ตอนที่ 21 เอาเงินไปแล้วคิดจะหนีอีก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 21 เอาเงินไปแล้วคิดจะหนีอีก
ต๭นที่ 21 เอาเงินไปแล้วคิดจะหนีอีก ซูฉิงกระวนกระวายใจอย่างมาก กลัวมากว่าคนคนนั้นจะหมุนตัวกลับมาแล้วสบตากับเธอทันที ถ้าเขาเห็นเธอแล้วมาคุยกับเธอ เธอจะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาให้กู้เส้าตงฟังอย่างไร? เธอกัดปากแน่น แสร้งยกแก้วน้ำมะนาวขึ้นมาแนบปาก ซูฉิงกระสับกระส่ายจนแทบลืมหายใจ ทำได้แค่มองไปทางนั้น ในใจก็คิดอย่างสับสนวุ่นวาย ทันใดนั้นร่างนั้นก็หมุนกลับมาทางเธอ ซูฉิงกระวนกระวายใจจนปากเริ่มสั่นแล้ว ตอนแรกเธอคิดว่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเขาแล้ว แต่จู่ๆ เมื่อคืนก็มีเงินเข้าบัตรเธอหนึ่งล้าน ทำให้ตอนนี้เธอนั่งไม่ติดแล้ว เพียงแต่ตอนที่คนคนนั้นหันกลับมา ซูฉิงก็ถอนหายใจทันที โชคดีที่ไม่ใช่เขา เธออาจจะประสาทตึงเครียดมากเกินไป ถึงได้มองคนอื่นเป็นเขาไปได้! เธอดื่มน้ำมะนาวไปหลายอึกอย่างไม่หายสั่นกลัว ทำให้ตัวเองใจเย็นลงมา “เป็นอะไรเหรอ?” ขณะที่กู้เส้าตงกลับมาแล้ว พบว่าสีหน้าท่าทางของซูฉิงไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ มองตามสายตาเธอไปก็ไม่เห็นอะไรพิเศษ จึงเอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วง ส่ายศีรษะ ซูฉิงยกยิ้มเล็กน้อย และตอบกลับ “ไม่เป็นไรค่ะ แค่จู่ๆ รู้สึกเพลียนะคะ” ตอนแรกตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ติดต่อกับกู้เส้าตงมากนัก ตอนนี้เธอยิ่งยืนหยัดในความคิดนี้ เธอกลัวว่าถ้าเธอติดต่อกับเขาต่อไป จะลุ่มหลงแววตาอ่อนโยนของเขา ถ้าวันหนึ่งเขารู้ขึ้นมาว่าเธอเคยขายตัวเองเพื่อเงิน…… เธอไม่กล้าคิดเลย ถึงตอนนั้นเพื่อไม่ให้ลำบากใจทั้งคู่ ซ่อนความชื่นชอบลึกซึ้งนี้ไว้ก้นบึ้งหัวใจดีกว่า! เธอไม่เหมาะสมกับเขา เขามีคุณค่ากับผู้หญิงที่ดีกว่านี้ อาหารมื้อนี้ ถือว่าเป็นเครื่องบรรณาการความรักที่ยังไม่เกิดขึ้นกับเธอแล้วกัน! ทันใดนั้นสีหน้าท่าทางเธอก็กลายเป็นโศกเศร้าขึ้นมา ความสุขในใจชั่วคราวเมื่อครู่นี้จางหายไปเหมือนหมอกควันแล้ว เธอพยายามให้ตัวเองยิ้มเบาๆ แต่กู้เส้าตงตรงหน้านี้ยังคงรู้สึกว่าเธอเปลี่ยนไปฉับพลัน เอ่ยปากถามอย่างอดไม่ได้ “ถ้าไม่สบาย พี่ไปส่งเธอกลับก่อนก็ได้นะ ค่อยมากินข้าวคราวหน้าก็ได้” เพราะความเอาใจใส่ของเขา ซูฉิงยิ้มบางๆ “ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ กับข้าวมาส่งแล้วด้วย อย่าสิ้นเปลืองเลยค่ะ” ตั้งแต่เที่ยงวันนั้นที่เธอจำคนอื่นผิดเป็นเชียวจิ่งเห้าในร้านอาหารเวียดนาม วันเวลาก็ผ่านไปยี่สิบวันแล้ว ช่วงนี้ซูฉิงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่อุดมสมบูรณ์เป็นพิเศษ ทุกเช้าไปสองภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ที่บริษัทสอนเด็กอนุบาล ตอนบ่ายไปอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าที่โรงพยาบาล เพื่อรวบรวมเงินยังชีพของเทอมหน้าให้เร็วหน่อย เธอหางานพาร์ทไทม์ทำที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งด้วย ทำตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงสี่ทุ่ม เพื่อที่วันต่อมาจะได้ไม่ไปสอนที่โรงเรียนอนุบาลสาย เธอเลือกที่จะกลับไปอยู่หอพักโรงเรียน ที่บ้านคุณลุงเธอไม่อยากกลับไปแล้ว แต่อยู่ที่โรงพยาบาลนั้นห่างกับที่ทำงานพาร์ทไทม์สองที่ค่อนข้างไกล หลังจากคิดแล้วคิดอีก มีแค่หอพักเท่านั้นที่เหมาะสมที่สุด เพราะเป็นวันหยุดภาคฤดูร้อน ในโรงเรียนจึงเงียบมาก ปกติแล้วความสัมพันธ์ของซูฉิงและคุณครูดูแลหอพักนั้นดีมากๆ คุณครูดูแลหอพักก็รู้สถานการณ์ทางบ้านของซูฉิง รู้ว่าเธอต้องทำงานหาค่าเทอมและค่ายังชีพของตัวเอง เลยเปิดประตูหลังให้ซูฉิง ให้เธอเข้ามาอยู่ในหอพักก่อนล่วงหน้า ถ้าไม่ใช่เพราะว่าบัตรนั้นจู่ๆ ก็มีเงินหนึ่งล้านโผล่ออกมา ซูฉิงก็ต้องลืมเรื่องราวที่เหมือนฝันร้ายซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนแล้ว เธอเอาบัตรนั้นล็อกไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดในตู้เก็บของ ไม่กล้าแตะต้องมันอีก หวังว่าเลขของบัตรใบนั้นจะฝังไว้พร้อมๆ กับความลับของเธอ! ยังเหลืออีกหนึ่งสัปดาห์จะเปิดเทอมแล้ว ซูฉิงโทรหาถังเค่อซิน ถังเค่อซินพูดเหมือนสายฟ้าแลบในโทรศัพท์ว่าวันหยุดฤดูร้อนตัวเองไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง เจอผู้ชายหล่อมากี่คน ซูฉิงทำได้เพียงแอบยิ้มเล็กน้อย เธอดีใจกับถังเค่อซินที่ได้ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในวัยอันงดงาม มันคือความสุขอย่างหนึ่ง เธออิจฉาเธอมาก ครอบครัวของเสี่ยวถังไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก มีคุณพ่อคุณแม่ที่รักตัวเอง มีความฝันของหญิงสาว มีความสุขไปหลายวันเพราะได้คุยกับผู้ชายบางคน ชีวิตที่เรียบง่ายและมีความสุขแบบนี้ ซูฉิงอิจฉาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เพราะเธอไม่ได้โชคดีแบบนี้จริงๆ “ซูฉิง รอฉันกลับไปก่อนนะ ฉันเอาของฝากมาให้เธอเยอะมากเลย เธอต้องชอบแน่!” ถังเค่อซินในโทรศัพท์ตื่นเต้นสุดขีด แม้แต่ซูฉิงก็อินไปด้วย มุมปากยกขึ้นเบาๆ อย่างอดไม่ได้ เธอชอบนิสัยของถังเค่อซินมาก ตรงไปตรงมา สดใส ปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างจริงใจเป็นพิเศษ “จ้า จะรอเธอกลับมา” วางสายไปแล้ว มุมปากซูฉิงก็ยังวาดโค้งยกขึ้นอยู่ หลังจากเธอออกมาจากบริษัทสอนเด็กอนุบาล เตรียมตัวนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปเยี่ยมคุณย่าที่โรงพยาบาล แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็รู้สึกว่าด้านหลังมีคนตามมา เธอแกล้งทำเป็นมองหารถ มองสำรวจด้านหลังหน่อย พบว่ามีรถแลนด์โรเวอร์สีเงินดำคันหนึ่งจอดอยู่ไกลประมาณสิบกว่าเมตร อย่างอื่นไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่รู้ว่าตัวเองสงสัยมากเกินไปหรือเปล่า ซูฉิงหมุนตัวกลับเดินไปทางรถไฟฟ้าใต้ดินต่อ แต่เดินไม่ถึงสองก้าว เธอก็รู้สึกว่าด้านหลังมีสายตาหนึ่งจ้องมองตนอยู่ตลอดเวลา ทำให้เธออึดอัดมาก สุดท้ายตอนมาถึงสี่แยก เธอหยุด เห็นรถแลนด์โรเวอร์สีเงินดำคันนั้นก็ยังจอดห่างเธอประมาณสิบกว่าเมตร พอเห็นแบบนี้แล้ว หัวใจซูฉิงก็เต้นระรัวเป็นกลองทันที รถคันนั้นตามเธอมาชัดๆ ครั้งเดียวอาจจะเป็นความบังเอิญ พอหันศีรษะกลับไปมองครั้งที่สองก็พบว่าเป็นแบบเดิม นั่นไม่ใช่ความบังเอิญแล้ว พอกลายเป็นไฟเขียว ซูฉิงก็รีบข้ามถนนวิ่งไปที่คนเยอะๆ และตอนนี้คนที่นั่งในรถแลนด์โรเวอร์คันเงินดำ นิ้วเคาะที่พวงมาลัยหลายที ทำเสียงดังขึ้นมา หนี? เขาอยากรู้ว่าเธอจะหนีไปไหนได้? เพื่อกำจัดรถคันนั้นด้านหลัง ซูฉิงเดินไปที่คนเยอะๆ โดยเฉพาะ ไปในที่ที่รถผ่านไม่ได้ ก็เดินไปทางนั้น สุดท้าย เธอมองอยู่หลายทีแล้วว่าด้านหลังไม่มีรถคันนั้นแล้วจริงๆ ก็ถอนหายใจช้าๆ แต่เธอยังไม่หายใจดี จู่ๆ รถคันนั้นก็ไม่รู้ว่าพุ่งออกมาจากไหน มาจอดหน้าเธอโดยตรง ทำให้ซูฉิงตกใจถอยหลังไปสองก้าว เกือบเซล้มลงไปบนพื้นปูน ทันใดนั้นประตูรถก็เปิดออก ชายสวมสูทสีน้ำเงินเข้มคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ เขายืนอยู่ในแสงสลัว ลักษณะท่าทางมองไม่ค่อยชัด ซูฉิงหรี่ตาเล็กน้อย อยากมองลักษณะท่าทางคนคนนั้นให้ชัดๆ ตอนที่เขาค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ตน เธอถึงเห็นคนคนนั้นชัดๆ ว่าใคร เธอเบิกตากว้างอย่างระแวงมองชายคนนั้นที่เข้าใกล้ตน ปลายเท้าถอยหลังไปอย่างสับสนวุ่นวาย ขณะที่เห็นคนที่เดินมาชัดแล้ว หัวสมองเธอก็ขาวโพลน เหลือเพียงคำเดียว นั่นก็คือ ‘วิ่ง’ แต่เธอยังไม่ทันได้ออกตัววิ่ง คนคนนั้นก็จับแขนเธอไว้ ดึงเธอยัดเข้าไปนั่งที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับ และคาดเข็มขัด ซูฉิงคิดจะปลดเข็มขัดแล้วหนีไป ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ล็อกรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว สำเร็จภายในรวดเดียว เห็นว่าแผนการหลบหนีถูกทำลาย ซูฉิงก็ไม่พอใจชั่วขณะหนึ่ง หันศีรษะกลับไปมองผู้ชายที่สุขุมเยือกเย็น พูดด้วยน้ำเสียงไม่ดี “เชียวจิ่งเห้า นี่มันหมายความว่าไง?!” เชียวจิ่งเห้าหันศีรษะไปเหลือบมองเธอหนึ่งที แล้วพูดอย่างเยือกเย็น “เอาเงินไปแล้วจะหนีเหรอ” 
已经是最新一章了
加载中