ตอนที่731ฉันไม่หวังว่าเธอจะต้องเข้มแข็งขนาดนี้   1/    
已经是第一章了
ตอนที่731ฉันไม่หวังว่าเธอจะต้องเข้มแข็งขนาดนี้
ตอนที่731ฉันไม่หวังว่าเธอจะต้องเข้มแข็งขนาดนี้ เช้าวันรุ่งขึ้นของวันที่สองดราณีตื่นขึ้นมาเพราะเสียงตรวจคนไข้ของหมอประจำโรงพยาบาลเธอลืมตาขึ้นเห็นเสนานีกำลังปรนนิบัติป้อนข้าวป้อนน้ำให้ทยุติอยู่ด้านข้าง เธอสะลึมสะลือลุกขึ้นแล้วเรียก'แม่'ตัวเธอเองก็ยังไม่ค่อยได้สติอยู่เท่าไร "ตื่นแล้วหรือลูก"เสนานีชี้ไปที่โต๊ะด้านข้างที่มีโจ๊กและซาลาเปาวางอยู่"แม่ซื้ออาหารเช้ามาให้แล้วไปล้างหน้าล้างตาแล้วมากินซะตอนยังร้อนๆ" รู้สึกว่าช่วงนี้เธอเหนื่อยจนหมดแรงไม่มีชีวิตชีวาตอนเช้าเห็นเธอหลับลึกขนาดนั้นเสนานีเลยไม่อยากปลุกให้เธอตื่น ดราณีพยักหน้ารีบไปล้างหน้าล้างตาอย่างรวดเร็วแล้วนั่งลงที่หน้าโต๊ะก้มหน้าก้มตากินมื้อเช้า ทยุติมองดูลูกสาวสุดที่รักมีรอยช้ำเป็นจ้ำเพราะนอนฟุบเฝ้าไข้ตนรู้สึกปวดใจจึงพูดขึ้นว่า"เสนานีจะให้ดราณีอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนี้ก็ใช่เรื่องไม่อย่างนั้นให้ลูกกลับไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยเถอะ" ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะทำงานสะดวกดราณีไม่เคยไปพักที่มหาวิทยาลัยเลย เดิมทีเสนานีก็คิดแบบนั้นแต่หลังจากที่เธอรู้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวตนกับชนัยก็ไม่ค่อยวางใจสักเท่าไร เห็นลูกต้องนอนบีบตัวบนเตียงเล็กๆเช่นนี้ทุกวันผู้เป็นแม่ทุกข์มากกว่าใครแต่ยอมที่จะเหนื่อยสักนิดลำบากสักหน่อยก็ดีกว่าให้เธอเดินผิดทาง "เราไม่ได้จองที่พักในมหาวิทยาลัยก่อนอีกอย่างหอพักที่มหาวิทยาลัยก็จำกัดเวลาเข้าออกต้องกลับดึกดื่นทุกวันเขาก็ไม่ยอมให้เข้าหอพักอยู่ดี"เสนานีไม่ได้บอกทยุติเรื่องเกี่ยวกับชนัยที่เธอกำลังเป็นห่วงอยู่เพราะไม่อยากให้เขาต้องมาเป็นกังวลเรื่องแบบนี้อีก ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องฟื้นฟูร่างกายให้เร็วที่สุด ทยุติยังคงเป็นห่วงอยู่"ถ้าอย่างนั้นให้ดราณีไปพักกับหมุยก่อนสักสองวันดีไหม?" หมุยเป็นชื่อเล่นของอาสาวเมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้นเสนานีพูดค้านเป็นคนแรก"เดิมทีคุณเข้าโรงพยาบาลก็รบกวนพวกเขาอยู่แล้วแล้วจะให้ดราณีไปเป็นภาระครอบครัวเขาอีกหรือ..." "เราเป็นคนครอบครัวเดียวกันอีกอย่างมันไม่มีทางเลือกอื่นนี่หน่า"ทยุติยืนกราน"ตอนกลางวันลูกอยู่ที่มหาวิทยาลัยกินข้าวที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยได้ตอนกลางคืนต้องหลับต้องนอนก็ต้องวิ่งมานอนที่นี่ถึงเวลานั้นร่างกายฉันแข็งแรงดีแล้วแต่ลูกหล่ะไม่เหนื่อยตายก่อนเหรอ!" ทยุติพูดอย่างรวดเร็วอาจจะสำลักอะไรบางอย่างเลยไอใหญ่ ดราณีตกใจรีบเดินไปที่ข้างเตียงผู้เป็นพ่อ"พ่อคะหนูไม่เป็นไรไม่ต้องกังวลเรื่องของหนูหรอกคะ" "จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง!"ทยุติเป็นห่วงเธอในสายตาของเขาดราณียังเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ"ลูกไม่อยากไปอาศัยบ้านอาเขาเหรอ?" ประเด็นกลับมาที่เรื่องของเธอดราณีมองสีหน้าของเสนานีแวบหนึ่งเงียบไปพักหนึ่งไม่รู้จะตอบผู้เป็นพ่ออย่างไรกลัวว่าพ่อกับแม่จะต้องทะเลาะกันเพราะเรื่องของเธอ ท้ายที่สุดเสนานีทนต่อไปไม่ไหวเลยต้องยอมอ่อนข้อให้"เอาอย่างที่คุณพูดก็ได้อยากให้ลูกไปอาศัยกับอาฉันก็ไม่ขัดจะร้อนรนอะไรหนักหนาตอนนี้คุณไม่สบายอยู่ต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองรู้ไหม?" ทยุติเห็นเธอยอมอ่อนข้อให้เลยค่อยๆคลายอารมณ์ลง"ดราณีตอนกลางคืนลูกไปอาศัยบ้านอานอนไปก่อนนะรอให้พ่อร่างกายดีขึ้นกว่านี้ลูกก็ไม่ต้องมาเฝ้าพ่อทุกวันแล้ว" "หนูรู้แล้วคะพ่อ"ถึงแม้ว่าในใจดราณีจะไม่อยากไปแต่เธอก็จำใจพยักหน้ารับปากอย่างว่าง่าย"ไม่ต้องโมโหคะหนูยังเด็กอยู่วิ่งไปวิ่งมายังไหวสบายมาก" ลูกเป็นเด็กดีมากแต่ทยุติก็ยังรู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกผิดต่อลูก ในฐานะของพ่อแม่นอกจากไม่สามารถเลี้ยงดูลูกให้สบายได้แล้วยังต้องมาเป็นภาระให้ลูกต้องมาดูแลตัวเองอีกไม่ว่าจะในฐานะผู้เป็นพ่อหรือในฐานะของสามีทยุติรู้สึกผิดต่อลูกและภรรยามาก ชายที่อายุเกือบจะห้าสิบดำเนินชีวิตด้วยความสุจริตตลอดมาแสดงออกและพูดคำหวานไม่ค่อยเป็นได้แต่เอาสิ่งเหล่านั้นเก็บงำไว้ในใจรู้สึกอยากให้โรคที่รุมเร้าอยู่นี้หายไวๆไม่อยากเป็นภาระให้กับลูก หลังจากกินอาหารกลางวันเสร็จดราณีก็ออกจากโรงพยาบาลเดินทางไปมหาวิทยาลัยเธอยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายเธอไม่ได้สังเกตเห็นว่าโทรศัพท์มือถือที่ใส่ไว้ในกระเป๋าปรับเป็นโหมดสั่น สิบนาทีต่อมาเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำจอดอยู่ข้างทางตอนแรกเธอไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั่งรถคันนั้นลดกระจกหน้าต่างลงเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย นี่ไม่ใช่ผู้จัดการของมูตี้คลับเฮาส์หรือ? ดราณีรู้สึกไม่คาดคิดเล็กน้อย"ผู้จัดการ?" "คุณดราณีท่านชนัยให้ผมมารับคุณรีบขึ้นรถมาสิ"ผู้จัดการพูดพลางไม่ลืมที่จะยิ้มให้เธออย่างสุภาพท่าทีดูใจดีและเป็นมิตร ด้านหลังมีรถบีบแตรไล่ดราณีไม่มีเวลาถามต่อรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง รถขับแล่นออกไปส่วนตัวเธอก็อดที่จะสงสัยไม่ได้"คุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่?" พูดไปผู้จัดการก็รู้สึกลำบากใจ"ท่านชนัยบอกผมว่าตอนบ่ายโมงครึ่งคุณต้องไปเข้าเรียนท่านกำชับให้ผมมารับคุณไปที่มหาวิทยาลัยตอนแรกผมไปรออยู่ที่ประตูหลังแต่ไม่เห็นคุณออกมาโทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ก็เลยขับรถออกมาดูที่ประตูด้านหน้า" ดราณีหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูอย่างรวดเร็วบนหน้าจอสายที่ไม่ได้รับตั้งเจ็ดแปดสาย เธอรีบขอโทษอย่างรวดเร็ว"ต้องขอโทษด้วยนะคะพอดีเมื่อครู่ฉันกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่เลยไม่ได้ดูโทรศัพท์" "ไม่เป็นไรครับคุณก็พูดเกินไป"ผู้จัดการไม่สามารถรับคำขอโทษของเธอได้พูดต่อว่า"มารับคุณได้พอดีตอนแรกผมก็กลัวว่าจะหาคุณไม่เจอ" เพิ่งจะคุยจบหน้าจอของโทรศัพท์ก็สว่างขึ้นอีกครั้งดราณีมองไปที่หน้าจอก็เห็นชนัยโทรเข้ามา คนๆนี้คงจะกะเวลาถูกก็เลยโทรมาล่ะสิ? ดราณีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู"สวัสดีคะ?" "เธอขึ้นรถหรือยัง?" "ขึ้นแล้วคะ"ดราณีมองรถบัสในตอนเที่ยงที่แล่นอยู่ด้านนอกกระจกรถมองผ่านกระจกใสแผ่นใหญ่เห็นเด็กใส่ชุดนักเรียนแล้วก็ผู้ใหญ่ที่กำลังจะไปทำงานยืนเบียดเสียดกันอยู่ในรถเมล์ท่าทางของพวกเขาช่างเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน ตอนแรกเธอก็ควรจะเป็นหนึ่งในนั้นเป็นพราะชนัยเธอถึงไม่ต้องไปเบียดเสียดในรถเมล์ "อีกพักหนึ่งฉันจะต้องไปประชุมที่โรงแรมก็เลยไปส่งเธอด้วยตัวเองไม่ได้" ดราณีอ้าปากค้าง“อุ๊ย…ไม่ต้องค่ะฉันไปเองได้" เธอไม่ค่อยสนใจสักเท่าไรแต่ชนัยรู้สึกใจแป้วนิดหนึ่งพวกเขาเพิ่งจะคบกันเขาอยากอยู่ใกล้ๆเธอตลอดเวลาไม่อยากห่างเธอแม้แต่วินาทีเดียว "ฉันไม่หวังว่าเธอจะต้องเข้มแข็งขนาดนี้"ชนัยถอนหายใจอย่างเงียบๆตอนแรกๆก็เพราะนิสัยเข้มแข็งของเธอดึงดูดให้เขาเข้าใกล้เธอแต่พอคบกันเขากลับอยากให้ดราณีอ่อนแอบ้างพึ่งพาเขาบ้าง ดราณีกัดริมฝีปากไม่รู้จะตอบเขาอย่างไร ที่จริงเธอไม่ได้อยากเข้มแข็งขนาดนี้เธอแค่กลัวว่านิสัยของเธอจะกลายเป็นความรำคาญให้กับเขา แต่อย่างไรก็ดีคำอธิบายแบบนี้เธอพูดไม่ออกพูดไปก็เหมือนเธอคุยโม้อยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง ชนัยรออยู่ครู่หนึ่งเธอก็ไม่ตอบกลับสักทีก็เลยพูดเองว่า"ตอนเย็นฉันจะรีบทำงานให้เสร็จแล้วไปรับเธอนะไปทานข้าวดูหนังเสร็จแล้วค่อยกลับไปส่งเธอ" "ได้ค่ะ"ไม่รู้เพราะอะไรดราณีรู้สึกอับเฉาอย่างบอกไม่ถูกรู้สึกเหมือนว่าคำพูดของชนัยพูดแทงใจดำเธอ "ถ้าอย่างนั้นฉันวางสายนะ?" "อย่าเพิ่งค่ะ......" ชนัยไม่คิดว่าเธอจะห้ามเขานิ้วที่จะกดวางสายหยุดชะงักหยิบโทรศัพท์มาแนบหูเหมือนเดิม"มีอะไรอีกหรือป่าวคะ?"
已经是最新一章了
加载中