บทที่ 138 นานแค่ไหนก็ไม่อาจลืม
1/
บทที่ 138 นานแค่ไหนก็ไม่อาจลืม
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 138 นานแค่ไหนก็ไม่อาจลืม
บทที่ 138 นานแค่ไหนก็ไม่อาจลืม “หม่ามี๊ โรงเรียนอนุบาลดีมากเลย ครูก็ใจดี เพื่อนๆก็ยิ่งดี แล้วก็...” ส้มที่ตื่นเต้นเล่าเรื่องตอนที่อยู่โรงเรียนอนุบาลให้เธอฟังไม่หยุด ดีใจจนน้ำลายแตกฟองเลยทีเดียว อ้อยที่อยู่ข้างๆก็ร่วมสมทบด้วย เด็กทั้งสองต่างชอบโรงเรียนอนุบาลมากทีเดียว ดูแล้วการส่งทั้งสองไปโรงเรียนอนุบาลนั่นคือการตัดสินใจที่ถูกแล้ว เมื่อผ่านไปเด็กๆก็ต้องเข้าชั้นมัธยมศึกษาแล้ว หลังจากนั้นก็จะชั้นมัธยมตอนปลาย คิดแล้ว ก็จะต้องเข้าโรงเรียนกันแล้ว ฮะฮะ นิ้วมือสัมผัสที่หางตาของตัวเอง นี่เธอเริ่มแก่แล้วหรือ ช่วงวัยสาวนั้นยาวนานเท่าใดกันนะ เธอเองก็ผ่านจุดนั้นมานานแล้ว เพื่อเด็กๆแล้ว เธอไม่เสียใจเลย กับข้าวสี่น้ำซุปหนึ่ง ทานด้วยกันกับเด็กๆเมื่อทานเสร็จก็ช่วยกันล้างจาน ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว อ้อยและส้มกำลังดูการ์ตูน เธอเองก็มาตรวจใบสั่งซื้อของลูกค้าในร้านค้าออนไลน์ เหอะเหอะ ถึงแม้ว่าวันนี้ความโชคร้ายจะทำให้เธอได้เจอกับจำรูญและปุริมก็ตาม แต่ธุรกิจของเธอนั้นกลับดำเนินไปอย่างราบรื่น พรุ่งนี้ก็ได้ส่งของล็อตใหม่แล้ว ดีจริงๆ เด็กๆต่างหาววอดแล้ว “อ้อย ส้มไปอาบน้ำเถอะ แล้วก็ไปขึ้นนอนนะ” “ได้ค่ะหม่ามี๊ พรุ่งนี้พวกเรายังได้ไปโรงเรียนอนุบาลไหมคะ” เธอยิ้มขำ “แน่นอนว่าต้องไปค่ะ” “หม่ามี๊ดีที่สุดเลย” มองเด็กๆที่มีท่าทางกระวนกระวายใจเพราะกังวลว่าเธอจะไม่ให้ไปโรงเรียนอนุบาล เธอไม่สบายใจเลย ความจริงก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากส่งพวกเธอไป จริงๆแล้วคือกลัวปุริมจะตามหาเจอ เด็กๆหลับไปอย่างรวดเร็ว ลมหายใจที่สม่ำเสมอดังขึ้นที่ข้างหู ข้างๆนั้นมีเสียงของคอมพิวเตอร์ที่ดังขึ้นเบาๆ กลางคืนนั้นหนาวนิดหน่อย บางครั้งก็ต้องลุกขึ้นมาห่มผ้าให้กับเด็กๆ ไม่อย่างนั้น เท้าเล็กๆคู่นั้นก็จะถีบผ้าห่มออกไป เพ็ญนีติ์นำนามบัตรของจำรูญขึ้นมา หากกล่าวอะไรออกไปสักหน่อยคงจะดีกว่า แบบนั้นคงหลับได้อย่างสบายใจ จ้องมองนามบัตร สุดท้ายเขาก็ละมือจากเรื่องการเมือง ตอนนี้อยู่ในบริษัททำธุรกิจนำเข้าส่งออกสินค้าอยู่ เป็นผู้จัดการทั่วไป ยศใหญ่ดี แต่ก็คงไม่ได้ใหญ่ไปกว่าตำแหน่งก่อนหน้านี้ของเขา รวมถึงอำนาจที่ไม่มีที่สิ้นสุดด้วยทั้งหมด นี่เพื่อเธอหรือ แต่เขากับญาณินท์ล่ะ ทั้งหมดคงไม่ใช่เพราะว่าญาณินท์ไม่สามารถมีเด็กได้ เขาถึงได้เลิกกับญาณินท์หรอก แบบนั้นเขาก็คงโหดร้ายมาก หยิบโทรศัพท์ออกไปข้างนอก หน้าหนาวเมืองดรัลไม่ได้หนาวเป็นพิเศษ เพียงแค่เสื้อคลุมหนาๆสักตัวก็กันหนาวได้แล้ว กดหมายเลขแต่ละตัวลงไป ในรอบหลายปีมานี้ นี่คือครั้งแรกที่เธอโทรหาจำรูญก่อน ในขณะที่รอเขารับสายเธอก็คิดไปถึงในตอนที่เขาจากเธอไปแล้วทิ้งไว้เพียงความเหงาให้แก่เธอ เขาในตอนนี้คงไม่ได้ผ่านมันมาด้วยดีแน่ ร่างกายผายผอมเหมือนตอนที่เรียนอยู่ ไม่มีแล้วเสน่ห์ที่ทำให้น่าจับจ้องในแบบเมื่อก่อน ผู้คนต่างเปลี่ยนแปลงกันไปตามอายุขัย เธอเองก็เช่นกัน “เพ็ญนีติ์ นั่นเป็นคุณจริงๆหรือ” โทรศัพท์ของเขาดังเพียงครั้งเดียวเท่านั้นก็ถูกรับทันที เหมือนกับว่าเขาถือโทรศัพท์ไว้เพื่อรอเธอโทรหาอย่างไรอย่างนั้นเผยอปาก แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะเรียกเขาอย่างไรดี เมื่อตอนที่อยู่ที่โรงเรียนเธอเรียกเขาว่า จำรูญ แต่ตอนนี้ สองคำนั้นก็ไม่สามารถพูดออกไปได้แล้ว ช่างมัน เรียกให้เต็มยศไปเลยก็ได้ “คุณจำรูญคะ ฉันเอง” “เพ็ญนีติ์ นั่นคือคุณจริงๆหรือ” เธอเหมือนว่าจะบอกเขาไปชัดแล้วนะว่าคือเธอ แต่กลับตื่นเต้นเหมือนเด็กจนต้องถามย้ำอีกครั้ง เหมือนกับว่ายังไม่เชื่อสนิทใจ “คุณจำรูญ ฉันก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรหรอกค่ะ เพียงแค่คิดขึ้นมาได้ว่าอยากจะรบกวนคุณช่วยอย่าบอกที่อยู่ของฉันที่ชานเมืองนี่ออกไป จะได้ไหมคะ” การเริ่มต้นใหม่มันเหนื่อยนะ เธอไม่อยากจะย้ายที่อีกแล้ว เธอเองก็คุ้นชินที่นี่แล้ว เจ้าของบ้านก็ดี และเป็นเจ้าของบ้านผู้หญิงที่เลี้ยงลูกตัวคนเดียวด้วยอีก มันสะดวกต่อเธอไปทุกอย่าง และก็ไม่ค่อยมีการนินทากันด้วย ปลายสายเงียบลง เงียบมาก เหมือนกับจำรูญที่ตื่นเต้นอยู่ก่อนหน้านั้นไม่เคยเกิดขึ้น เพียงอึดใจ จำรูญกล่าวเสียงแผ่ว “ได้ ผมไม่พูดมันออกไป” เขาไม่ใช่คนโง่ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร การที่เพ็ญนีติ์โทรมาหาเขา มันคือความก้าวหน้า เป็นความก้าวหน้าแน่ๆ เขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไป พลาดไปเพียงครั้ง ก็ไม่อยากจะพลาดมันไปทั้งชีวิตนี้ กล่าวกันว่าผู้หญิงนั้นลืมรักครั้งแรกได้ยาก เขารู้สึกว่าเขานั้นยังคงมีโอกาส แน่นอนว่าเขาจะต้องพยายาม แค่พยายามก็จะสามารถเริ่มต้นใหม่กับเธอได้อีกครั้ง เธอเองก็โสด เธอจากปุริมมาแล้ว นั่นคือเรื่องที่ทำให้เขาตื่นเต้นมากที่สุด เขาจะโง่เอาเรื่องของเธอไปบอกผู้ชายคนอื่นได้อย่างไรกัน ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เส้นทางผลดานั้น เขาช่างเลือกได้ถูกจริงๆ ดูแล้ว โอกาสนั้นคงมีไว้เพื่อคนที่พยายามมาโดยตลอดเขาไม่เคยปล่อยวางเธอเลยเขายังคงตามหาเพ็ญนีติ์อยู่ตลอด “ฝันดีค่ะ” เธอกล่าวเสียงเบา ทั้งนั้นมันไม่ได้มีความคิดถึงใดๆจึงวางสายลง หลังจากนั้นก็บล็อกหมายเลขโทรศัพท์นั้นซะ คนบางคน เรื่องบางเรื่อง ผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่อาจจะลืมได้ ไม่อยากจะมีความสัมพันธ์ใดๆกับจำรูญอีกแล้วจริงๆ แต่ก็ตามที่เขาได้รับปาก เขาจะไม่บอกที่อยู่ของเธอให้กับปุริมและนภนต์แน่นอน เธอรู้ เขาจะไม่พูดมันออกไปจริงๆ เมื่อกลับเข้าห้อง คืนนั้น เธอฝันเห็นตัวเองกำลังวิ่งออกจากเขามหาวิทยาลัยดรัล โดยจำรูญตามมาข้างหลัง แต่ว่า แต่ข้างหน้าของเธอนั้นกับมีรถBMWคันสีดำจอดรอเธออยู่ตรงนั้น คนที่กำลังหลังพวงมาลัยนั้นก็คือปุริม ..... ช่วงสิ้นปีของเมืองดรัลนั้นครื้นเครงมาก หากจะซื้อของกินสำหรับสิ้นปีก็ไม่สามารถมาซื้อมาเก็บไว้ก่อนได้ อากาศไม่ได้เย็นมาก ของกินถ้าซื้อมาไว้ก็จะเสียไปเร็วเช่นกัน ทุกคนจึงได้มารีบซื้อกันตอนช่วงสิ้นปีวันที่ยี่สิบแปดยี่สิบเก้านี้ ดังนั้นช่วงสองวันมานี้เพ็ญนีติ์จึงยุ่งมาก โรงเรียนอนุบาลได้หยุดเทศกาลแล้ว เด็กๆต่างนั่งเล่นกันอยู่ในบ้าน มีเพียงเธอที่ออกไปซื้อของสำหรับท้ายปี ปีใหม่ของสามสาว เธอก็อยากจะให้มันผ่านไปด้วยดี จำรูญรักษาคำสัญญาที่จะไม่มีรบกวนเธออีก นั่นก็คือโชคดีของเธอเหมือนกัน ผู้ชายคนนั้น ถึงแม้ว่าจะเคยรักมาก แต่ความรักที่เคยมีตอนนี้มันเปลี่ยนไปมากแล้ว มันไม่ได้มีความบริสุทธิ์และงดงามเหมือนคราแรกอีกแล้ว ภายในบ้านนั้น อ้อย ส้มแล้วก็ต้นน้ำกำลังเล่นด้วยกัน “อ้อย ส้ม แด๊ดดี๊ของฉันจะกลับมาแล้วล่ะ วันนี้ตอนเย็นก็กลับมาแล้ว” ต้นน้ำที่กำลังต่อบล๊อกไม้จู่ๆก็มีท่าทีตื่นเต้นพร้อมกล่าวออกมาอย่างโอ้อวด “อย่างนั้นหรือ” อ้อยเงยหน้า มองต้นน้ำที่ดูกำลังภูมิใจด้วยความอิจฉา “ใช่แล้ว หม่ามี๊ของฉันบอกว่าจะสิ้นปีแล้ว เวลาสิ้นปีของทุกปีเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวจะมีความสุข นี่เป็นเรื่องที่พวกเราคนจีนคุ้นเคยกันล่ะ ไม่ว่าจะไปไกลแค่ไหนแต่เมื่อถึงวันสิ้นปีก็ต้องกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว เย็นวันนี้หม่ามี๊ของฉันจะฆ่าไก่รอแด๊ดดี๊ของฉันกลับมากินล่ะ” อ้อยมองที่ส้ม ในดวงตามคำถามว่าแล้วทำไมแด๊ดดี๊ของเราถึงไม่กลับมาล่ะ แต่ว่าอ้อยก็ไม่ได้ถามออกไป เพ็ญนีติ์ไม่อนุญาตให้พวกเธอคุยเรื่องของแด๊ดดี๊ต่อหน้าคนอื่นๆ ถ้าพูดออกไป เธอก็ไม่ต้องการพวกเธออีก ดังนั้นอ้อยและส้มถึงแม้ว่าจะคิดถึงปุริมก็ทำได้แค่คุยกับเพ็ญนีติ์เท่านั้น แต่ก็ไม่กล้าคุยกับคนนอกเรื่องนี้อยู่ดี “อ้อย ส้ม ทำไมพวกเธอถึงไม่พูดอะไรกันเลยล่ะ สิ้นปีนี้คนในครอบครัวของพวกเธอจะกลับมากันไหม” ส้มส่ายหน้า “หม่ามี๊ของฉันบอกแล้ว ไม่ได้น่ะ มีแค่พวกเราสามคนเท่านั้น” “สิ้นปีนี้แด๊ดดี๊ของพวกเธอก็ไม่กลับมาหรือ”ส้มสบสายตากับอ้อย แล้วก็วางบล็อกไม้ในมือลง “ไม่เล่นแล้ว อ้อย พวกเรากลับบ้านไปรอหม่ามี๊เถอะ” “อื้อ ฉันก็ไม่อยากเล่นแล้ว” “เอ๋ เล่นกันอยู่ดีๆ พวกเธอเป็นอะไรไปกัน” “ไม่ได้เป็นอะไร แค่ไม่อยากเล่นแล้ว พวกเราอยากกลับบ้านไปดูการ์ตูน” สองพี่น้องจูงมือกันกลับมาที่บ้าน หลังจากนั้น ก็เริ่มซุบซิบปรึกษากัน “ส้ม ฉันคิดถึงแด๊ดดี๊” “ฉันก็เหมือนกัน” “เมื่อวันก่อน ครูฝนก็บอกว่าช่วงเวลาสิ้นปีนี้ครอบครัวต้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างสุขสันต์นะ” “แต่หม่ามี๊บอกว่าแด๊ดดี๊ไปต่างประเทศแล้ว” “ก็นานแล้วนะ แด๊ดดี๊เป็นคนมีบริษัทนะ ฉันรู้ว่าเขาต้องกลับมานานแล้ว หม่ามี๊ต้องทะเลาะกับแด๊ดดี๊แน่นอน คงกลัวพวกเราไม่สบายใจถึงไม่ยอมบอกอะไร” “อื้อ ก็เป็นไปได้นะ” “ส้ม พวกเราไปตามหาแด๊ดดี๊กัน พาเขากลับมาสิ้นปีกับพวกเรากัน ดีหรือไม่” อ้อยเขย่าแขนของส้ม เธอรู้สึกอดใจไม่ไหวแล้ว ความจริง สองพี่น้องต่างคุยกันลับๆมาตั้งนานแล้ว แต่ทุกครั้งเพราะกลัวว่าหม่ามี๊จะไม่มีความสุขจึงไม่ได้แสดงท่าทางอะไรไป “แต่ถ้าหม่ามี๊รู้เข้าจะต้องไม่ดีใจแน่ ถ้าหาก เธอไม่ต้องการพวกเราแล้วจะทำอย่างไรกันล่ะ” “อือ...” อ้อยย่นจมูก นี่เป็นปัญหาที่ยากมาก เมื่อก่อนตอนที่พวกเธอปรึกษากันก็เพราะเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นท้ายที่สุดจึงต้องยกเลิกไป “แต่... แต่ฉันคิดถึงแด๊ดดี๊มากๆเลยนะ บางที หม่ามี๊เจอกับแด๊ดดี๊ก็อาจจะไม่โกรธแล้วก็ได้” คำพูดของอ้อยทำให้ดวงตาของส้มเป็นประกาย “ใช่แล้ว ไม่อย่างนั้นก็ รอเราไปเจอกับแด๊ดดี๊แล้วก็ให้เขาขอโทษหม่ามี๊ แบบนั้นหม่ามี๊ก็จะไม่โกรธแล้วไง” “แค่หม่ามี๊ไม่โกรธแล้ว พวกเราก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” เด็กน้อยทั้งสองต่างผลัดกันพูดคนละประโยค และได้ตัดสินใจที่จะออกไปตามหาแด๊ดดี๊เป็นที่เรียบร้อยแล้ว “กึกกึก...” ประตูเปิดออก เสียงฝีเท้าของเพ็ญนีติ์ส่งเสียงมา อ้อยและส้มเงียบลงทันที แล้วรีบเปิดโทรทัศน์แล้วเปิดช่องสำหรับเด็กๆ “ส้ม และน้องของหนูออกห่างจากทีวีด้วยค่ะ ไม่อย่างนั้นจะสายตาสั้นเอานะคะ” เพ็ญนีติ์เพียงลอบมองสองพี่น้องที่กำลังหัวจุ่มกันอยู่ที่หน้าโทรทัศน์ เอ่ยเสียงเตือนก่อนจะเข้าห้องครัวไป เธอต้องทำกับข้าว แล้วพาเด็กๆมาทานข้าวด้วยกัน เป็นวันที่สมบูรณ์แล้ว ก็เพราะว่ายุ่งมาทั้งวัน ดังนั้นเธอเลยไม่ได้เห็นเลยว่าสองพี่น้องที่อยู่ในห้องนั้นหน้าเปลี่ยนสีไปชั่วพริบตา “ได้ค่ะ หม่ามี๊” ส้มตอบกลับอย่างรวดเร็ว แต่สายตากลับจดจ้องที่ใบหน้าเล็กๆของอ้อย ดวงตานั้นช่างมุ่งมั่น ทั้งสองคนต่างตั้งมั่นแล้ว พวกเธอจะพาแด๊ดดี๊กลับมาเป็นครอบครัวสี่คนแล้วข้ามปีนี้ไปด้วยกัน แบบนี้ถึงจะปีที่สุขสันต์ของจริง ยี่สิบแปดแล้ว พรุ่งนี้ก็จะยี่สิบเก้า มะรืนก็คืนข้ามปีวันที่สามสิบแล้ว หากพาแด๊ดดี๊กลับมาไม่ได้ น่ากลัวว่าจะต้องข้ามปีใหม่นี้กันอย่างเหงาๆแค่พวกเธอสามสาวเท่านั้น มีเรื่องมากมายที่เด็กๆยังไม่เข้าใจ เพียงแค่รู้สึกว่าหม่ามี๊แปลกไปก็เท่านั้น ไม่ยอมให้พวกเธอติดต่อกับคนรู้จักในอดีตเลย แม้แต่พ่อเลี้ยงก็ไม่อนุญาต ในอดีต พ่อเลี้ยงก็ดีมากๆ แต่ทำไมหม่ามี๊ถึงเป็นเช่นนี้ พวกเธอนั้นไม่เข้าใจจริงๆจะข้ามปีแล้ว พวกเธอคิดถึงใครหลายๆคนเลย คิดถึงแด๊ดดี๊ คิดถึงพ่อเลี้ยง คิดถึงคุณยาย ยังมีน้าน้ำและป้าเหมียว แล้วก็เพื่อนๆและคุณครูที่โรงเรียนอนุบาลเมื่อก่อนด้วย
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 138 นานแค่ไหนก็ไม่อาจลืม
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A