ตอนที่ 1 กลับชาติมาเกิด
1/
ตอนที่ 1 กลับชาติมาเกิด
แม่ทัพผู้เลิศล้นของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 1 กลับชาติมาเกิด
ตอนที่ 1 กลับชาติมาเกิด ลมหนาวพัดโชยมาทางทิศเหนือ ท้องฟ้าในคืนฤดูหนาวค่อยๆสว่างขึ้น ในห้องด้านล่างยังคงสะลึมสะลือ จ้าวชิงหยิงนอนอยู่บนเตียง ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นก็รู้ว่านอนหลับไม่สบายเท่าไหร่ เสียงทำกับข้าวค่อยๆดังขึ้นภายในหมู่บ้าน ชาวนาไม่ค่อยมีเวลาว่าง ถึงแม้ว่าจะเป็นวันที่หนาวมาก ก็มีคนจำนวนไม่น้อยลุกขึ้นมาก่อฝืนและทำกับข้าว ห้องที่สว่างที่สุดในลานบ้านก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังขึ้น ดูเหมือนว่าแม่หลินตื่นแล้ว จ้าวชิงหยิงมีความคิดที่คลุมเครือ แต่แขนขากลับไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถหลุดพ้นจากความฝันได้ ในลานบ้านสีแดงขนาดใหญ่เหมือนในความฝัน สาวใช้คนหนึ่งกำลังหวีผมมวยทั้งสองข้าง เสื้อผ้าทำมาจากผ้าไหมสีสว่างสดใสและเรียบเนียน เธอก้มหน้าลง ดูเหมือนว่าจะไม่กล้าเผชิญหน้ากับคนคนนั้นที่อยู่ตรงหน้า เสียงเบาราบกับยุงบินผ่าน “ ซื่อจื่อเฟยเพคะ เมื่อครู่นี้ลานด้านหน้ามาส่งข้อความว่า วันนี้ซื่อจื่อไม่ว่าง ไม่ได้มาแล้ว หากฟูเหรินรู้สึกไม่สบาย ก็ให้เรียกหมอหลวงมาตรวจดูอีกครั้ง ” ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเหมือนจะนิ่งไปครู่ใหญ่ๆ จากนั้นพูดขึ้นมาเบาๆด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ ไม่ว่าง? ไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องสำคัญอะไร ถึงได้เร่งด่วนมากว่าภรรยาที่ใกล้จะป่วยตายอย่างข้าอีก ” “ ฟูเหริน......” “ ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าไม่อยากฟัง ” ผู้หญิงไอออกมาสองครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามระงับอาการไอไว้ ไม่ให้หลุดออกมาต่อหน้าคนที่อยู่ข้างๆ สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอกก็รู้ถึงกฎเกณฑ์ของเจ้านายท่านนี้ ก้มหน้าลงและกลั้นหายใจ ไม่มองหน้าตาที่ป่วยและอ่อนแอของฝ่ายตรงข้าม ผ่านไปสักพักหนึ่ง ในที่สุดเสียงไอเบาลงเล็กน้อย ผู้หญิงคนนั้นปฏิเสธที่จะดื่มชาเพื่อให้ชุ่มคอและถามอย่างฝืนแรงว่า “ ใครมาแจ้งข้อความ? ” สาวใช้เผยสีหน้าออกมาอย่างอดไม่ได้ “ ซื่อจื่อเฟย… ” “ พูดมา! ” สาวใช้ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ แม่นางหยุ่นหุ้ยเพคะ” “ หยุ่นหุ้ย……” ผู้หญิงยิ้มบางๆออกมา ไม่รู้ว่าเสียดสีคนอื่นหรือเยาะเย้ยตัวเอง “ นางงั้นรึ สู้ไม่ได้ สู้ไม่ได้จริงๆ นางดูแลปรนนิบัติซื่อจื่อมาหลายปี เพราะเฉินหวังเฟยมอบให้ ความสัมพันธ์ฉันมิตรหลายปีมานี้ คนนอกอย่างฉันจะไปเทียบได้ที่ไหนกัน ” เห็นได้ชัดว่าเป็นถึงซื่อจื่อเฟย แต่กลับพูดว่าตัวเองเป็นคนนอก หากเป็นบ้านของคนอื่นจะต้องถูกหัวเราะเยาะแน่ แต่ในตำหนักของอ๋องเยียน สาวใช้กลับรู้ว่าซื่อจื่อเฟยไม่ได้พูดผิด ซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยเพิ่งจะแต่งงานกันมาแค่หนึ่งปีเท่านั้น แต่ยิ่งกว่าคนแปลกหน้ากันอีก ซื่อจื่อเฟยป่วยหนักจะกลายเป็นแบบนี้ คนรับใช้อย่างพวกเธอแอบซื่อจื่อเฟยไปขอร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ลานด้านหน้า แต่ผลลัพธ์กลับผิดหวังมากขึ้น สาวใช้รู้ว่า ถึงแม้ซื่อจื่อเฟยจะปากแข็ง ไม่อนุญาตให้พวกเธอไปขอร้องซื่อจื่อ แต่กลับหลับหูหลับตาทำเป็นไม่เห็นการกระทำของพวกเธอ เห็นได้ชัดว่าซื่อจื่อเฟยก็อยากเจอซื่อจื่อ แต่ว่า ไม่เลย ซื่อจื่อไม่เคยมาเลยสักครั้ง จ้าวชิงหยิงยังคงนอนหลับตาอยู่บนเตียงไม้พังๆ แต่หางตากลับมีน้ำตาไหลรินลงมาไม่หยุด จนหมอนเปียกไปหมด จ้าวชิงหยิงรู้ว่าตัวเองนั้นกำลังฝันร้าย แม้แต่ในความฝัน ความทรงจำในอดีตที่ผ่านมาก็ไม่ยอมปล่อยตัวเองไปและยังพาเธอกลับมาตำหนักอ๋องเยียนอีก พาเธอกลับมายังการแต่งงานที่ล้มเหลวครั้งนั้นของเธอ อันที่จริงเดิมทีแล้วเธอไม่ได้ชื่อว่าจ้าวชิงหยิง และก็ไม่ใช่ผู้หญิงในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ ครอบครัวพ่อแม่ของเธอมีอำนาจและมีชื่อเสียงอย่างมาก ชื่อเดิมของเธอคือซูซิ้ว เป็นหลานสาวคนโตของตำหนักยินโก๋กง ท่านพ่อเป็นลูกชายคนโตเพียงคนเดียวของตำหนักยินโก๋กง ท่านแม่เป็นลูกสาวคนเดียวของโซ้วคัง เธอเกิดมาในครอบครัวแบบนี้ ฐานะทางสังคมค่อนข้างไม่ธรรมดาอย่างมาก เพราะว่าฐานะสูงส่ง ตั้งแต่เล็กซูซิ้วก็ไม่ยอมคนอย่างมาก ต่อมาแต่งงานก็ไม่ได้ทำให้เธออ่อนลง เธอพึ่งพาอำนาจของท่านยาย หมั้นหมายกับโจวเฉินทั่นลูกชายคนเดียวของอ๋องเยียน หลังจากประกาศการแต่งงานนี้ทุกคนในเมืองต่างก็พากันตกใจ คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงโซ้วคังกลับสามารถหมั้นหมายซูซิ้วให้กับลูกชายคนเดียวของอ๋องเยียนได้ เมื่อพูดถึงอ๋องเยียน มองไปทั่วทั้งแผ่นดิน ไม่ว่าจะชายหรือหญิง คนแก่หรือเด็ก ก็เคยได้ยินชื่อเสียงอันโด่งดังของเขา ฮ่องเต้องค์ก่อนแสดงให้เห็นว่าปลายรัชสมัยเกิดความวุ่นวายมาก ปู้กุ้ยเฟยใช้อำนาจบาตรใหญ่ ใช้ขุนนางยึดกุมราชสำนัก หากไม่ใช่เพราะอ๋องเยียนส่งทหารมาปกป้องบ้านเมืองได้ทันเวลา กำจัดความโกลาหลและสังหารขันทียกคณะ เกรงว่าวันข้างหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างมาก อ๋องเยียนปกป้องราชวงศ์ให้อยู่ในความสงบอย่างสุดความสามารถ เมื่อฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นพระชนม์ ก็ให้การสนับสนุนฮ่องเต้องค์ใหม่ที่มีอายุเพียงแปดปีสืบทอดราชบัลลังก์ ราชวงศ์ต้าโจวอยู่ในอาณัติของฮ่องเต้หนุ่ม ในปีที่สองชายแดนหลายที่ถูกศัตรูรุกราน อ๋องเยียนขอเข้าร่วมรบและนำทัพออกเมืองไปปราบปราม ในขณะที่ซูซิ้วป่วยหนักอยู่บนเตียงไม่กี่วันนั้น นักรบแนวหน้าก็ส่งข่าวมาบอกว่าอ๋องเยียนรบชนะอย่างยิ่งใหญ่ หลังจากที่แจ้งว่างว่าได้ชัยชนะ ราชสำนักต่างก็โห่ร้องด้วยความดีใจ บอกว่าไม่ต้องเกรงใจ ฮ่องเต้น้อยยังเด็ก เชียนไท่โฮ่วอ่อนแอ เหล่าขุนนางก็ไม่เป็นระเบียนมากยิ่งขึ้น ในตอนนี้ทั่วทั้งแผ่นดินของต้าโจวล้วนพึ่งการปกป้องจากอ๋องเยียนเพียงคนเดียว อ๋องเยียนมีลูกชายแค่คนเดียวคือ ‘โจวเฉินทั่น’ ในฐานะที่ซูซิ้วเป็นภรรยาของโจวเฉินทั่น พ่อสามีสร้างวีรกรรมในสงครามหลายต่อหลายครั้ง เธอควรจะรู้สึกเป็นเกียรติเช่นกัน น่าเสียดายที่ความมีเกียรติของตำหนักอ๋องเยียนเป็นแค่ของตำหนักอ๋องเยียนเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องใดใดกับเธอที่เป็นซื่อจื่อเฟย บางครั้งซูซิ้วก็คิดว่า ตอนที่เธอเพิ่งจะแต่งงานกับโจวเฉินทั่น เห็นได้ชัดว่าก็เคยผ่านช่วงเวลาที่รักกันอย่างลึกซึ้งมาก่อน เหตุใดหลังจากนั้นเขาถึงเย็นชาไปในทันทีล่ะ? เธอยังคงจำคืนแต่งงานแรกวันนั้นได้ ในขณะที่โจวเฉินทั่นเปิดผ้าคลุมหน้า จงใจหลีกเลี่ยงทุกคน ยิ้มแล้วพูดกับเธอว่า “ ดูสิ ข้าหาเจ้าเจอแล้วนะ ” ซูซิ้วสับสนทันที นี่หมายความว่าอย่างไร? แต่สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันก็มักจะเขินอายต่อกัน โจวเฉินทั่นถือว่าความเงียบของเธอเป็นความเขินอาย ยิ้มบางๆและไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก หญิงสาวคนไหนไม่โหยหาความรักบ้าง ซูซิ้วได้ยินคุณงามความดีอันโด่งดังของอ๋องเยียนมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ได้แต่งงานกับลูกชายคนเดียวของอ๋องเยียน ฝ่ายตรงข้ามยังรูปงาม หัวใจของซูซิ้วถูกโจมตีในทันที กลายเป็นภรรยาของโจวเฉินทั่นด้วยความกังวลและชื่นชอบ หลังจากนั้นหนึ่งเดือน พวกเขาสองคนเต็มไปด้วยความรักจนแทบจะตัวติดกัน ซูซิ้วมีความสุขราวกับตกลงไปในโถน้ำผึ้ง เธอเติบโตขึ้นมาจากการเห็นแม่ได้รับความโกรธแค้นจากอนุภรรยาตั้งแต่เด็ก เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า การแต่งงานของตัวเองจะเต็มไปด้วยความสุขได้ แต่ว่าเธอก็ได้ประเมินความเมตตาของสวรรค์ผิดไป ดอกไม้ยังมีวันเหี่ยวแห้ง เยาว์วัยก็มีวันแก่เถ้า สิ่งของที่สวยงามมักจะอยู่ได้ไม่นาน เพียงแค่หนึ่งเดือน โจวเฉินทั่นก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว วันนั้นเขามองเธออย่างเย็นชาและซักถามว่า “ เหตุใดเจ้าต้องโกหก? เหตุใดต้องปลอมแปลงเป็นคนอื่นด้วย? ” อะไร? ในตอนนั้นเธอกำลังเย็บเสื้อผ้าให้โจวเฉินทั่น เธอไม่ค่อยมีความชำนาญเย็บปักถักร้อยมากนัก เพราะว่าเทียบกับหลิวไอ้ไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ชอบทำมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้เธออยากทำเสื้อผ้าให้โจวเฉินทั่นด้วยมือของตัวเอง จนนิ้วมือเต็มไปด้วยรอยเข็มก็ไม่สนใจ เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเฉินทั่น ซูซิ้วก็สับสนงุนงง โกหกอะไรกัน? ปลอมเป็นคนอื่นอะไรกัน? ตั้งแต่นั้นมาความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาระหว่างซูซิ้วกับโจวเฉินทั่นก็เย็นชาต่อกัน พูดได้ว่าห่างเหินกันอย่างรวดเร็ว ซูซิ้วเป็นหลานสาวคนโตของตำหนักยินโก๋กง และยังมีฐานะเป็นหลานคนโปรดของท่านยายองค์หญิงใหญ่อีก นิสัยนั้นดื้อรั้นอย่างมาก ในเมื่อโจวเฉินทั่นก็ไม่มา เช่นนั้นก็ไม่ต้องมาอีก และอย่าหวังว่าเธอจะเหมือนอนุภรรยาพวกนั้น ดิ้นรนเพื่อให้ได้รับความโปรดปราน ต่อมาพวกเขาสองสามีภรรยานับวันยิ่งแปลกหน้ากันมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นศัตรูต่อกัน สุดท้าย...ซูซิ้วก็ทุกข์ใจจนล้มป่วย เมื่ออาการป่วยเกาะกุมก็ไม่อาจลุกขึ้นได้อีกเลย โจวเฉินทั่นก็ไม่ยอมมาดูเธอเลยสักครั้งเดียว ซูซิ้วเป็นคนที่ทะนงตัวมาก แต่การแต่งงานที่ล้มเหลวนี้ได้ทำลายความภาคภูมิใจของเธอไปจนหมดสิ้น แม้แต่ตอนที่กำลังจะตายซูซิ้วก็ยังไม่เต็มใจ เธอทำผิดตรงไหนกัน? ทำไมโจวเฉินทั่นถึงไม่ชอบเธอ? ถึงแม้จะไม่ชอบก็ตาม เหตุใดแม้แต่การเจอหน้าภรรยาครั้งสุดท้ายก็ไม่ให้เธอ? อาจจะเป็นเพราะความแค้นเคืองยังไม่หมดไป วิญญาณของเธอจึงไม่ได้ไปไหน ร่องรอยไปมาอย่างงมงายอยู่พักหนึ่งแล้วกลับมาที่โลกอีกครั้ง ครั้งนี้ ในที่สุดซูซิ้วก็รู้ว่า ทำไมโจวเฉินทั่นถึงถามเธอแบบนั้น ทำไมตัวเองอยู่ๆถึงไม่เป็นที่โปรดปราน ซูซิ้วเห็นหนังสือเล่มหนึ่งใน...สีขาวโพลน เธอจึงลองเปิดดูด้วยความสงสัย จากนั้นก็ตกใจกับเนื้อหาด้านในจนตัวแข็งทื่อและสั่นเทาไม่หยุด ในหนังสือมีชีวิตของซูซิ้วอยู่ น่าเสียดายที่ตัวเอกกลับไม่ใช่เธอ แต่เป็น ‘หลิวไอ้’ น้องสาวต่างแม่ที่เป็นหนามยอกอกของเธอตั้งแต่เด็ก หนังสือเล่มนี้บอกว่าหลิวไอ้นั้น ‘การข้ามเวลา’ ซูซิ้วไม่เข้าใจว่าการข้ามเวลาคืออะไร แต่นี่เป็นเพียงแค่เรื่องราวที่ผ่านไปในหนังสือเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไร สิ่งที่ซูซิ้วสนใจจริงๆนั่นก็คือเรื่องราวเบื้องหลัง ตามเรื่องราวในหนังสือ หลังจากที่หลิวไอ้ข้ามเวลามากลายเป็นลูกสาวของอนุภรรยาที่ไม่ได้รับความโปรดปรานในตำหนักยินโก๋กง อายุเพียงแค่ 6 ปี เพิ่งจะป่วยหนักจนตาย อาจเป็นเพราะตายแล้ว จึงถูกหลิวไอ้แทนที่ได้ หลังจากที่หลิวไอ้สิงร่างแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมา ภายนอกเป็นเด็กน้อยอายุ 6 ปี แต่วิญญาณกลับเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งอายุ 26 ปี เธออาศัยความรู้ที่ทันสมัยและประสบการณ์ของผู้ใหญ่ แสร้งทำเป็นโง่เขลา ล่อลวงให้ติดกับ ไม่เพียงแต่ช่วย ‘หันซื่อ’ แม่แท้ๆของตัวเองให้กลายเป็นอนุภรรยาที่ได้รับความโปรดปรานในตำหนักยินโก๋กง และยังสั่งสอนน้องชายแท้ๆของตัวเองอย่างดีว่า เขาจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นซื่อจื่อของตำหนักยินโก๋กงด้วยฐานะลูกของอนุภรรยา และตอนที่หลิวไอ้อายุ 13 ปีก็ได้ช่วยชีวิตชายที่ปิดบังใบหน้าคนหนึ่ง เธอไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของตัวเอง แต่อีกฝ่ายจับมือเธอไว้และไม่ยอมให้เธอไป เธอไม่มีทางเลือกจึงนำหยกประจำตัวออกมาและให้เขาค้นหาด้วยความสามารถของตนเอง เมื่อซูซิ้วอ่านถึงตรงนี้ก็หัวเราะออกมาด้วยความเศร้าและยิ้มทั้งน้ำตา ไม่แปลกใจเลยที่ตอนเด็กเธอมักจะถูกผู้ใหญ่ตำหนิว่าไม่รู้เรื่องเท่าหลิวไอ้ ไม่ว่าเธอจะเรียนรู้อะไรเธอก็ไม่ดีเท่าหลิวไอ้ เดิมทีตัวเธอเองคิดว่าหลิวไอ้อาจจะเป็นคนที่เกิดมาเฉลียวฉลาดจริงๆ มาคิดดูตอนนี้ หลิวไอ้ไม่ใช่เด็กเลยแม้แต่น้อย อายุของเธอนั้นเทียบได้กับแม่ของซูซิ้วอีก วิญญาณที่อาศัยอยู่ในร่างของเด็กน้อยคนหนึ่ง ไม่แปลกใจเลยที่จะทำอะไรอย่างละเอียดรอบคอบ มิน่าล่ะคืนวันแต่งงานวันนั้นโจวเฉินทั่นถึงบอกกับซูซิ้วว่า “ เห็นไหม ข้าหาเจ้าเจอแล้ว ” ไม่แปลกใจเลยที่หลังจากนั้นโจวเฉินทั่นบอกว่าเธอโกหก เป็นอย่างนี้นี่เอง เป็นอย่างนี้นี่เอง! ซูซิ้วโกรธจนดวงตาแดงก่ำ แม่ของเธอ ‘เว่ยซื่อ’ เป็นลูกสาวขององค์หญิงโซ้วคัง องค์หญิงใหญ่มีลูกสาวเพียงแค่คนเดียว เป็นไปได้ว่าอาจจะถูกตามใจจนเป็นนิสัย ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรเว่ยซื่อวางตัวเป็นผู้หญิงสูงส่ง ท่าทางเย็นชา ไม่ยอมเอาอกเอาใจสามีและไม่ยอมทำตัวอ่อนโยน ซูซิ้วเห็นแม่เฝ้ารออย่างโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวตั้งแต่ค่ำจนถึงรุ่งเช้ามาตั้งแต่เด็ก ก็ไม่สามารถรอการมาของสามีได้ และในช่วงลานั้น พ่อของซูซิ้ว ‘ซื่อจื่อ’ของตำหนักยินโก๋กงส่วนมากอยู่ที่เรือนของ ‘หันซื่อ’ ซูซิ้วสงสารแม่อย่างสุดหัวใจ และก็เกลียดเมียน้อยสุนัขจิ้งจอกที่เรือนตะวันตกคนนั้น แต่เธอเป็นคุณหนูคนโต ไม่อาจจะลดตัวเองไปมีเรื่องกับภรรยาน้อยคนหนึ่งได้ ดังนั้นเธอจึงพยายามตั้งใจเรียนอย่างหนักเพื่อต้องการเทียบกับหลิวไอ้ลูกสาวของเรือนตะวันตกนั้นให้ได้ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ไม่ว่าซูซิ้วจะใช้ความพยายามส่วนตัวมากแค่ไหน ก็ทำได้ไม่ดีเท่าหลิวไอ้ หลิวไอ้สามารถเล่นเพลงแปลกใหม่ได้ ทำให้อาจารย์สอนพิณประหลาดใจอย่างมาก เธอคิดค้นหมากรุกห้าเม็ด หมากฮอสจีน และดึงดูดให้พี่น้องในตระกูลมาแข่งขันกัน บางครั้งหลิวไอ้ยังสามารถพูดบทกวีประณีตงดงามออกมาอย่างธรรมดาได้ แต่เมื่อถามหลิวไอ้ก็จะยิ้มบางๆและบอกว่าตัวเองนึกออกได้แค่ประโยคนี้ที่เหลือลืมไปแล้ว บทกวีที่ลึกซึ้งและละเอียดอ่อนเช่นนี้ ไม่มีใครเชื่อว่าหลิวไอ้นั้นลืมจริงๆ รู้สึกแค่ว่าเธอไม่กล้าแสดงฝีมือ ด้วยเหตุนี้ทุกคนในตำหนักจึงยิ่งให้ความสำคัญกับเธอมากยิ่งขึ้น ภายใต้แรงกดดันของน้องสาวต่างแม่ ความกดดันของซูซิ้วนั้นพูดได้ว่ามีอย่างมาก โชคดีที่ฐานะของซูซิ้วสามารถสลัดหลิวไอ้ออกไปได้ ภายใต้การสนับสนุนขององค์หญิงโซ้วคัง ซูซิ้วกับโจวเฉินทั่นตำหนักอ๋องเยียนได้หมั้นหมายกัน ซูซิ้วเคยแอบคิดอยู่ในใจครั้งหนึ่งว่า ในที่สุดเธอก็ชนะหลิวไอ้ได้ครั้งหนึ่ง มองออกไปไกลทั่วเมืองหลวง ไม่มีใครฐานะสูงส่งไปกว่าโจวเฉินทั่นอีกแล้ว ถึงแม้ว่าหลิวไอ้จะพยายามมากแค่ไหน ตระกูลของสามีในอนาคตก็ต้องต่ำต้อยกว่าตัวเองอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่เรื่องราวของโลกมันช่างน่าตลกแบบนี้ หลิวไอ้เคยช่วยชีวิตผู้ชายคนหนึ่งไว้ที่วัด และบังเอิญว่าคนคนนั้นก็คือ โจวเฉินทั่น ในตอนนั้นหลิวไอ้เคยเอาป้ายหยกให้เขาเพื่อที่จะหนีไป หยกนั้นเป็นปลาคู่ เดิมทีแล้วเป็นคู่กัน เป็นของที่คนข้างนอกทำมาให้แก่ซูซิ้ว เธอรู้สึกว่าการแกะสลักนั้นประณีตดีจึงแบ่งอีกครึ่งหนึ่งให้หลิวไอ้ เดิมทีแล้วป้ายหยกนั้นเป็นของซูซิ้ว หลิวไอ้กลัวว่าตัวเองจะประสบปัญหาจึงหยิบของซูซิ้วไปเพื่อหลีกเลี่ยง ซูซิ้วให้ของนี้เป็นการส่วนตัว ถ้าหากมีคนมาหาในภายภาคหน้า คนที่ต้องรับผิดก็คือซูซิ้ว โจวเฉินทั่นได้ตกหลุมรักหญิงสาวลึกลับที่ช่วยชีวิตเขาไว้ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ถึงแม้จะไม่ได้เห็นหน้า แต่ก็ตัดสินใจจะแต่งงานกับเธอ ด้วยความเข้าใจผิด โจวเฉินทั่นจึงใช้ชิ้นส่วนของหยกอีกครึ่งหนึ่งหาซูซิ้วเจอและได้หมั้นหมายกับซูซิ้ว เขาคิดว่าซูซิ้วคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต หลังจากแต่งงานเดือนแรกทั้งสองคนรักใคร่หวานซึ้ง แต่หลังจากแต่งงานเดือนที่สอง ซูซิ้วกลับไปที่บ้านของพ่อแม่ โจวเฉินทั่นก็ไปเป็นเพื่อนเธอด้วย และได้เจอหลิวไอ้น้องสาวของภรรยาที่ตำหนักยินโก๋กง ซูซิ้วถูกตอบแทนบุญคุณ ถูกโกหก และถูกทอดทิ้งโดยที่ไม่รู้ตัว พี่สาวที่โหดร้ายหลอกลวงความรู้สึกและแทนที่ด้วยบุญคุณถูกเปิดโปง หลังจากนั้นชีวิตแต่งงานก็ไม่มีความสุข ซูซิ้วมีนิสัยซื่อตรง โจวเฉินทั่นยิ่งไม่สนใจเธอ เธอยิ่งอยากจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ซูซิ้วจัดการดูแลตำหนักอ๋องเยียนด้วยตัวเอง ปรับปรุงที่ดินกับร้านค้าของตำหนักอ๋องเยียนอย่างเด็ดขาด ทั้งปราบปรามผู้คนรอบตัวโจวเฉินทั่น แข่งขันกับ ‘หยุ่นหุ้ย’สาวใช้ข้างกายที่ปรนนิบัติรับใช้โจวเฉินทั่น ซูซิ้วคิดว่าตราบใดที่ตัวเองทำได้ดีพอ โจวเฉินทั่นก็จะเห็นความดีของเธอและเปลี่ยนใจ แต่เธอตุ๋นตัวเองทั้งเป็น ตุ๋นจนตาย โจวเฉินทั่นก็ไม่เปลี่ยนใจ หากว่าเรื่องราวมาถึงแค่ตรงนี้ ซูซิ้วนอกจากถอนหายใจที่ตัวเองไร้โชค ไม่มีวาสนาพอที่จะอยู่กับโจวเฉินทั่น แค่เท่านั้น แต่เรื่องราวในหนังสือเพิ่งจะดำเนินมาถึงแค่ครึ่งเดียว จุดสำคัญที่แท้จริงเพิ่งจะมาถึง หลังจากที่ซูซิ้วลูกสาวคนโตพ่ายแพ้และตาย ตำหนักยินโก๋กงก็รู้สึกว่าซูซิ้วไม่เหมาะสม เป็นตัวอย่างไม่ดีในฐานะภรรยา ตำหนักยินโก๋กงมีเจตนาร้ายต่อโจวเฉินทั่น จึงเสนอให้หลิวไอ้ไปเป็นภรรยารอง แน่นอนว่าโจวเฉินทั่นเห็นด้วย ดังนั้นหลังจากที่ซูซิ้วเสียชีวิตได้ไม่นาน หลิวไอ้ก็แต่งงานเข้าตำหนักในฐานะภรรยารอง หลังจากที่หลิวไอ้แต่งงานเข้าตำหนักอ๋องเยียน เธออ่อนหวานนุ่มนวล ติดตามโจวเฉินทั่นไปทุกที่ โจวเฉินทั่นก็ทะนุถนอมคนที่พบเจออีกครั้งอย่างดี ทั้งสองคนรักกันลึกซึ้งและเข้าใจกันและกัน หลังจากนั้นโจวเฉินทั่นก็รักหลิวไอ้จริงๆ และยังปลดอนุภรรยาทั้งหลายเพื่อเธอ มีแค่เธอเพียงแค่เดียว จากนั้นผ่านไปหลายปีโจวเฉินทั่นสืบทอดตระกูลเยียนและกลายเป็นเสาหลักในใหม่ในราชสำนัก แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้น เขาก็ไม่มีนางสนมอีกเลย ดูสิ ซูซิ้วภรรยาคนแรก แม้แต่ตำแหน่งซื่อจื่อเฟยก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็น ซูซิ้วอ่านถึงตรงนี้ ก็ไม่อยากอ่านต่อไปแล้ว เธอปิดหนังสือและปล่อยให้น้ำตาไหลรินเต็มแก้ม พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ว่า โลกมนุษย์มีความทุกข์ทั้งเจ็ด เกิด แก่ เจ็บ ตาย ความอาฆาตพยาบาท ความพรากจากสิ่งที่รัก และความไม่สมหวัง โจวเฉินทั่นก็คือความไม่สมหวังของซูซิ้ว เธอไม่ค่อยร้องขอความชอบจากพ่อและผู้ชายอายุมากกว่ามาตั้งแต่เด็ก หลังจากที่ได้แต่งงานกับคนที่ชอบและเห็นเขาไม่สนใจเธอ จึงได้แต่ใช้ความเข้มแข็งและไม่สนใจมาปิดบังไว้ จากนั้นใช้กำลังทั้งหมดดึงดูดความสนใจเขากลับมา จนกระทั่งเธอหมดแรง ตายไปอย่างทุกข์ใจ ก็ไม่ได้เขากลับมา ที่จริงแล้วตอนที่ซูซิ้วเสียชีวิตก็รู้ว่า โจวเฉินทั่นยังหนุ่มอยู่ ตระกูลโดดเด่นล้ำเลิศ จะต้องแต่งงานอีกในอนาคตอย่างแน่นอน ด้วยอำนาจของอ๋องเยียน หญิงสาวสูงส่งที่มีภูมิหลังของตระกูลไม่ด้อยไปกว่าเธอมีมากมายในเมืองหลวงที่ต้องการแต่งงานกับโจวเฉินทั่น แต่คนคนนั้น จะเป็น‘หลิวไอ้’ ไม่ได้ ซูซิ้วอ่านครึ่งหลังของหนังสือแบบผ่านๆ เธอถึงรู้ว่าที่แท้ โจวเฉินทั่นก็เปลี่ยนใจและไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ และก็ยอมลดตัวเพื่อเอาใจผู้หญิง จนถึงขนาดไม่สัมผัสผู้หญิงคนไหนอีกเพื่อดูแลเธอเหมือนดั่งหยกอย่างไม่รู้สึกเสียใจ ซูซิ้วเห็นคำคำหนึ่งในหนังสือ ‘ผู้ชายไร้น้ำยา’ ถึงแม้ซูซิ้วจะไม่เคยได้ยิน ก็สามารถเดาความหมายของคำได้จากตัวอักษร โจวเฉินทั่นเป็นผู้ชายไร้น้ำยาหรือ? ดูเหมือนจะพูดไม่ถูก เขาก็สามารถมีความรู้สึกลึกซึ้งได้ จงรักภักดีต่อความรัก แต่ความรักอันลึกซึ้งนี้ สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้มอบให้ซูซิ้ว ซูซิ้วจิตใจโศกเศร้า ดวงตาของเธอกลับค่อยๆพร่ามัวอีกครั้ง ก่อนสูญเสียสติไป เธอเห็นหญิงสาวที่บอบบางคนหนึ่งยิ้มให้เธออย่างเขินอาย “ พี่สาวผู้มีพระคุณ ข้าจะไปหาพ่อของข้าแล้ว หกปีก่อนท่านช่วยข้าไว้ ข้าไม่สามารถตอบแทนบุญคุณได้ ได้แต่เพียงรบกวนให้ท่านมีชีวิตต่อไปแทนข้า ” ซูซิ้วสับสนงุนงงไม่รู้ว่านอนหลับนานแค่ไหน เมื่อตื่นมาอีกครั้ง เธอเห็นม่านเก่าๆ ตู้ไม้สีเทา และมือเรียวเบาขาวเนียนคู่หนึ่ง ด้านนอกดูเหมือนจะเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ผู้คนมากมายต่างเอะอะโวยวาย ซูซิ้วได้ยินคำพูดเหล่านี้ ‘สละชีพเพื่อชาติ’ ‘อ๋องเรียนรับสั่ง’ ‘มอบตำแหน่ง’ อย่างเลือนราง ซูซิ้วเดินไปที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกับร่างกายที่อ่อนแอ จ้องมองใบหน้าในกระจกเป็นเวลานาน นั่นสิ ‘ซูซิ้ว’ หลานสาวคนโตตำหนักยินโก๋กง ซื่อจือเฟยตำหนักอ๋องเยียนได้ตายไปแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป เธอคือ ‘จ้าวชิงหยิง’
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 1 กลับชาติมาเกิด
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A