ตอนที่ 2 บังคับแต่งงาน
1/
ตอนที่ 2 บังคับแต่งงาน
แม่ทัพผู้เลิศล้นของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 2 บังคับแต่งงาน
ตอนที่ 2 บังคับแต่งงาน ในที่สุดจ้าวชิงหยิงก็ได้ตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย เธอหลุดออกมาจากความฝันอย่างฉับพลัน ลืมตามองขึ้นไปบนผ้าม่านเก่าๆ ทั้งมือและเท้าแข็งทื่อ หัวใจเต้นแรง เธอฝันถึงเรื่องราวในชาติก่อนอีกแล้ว การแต่งงานที่ล้มเหลวของตัวเอง ความสิ้นหวังในขณะที่ตาย หนังสือแปลกๆในความฝัน และเมื่อครู่นี้ร่างกายของจ้าวชิงหยิงที่เพิ่งตื่นมา ความหวาดผวาและซาบซึ้งบุญคุณที่ปกคลุมไปทั่วจิตใจ ซูซิ้วผ่านมาทุกอย่างแล้ว หลังจากนั้นจะไม่มีซูซิ้วในโลกนี้อีก หลานสาวคนโตของตำหนักยินโก๋กงได้ตายไปกับซื่อจื่อเฟยแห่งตำหนักอ๋องเยียนและกลายเป็นป้ายหลุมศพที่เย็นชาอันหนึ่งแล้ว เมื่อซูซิ้วตายไป ฐานะและตำแหน่งที่เป็นของซูซิ้ว ความรักละความแค้น การตำหนิติเตียน ล้วนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอแล้ว ตายแล้วได้เกิดใหม่ก็เป็นบุญคุณที่ยิ่งใหญ่แล้ว เธอคือจ้าวชิงหยิง เธอไม่ต้องการถูกพวกคนเลวในชาติก่อนขังไว้อีกแล้ว เธอควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธอเองถึงจะถูก เมื่อคิดเช่นนี้ จ้าวชิงหยิงก็ผ่อนคลายความหวาดผวาในฝันร้ายลงอย่างช้าๆ เธอลุกขึ้นนั่ง ขยับข้อมือเบาๆ จากนั้นวางเท้าลงที่พื้นเบาๆ จ้าวชิงหยิงมาอยู่ที่นี่ประมาณหนึ่งเดือนแล้ว ในหนึ่งเดือนนี้จะว่านานก็ไม่นานจะว่าสั้นก็ไม่สั้น แต่ก็เพียงพอที่เธอจะรู้สถานการณ์ของจ้าวชิงหยิงได้ เธอกับเจ้าของร่างนั้นมีความสัมพันธ์กันเล็กน้อย ตอนที่เธอยังเป็นซูซิ้ว ปีนั้นอายุ 11ปีเธอกลับมาจากตำหนักขององค์หญิงและพบพ่อลูกคู่หนึ่งที่หน้าประตู เรื่องแบบนี้เธอไม่ค่อยเจอต่อหน้า คนขับรถม้ากลัวว่าเธอจะโมโห จึงรีบดุด่าพ่อลูกคู่นั้นให้ไปไกลๆ ซูซิ้วเปิดผ้าม่านออกและเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู หน้าตาโมโหเดือดดาลเพราะถูกคนใช้ทำให้ขายหน้า แต่เขาหันกลับไปมองดูลูกสาวที่ขี้กลัวของตัวเองจึงอดกลั้นความโกรธไว้ ข้อร้องอ้อนวอนคนเฝ้าประตูให้ให้โอกาสเขาสักครั้งหนึ่ง เขามีกำลังมาก สามารถเป็นคนดูแลรักษาความปลอดภัยของบ้านได้ ถึงจะไร้ทักษะแต่สามารถทำงานหนักๆได้ ชายคนนั้นพูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน เด็กผู้หญิงตัวเล็กผอมแห้งคนนั้นไอเบาๆบ่อยครั้ง มือเล็กจับชายเสื้อของชายคนนั้นแน่นมาโดยตลอด ทันใดนั้นใจของซูซิ้วก็เกิดความเห็นใจขึ้นมา เธอไม่ค่อยใกล้ชิดกับพ่อมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ซื่อจื่อแห่งตำหนักยินโก๋กงก็เพียงแค่ส่งเสียง ‘โอ้’ ธรรมดาเท่านั้น เขาตำหนิว่าเธอเป็นคนเนรคุณที่เลี้ยงไม่เชื่อง มักจะใกล้ชิดกับแม่และองค์หญิงโซ้วคัง แต่ใครจะรู้ว่า ซูซิ้วคุณหนูคนโตผู้เย่อหยิ่งก็เคยอยากได้ความรักของพ่อด้วย ซูซิ้วปล่อยผ้าม่านลงและสั่งคนใช้ข้างกายของตัวเองสองประโยค สาวใช้มองซูซิ้วอย่างแปลกใจ แต่ก็ลงจากรถไปอย่างเชื่อฟังและมอบเงินให้พ่อลูกคู่นั้น 22 ตำลึง ซูซิ้วเดาว่าชายคนนั้นจะต้องมาหาค่ารักษาให้แก่ลูกสาว ถึงได้รีบร้อนเช่นนี้ จนยอมอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างไม่เสียใจ เงินจำนวนหนึ่งยากที่จะเป็นฮีโร่ ใครมีชีวิตอยู่ล้วนไม่ง่ายทั้งนั้น 20 ตำลึงสักหรับซูซิ้วแล้วไม่ได้มีค่าอะไร ถ้าหากสามารถช่วยพวกเขาได้ ก็ถือว่าได้เติมเต็มความปรารถนาความรักจากพ่อในวัยเด็กของเธอให้ตัวเอง เรื่องราวต่อจากนี้เธอก็ไม่รู้เรื่องแล้ว เธอไม่ได้ปรากฏตัว ไม่ได้ถามชื่อของพ่อลูกคู่นั้น และก็ไม่ได้บอกพวกเขาว่าเธอเป็นใคร ถ้าหากนี่คือหลิวไอ้ จะต้องเปิดเผยตัวเล็กน้อยด้วยความบังเอิญ โดยเฉพาะเพื่อทำให้คนรู้ว่าหลิวไอ้ทำความดีช่วยเหลือคน แต่ว่าซูซิ้วไม่ทำเช่นนั้น นี่คือนิสัยในการทำเรื่องต่างๆของเธอ เธอต้องการจะทำอะไรนั้นเป็นเรื่องของตัวเธอเอง ไม่จำเป็นต้องใช้ความยากลำบากของคนอื่นมาเติมเต็มชื่อเสียงของตัวเอง นี่เป็นเพียงแค่การพบกันโดยบังเอิญ หลังจากนั้นเธอก็ลืมเรื่องนี้ไปโดยสิ้นเชิง ต่อมาปู้กุ้ยเฟยก็สร้างความโกลาหลวุ่นวาย ทุกคนที่อยู่ในเมืองหลวงตกอยู่ในอันตราย เธอยิ่งไม่มีใจคิดถึงเรื่องนี้ แต่ทว่าใครจะรู้ว่า สองพ่อลูกที่เธอช่วยเหลือไปเมื่อปีนั้น ยังมีความโชคดีอย่างอื่นอยู่ ชายคนนั้นชื่อ ‘จ้าวเชียน’ สาวน้อยที่ป่วยอยู่ชื่อ ‘จ้าวชิงหยิง’ จ้าวเชียนใช้เงิน 20 ตำลึงนั้นรักษาโรคร้ายแรงของลูกสาวจนหายและรักษาชีวิตลูกสาวของเขาไว้อย่างง่ายดาย พอดีกับช่วงเวลาที่อ๋องเยียนเข้าเมืองมาปกป้องฮ่องเต้ จ้าวเชียนเกิดมามีพลังเหนือมนุษย์ เขาได้เข้าร่วมในกองกำลังทหารของอ๋องเยียน จากนั้นจึงส่งลูกสาวกลับบ้านเกิด ตัวเองก็ติดตามอ๋องเยียนอย่างมุ่งมั่นและได้รับสินสอดทองหมั้นมาให้แก่ลูกสาว มู่จงฮ่องเต้เสียชีวิต เจียนจาวอายุ 20 ปี ก่อนจะสิ้นลมได้แต่งตั้งอ๋องเยียนเป็นหนึ่งในสามขุนนางชั้นปกครอง คอยสนับสนุนลูกชายคนโตที่ยังหนุ่มในฐานะฮ่องเต้ หลังจากหนึ่งปีผ่านไปชายแดดก็เกิดความไม่สงบขึ้นอีกครั้ง ในเดือนสองอ๋องเยียนนำทัพออกจากเมืองหลวงไปยังชายแดนเพื่อปราบปรามความวุ่นวาย การปราบปรามความวุ่นวาย สนับสนุนฮ่องเต้องค์ใหม่ รวมถึงกวาดล้างศัตรู เรื่องเหล่านี้ต้องใช้กำลังคนเป็นจำนวนมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จ้าวเชียนใช้โอกาสนี้เพื่อตั้งตัวภายใต้กองกำลังในบังคับบัญชาของอ๋องเยียนและค่อยๆสร้างความสำเร็จด้วยตัวเองจนโชคดีที่ทำให้อ๋องเยียนสนใจ เมื่ออ๋องเยียนเห็นจ้าวเซียนก็เห็นว่าเป็นคนที่มีความสามารถที่ฝึกฝนได้จริงๆ จึงเลือกเขาให้ติดตามตัวเองไปออกรบด้วย ครั้งนี้มีโอกาสที่จะสร้างปัญหาทางชายแดนฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นหนานได้ เพราะลักษณะภูมิประเทศของที่นั่นสลับซับซ้อนและสภาพอากาศหนาวเย็นมาก อ๋องเยียนค่อนข้างหมุนเวียนฝีมือการต่อสู้เล็กน้อย จึงค่อยๆได้รับตำแหน่งสูงขึ้น กลุ่มขนาดเล็กรุมโจมตีในสงครามครั้งนี้ อ๋องเยียนถูกซุ่มโจมตี จ้าวเชียนเสียชีวิตเพราะช่วยชีวิตอ๋องเยียน จ้าวเชียนเป็นบุรุษที่กล้าหาญและแข็งแกร่งคนหนึ่ง ถึงแม้จะมีลูกศรสามลูกปักอยู่ที่ด้านหลัง ก็ยังคุ้มกันอ๋องเยียนตีฝาวงล้อมออกไปอย่างสุดกำลัง น่าเสียดายที่จ้าวเชียนบาดเจ็บหนักเกินไป มีแรงไม่พอจึงไม่สามารถฝ่าออกมาได้ แคว้นหนานโจมตีอย่างเต็มกำลังก็ไม่สามารถเอาชนะได้ จึงออกแรงระบายความโกรธไปที่จ้าวเชียนอย่างสุดแรงด้วยความอับอายและความโมโห แม้ว่าคนจะตายแล้วก็ไม่ปล่อยไป สองสามวันต่อมา ศีรษะของจ้าวเชียนถูกตัดและแขวนไว้ที่ประตูเพื่อแสดงพลังให้อ๋องเยียนเห็น อ๋องเยียนใช้เวลาหนึ่งปีถึงจะเกือบทำลายแคว้นหนานลงได้ ผู้ชายตั้งแต่แรกเกิดจนไปถึงผู้ใหญ่ล้วนถูกฆ่าทิ้ง เหลือเพียงแค่คนแก่กับผู้หญิงและเด็กไว้เท่านั้น หลังจากนั้นหนึ่งปีอ๋องเยียนสนับสนุนระบอบการปกครองใหม่ ยึด/ครอบครองทรัพย์สินกับผู้หญิงที่เหลืออยู่ของแคว้นหนาน และสร้างความสมดุลกับทางเหนือทั้งสองฝ่าย หลังจากที่ทำให้ทางตะวันตกเฉียงเหนือเข้าใจเหตุผลแล้ว อ๋องเยียนถึงจะได้นำศพของจ้าวเชียนกลับมายังเมืองหลวง ข่าวชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของอ๋องเยียนส่งมายังเมืองหลวง ผู้คนต่างปลื้มปีติ ฮ่องเต้น้อยได้เขียนจดหมายถึงอ๋องเยียนว่าต้องการได้อะไรเป็นรางวัลอย่างสุขุมรอบคอบตามคำแนะนำของต้าเปากับคุณชายจาง อ๋องเยียนเป็นถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผู้สำเร็จราชการแทนจักรพรรดิ เขาไม่ขาดแคลนอะไรเลยภายใต้ผืนแผ่นดินนี้ หากต้องบอก พระชายาของเขาเสียชีวิตไปสิบปี บางทีอาจจะขาดภรรยาคนใหม่ไป แต่รางวัลที่อ๋องเยียนขอกลับเกินความคาดหมายของทุกคน เขาไม่ได้ต้องการเงินทองและก็ไม่ได้ขอตำแหน่งข้าราชการให้ลูกชายของตัวเอง แต่เขากลับขอให้ฮ่องเต้มอบตำแหน่งให้จ้าวเชียนผู้เสียสละชีพเพื่อแผ่นดิน ก็แค่ตำแหน่งหนึ่งเท่านั้น น้อยกว่าทรัพย์สินเงินทองที่ต้องมอบให้แก่ตำหนักอ๋องเยียนอย่างมาก อีกทั้งทำแบบนี้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อชื่อเสียงของราชสำนัก ดังนั้นใต้เท้าจางหัวหน้าคณะรัฐมนตรีจึงเห็นด้วยกับคำขอของอ๋องเยียนอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด จากนั้นก็ประกาศให้ทุกคนทราบอย่างหยาบโลน แต่งตั้งให้จ้าวเซียนขุนนางผู้สละชีพเพื่อแผ่นดิน ภรรยาหลวงของจ้าวเชียนป่วยจนเสียชีวิตมาหลายปีแล้ว เหลือเพียงแค่ลูกสาวเพียงคนเดียว ตำแหน่งผู้สละชีพเพื่อชาตินั้นได้สิ้นสุดลง สิ่งที่จ้าวชิงหยิงสามารถได้รับประโยชน์ ก็เป็นเพียงแค่ชื่อเสียงและรางวัลที่ท่านพ่อแลกมาด้วยชีวิตเท่านั้น อ๋องเยียนส่งคนไปส่งข่าวการเสียชีวิตสละชีพเพื่อแผ่นดินของจ้าวเชียนที่ตระกูลจ้าวในปี425 จนกระทั่งเดือนตุลาคมปี427 ราชสำนักถึงแต่งตั้งจ้าวเชียนเป็นขุนนางผู้สละชีพเพื่อแผ่นดิน ในขณะนั้นการเฝ้ารอการไว้ทุกข์ของบิดามาสามปีของจ้าวชิงหยิงก็ได้สิ้นสุดลง เดิมทีเธอมีร่างกายที่อ่อนแอ เพิ่งจะเกิดแม่ของเธอก็ตายเพราะคลอดยาก หลายปีที่เธอกับพ่อของเธอ พึ่งพาซึ่งกันและกันมา เธอสามารถอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ ก็เพื่อรอท่านอ๋องเยียนส่งคนมาส่งอัฏฐิของจ้าวเชียนกลับบ้านเกิดเท่านั้น จ้าวชิงหยิงนึกถึงเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เด็กผู้หญิงที่ขี้กลัวคนนั้นจู่ๆก็มาปรากฏตัวและยิ้มอย่างอ่อนโยนในความฝันของเธอและบอกว่าตัวเองจะไปหาพ่อแล้ว คาดน่าในตอนนั้นอัฏฐิของจ้าวเชียนคงจะเหยียบถึงแผ่นดินของต้าโจวแล้ว ในมุมมองของเจ้าของร่างเดิม ชื่อลูกสาวเพียงคนเดียวของผู้ภักดีต่อแผ่นดินที่ราชสำนักแต่งตั้งให้นั้นไม่สำคัญเท่าอัฏฐิของพ่อตัวเองเลย ดังนั้น เจ้าของร่างเดิมจึงรอพ่อของเธอและไปอย่างสบายใจ และซูซิ้วผู้ที่มีพระคุณต่อตระกูลจ้าวมาก่อนจึงได้กลับมาเกิดใหม่ด้วยสาเหตุนี้ ตอนนี้เป็นเดือนอ้ายปี 428 เมื่อเดือนสิบสองของปีที่แล้วซูซิ้วป่วยหนังจนเสียชีวิต เจ้าของร่างเดิมติดตามจ้าวเชียงไป จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว นี่ก็คือเรื่องราวในชีวิตของจ้าวชิงหยิง ซูซิ้ว หรือจะพูดว่าจ้าวชิงหยิงที่ถอนหายใจไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆเติมรูปลักษณ์เดิมของตัวเองกลับมา นี่เป็นสิ่งที่จ้าวชิงหยิงในชาติที่แล้วแทบจะจินตนาการไม่ออก ตำหนักยินโก๋กงถึงแม้จะเป็นสาวใช้ชั้นสองก็ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดหรือใช้แรงก็ตาม ตั้งแต่ที่ เกิดมาจ้าวชิงหยิง ถึงแม้จะล้างมือก็จะแบนิ้วให้สาวใช้เช็ด ตอนนี้เธอต้องเรียนรู้การล้างหน้าด้วยตัวเอง การหวีผมด้วยตัวเอง รวมไปถึงการตักน้ำซักผ้าด้วยตัวเอง ในความเป็นจริงจ้าวเชียนได้ถูกราชสำนักแต่งตั้งตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่กล้าเทียบกับตระกูลขุนนางเก่าแก่เหล่านั้นในเมืองหลวง แต่ว่าในเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งก็พอที่จะทำให้จ้าวชิงหยิงจะใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวลไปได้ ในตอนนี้ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ต้องทำด้วยตัวเองทั้งสิ้น อันที่จริงยังต้องพูดถึงจากวันนั้นที่ได้รับรางวัล ฮ่องเต้ที่อยู่ในเมืองหลวงได้ครองราชย์เมื่ออายุ 8 ปี ปีนี้เพิ่งจะอายุ 12 ปี เด็กที่เพิ่งโตจะหวังให้เขาบริหารปกครองประเทศได้ที่ไหนกัน ทุกวันนี้ล้วนพูดกันว่าฮ่องเต้น้อยกุมอำนาจ/ยึดอำนาจ ความจริงแล้วคำสั่งของรัฐล้วนมาจากจางเชี่ยวเหลียนหัวหน้าคณะรัฐมนตรีทั้งนั้น ชนชั้นของหัวหน้าคณะรัฐมนตรีกับจ้าวชิงหยิงในตอนนี้ยังไม่มีความสัมพันธ์กัน จางเชี่ยวเหลียนดำเนินการเป็นวงกลม หลังจากสร้างชื่อเสียงที่ตัวเองรักและให้ความสำคัญจนพอใจแล้ว ก็มอบหนังสือทองคำนี้ให้แก่คนต่อไป ตำแหน่งขุนนางผู้จงรักภักดีถึงแม้จะเป็นขุนนางมาร์ควิสมีชื่อของความจงรักภักดีต่อแผ่นดิน แต่ไม่มีพี่น้อง ไม่มีบุตรชาย และก็ไม่มีวงศ์ตระกูล หลังจากเสียชีวิตไปแล้วก็เหลือเพียงลูกสาวที่อ่อนแอเพียงคนเดียว ในภาคภายหน้าแม้แต่คนที่จะมาช่วยเหลือก็ไม่มี แค่คิดก็รู้แล้วว่า เมื่อรางวัลของราชสำนักผ่านมือของขุนนางต่อๆกันมายังจ้าวชิงหยิงที่นี่ ก็ถูกขโมยไปมากเท่าไหร่แล้ว เมื่อจ้าวชิงหยิงคิดถึงตรงนี้ก็โมโห เธอมาช้าไป ไม่รู้ว่าราชสำนักถูกบริหารจนมาถึงวันนี้เป็นสภาพอย่างไร เธอรู้แค่ว่าหลังจากที่ขุนนางราชทูตอ่านพระราชโองการ ตามหลักแล้วจ้าวชิงหยิงควรจะเป็นคนรับพระราชโองการ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พระราชโองการถูกส่งไปยังขุนนางผู้ปกครองเขต แม้แต่รางวัลของราชสำนักก็แบกไปที่ศาลาที่ว่าการทั้งสิ้น จ้าวชิงหยิงทั้งโมโหและร้อนใจ เห็นได้ชัดว่าเงินที่ให้ในวันนั้นไม่เพียงพอและถูกคนลักขโมย และเพราะการมองระยะสั้นของแม่หลิน ต้องการเงินทำไม รับพระราชโองการกับหนังสือทองคำสิ! ส่วนใหญ่รางวัลของราชสำนักถูกขุนนางเขตกับหมู่บ้านยึดไป และสิ่งเหล่านี้เรียกว่า รูรั่วของ‘ขุนนางเขต’ ที่ถูกควบคุมโดยแม่หลิน ในท้ายที่สุดของที่ตกมาถึงมือของจ้าวชิงหยิงลูกสาวคนเดียว กลับมีเพียงชื่อ ‘สตรีผู้จงรักภักดี’ เท่านั้น หากต้องการของของจ้าวเชียนกลับมา จ้าวชิงหยิงขาดเงินที่ใช้เบิกทางไม่ได้ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน จ้าวชิงหยิงแค่พูดอะไรเล็กน้อยก็ได้แล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ซื่อจื่อเฟยของตำหนักอ๋องเยียนอีกต่อไป หากเธอต้องการเอาของของจ้าวเชียนคืนมา ก็ต้องคิดหาวิธีด้วยตัวเองเท่านั้น ในใจของจ้าวชิงหยิงคิดถึงเรื่องเอาพระราชโองการกับหนังสือทองคำกลับมา บีบผ้าขนหนูที่อยู่ในมือ จัดการตัวเองให้อยู่ในระดับที่สามารถพบเจอผู้คนได้อย่างง่ายได้ จะว่าไปแล้วร่างกายนี้ของจ้าวชิงหยิงนั้นสวยล้ำเลิศจริงๆ ชาติที่แล้วเธอเจอลูกสาวของขุนนาง สาวงามตระกูลสูงส่งมากมาย ไม่มีใครสามารถเทียบกับจ้าวชิงหยิงได้เลย นั่นคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากและสวยงามมากที่สุด ยิ่งไปกว่านี้เพราะมีความงามอยู่ก็จะทำให้คนดูถูกเหยียดหยามได้ จ้าวชิงหยิงแค่ล้างหน้าและเช็ดคอเท่านั้น ทำให้พื้นส่วนใหญ่เปียก เธออึดอัดใจและต้องการรีบออกไปหาของมาเช็ดที่พื้น มือของเธอเพิ่งจะวางบนประตูห้อง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพูดคุยจากด้านนอก แม่หลินอาจจะคิดว่าจ้าวชิงหยิงยังไม่ตื่นนอนหรือถึงแม้จะตื่นแล้วก็ไม่กลัวว่าเธอจะได้ยิน แม่หลินทำมาหากินไปวันๆมาทั้งชีวิต จู่ๆก็มีเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งมาอย่างกะทันหัน มอบพระราชโองการแล้วยังมอบของรางวัลมากมาย ในใจของแม่หลินไม่คิดจะแปลกใจอะไรเลย “ น้องชายของข้าชีวิตช่างสั้นนัก ลูกสาวเพิ่งเกิดภรรยาก็ไม่อยู่แล้ว สุดท้ายยังมาตายในสนามรบเพราะช่วยชีวิตคนอีก ข้าที่เป็นพี่สาวรู้สึกสงสารเขามาก! เขาส่งลูกสาวคนเดียวมาที่บ้านของเราเมื่อหกปีก่อน บ้านของเรายังมีปากท้องที่ต้องกินอีกมากมาย จู่ๆก็มีคนป่วยเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง ภาราอันใหญ่หลวงขนาดนั้น ข้าจะพูดอะไรได้? ” มือที่ผลักประตูของจ้าวชิงหยิงจู่ๆก็หยุดลง เธออยู่บานประตูอีกฝั่ง ฟังเสียงพูดคุยอย่างไม่ปิดบังอารมณ์จากด้านนอกอย่างเงียบๆ “ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ารู้ว่าท่านมีเมตตา เลี้ยงลูกสาวให้น้องชายมาหกปี เพียงแต่ตอนนี้น้องชายของท่านสร้างผลงานและมีชื่อเสียง หยิงเอ๋อร์นั้นไม่เป็นภาระอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้นางเป็นถึงลูกสาวของท่านขุนนาง! น่าเสียดายที่นางไม่ใช่บุตรชาย ตำแหน่งขุนนางของน้องชายท่านทำได้เพียงแค่เสียดายเท่านั้น แต่ทว่ายศถาบรรดาศักดิ์นั้นเก็บไว้ไม่ได้ แต่ทรัพย์สินเงินทองนั้นมันไม่หลอกคน หยิงเอ๋อร์ทรัพย์สินเยอะขนาดนี้ หลังจากนี้มีวาสนาที่จะได้แต่งงานอย่างมาก ” แม่หลินได้ยินคำพูดนี้ไม่ค่อยดีจากเท่าไหร่ “ ข้าเป็นพี่สาวเพียงคนเดียวของเขา ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว ทรัพย์สินเงินทองที่เขาได้รับมา จะข้ามข้าและให้ลูกสาวทั้งหมดรึ? ลูกสาวนั้นเป็นของคนอื่น ข้าถึงจะเป็นพี่สาวที่มีสายเลือดเดียวกัน ยิ่งกว่านั้นหยิงเอ๋อร์เป็นผู้หญิงไม่สามารถรับตำแหน่งได้ แต่ ‘หลี่ด๋า’ ของเราเป็นบุตรชายนะ! ” ‘หลี่ด๋า’เป็นลูกชายของแม่หลิน ตอนนี้อายุ 19 ปี ยังไม่ได้แต่งงาน เกียจคร้านไม่ทำงานทำการทั้งวัน ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปที่เที่ยวเล่นที่ไหนแล้ว หวังโผเป็นแม่สื่อที่มีชื่อในหมู่บ้านที่อยู่สิบลี้ เมื่อได้ยินคำพูดนี้เธอจึงทำได้แค่หัวเราะเบาๆเท่านั้น ถึงแม้ภายนอกจะดูท่าทางเป็นมิตร แต่ในใจกลับซุบซิบนินทาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอได้ยินมาว่าเขาแบ่งทรัพย์สินไว้ให้น้องและลูกสาว แต่ไม่เคยได้ยินว่าให้หลานชายมาสืบทอดตำแหน่งของเขาต่อ เหตุผลนี้มาจากที่ไหนกัน แต่ว่าเธอมาเกี่ยวดองกัน ไม่จำเป็นต้องสร้างความขัดแย้งกับแม่หลิน หวังโผพูดและหัวเราะเยาะต่อว่า “ แม่หลินพูดถูก ท่านเป็นป้าของหยิงเอ๋อร์ พ่อแม่ของเธอเสียแล้ว แน่นอนว่าท่านต้องเป็นคนดูแลเรื่องการแต่งงาน พี่สะใภ้ใหญ่ ลูกชายของตระกูลขุนนางหลิวนั้นต่างเป็นที่ต้องการ หยิงเอ๋อร์แต่งงานเข้าเรือนไปก็จะได้ใช้ชีวิตเป็นคุณนาย ไม่ต้องไปทำไร่ทำนาและก็ไม่ต้องทำงานบ้าน ถึงขนาดมีสาวใช้คอยปรนนิบัติเลยนะ! พี่สะใภ้ใหญ่ ไม่ใช่ว่าฉันต้องการเป็นตัวตั้งหรอกนะ แต่เพราะตระกูลขุนนางหลิวดีจริงๆ ในสิบลี้นี้มีแม่นางหลายคนที่อยากจะแต่งงานกับเขา ตอนนี้ตระกูลขุนนางหลิวยอมให้เธอเป็นภรรยาหลวง นี่เป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะ! ” ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย จ้าวชิงหยิงมีมรดกมากมายมหาศาล ตัวเองก็ไม่มีญาติพี่น้องใดใด ใครได้แต่งงานกับเธอก็จะได้รับทรัพย์สินเดิมของฝ่ายหญิงที่มีมูลค่า ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถใช้ชื่อขุนนางผู้จงรักภักดีของจ้าวเชียนมาสร้างชื่อให้ลูกหลานของตระกูลตัวเอง มีประโยชน์ในหน้าที่การงาน การทำธุรกิจค้าขาย ชื่อเสียงในภายภาคหน้าอย่างมาก นิ้วมือของจ้าวชิงหยิงกำแน่นโดยไม่รู้ตัว เธอไม่เคยอกตัญญูต่อพ่อ คนเหล่านี้ก็มาบังคับให้เธอแต่งงานออกเรือน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 2 บังคับแต่งงาน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A