ตอนที่19 ผู้หญิงที่ถูกเตะลงจากเตียง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่19 ผู้หญิงที่ถูกเตะลงจากเตียง
ต๭นที่ 19 ผู้หญิงที่ถูกเตะลงจากเตียง ไม่มีสิ่งใดจะสุขไปกว่าการที่ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกแล้ว แต่ใครจะรู้ว่า ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความเย็นชาที่เฉิงเฉิงแสดงออกมานั้นจากคนแปลกหน้าที่จู่ๆกลายมาเป็นคนใกล้ชิดอย่างเขา มาถูกกู้ฮอนหอมเข้าไปอย่างแรง หน้าเขาก็แอบแดงเหมือนกัน กู้ฮอนรอให้แม่กับลูกชายหลับก่อน ค่อยหยิบกระเป๋าหนัง แล้วออกจากบ้านไป ระหว่างทางเธอก็ครุ่นคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด ตั้งแต่เย็นวันนั้นที่ทำให้เป่หมิงโม่ไม่พอใจ มาจนถึงการถูกหลี่ติ่งซื่งคุกคาม ยังเรื่องที่พ่อได้รับความอัปยศในคุก และเรื่องที่หยางหยางหายตัวไปอีก แน่ละเรื่อง เหมือนกับละครไม่มีผิด ทำให้เธอแทบจะหายใจไม่ออก ระหว่างทางก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอรับสาย ยิ่งได้ยินเสียงของหลี่ติ่งซื่งที่หัวเราะอย่างน่าขยะแขยง “กู้ฮอน เรื่องที่ให้คิดเป็นยังไงบ้าง" นิ้วที่กำโทรศัพท์มือถือสั่นเล็กน้อย “หลี่ติ่งซื่ง ฉันจะไปให้คำตอบที่บริษัทคุณเดี๋ยวนี้" “ดีมากกู้ฮอน ฉันจะรอนะ” หลี่ติ่งซื่งหัวเราะอย่างน่ากลัว***บริษัทติ่งซื่ง ห้องผู้จัดการ หลี่ติ่งซื่งมองกู้ฮอนที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้าม ใบหน้าซีดเผือดก็จ้องเขาอยู่เช่นกัน เขายิ้มมุมปากไม่หยุด เหมือนว่าใบหน้าสุภาพนั้น มีแต่แผนการที่น่ากลัวอยู่เต็มไปหมด “กู้ฮอน ไม่ต้องเกลียดฉันจนถึงขึ้นไม่กล้าดื่มน้ำชาหรอกนะ" “หัวหน้าหลี่คิดว่ายังไงล่ะคะ หลังจากที่ฉันดื่มแชมเปญที่คุณใส่อะไรลงไปวันนั้น ฉันยังจะต้องดื่มสิ่งที่คุณเอาให้อีกหรือคะ” กู้ฮอนพูดประชดประชัน มองดูใบหน้าที่ดูมีการศึกษาของหลี่ติ่งซื่ง แวบหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองโง่มาก ทำไมถึงดูไม่ออกว่าเขาคือหมาป่าในคราบมนุษย์ดีๆนี่เอง “ฮาฮาฮา กู้ฮอน พวกเราไม่ต้องอ้อมค้อมให้มากความ พูดเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า” หลี่ติ่งซื่งไม่อ้อมค้อม ตุ้บ เอกสารปึกใหญ่ถูกโยนมาตรงหน้าของกู้ฮอน “ในนี้เป็นข้อมูลทางธุรกิจของเป่หมิง เธอไปท่องมาให้ขึ้นใจ” กู้ฮอนอ่านเอกสารหนาคร่าวๆ เธอขมวดคิ้วอย่างสงสัย “คุณหมายความว่ายังไง” “ก็ไม่ได้หมายความว่ายังไง เพราะคุณกู้สร้างความเดือดร้อนไว้ ประธานเป่หมิงเลยยึดอำนาจการแข่งขันของพวกเราไป ฉันแค่อยากหาทางแก้ไขเท่านั้น” กู้ฮอนยิ้มเย็นชา เห็นได้ชัดว่าคนที่เป็นฝ่ายเสียหายคือตัวเธอ เขากลับพูดว่าตัวเองเป็นผู้เสียหาย ในที่สุดเธอก็เข้าใจ บนโลกนี้คนที่ไร้ยางอาย มันก็จะไร้ยางอายจนถึงที่สุด หลี่ติ่งซื่งยักไหล่อย่างไม่สนใจ “เธอโชคดีที่ฉันเพิ่งรู้จักกับคนคนหนึ่ง และพอจะมีผู้ใหญ่สองสามคนที่ท่านเป่หมิงพอจะฟังอยู่บ้าง และท่านเป่หมิงพูดว่า แค่เธอรับปากเรื่องเดียว เขาก็มีวิธีโน้มน้าวประธานเป่หมิงกู้ชื่อของบริษัทติ่งซื่งคืนมา” หัวใจกู้ฮอนบีบรัดแน่น เธอเผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว “ท่านเป่หมิง รู้จักฉันด้วยหรือ” “ฮาฮาฮา ในงานเลี้ยงวันนั้น ตอนที่ถูกผู้คนรุมจ้องประธานเป่หมิง เพราะเขาถอดเสื้อนอกของตัวเองมาคลุมให้เธอเหมือนฮีโร่ แต่ตอนเย็นเธอกลับถูกเขาเตะจากเตียง เธอคิดว่าเรื่องพวกนี้จะไม่เข้าหูท่านเป่หมิงบ้างเลยหรือ” ใบหน้ากู้ฮอนแดงและซีดสลับกัน ใครจะไปรู้ว่าที่เป่หมิงโม่มาทำตัวเป็นฮีโร่ช่วยเธอในวันนั้น เพราะแค่อยากจะหาโอกาสทำให้เธอขายหน้าก็เท่านั้น แต่ว่าเรื่องที่ถูกเตะตกเตียง เกรงว่าคงจะกลายเป็นเรื่องตลกไปเรียบร้อยแล้วสิ เธอสูดหายใจลึก พยายามทำจิตใจให้สงบลง “แล้ว ท่านเป่หมิงอยากให้ฉันทำอะไรล่ะ” “เรื่องนี้ เธอต้องเป็นคนไปถามเองแล้ว”***ร้านกาแฟดิโอ ภายในห้องอาหาร มีความเงียบแปลกๆลอยอยู่ภายในห้อง ท่านเป่หมิงเจิ้งเทียนแห่งตระกูลเป่หมิงแม้ว่าอายุจะเข้าหกสิบ ผมกลายเป็นสีขาว แต่เขาก็ยังนั่งตัวตรงดิกอยู่บนโซฟาสีดำ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยนั้น ยังคงดูออกว่าสมัยวัยรุ่นคงจะหล่อเหลาไม่น้อยเลยเขารับราชการทหารมาหลายปี เลยทำให้ทุกท่วงท่าของท่านมีรังสีของความโอหังอยู่ตลอดเวลา กู้ฮอนเคยได้ยินมาว่า ผู้ชายตระกูลเป่หมิงตั้งแต่อดีตมาไม่ใช่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แต่เป็นนายทหารชั้นสูงทั้งนั้น และเกียรติยศทั้งหมดคงจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ แต่ทว่าบริษัทตระกูลเป่หมิง ว่ากันว่าผู้เป็นภรรยาจะมีอำนาจทุกรุ่นทุกสมัย จนมาถึงรุ่นของเป่หมิงโม่ ถึงวางมือจากการทหารแล้วหันมาทำการค้าแทน คนที่มีเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองอย่างเขา บวกกับภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ของครอบครัว ทำให้ระยะเวลาสั้นเพียงไม่กี่ปีบริษัทตระกูลเป่หมิงกลายเป็นบริษัทชั้นของเมืองA คิดดูแล้ว เป่หมิงโม่ก็เป็นเหมือนหน่ออ่อนที่มีรากที่แข็งแรง เป็นการดูแลแบบรุ่นสู่รุ่น มีพระเจ้าที่คอยหนุนหลังเขา เรียกได้เป็นมือหนึ่งของเมืองAก็ว่าได้ กู้ฮอนนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับเป่หมิงเจิ้งเทียน ท่าทีเงียบสงบ เขาไม่ขยับ เธอก็ไม่ขยับ เธอรู้ว่าสายตาเฉียบคมของท่านเอาแต่จ้องเธออย่างไม่วางตา แต่กลับทำให้เธอรู้สึกสงบและปลอดภัย ไม่รู้ว่าภายในห้องอาหารเงียบนานแค่ไหนแล้ว ในที่สุด เป่หมิงเจิ้งเทียนก็หัวเราะเสียงดังขึ้น เสียงหัวที่แข็งแกร่งดูมีพลัง ไม่รู้สึกถึงความแก่ของเขาเลยสักนิด กลับยังดูแข็งแรงดีเสียด้วยซ้ำไป “ไม่เลว เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่พอเห็นฉันแล้วไม่นอบน้อมหรือเข้ามาประจบประแจง” เป่หมิงเจิ้งเทียนเม้มปากแล้วยิ้ม ในดวงตาลึกของคนแก่กำลังประกายแสงสว่างอยู่ กู้ฮอนยิ้มทันที ไม่แปลกเลยที่เป็นพ่อลูกกัน เป่หมิงโม่ก็พูดๆๆว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกของเขา “ถ้างั้นฉันควรจะพูดอะไรให้ผู้ที่บารมีสูงอย่างท่านเป่หมิงได้รู้จักฉันมากขึ้นสักหน่อยเป็นเพราะฉันปลูกฝังนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ฉันจึงรู้สึกดีใจและซาบซึ้งมาก” เป่หมิงเจิ้งเทียนมองกู้ฮอนแวบหนึ่ง แล้วพูดต่อ “น่าสนใจดี มิน่าล่ะเจ้ารองถึงดูสนใจเธอนัก”กู้ฮอนยักไหล่ “ฉันไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ท่านเป่หมิงพูดค่ะ” “ในเมื่อฉันสามารถหาเธอเจอได้ แน่นอนว่าจะได้ตรวจสอบประวัติเธอมาแล้ว ห้าปีก่อนเธอพักการเรียนแล้วพาแม่ไปรักษาอาการป่วยที่อเมริกา ห้าปีต่อมาเธอกลับมาที่เมืองA ทำงานแผนกวิศวกรรมที่บริษัทติ่งซื่ง เป็นพนักงานธรรมดาๆคนหนึ่ง เงินเดือนน้อยนิด แต่ลูกนอกสมรสอย่างเธอก็ไม่เคยได้รับการยอมรับจากคนในตระกูลกู้เลย และชีวิตขัดสนมาก” ฟังจบรู้สึกเหมือนนายทหารเป่หมิงเจิ้งเทียนมารายงานประวัติชีวิตเธอยังไงยังงั้น หัวใจน้อยๆของกู้ฮอนก็ค่อยๆห่อเหี่ยวลง โชคดี ที่เขาไม่รู้เรื่องของหยางหยาง ห้าปีมานี้ เธอเก็บเรื่องลูกชายเป็นความลับอย่างดีมาโดยตลอด เธอแกล้งทำท่าทีสงบ เธอยิ้มเล็กน้อยแสดงท่าทีที่เป็นเอกลักษณ์ออกมา “ดูเหมือนว่าท่านเป่หมิงจะรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับฉันดีเลยนะคะ” คำพูดที่ฟังดูเหมือนสบายๆ แต่ที่จริงแล้วเหงื่อเธอกำลังผุดเต็มตัว “ถ้าอย่างนั้นฉันคงไม่มีความสามารถพอ ที่จะช่วยท่านเป่หมิงได้หรอกค่ะ” เป่หมิงเจิ้งเทียนตั้งใจมองกู้ฮอน ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาสะสวยโดดเด่นมาก “คุณกู้ เธอเป็นคนฉลาด แต่เสียดายความสามารถยังไม่สูงพอ” กู้ฮอนตกใจเล็กน้อย ในดวงตาสีดำเกิดความสงสัยเล็กน้อย เป่หมิงเจิ้งเทียนยิ้มอย่างแฝงความหมาย “ในเมื่อเธอถูกเจ้ารองช่วยไว้ แต่ทำไมรีบไปนอนกับเขาเร็วนักล่ะ มีแต่จะทำให้เขาดูถูก” นิ้วมือของกู้ฮอนสั่น ที่จริงแล้วดูเหมือนว่าหลี่ติ่งซื่งคงยังไม่ได้บอกความจริงกับเขาสินะ “อา......” เธอยิ้มเศร้า “ถ้าฉันบอกว่า ฉันถูกใส่ร้ายว่าขึ้นไปนอนบนเตียงเขา คุณจะเชื่อไหม” ไม่รอให้เป่หมิงเจิ้งเทียนตอบกลับ ในแววตาเธอก็ปรากฏความเศร้าขึ้นชั่วขณะ แล้วพูดกับตัวเอง “คุณคงไม่เชื่อหรอก เพราะลูกชายของคุณก็ไม่เชื่อเหมือนกัน” เป่หมิงเจิ้งเทียนเงียบไปพักหนึ่ง เขาพูดต่อว่า “ไม่ว่าเธอจะเป็นคนทำหรือถูกใส่ร้ายก็ตาม ในเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้วก็ไม่ต้องซักถามให้มากความ ตอนนี้ฉันต้องการให้เธอรับปากกับฉันเรื่องหนึ่งก็พอ——“ “อะไรคะ” เธอรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา รู้สึกว่าเรื่องที่ท่านเป่หมิงกำลังจะพูดคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร “ไปเป็นเลขาส่วนตัวให้เจ้ารองทันหน่อย” ประโยคสั้นของเป่หมิงเจิ้งเทียน ทำให้กู้ฮอนช็อกจนไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง “เลขา…… ส่วนตัว” ส่วนตัวยังไงกันนะ 
已经是最新一章了
加载中