ตอนที่ 10 ปฏิเสธสุดฤทธิ์   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 10 ปฏิเสธสุดฤทธิ์
ต๭นที่ 10 ปฏิเสธสุดฤทธิ์ สมองของเธอตอบสนองอย่างเร็วก่อนจะรีบยื่นมือไปคล้องแขนหวีโย่วถิงไว้ นี่คือความจำเป็นของสถานะของเธอในตอนนี้ และเป็นวิธีที่จะสลัดจากเสียงเรียกนั้นได้ เธอเงยหน้าไว้ ประสานสายตาอยู่กับหวีโย่วถิง เธอเห็นเงาสะท้อนของตนที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มในสายตางุนงงคู่นั้นของผู้ชายคนนั้น “รับคุณย่ามาแล้วหรือคะ”การแสดงสดนี้ เธอให้คะแนนตัวเองแปดเต็มสิบ เธอเห็นหวีโย่วถิงพยักหน้าเล็กน้อย ถือเป็นการตอบคำถามของเธอ แต่ความจริงแล้ว ความสนใจทั้งหมดของเขาตกอยู่ที่แววตาของเธอ อยู่ตรงนั้น เธอกุมมือคู่นั้นไว้อย่างแม่นยำ แต่ทว่าเพราะปฏิกิริยาของเธอ กลับทำให้ต้องค้างไว้กลางอากาศ ปฏิกิริยาเช่นนั้นเป็นเหมือนคำตำหนิที่ไม่มีเสียง และแน่นอน ยังมีความผิดหวังเล็กๆที่ปิดไม่มิดด้วย นั่นคือนิ้วมือที่เรียวยาว เล็บมือทั้งสิบนิ้วตัดไว้อย่างสะอาดสวยงาม เมื่อลมพัด ก็เกิดกลิ่นหนังสือลอยผ่าน เธอจำได้ เทียบกับการจับปากกา มือคู่นั้นเหมาะกับการเช็ดน้ำตาให้เธอมากกว่า ทว่า................ความลงตัวเช่นนั้นเป็นได้เพียงอดีต ไม่ใช่ปัจจุบัน หวีโย่วถิงก็เหมือนจะสังเกตเห็นความผิดปกติของคนเบื้องหลัง เขาขมวดคิ้ว เกิดความสงสัยขึ้นในแววตา ปนความนึกสนุก“คุณผู้ชายคนนี้กับเวยหยูนของเราเคยรู้จักกันหรือ” “เวยหยูน?”มือของหนานมู่ค่อยๆยื่นมาจับ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย เวยหยูนอะไรกัน คนตรงหน้านี้คือเสี่ยวเหมียนของตนชัดๆ ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยถาม ก็ได้ยินเสียงขำปฏิเสธดังขึ้นข้างหู“คุณคงจำคนผิดแล้วค่ะ ฉันคือเมิ่งเวยหยูน ลูกสาวคนโตของตระกูลเมิ่ง และคนนี้คือ........คู่หมั้นของฉัน”ฉินเหมียนพูดพลางเพิ่งแรงมือที่คล้องแขนหวีโย่วถิงไว้ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในคำพูดของตน หนานมู่ชะงักงันไปเลย บนโลกใบนี้ ต่อให้เขาจะลืมคนทั้งโลก ก็ไม่มีทางลืมฉินเหมียนเด็ดขาด คนๆหนึ่ง เมื่อเกิดความเสียใจกับบางอย่างอย่างสุดซึ้ง นอกจากจะตายจากไป มิเช่นนั้นความรู้สึกเสียใจและไม่ยอมแพ้นั้นไม่มีวันเลือนหายไป และฉินเหมียนก็คือความเสียใจที่ไม่มีวันลืมนั้นของเขา ดังนั้น สัญชาตญาณบอกเขาว่า ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้ ก็คือคนในฝันที่เขาคิดถึงมาตลอดห้าปี คือความเสียใจที่เขาตั้งใจกลับประเทศมาเพื่อแก้ไขในครั้งนี้ คือสมบัติล้ำค่าที่นับจากนี้ไปเขาจะเก็บไว้ข้างกาย ทว่าเมื่อตื่นจากฝัน สิ่งที่ทำให้เขารับไม่ได้ที่สุดก็คือ เขาทั้งคู่ไม่ได้กระโดดโลดเต้นเข้าหากันอย่างดีใจที่พบกัน หากแต่เป็นคนแปลกหน้าที่ห่างเหินกัน และยังมีสถานะน่าขำหนึ่งคั้นไว้อีกด้วย ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะอะไรกัน เขายิ้มเล็กน้อย ในรอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความอดทนในการกล่อมเด็ก เขาก็ใช้มันในการสงบสติอารมณ์ที่สับสนเล็กน้อยของตน“เสี่ยวเหมียนเธอยังโกรธที่ตอนนั้นฉันจากไปโดยไม่ลาใช่ไหม ก็เลยจงใจใช้สถานะปลอมนี้มาหลอกฉัน ฉันมีเหตุผลของฉันที่บอกไม่ได้นะ.............” “คุณคะ”ฉินเหมียนพูดขัดคำพูดของเขาขึ้นอย่างไม่ใยดี เรื่องบางเรื่อง หากไม่เด็ดขาด ก็จะนำความเดือดร้อนมาสู่ทุกฝ่ายได้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นให้เธอมาเป็นตัวร้ายคนนั้นละกัน “หากคุณยังพอมีความคิดอยู่บ้างก็น่าจะไปดูข่าวนะคะ หัวข้อข่าวหน้าหนึ่งของสำนักข่าวใหญ่ต่างๆในเมือง A ต่างก็เป็นข่าวของฉันกับคู่หมั้นของฉันทั้งนั้น คนแปลกหน้าคนหนึ่งเนี่ยนะ หลอกคุณ ฉันไม่มีรสนิยมพิเรนทร์ๆแบบนั้นหรอกนะคะ” การรู้จักกันระหว่างบุคคล ไม่เพียงรู้ดีในความชื่นชอบของอีกฝ่าย ยิ่งกว่านั้นรู้ดีในจุดอ่อนของอีกฝ่ายด้วย และคำพูดเหล่านี้เป็นคำดูหมิ่นสุดๆ ฉินเหมียนรู้ดี เธอกำลังกำมีดไว้และได้ตัดขาดความทรงจำดีๆทั้งหมดระหว่างเธอกับหนานมู่ไป คนๆหนึ่งที่เพียงแค่จะมีชีวิตอยู่ยังต้องดูสีหน้าของคนอื่น ไม่มีสิทธิ์ที่จะมีความสุขดังเช่นคนทั่วไป อย่างน้อยตอนที่เธอรับสถานะนี้ของเมิ่งเวยหยูนมา ก็ได้เขียนบทสรุปไว้แบบนี้แล้ว เธอหันหลัง ทิ้งเรื่องราวทั้งหมดระหว่างเธอกับหนานมู่ไว้เบื้องหลัง เธอพบว่า เมื่อไร้เยื่อใยขึ้นมา เธอทำได้ดีทีเดียว จากการที่หลี่ซิ่วเจินฝึกให้เธอจำหน้าคน เธอมุ่งเป้าไปยังคุณย่าเจ้าของงานวันเกิดในวันนี้“โย่วถิง คุณย่าอยู่ทางนั้น ฉันยังไม่ได้อวยพรท่านเลย เรารีบไปกันเถอะ” เมื่อผู้หญิงออดอ้อนผู้ชาย ก็จะโดนร้อยทั้งร้อย หวีโย่วถิงละท่าทีดูเรื่องสนุกๆนั้น เขาก้มหน้าให้หนานมู่อย่างสุภาพเล็กน้อย ก่อนจะนำฉินเหมียนเดินตรงไปยังทางที่คุณย่ายืนอยู่ ฉินเหมียนไม่รู้ว่าเรื่องที่เธอคิดว่าคงจบไปแล้วนั้น กลับได้กลายเป็นเมล็ดแห่งความสงสัยฝังเข้าไปในใจของหวีโย่วถิงเรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องที่ว่ามันจะงอกเงยเมื่อไหร่ คงเป็นเรื่องของเวลาว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น “คุณย่าคะ สุขสันต์วันเกิดค่ะ ขอให้คุณย่าสุขภาพแข็งแรง อายุมั่นขวัญยืนนะคะ” แม้จะเป็นคำพูดเดิมๆ แต่ก็ต้องดูว่าใครเป็นคนพูด ใช้ปากของเมิ่งเวยหยูนที่ฉินเหมียนปลอมตัวมาพูดออกมา คุณย่าแห่งตระกูลหวียิ้มหน้าบานไม่หยุดเลย“จ้า เวยหยูนของย่ามีใจแล้ว” หลัวซีเอินนำของขวัญที่ฉินเหมียนมอบให้ยื่นไปยังมือของผู้จัดการบ้าน ก่อนจะดึงมือของว่าที่หลานสะใภ้คนนี้มากุมไว้ ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา “รู้ไหมว่าโย่วถิงพาหนูมาทำไม” “ทราบค่ะ วันเกิดของคุณย่า หนูมาเพื่อช่วยงานนะคะ”ฉินเหมียนทำตาโต แกล้งทำเป็นไร้เดียงสา เพราะอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ เด็กที่ฉลาดเกินไปเขาจะไม่ค่อยชอบนัก และยิ่งไปกว่านั้น หลังผ่านเรื่องของหนานมู่มา ใจของเธอลนลานเหลือเกิน สู้ใช้ความตลกมาทำให้คนรอบข้างปล่อยวางจากการสำรวจเธอดีกว่า เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ผู้คนรอบข้างคุณย่าต่างพากันหัวเราะขึ้นมา หลัวซีเอินหัวเราะจนน้ำตาเละเลย “โย่วถิง เด็กคนนี้หลานต้องแต่งเข้าบ้านให้ได้นะ” 
已经是最新一章了
加载中