพาคุณหนูไปด้วยตัวเองแล้ว” “ขอบคุณค่ะ” รีบกล่าวอย่างรวดเร็ว เหยียบคันเร่งอีกครั้ง จังหวะที่ขับผ่านประตูมาได้แล้วนั้น เพ็ญนีติ์ได้กลิ่นของอิสระ แต่เดิมบรรยากาศข้างในและข้างนอกประตูนั้นไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เธอขับรถด้วยความเร็วสูงสุด ไม่รู้จริงๆว่าไปเอาความกล้านี้มาจากที่ไหนกัน จากที่ไม่เคยขับรถมาก่อนตอนนี้เธอขับรถห่างไกลจากวิลล่ามามากแล้ว โดยเร็วเธอก็มาถึงปากทางแยก เมื่อมาถึงตรงนี้รถก็เริ่มเยอะขึ้น เธอก็ไม่กลัวแล้ว คงจะหนีจากปุริมไปอย่างราบรื่น เสียทีเป็นไปอย่างราบรื่น ราวกับฟ้าดินก็ช่วยเธอเช่นกัน จอดรถเต่าลงตรงที่ที่จอดรถทิ้งไว้ได้ หลังจากนั้นเอก็กระโดดลงรถ มองรถใหม่คันนี้ ความจริงเธอเองก็รู้สึกเสียดาย สวยขนาดนี้ รถเต่าตามสไตล์ของผู้หญิงที่นำเข้าจากต่างประเทศคันนี้ แต่ถ้าขับรถคันนี้ไปหนึ่งคงเป็นที่สะดุดตา สองคงจะโดนปุริมตามเจอได้โดยเร็ว เธอไม่ได้ซื่อบื้อหรือโง่ขนาดนั้น รถคันนี้พาเธอมาส่งในที่ที่สามารถเรียกรถได้นั่นก็หมดวาระของมันลงแล้ว สะพายกระเป๋า เปิดไฟหน้าและเปิดประตูรถไว พร้อมที่จะอุ้มเด็กๆหนีไปในทันที สายตามองรถที่ผ่านมา แต่กลางดึกขนาดนี้ ไม่ว่าจะโบกมือเช่นไรก็คงไม่มีรถคันไหนจอดรับเธอเป็นแน่ ข้างหลัง เหมือนว่ารถบอดี้การ์ดของปุริมจะเริ่มตามมาแล้ว ใจของเธอเริ่มร้อนรน จะโดนจับไม่ได้อีกแล้ว เธอไม่มีเวลาแล้ว สายตามองเห็นรถคันหนึ่งผ่านมา เพ็ญนีติ์ความคิดในช่วงจนตรอกนี้ทำให้กระโดดไปกลางทางในทันที ช่วงเวลานี้เหมือนกันเมื่อหลายปีก่อนในคืนนั้นที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยดรัลที่เธอเข้าไปขว้างรถของปุริม จนทำให้เธอและเขาเกี่ยวพันกันมาตั้งแต่นั้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับแสงไฟที่สาดส่องมาแล้ว เหมือนกับเมื่อคืนวาน แต่ว่าตอนนี้ถึงเหตุการณ์จะเหมือนเดิม แต่อะไรๆมันได้เปลี่ยนไปแล้ว “อยากตายหรือไง” รถที่หยุดกะทันหันคันหนึ่ง เมื่อเปิดกระจกลง ชายบนรถก็ตะโกนใส่เพ็ญนีติ์ทันควัน “คุณคะ ช่วยด้วย แค่พาฉันไปจากตรงนี้ทีค่ะ ตรงนี้เรียกรถไม่ได้เลย เมื่อเจอรถแท็กซี่ฉันจะลงทันที ลูกฉันป่วย ต้องรีบไปโรงพยาบาลแล้ว” เธอไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงโกหกไปเท่านั้น เธอไม่ได้มีเจตนาจะทำร้าย ฟ้าดินเป็นพยาน เธอไม่มีจริงๆ ชายหนุ่มลองมองเธอ แล้วมองไปยังอ้อยและส้มที่อยู่ในรถเต่านั่น “รถคุณพังแล้วรึ” “ใช่ พังแล้วค่ะ” “รถใหม่ขนาดนั้นน่ะนะพังแล้ว” “จริงๆค่ะ ขอรบกวนคุณหน่อยนะคะ” มองๆไปเธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง และยังคงมีลูกๆที่หลับสนิทอีกสองคน ชายคนนั้นพยักหน้าแล้วเปิดประตูรถให้ “ขึ้นมา เร็วหน่อย” เพ็ญนีติ์ใช้แรงอุ้มอ้อยไปไว้บนรถก่อน และค่อยอุ้มส้มขึ้นไปแล้วนั่งลงด้วยกัน ประตูรถเต่าถูกล๊อกแล้ว รถคันนี้เธอให้ปุริมไปนานแล้ว เธอไม่อยากทำตัวเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่เขาคอยดูแลอยู่ เธอมีมือมีเท้า เธอก็มีศักดิ์ศรีของตัวเองเหมือนกัน ชีวิตคน ต่างพบเจอทางแยกมามากมาย แต่เธอได้เลือกทางที่จะยืนด้วยตัวเองและห่างจากเขามา ถ้าไปได้ไกลจากเขาแล้ว ถ้าทำให้เขาตามหาเธอไม่พบ แล้วเขาจะนำสัญญาอีกสองฉบับมาบอกเธอได้อย่างไรล่ะ มีแค่เรื่องนี้เท่านั้น ที่เธออยากจะหนีมัน ถ้าเช้าแล้ว ก็คงจะหลุดพ้นจากความยุ่งเหยิงนี้ ชายคนนั้นขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้ชายอายุอานามน่าจะสี่สิบกว่าๆ ครั้งนี้ ฉากนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมานานกี่ปีแล้วนะ เธอไม่เคยเจอผู้ชายที่เอาแต่ใจเหมือนกับปุริมมาก่อน มองตัวเองในกระจก หน้าผากมีเหงื่อซึมจนเห็นได้ชัด เมื่อครู่เธอเองก็ไม่รู้ว่ายุ่งหรือว่ารีบจนแย่กันแน่ใช่มือเช็ดอย่างส่งๆ “คุณคะ ขอบคุณที่ช่วยฉันนะคะ” “ไม่เป็นไร จะลงตรงไหนก็บอกแล้วกัน ผมจะได้จอดให้” คนขับถึงแม้ว่าจะเป็นคนดีมาก แต่ก็มีท่าทีที่ระมัดระวัง คนคนนี้คงประมาณว่าไม่พุ่งเข้าหาปัญญาใดใดทั้งสิ้น ใครๆก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวกันทั้งนั้น เขาทำถูกแล้ว “ไปตามทางของคุณได้เลยค่ะ เดี๋ยวฉันลงตรงที่สะดวกๆเอง” เธอรู้สึกขอโทษคนคนนี้อยู่หน่อยๆ เขาเป็นผู้ช่วยชีวิตเธอไว้อย่างแท้จริง ถ้าไม่รับความช่วยเหลือจากคนคนนี้ น่ากลัวว่าเธอจะโดนจับเข้ากรงอีกครั้งก็เป็นได้ หันหลังกลับมอง รถเต่าในความมืดคันนั้นไม่นานก็ต้องจากกันเสียแล้ว เหมือนกับว่าไม่เคยเข้ามาในชีวิตของเธอมาก่อน ชายคนนี้ขับรถด้วยความชำนาญ สายตาจับจ้องไปยังนอกหน้าต่างรถนั่น แล้วไม่พูดอะไรอีก อ้อยและส้มนั้นหลับได้สนิทจริงๆ ฤทธิ์ของยานั้นน่าจะหมดไปแล้ว ทอดสายตาไปยังนอกกระจกรถ ไฟรถและไฟข้างทางทำให้ค่ำคืนนี้ดูไม่เป็นความจริงเสียเลย ในเวลานี้คาดไม่ถึงเลยว่าโทรศัพท์จะดังขึ้น ในคราแรกที่เสียงนี้ดังขึ้นทำให้เธอนึกว่าเป็นสายจากปุริม สายตาจ้องมอง และใช่นั่นคือเบอร์โทรที่คุ้นเคยของเขา กี่ปีแล้วนะ ไม่เคยเปลี่ยนมันเลย เพ็ญนีติ์เม้มปากเล็กน้อย มาได้เร็วจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาอยู่กับเพ็ญภัทร์หรอกหรือ น่าจะไม่มีเวลามาสนใจเธอกับลูกๆนี่ ปลายนิ้วกดรับสาย เธอไม่ได้จะเอาคืน เธอแค่ไม่อยากจะอยู่กับเขาอีก น้ำเสียงเรียบนิ่งและสงบเหมือนกับหัวใจของเธอ ในตอนที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไปจากเขา เธอคิดทุกอย่างไว้แล้ว ”ฉันไปล่ะ ขอให้คุณกับเพ็ญภัทร์มีความสุขมากๆ” กล่าวจบ เพ็ญนีติ์ก็ตัดสายทันที ไม่แม้แต่จะอยากฟังเสียงของเขา แต่ถ้าเธอยังฟังต่อก็คงจะได้เขาตะโกนมาว่า... “เพ็ญนีติ์ คุณ...”นี่คงเป็นเสียงสุดท้ายที่เธอจะได้ยินจากเขา คงจะโกรธอย่างหัวเสียเลยทีเดียว แต่ก็คงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธออยู่ดี ปิดโทรศัพท์ ดึงการ์ดออก เปิดกระจกรถ ให้สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาในรถ คนขับรถดูจะไม่พอใจ เธอเลยยิ้มน้อยๆ “ฉันแค่ทิ้งของที่ไม่จำเป็นเท่านั้นค่ะ ถ้ากำไว้ มือคงจะสกปรกน่าดู” ชายคนนั้นไม่พูดอะไรเพียงปรายตามองเธอแล้วหันกลับไปขับรถต่อ เพ็ญนีติ์มองออกไปนอกกระจกรถต่อ เมื่อออกมาไกลก็เห็นหอนาฬิกากลางแจ้งขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า เธอจำที่ตรงนี้ได้ เหมือนว่าใกล้ๆกันนี้จะมีบ่อน้ำพุอยู่
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 134 ไม่เคยเปลี่ยน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A