บทที่ 137 วันนี้ช่างว่างเสียจริง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 137 วันนี้ช่างว่างเสียจริง
บทที่ 137 วันนี้ช่างว่างเสียจริง ค่อยๆเคลื่อนโทรศัพท์ห่างหูไป แต่เสียงของผลดายังคงดังอยู่ “นั่นใครคะ รีบพูดมาสิ ไม่อย่างนั้นฉันจะวางสาย...” แต่เธอกลับวางสายก่อน เมื่อวางโทรศัพท์ลง รู้สึกเจ็บในใจไปหมด เมื่อไหร่กันที่เธอมาถึงจุดสิ้นสุดเช่นนี้ ในท้ายที่สุดก็อยู่อย่างทรมานตัวคนเดียวในเมืองดรัลเช่นนี้ ส่งเงินห้าบาทให้กับเจ้าของร้านค้า แล้วก็ยืนเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว เจ้าของร้านส่งขนมให้แก่เธอ “แม่ของหนูอ้อย วันนี้ว่างเหลือเกินนะ” เธอยิ้มๆ มาซื้อของอยู่เสมอ มาบ่อยครั้งก็เริ่มคุ้นชิน แต่ไม่ได้พูดอะไร หันหลังแล้วเดินกลับบ้านมา ตอนนี้เธอเพิ่งจะรู้สึกตัวว่านอกจากโทรหาปัทมา ก็ไม่มีเพื่อนคนไหนให้โทรหาเลย น่าอนาถเหลือเกิน ทั้งวันนั้นช่างเลวร้าย แต่ในร้านค้าออนไลน์นั้นก็มีคำสั่งซื้อมาอย่างน่าอัศจรรย์ ตกเย็นก็ไปตลาดเพื่อซื้อผักมาเตรียมทำอาหารในค่ำนี้เพื่อเด็กๆทั้งสอง ข้าวลงหม้อไปแล้ว ผักก็ล้างเสร็จแล้ว เพียงแค่ไปรับเด็กๆแล้วกลับมาผัดนิดหน่อยก็เสร็จแล้ว ล้างมือเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ออกไปรับเด็ก ไม่ได้สั่งเสื้อผ้าเพิ่มมานานแล้ว ผู้หญิงต้องอยากแต่งตัวให้ตัวเองดูสวย เธอไม่ต้องการแล้ว ดังนั้นเสื้อผ้าพวกนี้ก็เป็นของที่เจ้าของบ้านมอบให้เธอในคราแรก เจ้าของบ้านใส่แล้วหลวม แต่ก็ไม่อยากทิ้งไป จึงได้ส่งต่อมาให้เธอ รีบเดินออกไปอย่างตื่นเต้น เธอรู้สึกว่านี่แหละชีวิต ดีมากจริงๆ วันๆหนึ่งไม่ได้เด็กน้อยทั้งสองเลย เธอคิดถึงมากจริงๆ เป็นแม่คนก็เป็นเช่นนี้แหละ เด็กๆได้เข้ามาในใจของเธอแล้ว ไม่มีทางขุดออกไปได้เลย เดินอย่างรวดเร็ว รถคนที่อยู่บนถนนหรืออะไรก็แล้วแต่นั้นไม่ได้เกี่ยวกับเธอเลย จึงไม่ต้องไปสนใจ ผมยาวๆนั้นคลอเคลียอยู่บ่า ไม่ได้เปลี่ยนทรงผมมานานแล้ว และทรงผมนี้ทำให้เธอเหมือนกับตอนที่เป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยดรัลในคราแรก ไม่เหมือนกับคุณแม่ลูกสองเลยสักนิด ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งขับผ่านมา น้ำบนถนนนั้นไม่รู้ว่าใครทำหกไว้เหมือนกัน แต่รถคันนั้นขับมาอย่างเร็วจนทำกระเซ็นมาโดนปลายขากางเกงของเพ็ญนีติ์เธอหยุดลง สะบัดกางเกงไปมา น้ำสกปรกที่เลอะมาเช็ดไปก็ไร้ประโยชน์ ไปเถอะ ทั้งหมดเป็นเพราะแอ่งน้ำนั่นก็จริง แต่รถก็ไม่ควรจะขับเร็วเช่นนั้นไหม แต่เธอก็ยังหันหลังกลับไปมองอย่างผ่านๆ สิ่งที่เห็น ทำเธอกลัวจนตื่นตระหนก BMW สีดำ คันนั้นสีเช่นนั้น รุ่นนั้น นั่นคือรถที่ไปรับมาจากที่สนามบินวันนั้น ทันสมัยที่สุด แต่ป้ายทะเบียนของรถนั้นเธอเองก็ไม่รู้เช่นกัน หันหน้ากลับมาเดินต่อ ไม่กล้าวิ่ง ห้ามวิ่งเด็ดขาด ต้องเดินไปอย่างช้าๆ แบบนั้น ถ้าเป็นเขาขึ้นมาจริงๆ เขาก็คงไม่สงสัยหรอก ภายในรถ ปุริมที่กำลังอ่านเอกสารอยู่ ทันใดก็รู้สึกว่ารถนั้นหยุดลง “นรวร หยุดรถทำไม” อดรนทนไม่ไหว เขาต้องรีบไปดูดอกไม้ที่สวนดอกไม้ ไม่ได้อยากไม่สัมผัสด้วยตัวเองหรอก แต่ว่างานเลี้ยงสิ้นปีนี้ เขาต้องเลือกดอกไม้ด้วยตัวเอง และต้องเลือกให้ดีที่สุด เลยถือโอกาสเอางานมาทำบนรถด้วยเลย “ท่านประธานครับ เมื่อครู่ดูเหมือน...” นรวรที่เพิ่งหยุดรถลงก็เริ่มออกตัวอีกครั้ง แต่สายตายังคงจับจ้องที่ตรงนั้น แผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนมากจริงๆ แต่เสื้อผ้านั้นไม่เหมือน เสื้อผ้าตามข้างทางกระมัง คนที่อยู่ในแถวนี้ก็สวมชุดเก่าๆกันทั้งนั้น บางทีอาจจะไม่ใช่ เมื่อก่อนเพ็ญนีติ์ถึงแม้จะสวมชุดที่ขายตามข้างทาง แต่เสื้อผ้าที่เธอใส่นั้นก็ดูดีอยู่เสมอ ไม่เหมือนกันเลย บางทีอาจจะไม่ใช่ “อะไรเหมือน...” ปุริมยังคงก้มมองเอกสารในมือ จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “อ๋อ ไม่มีอะไรครับ” นรวรรู้ว่าปุริมกำลังรีบ หากผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เพ็ญนีติ์ เขาจอดรถลงนั่นก็จะทำให้เสียเวลาปุริม ช่างเถอะ ถ้าภายหลังมีเวลา เขามาสำรวจพื้นที่ตรงนี้อีกสักรอบก็ได้ คิดเช่นนั้น ก็ขับรถอย่างรวดเร็วตรงไปยังสวนดอกไม้ชานเมืองที่อยู่ข้างหน้า ใจของเพ็ญนีติ์เหมือนกับจะเต้นออกมา เดินผ่านถนนเส้นนั้นอย่างไม่รีบร้อนอะไร แล้วก็เลี้ยวไป เธอก็ขาอ่อนจนทรุดตัวลงบนทางเดินนั้น มือเอื้อมค้ำต้นไม้ที่อยู่ข้างทาง เมื่อครู่เธอตกใจจนเหมือนจะเป็นลมได้ ถ้าเขาเห็นเธอ แบบนั้นเขาจะต้องมาขโมยอ้อยและส้มไปจากเธอแน่ไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เธอจะเสียใครไปก็ได้ แต่อ้อยและส้มเป็นสิ่งเดียวที่เสียไปไม่ได้ สายลมที่เย็นเยียบพัดผ่านร่างกายไป พัดผ่านจนเหงื่อจากความกลัวของเธอค่อยๆแห้งไป แต่มันก็ช่างเหนียวตัวจริงๆ ไม่สบายมากๆ ลุกขึ้นยืนกำลังจะโรงเรียนอนุบาลต่อ แต่ก็มีเงาหนึ่งหยุดอยู่ที่ตรงหน้าของเธอ เธอได้กลิ่นที่บรรยากาศคุ้นเคยมาจากตัวชายหนุ่ม ค่อยๆเงยหน้าขึ้น เธอเห็นเขาแล้ว... รู้สึกแปลกใจ ถ้าคนนั้นคือนภนต์ บางทีอาจจะเป็นไปได้ เพ็ญนีติ์รู้สึกเสียใจ เธอรู้สึกเสียใจที่โทรไป มันต้องมีความสัมพันธ์อะไรกับที่รับสายแน่ ใจสับสนไปร้อยครั้งไปชั่วพริบตา เธอก้าวขาแล้วเดินทันที ไม่อยากคุยกับจำรูญ สักประโยคก็ไม่อยาก แม้ว่าในสายตาของเขานั้นเหมือนว่ายังคงมีความรักให้เธออยู่เต็มหัวใจดั่งเช่นในอดีต แต่เธอไม่ต้องการมันแล้ว จริงๆเธอไม่ชอบความรักเช่นนั้น ความรักที่เห็นแก่ตัว ความรักที่ทำให้เธอรู้สึกว่าคำว่า “รัก” มันน่าเกลียดเธอรีบเดินอย่างรวดเร็วและรีบร้อน เขาเหมือนกับแมลงสาบที่ทำให้ผู้หญิงที่พบเห็นอยากหลีกหนี ฟังเสียงฝีเท้าของเธอ ก็ให้ความรู้สึกเสียใจ ชั่วครู่จำรูญก็คว้ามือของเธอไว้ มือของเธอร้อนวาบขึ้นมา ไม่รู้ว่าเมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้น เธอถึงได้นั่งลงที่ข้างทางเช่นนี้ “เพ็ญนีติ์ ไม่สบายหรือ” สีหน้าของเธอเองก็ไม่ดี คงดูแลตัวเองไม่ได้แน่ๆ เธอสะบัดออก “รีบปล่อยค่ะ ฉันไม่อยากยุ่งกับคุณ” เขาค่อยๆปล่อย น้ำเสียงฟังดูอึกอัก: “เพ็ญนีติ์ คุณให้ผมปล่อยผมก็ปล่อยแล้ว แต่ว่าผมอยากตามคุณไป เพ็ญนีติ์ ผมอยากรู้ว่าตอนนี้คุณอยู่ดีหรือไม่” คำพูดของเขาดูจะเคารพเธอแต่ก็แฝงความเอาใจไว้ เขาจะเอาอะไรมาตามเธอกัน เธอที่อยู่ใกล้กับตรงนี้ไม่ได้ห่วงสวยเลย เธอไม่อยากสวยและไม่อยากเป็นที่จับตามองของใคร สาวโสดหนึ่งคนที่เลี้ยงลูกสองคน โชคดีคือพักอยู่กับเจ้าของบ้าน แต่สามีของเจ้าของบ้านนั้นมักจะไม่อยู่ มิฉะนั้น ก็คงจะเป็นที่นินทาไปแล้ว “ฉันโอเค คุณไปได้แล้วค่ะ” “เพ็ญนีติ์ อย่าเป็นแบบนี้ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ยินข่าวคราวของคุณเลย หรือว่าคุณจะไปรับลูกๆของคุณหรือ” แต่เขารู้มันไปเสียหมดทุกๆอย่าง ในใจรู้สึกโมโห เธอรู้อยู่แล้วว่าเขานั้นเป็นคนที่หูตากว้างขวาง “จำรูญ ตอนนี้คุณต้านทานมันได้แล้วสินะคะ ตอนนี้ก็เป็นใหญ่ จนทำให้ผลดาเป็นหูเป็นตาให้ได้แล้วด้วย” หากไม่ใช่ผลดา เขาจะรู้จักเบอร์โทรศัพท์ของร้านเล็กๆนั่นได้อย่างไรกัน หากยังไม่รู้ ก็คงไม่มาหรอก รู้แล้ว ด้วยเพราะเขาคือคนของทางการผู้ยิ่งใหญ่เพียงใช้เส้นสายเล็กน้อยก็ตรวจพบแล้ว ข้างหลัง เสียงฝีเท้าเบายังคงตามเธอมา ยังคงไม่ยอมจากไป “เพ็ญนีติ์ ผมไม่ได้เป็นทางการอะไรนั่นแล้ว แค่สมาชิกก็ไม่ได้เป็นผมลาออกแล้ว ผมรู้สึกเสียใจมากที่ในคราแรกอยากลงสมัครทางการเมือง ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ในตอนที่ได้ทำผิดไป ผมก็ยอมรับผิดแล้ว ดังนั้นผมจึงอยากแก้ไขมัน เพ็ญนีติ์ คุณให้โอกาสผมได้แก้ไขได้หรือไม่” เขารีบพูดค้านอย่างรีบร้อน คงกลัวว่าหากไม่พูดมันตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว “ไม่ได้ หนึ่งฉันไม่อยากเป็นมือที่สาม สองตอนนี้ฉันไม่ได้ชอบคุณแล้ว ไม่รักแล้ว และไม่มีการเริ่มต้นใหม่ทั้งนั้น ไม่มีประโยชน์เลยที่คุณจะมาตามฉัน การที่คุณมาตามฉันแบบนี้มันทำร้ายฉัน จำรูญ คุณทำร้ายฉันโดยให้ฉันตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นธรรม คุณทำให้ฉันดูอัปยศ” พูดออกไปมันหมดทุกอย่าง คิดแค่อยากไปจากเขาเท่านั้น เขามาตามเธอแบบนี้มันน่ารำคาญมาก บนถนนนี้ ตอนนี้มีคนก็ให้ความสนใจกันมากแล้ว “เฮ้อ ทำผิดจนไม่น่าให้อภัย ผมขอรับผิดไว้เอง เพ็ญนีติ์ นี่คือนามบัตรของผม คุณรับไว้เถอะ ถ้าหากมีเรื่องร้อนใจแล้วไม่มีคนช่วยก็โทรหาผม ผมแค่อยากให้คุณเก็บไว้ ถ้าคุณรับมันไว้ ภายหลังผมจะไม่มารบกวนคุณอีก” คำพูดของเขาทำให้เธอใจอ่อน ต้องการเพียงแค่นี้จริงๆหรือ จำรูญที่สดใสราวกับดวงอาทิตย์ในอดีตหายไปไหนแล้วกัน นามบัตรตรงหน้านี่ราวกับของร้อน แต่ว่า นิ่งไปครู่ ด้วยความสงสัยเธอจึงรับมันมา “คุณพูดเองนะ ว่าถ้าฉันรับมันไว้ ภายหลัง คุณจะไม่มาหาฉันอีก” “ครับ” เขากัดฟันอดกลั้นอย่างดีใจ แล้วตอบแผ่วเบา แต่เหมือนกับเป็นความการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ และหนึ่งคำที่เขากล่าวออกมานั้นเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน นามบัตรในมือของเขาย้ายมาในมือของเธอ ปลายนิ้วสัมผัสกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ร่างกายของจำรูญสั่นอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นเพียงการตอบสนองเพียงพริบตาของเขาเท่านั้น จากนั้นจึงยัดนามบัตรเข้ามาในมือและจับมือของเธอ “เพ็ญนีติ์ ดูแลตัวเองด้วย ผมต้องไปแล้ว” กล่าวจบ ไม่รอให้เธอเร่งเขา เขาปล่อยมือของเธอแล้วหันหลังจากไปทันที “จำไว้ว่าเมื่อมีเรื่องก็โทรมาหาผม” จ้องมองแผ่นหลังของเขา นามบัตรในมือนั้นราวกับของร้อน จนเธออยากจะโยนมันทิ้งเสีย แต่ว่าภายในหูนั้นกลับมีเสียงกีตาร์ที่เขาดีดร้องเพลงให้เธอในอดีตดังขึ้นมา: คุณรู้ไหมว่าผมรอคุณมาเสมอ ทันใดนั้น ผมก็ชอบคุณและเริ่มหลงรักคุณ ..... มันเคยเป็นความรักที่ร้อนแรงมากๆ แต่พวกนั้นมันได้หายไปหมดแล้ว มันคงไม่กลับไปน่าตื่นเต้นหรือโรแมนติกเหมือนตอนแรกเริ่มอย่างในอดีตอีกแล้ว เหมือนกับว่า ในหูยังคงมีความไพเราะของเสียงกีตาร์ตามหลอกหลอนอยู่ เสียงเพลงนั้นทำให้เธอเก็บนามบัตรลงกระเป๋าเสื้ออย่างเหม่อลอย นั่นคงเป็นความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิต สุดท้ายแล้วรักครั้งแรกก็สวยที่สุดแล้วก็ยากที่จะลืมมากที่สุด ผู้หญิงทุกคนต่างก็เคยผ่านครั้งแรกกันทั้งนั้น เหมือนกับว่านั่นคือผู้ชายที่เป็นคนแรกของเธอ ถึงแม้ว่าจะจากมาแล้ว แต่เธอก็ยังคงจำเขาได้ เธอเดินอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อมาถึงหน้าโรงเรียนอนุบาลถึงได้นึกถึงปัญหาที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมาได้ เธอลืมบอกกับจำรูญว่าเรื่องที่เขาหาเธอเจอไม่ต้องเอาไปบอกใครเด็ดขาด “หม่ามี๊...” ในตอนที่จะหยิบนามบัตรของจำรูญเพื่อโทรหาเขา เสียงของอ้อยก็ดังขึ้นมา ช่างเถอะ ตอนเย็นมีเวลาว่างแล้วค่อยโทรไปอีกทีหนึ่ง ไม่ได้รีบร้อนเท่าไหร่นัก ความจริง เขาคงไม่บอกนภนต์กับปุริมหรอก ชายหนุ่ม บางเวลาก็มีสายตาที่ระแวง แต่ว่าก็ต้องบอกเพื่อความสบายใจไว้ก่อน ไม่อยากย้ายบ้านอีกแล้ว เพราะไม่จำเป็นเลย ที่นี่เธอเองก็เริ่มคุ้นชินแล้ว และถ้าเขาต้องการมาสำรวจเธอ บางทีรอบๆนี้คงถูกเขาจัดการไปแล้ว เพียงแค่เธอจะไปเขาคงรู้ได้ทันที นั่นคงไม่ใช่ว่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้นไปอีกหรอกนะ “หม่ามี๊ โรงเรียนอนุบาลดีมากเลย ครูก็ใจดี เพื่อนๆก็ยิ่งดี แล้วก็...” ส้มที่ตื่นเต้นเล่าเรื่องตอนที่อยู่โรงเรียนอนุบาลให้เธอฟังไม่หยุด ดีใจจนน้ำลายแตกฟองเลยทีเดียว อัพเดทครั้งหน้า วันที่1 พ.ย. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน
已经是最新一章了
加载中