บทที่ 139 ความหวาดกลัวที่ไม่เคยมี   1/    
已经是第一章了
บทที่ 139 ความหวาดกลัวที่ไม่เคยมี
บทที่ 139 ความหวาดกลัวที่ไม่เคยมี คืนนั้นเด็กๆต่างนิ่งเงียบ ทานข้าวโดยไวและรีบเข้านอนกัน เพ็ญนีติ์ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการเข้าอินเตอร์เน็ต ดูใบสั่งซื้อ บางทีเพราะสินค้าของเธอนั้นราคาถูก ส่งสินค้าไว ดังนั้นธุรกิจของเธอจึงเติบโตไปอย่างรวดเร็ว ห้องเล็กๆนี้ก็เต็มไปด้วยของมากมาย โชคดีที่คือเสื้อผ้า ไม่อย่างนั้นสินค้าทั้งหมดคงต้องไปวางไว้ที่นอกประตูโน้น รวมทั้งเจ้าของบ้านนั้นเป็นคนดีมาก ให้เธอยืมห้องเก็บของที่อยู่ข้างๆได้ โดยที่ไม่คิดเงินเลยแม้แต่แดงเดียวแม้ว่าของของเธอจะเยอะมากแค่ไหน เมื่อรวบรวมเรื่องที่ต้องทำวันพรุ่งนี้เสร็จ เพ็ญนีติ์ก็หาววอดก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆลูกสาว แขนข้างหนึ่งพาดที่เอวของลูกสาวทั้งสอง เธอต้องนอนท่านี้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นเมื่อมาตอนเช้าเตียงของพวกเธอจะกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง เมื่อนอนแล้ว เธอก็ควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นกัน วันที่ยี่สิบเก้าก่อนข้ามปี ยังคงเป็นวันที่ยุ่งอีกวัน จะข้ามปีแล้ว สินค้าออนไลน์นั้นมีเยอะมาก โชคดีที่อ้อยและส้มเองก็โตจนไม่ต้องให้เธอมาดูทุกฝีก้าวแล้ว เพียงแค่ทำกับข้าวไว้ให้พวกเธอเท่านั้น เมื่อทานข้าวเที่ยงแล้ว อ้อยและส้มตะโกนบอกว่าจะออกไปเล่นกับต้นน้ำ เพ็ญนีติ์ไม่ได้หันไปมอง ยังคงจดจ้องอยู่ที่คอมพิวเตอร์ เธอยังเหลือของอีกสิบกว่าชิ้นที่ต้องที่ต้องรีบส่งภายในวันนี้ ต้องตรวจสินค้า ต้องห่อ แล้วยังต้องเรียกขนส่งอีก “ไปเถอะ อย่าไปไกลมากนะ ไม่อนุญาตให้ออกไปเล่นนอกบ้านนะคะ” “ได้ค่ะ หม่ามี๊ พวกเราไปแล้วนะคะ” อ้อยและส้มไม่ได้มีท่าทีแปลกๆในตอนที่ออกไป เพ็ญนีติ์ยังคงยุ่งต่อ จนไม่ได้นึกถึงอะไรจริงๆ ในวันที่เย็นแบบนี้เธอกลับยุ่งจนเหงื่อท่วมกาย ในที่สุด เมื่อออกใบเสร็จไปจนเสร็จหมดแล้วเธอถึงได้มีเวลาว่างมานั่งหายใจอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ มองท้องฟ้าที่ยังคงส่าวงหม่นๆ เย็นนี้ทานกับข้าวเมื่อเที่ยงที่เหลืออยู่ก็แล้วกัน แม้ว่าจะแค่วันที่ยี่สิบเก้า พรุ่งนี้ถึงจะได้ข้ามปีจริงๆ เธอก็ไม่เหลือแรงจะทำกับข้าวแล้ว เหนื่อยจริงๆถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เธอพิงกับเก้าอี้โดยไม่อยากขยับเลยสักนิด วายร้ายที่ด้านล่างขวาของหน้าจอก็กะพริบขึ้นมา เอื้อมมือกดเปิดQQอย่างไม่กระตือรือร้นใดใด ไม่ว่าจะมีคนรีบร้อนสั่งของเพียงใด อย่างไรพรุ่งนี้คือวันที่สามสิบ ขนส่งและไปรษณีย์ต่างก็ไม่ทำงานกันแล้ว ไม่รับออเดอร์แล้ว เธออยากพักงานแล้ว มือกำลังจะกดปิดQQ ทันใดนั้นก็พบว่ามีจดหมายเข้ามาใหม่ เธอกดมันด้วยท่าทีสบายๆ มันคงเป็นข้อความสุขสันต์วันปีใหม่ของผู้ดูแลระบบQQเป็นแน่ Qของเธอนั้นเป็นQที่นานมากๆแล้ว เมื่อย้ายมาที่นี่ตอนที่อยากใช้QQก็เปิดมันโดยที่ไม่ได้คิดอะไร เลขและรหัสQQยังคงไม่เปลี่ยนไปจากในอดีต มันยังไม่ได้โดนใครขโมยไป เพียงแค่ คนที่รู้หมายเลขของเธอนั้นเหมือนจะมีแค่ฝ้ายคนเดียว ก็เป็นฝ้ายตั้งแต่แรกอยู่แล้วที่ช่วยเธอสมัคร แค่เสียดายที่เธอใช้ไม่ค่อยเป็น ครึ่งปีมานี้ รูปโปรไฟล์ของฝ้ายนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย Qของฝ้ายนั้นก็คงโดนฝ้ายละลายไปนานแล้ว เปิดกล่องจดหมาย ภาพเคลื่อนไหวที่สวยงามและอบอุ่นนั้น ช่างเหมือนกับการส่งข้อความของกลุ่มผู้ดูแลระบบของQQเหลือเกิน แต่เมื่อตอนที่ตัวชี้ของเมาส์แตะที่มุมขวาบนและปรากฏตัว “X” ขึ้น มือของฉันสั่นเทา แต่ก็หยุดได้โดยเร็ว เพ็ญนีติ์อย่าให้ผมหาคุณเจอนะ มิฉะนั้น... ปุริม เขายังสามารถค้นหาได้จริงๆ คงจะใช้ฝ้ายเพื่อติดต่อมาเป็นแน่ นี่คือข้อความใหม่ ดูวันที่และเวลาก็คือบ่ายวันนี้นี่ก็วันที่ยี่สิบเก้าแล้ว เวลานี้บริษัททัดธนกรุ๊ปจำกัดเองก็ต้องล้างข้อมูลแล้วเช่นกัน เมื่อถึงวันที่สามสิบ นอกจากคนที่ต้องปฏิบัติการแล้ว ก็คงไม่มีใครต้องเข้างานอีก แต่ปุริม เขายังคงมีเวลาส่งข้อความ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ประโยคเดียว แต่ทำให้เธอที่ได้เห็นนั้นใจสั่นเนื้อเต้น แต่เดิม เขาก็ไม่เคยหยุดที่จะค้นหาเธอและลูกๆ อ้อย ส้ม เมื่อนึกถึงเด็กๆ เพ็ญนีติ์ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ทั้งบ่ายนี้เด็กๆไม่ได้เข้าห้องมารบกวนเธอเลย มันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ไม่รู้เหมือนกันว่ารีบร้อนออกไปขนาดไหน เพียงแค่ใช้ความเร็วที่สุดของเธอเท่านั้น ในบ้านไม่มี“ต้นน้ำ...” เธอตะโกนในลำคอ ไฟเริ่มสุมในใจ เธอร้อนรนแล้ว ไม่มีการตอบกลับ เธอยังคงตะโกนต่อ เวลานั้นก็เดินไปยังบ้านต้นน้ำอย่างรวดเร็ว ยื่นมือเพื่อเปิดประตู “ปึง” ประบ้านของต้นน้ำเปิดออก นั่นคือผู้ชายคนหนึ่ง “คุณคือ...” เพ็ญนีติ์กุมที่หน้าผาก ชายคนนี้คงเป็นสามีของเจ้าของบ้าน “สวัสดีค่ะ ฉันคือคนที่มาเช่าบ้าน ต้นน้ำอยู่ในบ้านไหมคะ” “ต้นน้ำ มีคุณน้ามาหาหนู” ชายหนุ่มแย้มยิ้ม รู้สึกทึ่งนิดหน่อยที่ผู้เช่าเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะดูไม่ได้สนใจเรื่องเสื้อผ้าหรือรูปลักษณ์ของตัวเอง แต่ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยท่าทางที่สง่างามจนพูดไม่ออก เพียงแค่เวลานี้ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “คุณน้าเพ็ญนีติ์ มาหาหนูหรือคะ” ในมือของต้นน้ำยังถือขาไก่อยู่ เธอเดินพลางเคี้ยวมันไปด้วย สองมือและปากน้อยนั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน“ต้นน้ำ เห็นอ้อยและส้มลูกของน้าไหมคะ” “ไม่เห็นค่ะ แด๊ดดี๊ของหนูกลับมา ดังนั้นวันนี้ตอนบ่ายหนูไม่ได้ออกไปไหนเลย” ในหัวของเพ็ญนีติ์เริ่มส่งสัญญาณเตือนเสียงดัง “ก็คือบ่ายนี้หนูไม่เห็นอ้อยและส้มเลยใช่ไหมคะ” เธอต้องการความชัดเจนอีกครั้ง เธอจะสับสนไม่ได้ สับสนไม่ได้เด็ดขาด แต่ในตอนที่ถามนั้น สมองของเธอกลับฉายภาพเหตุการณ์ที่นางพยาบาลปลอมกำลังทำร้ายอ้อยและส้มที่โรงพยาบาล หัวหมุนไปหมด เวลานั้นถึงกับต้องจับประตูไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลงไป “ไม่เลยค่ะ หนูยังคิดว่าอ้อยและส้มดูการ์ตูนอยู่ที่บ้านเลยค่ะ หนูอยู่กับแด๊ดดี๊ของหนู ดังนั้นเลย...” เพ็ญนีติ์ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นต้นน้ำได้พูดอะไรอีกหรือไม่ เธอไม่สามารถฟังต่อไปได้ หมุนตัวแล้วเดิน เธอกลับเข้าไปในบ้านด้วยสภาพไร้วิญญาณโดยหยิบโทรศัพท์มาลืมแม้กระทั่งเรื่องล็อกประตูบ้าน เธอต้องไปตามหาอ้อยกับส้ม เด็กน้อยของบบ้านทั้งสองคนหายไปแล้ว “น้าคะ คุณน้า คุณเป็นอะไรไป” “อ้อยกับส้มหายไปแล้ว” กล่าวด้วยท่าทางที่นิ่งจนจบ เธอก็รีบวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าภายใต้ท่าทางที่นิ่งสงบนี้ในใจเธอกำลังพังทลายลงเท่าไหร่ เธอจะบ้า เหมือนกับฟ้าจะถล่ม ตามหาไปทั่วทุกทิศ ตามหาทุกสถานที่ที่อ้อยและส้มจะไปได้ แต่ก็ไม่มีบ้านของต้นน้ำเองก็ออกมาช่วยเช่นกัน ทุกคนต่างช่วยกันตามหา แต่หาอย่างไรก็หาไม่เจอ อ้อยและส้มเหมือนกับระเหิดหายไปจนไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย เพ็ญนีติ์ในสภาพไร้วิญญาณเดินมาจนถึงตรอกซอยแถวชานเมืองของเมืองดรัล ลักษณะของที่นี้ยุ่งเหยิงไปหมด เธอหาอยู่เป็นเวลานาน จนท้องฟ้าเริ่มมืดลง พิงตัวกับต้นไม้ที่แห้งอย่างหมดหนทาง มือที่อยู่ที่กระเป๋าเสื้อสั่นอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดเธอก็ดึงโทรศัพท์ออกมาสิ่งที่ผุดขึ้นมาในสมองเป็นอันดับแรกนั้นคือปุริม เด็กๆหายไป เขาเป็นแด๊ดดี๊ของพวกเธอ เขาเองก็ต้องเข้าร่วมการค้นหาเด็กๆเช่นกัน แต่คนที่เธอโทรหาคนแรกกลับเป็นนภนต์ ชายหนุ่มที่นิ่งสงบเหมือนกับดอกบัวคนนั้น นานแล้วเหมือนกันที่เธอและเขาไม่ได้ติดต่อกัน โทรศัพท์ดังอยู่ห้าครั้งถึงได้ถูกรับสาย ในหูได้ยินเสียงน้ำไหล เหมือนว่านภนต์กำลังอาบน้ำอยู่ กัดฟันอย่างชั่งใจ “นภนต์ ฉันเพ็ญนีติ์นะคะ อ้อยกับส้มหายไปค่ะ” กล่าวไป ออกตามหามานานเธอถึงอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ร้องไห้ทั้งๆที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ “เพ็ญนีติ์ คุณอยู่ที่ไหน บอกผม ผมจะไปหาทันที” เพ็ญนีติ์บอกตำแหน่งที่อยู่ไป ยืนอยู่ใต้ต้นไม้เพียงลำพังเหม่อมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ห่างไกลโดยไม่ขยับ เธอรู้เหมือนจะตาย หากเสียเด็กๆไป เธอตายแน่นอน แววตาที่ว่างเปล่าเหม่อมองถนนที่ทั้งมืดและเงียบนี้ ตรงนี้คือชานเมือง และกำลังจะข้ามปีใหม่ ดังนั้นรถบนถนนจึงมีไม่มาก คิดจริงๆว่าถ้าเวลานี้อ้อยและส้มตกลงมาจากท้องฟ้าได้ มันจะดีแค่ไหนกัน แต่เด็กๆกลับหายจากเธอไปโดยไม่บอกไม่กล่าว เพ็ญนีติ์รู้สึกว่าตัวเองนั้นล้มเหลวมาก เป็นความล้มเหลวที่ไม่เคยมีมาก่อน กุมศีรษะ เธอทรุดตัวลงใต้ต้นไม้ อยากจะให้หัวระเบิดแล้วตายๆไปซะ แต่อีกทางก็ไม่สามารถทิ้งเด็กๆไปได้ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า และโดยเร็ว อ้อยและส้มกลัวความมืดมาตั้งแต่เล็กแล้ว ดึกขนาดนี้ พวกเธอจะไม่กลัวกันหรือ นภนต์กำลังเร่งรีบมา แต่ในใจของเธอกลับอดนึกไปถึงเหตุการณ์ในโรงพยาบาลที่มีนางพยาบาลตัวปลอมพยายามจะทำร้ายอ้อยและส้มไม่ได้ แต่เดิมว่าจะรอให้ผ่านข้ามปีไปก่อนแล้วจะไปตรวจสอบ แต่ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องกับเด็กๆตอนนี้ บางที ปุริมอาจจะรู้แล้วก็ได้ว่าคนคนนั้นคือใคร ทันทีที่คิดได้เช่นนั้น เธอก็คว้าโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เหมือนจะกดเบอร์โทรศัพท์นี้ไปในครั้งเดียวเท่านั้น เธอเองก็ไม่รู้ เหมือนกับว่าเบอร์โทรศัพท์นี้อยู่ในจิตใจของเธอตลอด ไม่เคยลบมันออกไปได้เลย “ปุริม เด็กๆหายไป” เมื่อโทรศัพท์ถูกรับสาย นั่นคือประโยคแรกที่ฉันกล่าวออกไปเงียบ เงียบมาก จนฉันคิดว่าปุริมหรือว่ายังไม่ได้รับสายกัน แต่ว่าเสียงตอนรับสายแล้วกับยังไม่ได้รับนั้นไม่เหมือนกันนี่ “ปุริมคะ อ้อยกับส้มหายไปแล้ว” เธอพังจริงๆ ถ้าตกไปอยู่ในมือคนที่อยากทำร้ายอ้อยกับส้ม แบบนั้น ปุริมต้องรู้เป็นแน่ เขาจะต้องออกตามหาอ้อยและส้มโดยเร็วเป็นแน่ วินาทีนี้ ฉันฝากความหวังไว้ในกำมือของเข “คุณอยู่ที่ไหน” ปลายสายส่งเสียงคำรามออกมา ปุริมเหมือนกับสิงโตที่กำลังคำรามอย่างไรอย่างนั้น ฉันเผยอปากเพียงเล็กน้อย “วันนี้คุณได้ไปที่ชานเมืองหรือไม่คะ ใช่รถBMWคันสีดำนั้นหรือไม่” เธอถามเสียงแผ่ว แต่กลับสั่นอย่างห้ามไม่ได้ คิดไว้ว่าทั้งชีวิตจะไม่เจอเขาอีก แต่เธอตอนนี้ ได้บอกตำแหน่งที่อยู่ของเธอไปแล้ว “Shit! ผมรู้แล้ว คุณอยู่ใกล้กับถนนเส้นไหนมากที่สุด” เขาจำชานเมืองตรงนั้นได้ เพราะตอนขากลับจากสวนดอกไม้เป็นช่วงเวลาที่เขาเลิกงานพอดี ดังนั้นด้วยความเบื่อหน่ายจึงได้มองออกไปข้างนอกกระจกรถ เพ็ญนีติ์ได้บอกป้ายปากทางของถนนไป เสียงของเธอจึงต่ำลง เพราะปุริมวางสายไปแล้ว นอกจากรอแล้วก็ทำได้แค่รอ ชานเมืองตรงนี้เธอหาจนทั่วแล้วจากใต้ไปเหนือ จากตะวันออกไปตะวันตก อ้อยและส้ม เด็กน้อยนิสัยไม่ดีทั้งสองคนทิ้งเธอไปทั้งอย่างนี้ น้ำตาไม่อาจหยุดไหล เพราะความหวาดกลัวที่ไม่เคยมี เธอกำลังเฝ้ารอ และเธอกำลังทุกข์ทรมาน ลมหนาวพัดมาทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน เธอเพิ่งรู้ตัวว่าเธอใส่เพียงแค่เสื้อออกมาเพียงตัวเดียวเท่านั้น ผ่านไปเนิ่นนาน เมื่อตอนที่เธอคิดว่าโลกนี้ราวกับกำลังจะถล่มลง ก็มีแสงไฟสาดส่องมาที่ตัวของเธอ แสงไฟแยงสายตาเธอจนเจ็บไปหมด เธอคิดเงยหน้าเพื่อมองไป “ปัง” ประตูรถเปิดออก ชายหนุ่มที่ใส่ชุดดำทั้งตัวเดินมาหาเธออย่างรวดเร็ว
已经是最新一章了
加载中