บทที่ 10 บ้าน“ผีสิง”   1/    
已经是第一章了
บทที่ 10 บ้าน“ผีสิง”
บ๗ที่ 10 บ้าน“ผีสิง” ขณะที่คนรอบข้างค่อย ๆทยอยกันจากไป จางเรยก็เดินออกไป เหลือแต่หวางเผิงคนเดียว เขายืนมองรอบข้าง นึกคิดถึงเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นตะกี้ ในใจเต็มไปด้วยคำถาม นี่อย่าหาว่ามาเจอผีตอนกลางวันนะเนี่ย ไม่ได้ ฉันจะต้องไปอธิบายกับซวนซวนอีก เรื่องนี้ถ้านางไปเผยแพร่ไปเรื่อย ฉันหวางเผิงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแน่ ๆ แค่นึกถึงตรงนี้ เขาก็รีบวิ่งไปทางโรงเรียน........ จางเรยกลับเดินกลับบ้านโดยเท้าเปล่าของตัวเอง วันนี้พระอาทิตย์ร้อนแรงมาก บนพื้นก็ร้อนมาก จางเรยเท้าเปล่าเหยียบบนพื้น อย่างกับเหยียบบนถ่านไฟ พอเขาเดินถึงบ้าน ทั้งตัวก็เปียกเต็มไปด้วยเหงื่อ เม็ดเหงื่อบนหน้าหยดลดมาเป็นเม็ด ๆ ทันใดนั้นเอง เขาเห็นว่าตรงหน้าบ้านตัวเองมีคนสองคนกำลังยืนพูดกันอยู่ มองดูดี ๆแล้ว เห็นว่าเป็นแม่ของตัวเองกับไอ่ป้าแก่โจวจวน “ไอ่ป้าแก่อย่างจะมีหน้ามาอีกหรอเนี่ย” จางเรยยิ่งเห็นนางแล้ว ก็ยิ่งโกรธ ลืมกระทั่งความร้อนและความเหนื่อยของตัวเองไปหมด เดินไปอย่างหัวร้อน เดินใกล้เข้าแล้วถึงรู้ว่า วันนี้ไอ่ป้าแก่มาหาแม่ ไม่ได้มาเพราะจะทะเลาะกัน แต่มาเพราะขอความช่วยเหลือ “คุณพี่ สงสารฉันหน่อยเหอะ ยกเลิกการฟ้องร้องแล้วเอาบ้านหลังนี้ให้ฉันเถอะ พี่ก็รู้ว่าบ้านฉันยังมีลูกชายที่เรียนอยู่อีกสองคน เขายังต้องให้ฉันเลี้ยงดู ฉันไม่มีปัญญาแล้วจริง ๆ” “โจวจวนได้แต่ร้องไห้โวยวาย แล้วก็คุกเข่าต่อหน้าแม่จางเรย” แม่จางเรยทำหน้าเหวอ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เขาไม่คิดเลยว่าโจวจวนจะมาขอบ้านด้วยวิธีนี้ ไอ่ป้าแก่นี่มันร้ายจริง ๆ มาแย่งไม่ได้ ตอนนี้มาทำตัวน่าสงสารเลย นางคิดว่าแค่นี้ก็จะได้บ้านแล้วหรอ เหอะ ฝันไปเถอะ “โจวจวน เธอทำอะไรเนี่ย รีบลุกขึ้น” แม่จางเรยจะพยุงตัวเธอขึ้น แต่นางยิ่งหน้าด้านขึ้น สะบัดแม่จางเรยออก แล้วร้องโวยวายว่า “คุณพี่ ถ้าคุณพี่ไม่ตกลงกันฉัน ฉันก็จะไม่ลุก ฉันไม่มีบุญเหมือนพี่ มีลูกชายที่ดี ซื้อวิลล่าให้พี่ได้ ทำไมชีวิตฉันต้องรันทดลำบากขนาดนี้ ให้ฉันโดนแดดไหม้ตายอยู่ตรงนี้ไปเลยเถอะ” ได้ยินแบบนี้แล้ว จางเรยหัวร้อนขึ้นมาเลยทันที ตัวนางเองไม่มีปัญญา จะร้องห่มร้องไห้ก็กลับบ้านไปร้องสิ มาร้องอะไรตรงนี้ ไม่เคยเห็นคนที่หน้าด้าน หน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อนเลย จางเรยอยากจะกระถืบแรง ๆให้กับนาง แต่ก็คิดได้ว่าตัวเองกำลังซ่อนตัวอยู่ ถ้าทำอะไรกับนางไป แม่คงคิดว่าเจอผีหลอก ยิ่งแม่เป็นโรคหัวใจอยู่ จะมาเจออะไรหลอน ๆแบบนี้ไม่ได้ จางเรยทำอะไรไม่ได้ เลยเอาขาลงซะงั้น “จวน เธอลุกขึ้นมา มีอะไรเราไปคุยกันในบ้าน แดดแรงขนาดนี้ ขืนตากแดดกันไป เดียวก็เป็นลมอีก” โจวจวนได้ยินว่าเข้าบ้านได้ ในใจก็มีความหวังขึ้นมาทันที ตอนที่แม่จางเรยมาพยุงเธอ เธอก็ไม่ร้องไห้โวยวาย ลุกขึ้นแล้วเดินตามแม่จางเรยเข้าบ้านไป ในใจจางเรยไม่พอใจหนักมาก เขาแทบไม่อยากเห็นหน้าไอ่ป้าแก่เลยสักนิด ทั้งสามคนได้เดินเข้าบ้านไป จางเรยกับแม่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน ส่วนโจวจวนนั่งร้องไห้อยู่อีกฝั่ง “จวน เธอนั่งก่อนนะ ฉันไปเอาผ้าเช็ดหน้ามาให้เธอเช็ดหน้าก่อน” แม่จางเรยก็คิดที่จะหลบตัวนายก่อน ไม่อยากเจอหน้านาง ถ้าไม่ใช่ว่าโจวจวนกับแม่จางเรยเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน แม่จางเรยคงโมโหด่ายับไปนานละ เหอะ ไอ่ป้าแก่ ตอนนี้แม่ฉันไม่อยู่นี่ละ ดูไว้นะ ฉันจะเอาไงกับเธอ พอจางเรยเห็นว่าแม่เข้าห้องน้ำไปแล้ว ในใจก็คิดแผนร้ายกับโจวจวนขึ้นมาทันที โจวจวนก็ช่างดราม่าเก่งจริง ๆ ตะกี้ต่อหน้าแม่จางเรยทำตัวน่าสงสารซะขนาดนั้น พอตอนนี้แม่จางเรยเดินหายไปสักแป๊บ นางก็ทำหน้าร้ายขึ้นมาทันที “เพื่อที่จะได้บ้านหลังนี้ของแก ฉันนี่มันเสียน้ำเสียเหงื่อไม่เบาเลยนะเนี่ย วันนี้ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะต้องเอามันมาให้ได้” “เหอะ ๆ ใช่เหรอ” ขณะนี้จางเรยได้เดินไปอยู่ตรงหน้านางแล้ว ความโกรธในใจได้ปลดปล่อยออกมาสักที เห็นแค่ว่าจางเรยยกขาขึ้น แล้วกระถืบแรง ๆไปตรงตัวโจวจวน ได้ยินแค่เสียง “โอ้ย” โจวจวนก็ตกหงายจากโซฟาลงพื้น “ใคร นี่ใคร” โจวจวนลุกขึ้นอย่างไว แล้วมองดูรอบข้าง แต่ก็ไม่เห็นมีใครทั้งนั้น ในใจรู้สึกหวิวๆขึ้นมาทันที ตะกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ใครมาถีบฉัน “กืก ๆ” ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงแปลก ๆดังขึ้นจากตรงโซฟาที่ตัวเองเพิ่งนั่ง ค่อย ๆหันไปมอง ก็เห็นว่าตรงที่นั่งโซฟากำลังยุบลงไปทีละนิด ๆ อย่างกับมีคนนั่งเล่นอยู่บนนั้น “เหอะ ๆ ไอ่ป้าแก่ แกอยากมาอยู่บ้านฉันนักไม่ใช่เหรอ ตอนนี้แกยังจะกล้ามาอยู่อีกไหม ” จางเรยยิ่งเล่นยิ่งได้ใจ ทำเอาจนโจวจวนตกใจอึ้งทึ่งไปเลยทีเดียว “มีผี บ้านนี้มีผี ตะกี้ผีตัวนั้นที่มาผลักฉันล้ม” โจวจวนค่อย ๆมีสติ แล้วพูดออกมาอย่างสั่น ๆ ตอนที่เธอมองเห็นว่าโซฟาค่อย ๆยุบลงไป จางเรยเห็นว่านางตกใจ ใบหน้านายก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเบิกบาน แต่หลอกกันแค่นี้มันยังไม่พอ แล้วก็ลุกจากโซฟาเดินไปตรงหน้าต่าง เปิดหน้าต่างทั้งสองบาน แล้วขยับเขย่าทำเสียง “อี้ดอ๊อด ๆ” โจวจวนได้ยินเสียงแล้วก็ตัวสั่น หันไปมองหน้าต่างที่ขยับเอง ตกใจจนหน้าชาไปหมด “ตึ่ง ๆ ๆ ๆ” ไม่กี่เวลา จางเรยก็เดินไปหยิบรองเท้าแตะบนชั้นวางรองเท้า แล้วใช้มือสวมเหยียบบนพื้น ค่อย ๆก้าวเข้าไปหานาง นางตกใจมองอึ้งจนลูกตาแทบทะลักออกมา แล้วยังคิดว่าผีจะทำร้ายนาง ไม่ทันพูดอะไรก็รีบโดดหนีทั่วบ้าน ในปากก็ยังตะโกนออกไปว่า “อย่าเข้ามานะ เธออย่าเข้ามา” “แย่ละ คุณแม่ออกมาแล้ว” จางเรยได้ยินเสียงห้องน้ำ แล้วรีบวางรองเท้าแตะไว้ที่เดิม แล้วรีบวิ่งไปตรงหน้าต่างปิดหน้าต่างอีกด้วย ทันใดนั้นเอง ขณะที่แม่จางเรยเดินออกมา ผีในบ้านก็หายไปเลย “จวน เธอเป็นอะไรเนี่ย ” แม่จางเรยเห็นถึงความหวาดกลัวของโจวจวน แล้วเอ่ยถามอย่างน่าสงสัย “พี่ พี่พักอยู่บ้านนี้ ไม่เคยเห็นว่ามันมีอะไรแปลกประหลาดหรอ”โจวจวนถามอย่างเสียงสั่น ขนลุกซู่ไปทั้งตัว แม่จางเรยสะบัดหัวตอบอย่างสงสัย “ไม่นะ ฉันอยู่นี่มาหลายปี ปกติทุกอย่างหนิ เธอเจออะไรหรอ” โจวจวนพยับหน้าถี่ ๆ แล้วรีบวิ่งมาข้างแม่จางเรย ดึงชายเสือของเธอแล้วตอบว่า“ใช่ค่ะพี่ ตะกี้ฉันเจอผีในบ้านพี่ แล้วผียังมาตีฉันด้วย บ้านนี้มันมีผีนะ” “ผีเหรอ” แม่จางเรยทำหน้าอึ้ง นางอยู่มาเกือบทั้งชีวิต ยังไม่เคยเห็นผีเลย “ใช่ ผีค่ะพี่ บ้านพี่มีผี คุณพี่ ฉันว่าพี่ก็ไม่ต้องอยู่บ้านนี้แล้ว รีบย้ายออกไปเลย ไม่แน่ว่าวันไหนคืนไหน ผีจะมาหาบนเตียงพี่นะ” “พูดจาเลวไหลมั่วซั่ว” แม่จางเรยเห็นว่านางหลอน ๆ ก็ตะโกนตอบออกไปอย่างดัง โจวจวนตกใจตัวสั่นอีกครั้ง แม่จางเรยพูดต่ออีกว่า “จวน พี่รู้ว่าเธออยากได้บ้านพี่ แต่ก็ไม่จำเป็นที่ต้องมาหลอกหลอนพี่ สาปช่างพี่ไหม” “ไม่ใช่ค่ะพี่ มัน มันมีผีจริง ๆนะ พี่ต้องเชื่อฉันนะ ” “พอสักทีเถอะ ถ้ามันมีผีอยู่จริง ก็ฉันกับจางเรยอยู่บ้านนี้ ไม่ใช่แก ถ้าแกกลัวขนาดนี้ ก็ดีเลย ประตูอยู่ทางนั้น” แม่จางเรยโกรธเธอจนมือไม้สั่น แล้วก็ชี้ประตูบ้านไล่เธอออกไป 
已经是最新一章了
加载中