ตอนที่ 8 เมืองหลวง
1/
ตอนที่ 8 เมืองหลวง
แม่ทัพผู้เลิศล้นของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 8 เมืองหลวง
ตอนที่ 8 เมืองหลวง หลังจากจ้าวชิงหยิงตะโกนประโยคนั้นกับอ๋องเย่ออกไป ต่อมาก็ผลักคนแล้ววิ่งไปทางหลังบ้าน รอจนกลับมาถึงห้องของตนเอง ความรู้สึกของนางถึงค่อยค่อยสงบลง จ้าวชิงหยิงก็ไม่รู้ว่าทำไมตนเองอยู่ ๆ ถึงได้ระเบิดออกมา อาจเป็นเพราะช่วงเวลาในชาติก่อนกับตำราสวรรค์เล่มนั้นควบคุมนางไว้อย่างแข็งแกร่งตลอดเวลา เมื่อคืนวานหลังจากผ่านเรื่องราวของหลี่ด๋า ความรู้สึกของจ้าวชิงหยิงที่เก็บค้างไว้นาน อยู่ ๆ ก็ระเบิดออกมา อาจเป็นเพียงเพราะคนที่พูดประโยคนี้คืออ๋องเย่ ถ้าเป็นคนอื่นพูด นางจะพยายามใช้เหตุผลมาปกป้องตัวนางเอง จ้าวชิงหยิงไม่ได้จุดไฟ ตนเองได้แต่นั่งใจลอยเยี่ยงนี้อยู่ในห้อง สีของท้องฟ้าค่อยค่อยมืดสนิท แม้แต่เตียงนอนก็มองเห็นไม่ชัดแล้ว จ้าวชิงหยิงกำลังสับสน ทันใดนั้นประตูถูกเคาะจนเกิดเสียง “แม่นางหลิน ท่านอยู่ข้างในหรือไม่” สติของจ้าวชิงหยิงกลับคืนมา เสียงนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำไมถึงอยู่ด้านนอกประตูของนาง? แต่จ้าวชิงหยิงถึงแม้ว่าจะโกรธ ก็เชื่อมั่นว่าอ๋องเย่จะต้องรับรองความปลอดภัยของนาง ฉะนั้นนางเลยไม่ได้คิดมาก ยืนขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตู ด้านนอกประตูมีผู้หญิงที่มีผมมวยสองข้างนางหนึ่งยืนอยู่ อายุราว ๆ สิบเจ็ดสิบแปด ดูจากเสื้อผ้าการแต่งกายคล้ายกับสาวใช้ คนที่มาเห็นว่าเป็นจ้าวชิงหยิงก็รู้สึกแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด ทันทีหลังจากนางรู้ตัวว่าตนเองเสียมารยาท ก็รีบก้มศีรษะทำความเคารพ “แม่นางหลิน ข้าน้อยชื่อหวั่นหยู้ ตามที่ท่านอ๋องมีรับสั่งให้ข้ามาดูแลแม่นางก่อน” จ้าวชิงหยิงมองคนที่มา สายตาขยับเล็กน้อย “เป็นอ๋องเย่ที่ให้เจ้ามา?” “ใช่แล้ว เจ้าค่ะ” จ้าวชิงหยิงเม้มริมฝีปากแน่น ไม่รู้ว่าอ๋องเย่ครั้งนี้มีความหมายอันใด เมื่อครู่ที่ไม่มีความสุขกันนั้นความจริงเป็นจ้าวชิงหยิงที่ไม่ถูก อ๋องเย่จากมุมมองของปฏิบัติทั่วไป ทำเยี่ยงนี้ล้วนทำเพื่อนาง เป็นจ้าวชิงหยิงเองที่ไม่ยอมรับความหวังดีของเขา แต่ว่าจ้าวชิงหยิงเองยังสับสนอยู่ว่าต้องไปขออภัยโทษหรือไม่ แล้วอ๋องเย่ชั่วแวบเดียวก็สั่งคนให้มาอีก คล้ายกับเรื่องเมื่อครู่ไม่ได้อยู่สายตาโดยสิ้นเชิง อ๋องเย่ไม่คิดเล็กคิดน้อย จ้าวชิงหยิงก็ควรโล่งอก แต่ความจริงในใจของนางกลับยุ่งเหยิงยิ่งนัก เยี่ยงนี้ทำให้จ้าวชิงหยิงรู้สึกว่านางในสายตาของอ๋องเย่นั้นไม่มีความสำคัญใด ๆเลย คล้ายกับคนที่ไม่รู้ความคนหนึ่ง จำเป็นต้องจัดการภาระ จ้าวชิงหยิงหัวเราะเยาะตนเองทันที นางเดิมทีก็ไม่ใช่คนของอ๋องเย่ อ๋องเย่สามารถพานางออกมาได้ก็ถือว่าช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้ว รอจนถึงเมืองถัดไป จ้าวชิงหยิงก็รู้สึกว่าตนควรไปได้แล้ว อ๋องเย่ยังมีเรื่องใหญ่ต้องทำในเมืองหลวง ยิ่งกว่านั้นงานแต่งงานของโจวเฉินทั่นก็ใกล้เข้ามาอยู่รอมร่อ อ๋องเย่ก็แค่พูดพูดไปเท่านั้น จะไม่กลับไปเข้าร่วมได้เยี่ยงไร ถ้าจ้าวชิงหยิงรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ก็ไม่ควรเป็นภาระให้อ๋องเย่อีก ฉะนั้นจ้าวชิงหยิงก็ไม่พูดอันใด เพียงแค่พยักหน้า เปิดทาง “เข้ามาเถอะ เจ้าเป็นคนที่ไหน?” “ข้าน้อยเป็นคนชูเต๋ เดิมทีคอยปรนนิบัติคุณหนูอยู่บนศาลาที่ว่าการจวนเชี่ยนลิ่ง อ๋องเย๋ซื้อตัวข้าน้อยมาจากในจวนศาลาที่ว่าการ เพื่อส่งมาคอยปรนนิบัติแม่นางหลิน หน้าผากของจ้าวชิงหยิงเกือบจะมีเหงื่อไหลหยดมา “เดิมทีเจ้าเป็นสาวใช้แนบกายของบุตรีเชี่ยนลิ่ง?” “นับไม่ได้ว่าเป็นสาวใช้แนบกาย เพียงแค่ทำงานที่ใช้แรงเท่านั้น” จ้าวชิงหยิงดูแลบ้านมาหลายปี เพียงแค่ดูพฤติกรรมการพูดของหวั่นหยู้ก็รู้ได้ว่าสาวรับใช้ผู้นี้เป็นคนที่ได้รับหน้าที่สำคัญจากเจ้านายอย่างแน่นอน พิจารณาถึงระยะห่างของเมืองเล็ก ๆ เยี่ยงนี้กับเมืองหลวง อบรมสั่งสอนหวั่นหยู้สาวใช้ได้เยี่ยงนี้ไม่แน่ใจว่าต้องลงแรงไปเท่าใด นี่อาจจะเป็นอาวุธสุดท้ายที่ฮูหยินเชี่ยนลิ่งเตรียมไว้ให้กับบุตรีที่ยังไม่แต่งงานของตนเอง คาดไม่ถึงว่าอ๋องเย่จะรับมาเองโดยตรง นี่อยู่ในบ้านที่ตระกูลมีทั้งเงินและอำนาจความจริงเป็นเรื่องเสียมารยาท อย่างไรเสียสาวรับใช้ที่อยู่แนบกายคุณหนูพื้นฐานเท่ากับหน้าตาของเจ้านาย พฤติกรรมของอ๋องเย่.......ก็ช่างใช้อำนาจบาตรใหญ่เกินไป เพียงจ้าวชิงหยิงลองคิดดูแต่ก็ไม่ได้สนใจแล้ว และไม่อาจคืนคนกลับไปได้ มีสาวใช้ที่คล่องแคล่วเฉลียวฉลาดติดมือมาด้วยสำคัญอย่างมาก เยี่ยงไรก็เป็นอ๋องเย่ที่ออกหน้า จ้าวชิงหยิงไม่ต้องออกแรงอันใดก็ได้รับมา ในเมื่อได้มาแล้วทำไมจะไม่ยอมรับ? จ้าวชิงหยิงถามหวั่นหยู้อีกหลายคำถาม หลังจากในใจรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วก็เก็บไว้ไม่แสดงออกมา ถึงแม้นว่าจ้าวชิงหยิงจะได้รับความเมตตาจากอ๋องเย่ แต่ในใจลึก ๆ ของนางยังรู้สึกไม่ดี อ๋องเย่ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนางแม้แต่น้อย ยังส่งสาวใช้ที่มีความสามารถให้นางอีก ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นจ้าวชิงหยิงก็ควรจะลดทิฐิลงแล้วเริ่มยอมรับความผิด? ถึงอย่างไรอ๋องเย่ถึงแม้จะดูว่าพูดคุยได้ง่าย แต่ในเวลาเดียวกันเขาเป็นองค์ชายของแผ่นดินนี้ที่มีอำนาจ เป็นแม่ทัพสามเหล่าทัพที่เลื่องลือในการรบ ไม่พูดให้ไกล เพียงแค่พูดถึงมีก่อกบฏทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นหนานเมื่อสองปีที่แล้ว แคว้นหนานวางแผนอย่างบ้าระห่ำเพื่อยั่วยุอ๋องเย่ หลังจากรบแพ้ผู้ชายทั้งหมดตกอับ เด็กผู้ชายสูญพันธุ์ ก็เป็นอ๋องเย่ที่ออกสั่งด้วยตนเอง เป็นมิตรนิสัยใจคอดีเป็นเพียงแค่ภาพที่รูปลักษณ์ภายนอกของเขา คนประเภทนี้ จ้าวชิงหยิงไม่กล้าทำให้ไม่พอใจ ตอนเช้าวันที่สอง จ้าวชิงหยิงเดินเชื่องช้าอืดอาดถึงลานหน้าบ้านเพื่อไปพบอ๋องเย่ โจวม่าวเฉินกำลังยุ่งมากมองเห็นจ้าวชิงหยิง ก็ทักทายตั้งแต่ไกล “แม่นางหลิน ท่านตื่นแต่เช้าเลย?” จ้าวชิงหยิงรู้สึกอึดอัดใจ เมื่อวานนางเพียงเพราะได้รับความประหลาดใจ หลังจากสงบจิตสงบใจได้ก็ยากที่จะได้รับการนอนหลับที่ดี นี่ก็หลับจนพระอาทิตย์ขึ้นสูงแล้วถึงจะตื่น แต่ปกตินางถูกปลูกฝังอย่างเข้มงวด และไม่ทำเรื่องที่ผิดระเบียบแบบแผนเยี่ยงนี้ ครั้งแรกของจ้าวชิงหยิงที่นอนตื่นสายก็ถูกอ๋องเย่พบเข้า รบกวนทุกคนต้องรอนางนานมาก แต่ก็ไม่พูดอันใด แล้วผมเผ้าหน้าตาก็ยังไม่เรียบร้อยมาปรากฏต่อหน้าอ๋องเย่อีก จ้าวชิงหยิงคาดไม่ถึงว่าเหตุการณ์วันนั้นจะทำให้รู้สึกทำตัวไม่ถูก และโจวม่าวเฉินก็อีก ต่อหน้าคนมากมาย ยังตะโกนออกมาอย่างคาดไม่คิด จ้าวชิงหยิงมีรอยยิ้มแข็งทื่อ “ลุงโจว ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว” จ้าวชิงหยิงกลัวมากว่าโจวม่าวเฉินจะถามต่ออีก เลยรีบเบี่ยงเบนประเด็น “ลุงโจว นี่ท่านกำลังทำอันใด?” โจวม่าวเฉินถูกเบี่ยงเบนประเด็นได้จริง ๆ กล่าว “ข้าทำตามคำสั่งของท่านอ๋อง ออกไปซื้อของมาเพิ่ม ถ้าหากท่านไม่พอใจต้องการทะเลาะกับพวกเขา ท่านเดินกลับไปรอด้านหลังก็พอแล้ว” จ้าวชิงหยิงคาดคะเนว่าอ๋องเย่น่าจะอาศัยตอนที่มีเวลา นี่คือของที่จำเป็นต้องใช้ตอนเดินทาง เป็นงานพื้นฐานของกองทัพอ๋องเย่ จ้าวชิงหยิงรู้ฐานะของตนเองอย่างแจ่มแจ้ง พบเห็นก็ไม่ต้องถามให้มากความ นางแอบกวาดมองไปทางห้องหนังสือ และพบว่าตรงนั้นมีแต่ความเงียบ โจวม่าวเฉินสังเกตเห็นท่าทางของจ้าวชิงหยิง มองปราดเดียวก็รู้ได้ชัดเจน แล้วถาม “ท่านอยากพบท่านอ๋องใช่หรือไม่?” ในเมื่อโดนจับได้แล้ว จ้าวชิงหยิงก็ไม่ปิดบังอีก ถือโอกาสยอมรับ “เกี่ยวกับเรื่องท่านพ่อของข้า ข้าอยากถามอ๋องเย่สักหน่อย” โจวม่าวเฉินได้ยินว่าเป็นเรื่องของจ้าวเชียน ก็ถอนหายใจทันที มองสายตาของจ้าวชิงหยิงก็ยิ่งสงสาร “ท่านอ๋องวันนี้เช้าตรู่ก็ออกไปข้างนอกแล้ว ถ้าท่านมีเรื่องจะพูดกับท่านอ๋อง เยี่ยงนั้นก็รอไปก่อน” จ้าวชิงหยิงทำตาม นางเข้าใจสถานการณ์ของนางดี ตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณลุงโจว” โจวม่าวเฉินมองสีหน้าของจ้าวชิงหยิง อีกนิดจะบอกนางแล้วว่าวันนี้ที่อ๋องเย่ออกไปนั้นออกไปทำอันใดกันแน่แล้ว แต่เขาคิดถึงหญิงสาวอาจเขินอาย เรื่องนี้อย่างไรเสียก็เป็นภัยต่อชื่อเสียงเกียรติยศของนาง ไม่บอกไปน่าจะดีกว่า จ้าวชิงหยิงได้ยินว่าอ๋องเย่ไม่อยู่ ก้นบึ้งหัวใจปิดบังความโล่งอกไว้ หลังจากนั้นก็กลับไปพักหลังบ้าน และไม่ได้รบกวนการทำงานของโจวม่าวเฉิน แต่ทว่านางคล้ายดั่งตั้งแต่กำเนิดก็ถูกกำหนดให้ชีวิตเป็นทุกข์ นางตอนอายุสิบขวบถูกรับเข้าตำหนักองค์หญิง ตอนสิบสองปีก็ติดตามท่านยายไปจัดการดูแลเรื่องภายในและทรัพย์สินภายนอกของตำหนักองค์หญิง องค์หญิงโซ่คัง เห็นว่าจ้าวชิงหยิงชอบทำพวกนี้จริง ๆ ก็เตรียมที่นาและกิจการร้านค้ามากมายเป็นทรัพย์สินติดตัวเจ้าสาวตอนแต่งงานให้นาง รอจนนางอายุสิบสี่ปีได้หมั้นหมายกับโจวเฉินทั่น องค์หญิงที่มีอายุมากก็จะยกทรัพย์สินเหล่านี้ไว้ให้ในมือนางตั้งแต่เนิ่น ๆ ให้นางจัดการสินเดิมของเจ้าสาวด้วยตนเอง ต่อมานางแต่งเข้าตำหนักอ๋องเย่ ถึงแม้เป็นพระชายาซื่อจื่อ แต่ด้านบนไม่มีแม่สามีและก็ไม่มีไท่โผโผ เสื้อผ้าอาหารความเป็นอยู่การเดินทางทั้งหมดของตำหนักอ๋องเย่ล้วนเป็นนางที่จัดการดูแล จ้าวชิงหยิงก็คุ้นชินกับการออกคำสั่งมาตั้งนานแล้ว จัดการคนจัดการงาน ต่อมานางกลายเป็นจ้าวชิงหยิงแล้ว หูของนางอยู่ ๆ ก็สงบเงียบลง นางยังไม่ค่อยคุ้นชินอยู่มาก ก่อนหน้าอาศัยอยู่บ้านแม่หลินไม่มีความต้องการก็จะไม่พูด ตอนนี้แค่ได้ยินว่ามีการเคลื่อนไหวด้านนอก ให้จ้าวชิงหยิงนั่งเฉย ๆ ยังเป็นเรื่องที่ยากอยู่บ้างจริง ๆ จ้าวชิงหยิงอดทนไม่ได้จริง ๆ เลยพาหวั่นหยู้ไปดูเสียงคึกคักหน้าบ้าน ดูไปดูมาก็เป็นอ๋องเย่ที่มาบัญชาการทหารในบังคับบัญชา โจวม่าวเฉินพาคนไปซื้อของกลับมา เขาก็ไม่รู้ชัดเจนว่าดีร้าย เหมือนกับมีชีวิตไว้เพื่อซื้อของ จ้าวชิงหยิงมองไม่ได้เลย ขาดไม่ได้ที่จะออกคำสั่งหนึ่งสองอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในที่สุดก็เป็นดั่งจ้าวชิงหยิงพูดเหลือเพียงบุรุษพวกนี้ หลังจากออกแรงก็ไปช่วยยกของ คนเหล่านี้มากด้วยคนที่เป็นทหาร พูดน้อยไม่ค่อยออกเสียง ทำมากกว่าพูด ยังดีกว่าหญิงแก่ในครัวเหล่านั้นที่พูดจากลับกลอกเรื่อยเปื่อยไม่รู้ว่าเหนือกว่าเท่าไร จ้าวชิงหยิงออกคำสั่งขึ้นมาก็ราบรื่นอย่างมาก แล้วยังมีโจวม่าวเฉินที่รู้สึกว่าเพียงใช้ทำงานที่จะต้องใช้กำลังก็ได้อย่างสบาย ๆอย่างแท้จริง เขาและคนรับใช้ไม่กี่คนในใจรู้สึกโล่งอกเงียบ ๆ โจวม่าวเฉินมองจ้าวชิงหยิงออกคำสั่งด้วยท่าทางที่ไม่สะทกสะท้าน ต่อไปทรัพย์สินในบ้านคงจะเติบโตใหญ่ขึ้นยิ่ง ๆ ไป น่าเสียดายที่ลูกชายไม่กี่คนนั้นของเขาไม่มีวาสนา โจวห้าวหรันก่อนพลบค่ำได้พาคนจำนวนหนึ่งกลับมา ตั้งแต่ครึ่งทางก็มีคนที่ไว้ใจมารายงานเขาถึงการเคลื่อนไหวในบ้านวันนี้แล้ว โจวห้าวหรันได้ยินว่าจ้าวชิงหยิงวิจารณ์เรื่องใหญ่ของบ้านเมือง แสดงให้เห็นว่ามีความสามารถ โจวห้าวหรันก็แอบยิ้มเบา ๆ เช่นนี้ก็ดี สติปัญญาเฉลียวฉลาด นิสัยใจคอซื่อตรง ต่อไปไม่ว่านางจะแต่งให้ใคร โจวห้าวหรันล้วนไม่จำเป็นต้องกังวลว่านางจะถูกคนทำร้าย จ้าวเชียนอย่างไรเสียก็เพื่อช่วยเหลือโจวห้าวหรันเลยต้องตาย ขอเพียงแค่เป็นสิ่งที่ทำได้ โจวห้าวหรันก็อยากทำให้สายเลือดของจ้าวเชียนไม่เจอเคราะห์ร้ายไม่เจอความทุกข์ตลอดชีวิต จะปรองดองรักใคร่กันชั่วชีวิต จ้าวชิงหยิงได้ยินว่าอ๋องเย่กลับมาแล้ว นางสับสนอยู่ครึ่งค่อนวัน เยี่ยงไรก็พาหวั่นหยู้ไปแสดงความเคารพโจวห้าวหรันดีกว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จากมุมมองชาติก่อนยังเป็นมุมมองของจ้าวเชียน โจวห้าวหรันก็คือผู้อาวุโสของจ้าวชิงหยิง นางควรจะไปแสดงความเคารพอ๋องเย่ ถือโอกาสสำรวจความผิดของตนเองในวันนี้ อ๋องเย่น่าจะไว้หน้าผู้อาวุโส คงจะไม่ทำให้นางผู้อ่อนอาวุโสที่ไม่รู้ความลำบาก ครั้งนี้จ้าวชิงหยิงเพิ่งจะเดินเข้าไปห้องหนังสือ องครักษ์ที่อยู่หน้าประตูเห็นแล้วไม่ได้รายงานก็ปล่อยนางเข้าไป โจวห้าวหรันไม่แปลกใจกับการมาของจ้าวชิงหยิง เขาเหมือนจะยุ่งกับราชกิจ ชี้ไปตรงเก้าอี้กลมไม้แพรตัวหนึ่ง แล้วพูด “เจ้านั่งรอก่อนสักครู่” จ้าวชิงหยิงนั่งลงอย่างเชื่อฟัง นางถึงแม้ว่าอยู่ต่อหน้าสาธารณชนที่ยินโก๋ก็ไม่มีนิสัยยอมแพ้ อย่าหวังว่านางจะเชื่อฟังคำสั่งสอน แต่ทว่าอยู่ต่อหน้าโจวห้าวหรัน จ้าวชิงหยิงไม่รู้ว่าเป็นอันใด อารมณ์โกรธเพียงนิดก็ไม่มี ตาของโจวห้าวหรันอ่านจดหมายอย่างลึกซึ้ง จ้าวชิงหยิงนั่งเห็นโจวห้าวหรันอ่านอย่างตั้งใจ ใจของนางก็รู้สึกแปลกใจ รอจนโจวห้าวหรันปิดจดหมาย นางอดไม่ได้ที่จะถาม “อ๋องเย่เพคะ นั่นคือจดหมายของใครกัน ท่านถึงได้อ่านอย่างตั้งใจเยี่ยงนี้?” มือที่เคลื่อนไหวของโจวห้าวหรันหยุดชะงัก เหลือบมองจ้าวชิงหยิง ในใจบังเกิดความชอบเล็กน้อย “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไรว่าข้าอ่านอย่างตั้งใจ?” “นั่นยังไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกหรือ ครั้งที่แล้วที่ข้ามา ท่าทางการอ่านจดหมายของท่านไวยิ่ง แต่ทว่าจดหมายฉบับนี้ใช้เวลาเกือบจะสองเท่าของครั้งที่แล้ว” โจวห้าวหรันค่อยค่อยเผยรอยยิ้ม ในสายตามีความชื่นชม “เจ้าช่างสังเกตได้ไวและเฉียบแหลม” มาเพียงครั้งที่สอง ก็สามารถพบเห็นความแตกต่างเล็ก ๆ เช่นนี้ได้ มองเห็นอย่างลึกซึ้งเยี่ยงนี้คนแก่อย่างข้าแน่นอนก็สามารถค้นหาออกมาได้ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอายุและประสบการณ์ของจ้าวชิงหยิงแล้ว ฉะนั้นควรชื่นชมกับความสามารถนี้ อยู่ ๆก็ถูกอ๋องเย่พูดชมเชย จ้าวชิงหยิงที่ได้รับคำชมก็รู้สึกแปลกใจ โจวห้าวหรันก็ได้ให้คำตอบกับคำถามเมื่อกี้ของจ้าวชิงหยิง “คือจางเจียงหลิง” จ้าวชิงหยิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบอย่างงงงัน “คือจางโซฝู?” จางเชี่ยวเหลียนภูมิลำเนาเดิมอยู่เจียงหลิง ดังนั้นเรียกอีกชื่อว่าจางเจียงหลิง ในด้านราชกิจนี่ไม่ใช่ความลับ แต่ทว่า ต่อจ้าวชิงหยิงละ? สีหน้าของโจวห้าวหรันไม่มีความผิดปกติแม้แต่นิด เขาเอาของไปวางอีกด้านหนึ่ง คล้ายกับท่านลุงอาวุโสคนหนึ่งที่เป็นมิตรคนหนึ่ง มีเสียงรบกวนจากลูกหลานที่ไม่เข้าใจความหมายคนหนึ่ง “เป็นเขา” จ้าวชิงหยิงถูกทำให้ตกใจจนชะงัก นางเบิกตากว้างแล้วกวาดตาไปโดนโจวห้าวหรันที่กำลังพับจดหมายเก็บ ล้วนเกิดความกลัวอยู่บ้าง “อ๋องเย่เพคะ ข้าเพียงแค่พูดไปเยี่ยงนั้น ไม่กล้ารบกวนท่านที่กำลังยุ่งเรื่องงาน ท่านตอบกลับจดหมายของโซฝูก่อนดีกว่า” “รีบร้อนอันใดเล่า” โจวห้าวหรันมีลักษณะท่าทางสบาย ๆ โซฝูที่มีชื่อเสียงทั้งใต้หล้า ในคำพูดของเขาคล้ายกับไม่ได้เหนือไปกว่าปัญญาชนคนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง จ้าวชิงหยิงพบว่าตนเองจะล่าช้าไปกับจดหมายของโซฝูอย่างคาดไม่ถึง ทันใดนั้นแม้แต่นั่งก็นั่งไม่มั่นคงแล้ว นางก็คือตอนนี้ถึงได้ตื่นตกใจ โจวห้าวหรันเป็นหนึ่งในสามขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ดูแลบ้านเมือง ยังมีอำนาจทางทหาร ได้รับความไว้วางใจที่สุดจากท่านผู้นั้น แต่ก่อนเพียงแค่รู้สึกว่าตำแหน่งเหล่านี้ได้ยินแล้วก้องกังวาน ตอนนี้นางสังเกตรับรู้ได้โดยตรงว่าแท้จริงแล้วมีความหมายเยี่ยงไร ในสายตาของจ้าวชิงหยิงยาวไกลเป็นฉากเหมือนตัวละครในฉากไม่ปาน กับโจวห้าวหรันเท่านั้นเอง เพียงแค่เพื่อนร่วมงานติดต่อกันปกติทางจดหมายเท่านั้น จ้าวชิงหยิงตกใจจนพูดไม่ออก โจวห้าวหรันเห็นว่านางถูกทำให้ตกใจจนนิ่ง ดังนั้นเลยเปลี่ยนบทสนทนา เริ่มกล่าวขึ้นมา “ได้ยินมาว่าวันนี้โจวม่าวเฉินจัดซื้อของ เจ้าก็มีความดีความชอบไม่น้อย” “ข้าไม่กล้ารับ ได้แต่อาศัยความสามารถด้านการพูดเท่านั้น” พูดถึงเรื่องนี้ อยู่ ๆ จ้าวชิงหยิงก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก “อ๋องเย่เพคะ ท่านต้องการจะออกเดินทางแล้วหรือยัง?” “ใกล้แล้ว เดิมทีบ้านหลังนี้ซื้อให้เจ้า ตั้งใจว่ารอหลังจากจัดการเรื่องแต่งงานของเจ้าเสร็จ ข้าค่อยกลับเมืองหลวง แต่ว่าในเมื่อเจ้าไม่ยอมแต่ง เยี่ยงนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรอแล้ว” จ้าวชิงหยิงตอบรับเบา ๆ นางขาดความมั่นใจในตัวเองเล็กน้อย ก้มศีรษะให้โจวห้าวหรันแล้วพูด “ขอบพระทัยท่านอ๋อง” “ไม่เป็นไร เดิมทีเป็นข้าที่คิดไม่รอบคอบ ถึงแม้ข้าจะทิ้งของป้องกันตัวให้เจ้ามากมายเท่าไหร่ แต่ที่นี่ไกลจากเมืองหลวงมาก ถึงอย่างไรเมื่อข้าอยู่ไกลก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ทัน เชี่ยนลิ่งแห่งนี้สามารถสงบสุขได้เพียงชั่วคราว เวลายาวนานไป ต่อไปกลัวว่ายังทำให้เจ้าลำบาก เจ้าเป็นเพียงผู้หญิงบอบบางคนหนึ่งไม่มีวิธีต่อต้านพวกขุนนาง แทนที่จะให้เจ้ากังวลหวาดกลัวตลอด ไม่เท่านำเจ้าไปไว้ในที่ที่ข้ามองเห็น” จ้าวชิงหยิงเดิมทีก็ซึ้งในบุญคุณอยู่แล้ว อ๋องเย่ช่างเป็นคนดีจริง ๆ แต่ว่าฟังจนถึงท้ายสุดนางค่อยค่อยรู้สึกว่าไม่ถูก “อ๋องเย่ ท่านความหมายว่าเยี่ยงไร?” “โจวม่าวเฉินไม่ได้เอาแป้งและสีทาคิ้วพวกนั้นให้เจ้าหรือ? บนเส้นทางโคลงเคลง อาศัยตอนนี้จัดให้เรียบร้อย บนเส้นทางถึงจะปลอดภัย” เจ้าชิงหยิงตกใจจนเบิกตากว้างเรียบร้อยแล้ว ปากสีแดงของนางก็ค่อยค่อยเปิดออก “หรือว่าท่านจะพาข้าไปเมืองหลวงด้วย?” โจวห้าวหรันประหลาดใจมากแล้วมองนางประเดี๋ยวหนึ่ง น้ำเสียงเป็นปกติ “นี่เป็นเรื่องธรรมดา ตอนนี้เจ้ามีความกตัญญูต่อบิดา ไม่อยากแต่งงานก็ไม่ต้องรีบ เจ้าสามารถอยู่ในตำหนักอ๋องเย่ได้อย่างวางใจเต็มที่ อยากอยู่นานเท่าไหร่ก็อยู่นานเท่านั้น ตำหนักอ๋องเย่ยังไม่ถึงกับตระหนี่กับค่าใช้จ่ายเพียงเท่านี้”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 8 เมืองหลวง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A