ตอนที่ 9 การกลับมา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 9 การกลับมา
ตอนที่ 9 การกลับมา เจ้าสามารถอยู่ในตำหนักอ๋องเย่ได้อย่างวางใจเต็มที่ อยากอยู่นานเท่าไรก็อยู่นานเท่านั้น ประโยคนี้คล้ายกับยังก้องอยู่ข้างหูของจ้าวชิงหยิง นางตกใจชะงักอยู่ตรงนั้น รอจนได้สติ แล้วยืนกระต่ายขาเดียวกล่าว “ไม่ได้” โจวห้าวหรันสีหน้าท่าทางไม่เปลี่ยน ลึกเข้าไปในดวงตากลับซ่อนเร้นถามเจาะลึกอย่างยากจะอธิบาย “ทำไมหรือ?” นี่จะให้จ้าวชิงหยิงพูดเยี่ยงไร หรือว่านางจะพูดว่าลูกชายของท่านความจริงแล้วเป็นสามีของข้าเมื่อชาติก่อนถึงกระนั้นเชียวหรือ แล้วยังลูกสะใภ้ที่กำลังจะเข้าบ้านของท่านเป็นน้องสาวลูกอนุของนาง? จ้าวชิงหยิงถูกสองคนนั้นทำให้เหลือทนแล้ว ตอนนี้นางยังเปลี่ยนเป็นอีกคนกลับไปอีกครั้ง? จ้าวชิงหยิงแค่คิดก็ยังไม่อยากคิดเลยต้องการปฏิเสธ “อ๋องเย่ อันนี้ไม่เหมาะสม ข้ากับตำหนักอ๋องเย่ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกัน ข้าไปอยู่ที่ตำหนักอ๋องเฉย ๆ นี่จะกลายเป็นเหตุการณ์ใดกัน? แล้วยังลูกสะใภ้ใหม่ของท่านที่ใกล้จะแต่งเข้าบ้าน ข้าเป็นเพียงคนนอกที่อาศัยอยู่ นางไม่ถือสาได้เยี่ยงไร? โจวห้าวหรันมองจ้าวชิงหยิงด้วยสายตาสงบเงียบ พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าอยู่อย่างสบายใจก็พอ ข้าพูดว่าได้ก็ต้องได้ ถ้ามีคนปากมาก ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม เจ้ามาบอกข้าก็พอ” อันนี้ “ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม”จ้าวชิงหยิงได้ยินแผ่นหลังก็รู้สึกเหน็บหนาว อ๋องเย่นี่คือหมายถึงหลิวไอ้หรือ? ก็ใช่ หญิงสาวโดดเดี่ยวที่ไร้บิดามารดาคนหนึ่งส่งไปอยู่ตำหนักผู้อื่นความจริงทำให้เพิ่มความยุ่งยากมากขึ้น นายหญิงไม่พอใจไม่มีเหตุผลและน้ำใจ จ้าวชิงหยิงก็เคยเป็นลูกสะใภ้ นางมีความเข้าใจในเรื่องเยี่ยงนั้น แต่ว่าถ้าคนพูดคืออ๋องเย่ เยี่ยงนั้นเขาพูดว่าได้ก็คือได้ มีความยากลำบากก็ต้องอดทน จ้าวชิงหยิงทันใดก็เกิดถอดถอนใจ คล้ายกับก่อนหน้านั้นไม่กี่วันนางยังลำบากกับการทำงานบ้านในตำหนักอ๋องเย่อยู่เลย ก่อนเป็นมนุษย์ยิ่งใหญ่หลังเป็นมนุษย์ยากลำบาก ทุบเขี้ยวเงินและกลืนเลือด แต่ว่าถึงเป็นวรยุทธแค่ประเดี๋ยวเดียว คาดไม่ถึงว่านางจะเปลี่ยนจากคนทุกข์ใจกลายเป็นคนนั้นที่มีเอกสิทธิ์แล้ว เรื่องราวบนโลกช่างมหัศจรรย์จริง ๆ และสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ ไม่เพียงแค่คำพูดของคนคนตรงหน้านี้เพียงเท่านั้น จ้าวชิงหยิงถอนหายใจครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ส่ายหน้า “อ๋องเย่เพคะ น้ำใจของท่านข้ารับด้วยใจแล้ว แต่ว่าข้าเพียงอยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบ ๆ ไม่เจ็บป่วยไม่เจอเคราะห์ร้ายใช้ชีวิตเยี่ยงนี้ก็พอแล้ว ตำหนักอ๋องเย่มีฐานะวงศ์ตระกูลสูงเกินไป ข้าไปไม่เหมาะ” “เจ้าไปไม่เหมาะ? ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่อยากไป?” จ้าวชิงหยิงฉับพลันก็รู้สึกถึงแรงกดดันจนยากจะพูด นี่ก็คืออ๋องเย่ ตอนพูดกับเขาไม่พบการวางอำนาจของอ๋องเย่แม้แต่น้อย ยิ้มบางบางช้าช้า คล้ายกับเหยียบบนหาดน้ำตื้น ทำให้คนผ่อนคลายและมีความสุขเหมือนสายลมฤดูใบผลิที่คอยชำระล้าง แต่ทว่ารอจนเจ้ารู้สึกตัวก็จะพบว่าถูกปกคลุมไว้ในทะเลลึก ภายนอกสงบเงียบดั่งเดิมแต่ทว่ากลับเตรียมพร้อมไว้ สามารถเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่พัดถาโถมอย่างสูงอย่างยิ่งได้ตลอดเวลา จ้าวชิงหยิงวันนี้ก็เป็นคนที่ถูกน้ำท่วมคนนั้น และยังเป็นอีกครั้ง จ้าวชิงหยิงด่าตนเองเงียบเงียบว่าเป็นคนโง่ เมื่อวานเพิ่งจะล้มไปครั้งหนึ่ง วันนี้ทำไมถึงถูกจับพิรุธได้อีก นางแสดงออกถึงจิตใจของเด็กสาวชนบทประเภทหนึ่งที่ต่อต้านการไปอาศัยอยู่กับครอบครัวที่มียศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่ ตั้งใจพูดอย่างหยาบคายว่า “ตอนสิบขวบข้าป่วย เคยไปเมืองหลวง ในเมืองหลวงรถเยอะคนก็เยอะ ทุกคนบนถนนแต่งตัวดีกว่าหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ว่าตอนนั้นข้าป่วยจนจะตายอยู่แล้ว คนบนถนนมากมายขนาดนั้น ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่จะหยุดถาม แม้กระทั่งรีบไล่ข้าและบิดาให้รีบไป ข้าไม่ชอบสถานที่นั่น แล้วก็ท่านคืออ๋องเย่ อย่าดูว่าตอนนี้ท่านพูดคุยกับข้าดี แต่ว่ากลับไปถึงตำหนักอ๋องของท่านแน่นอนว่าไม่เป็นเยี่ยงนี้ แม้แต่บ้านของท่านป้าของข้าก็อยู่ไม่ได้ ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตำหนักอ๋อง” โจวห้าวหรันมองข้ามความรู้สึกที่อ่อนไหวบอบบางของเด็กสาว เขารวบรวมพลัง พยายามพูดอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องกลัว ข้าพาเจ้ากลับไป เรื่องราวตอนสิบขวบของเจ้าจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว แล้วก็ในตำหนักอ๋องคนน้อย ข้ามีเพียงลูกชายคนเดียว ถึงแม้เขาจะไม่รู้ความ แต่ว่าไม่ถึงขนาดจะทำให้เจ้าลำบาก ถึงเมืองหลวงแล้วเจ้าเพียงแค่อาศัยอยู่ ถ้าเจ้าไม่ชอบให้ใครมารบกวน เยี่ยงนั้นข้าจะหาเรือนเดียวในตำหนักอ๋องให้เจ้า การจัดการคนรับใช้เจ้าพูดเยี่ยงไรก็เป็นนับว่าเป็นเยี่ยงนั้น ส่วนเสื้อผ้าอาหารค่าใช้จ่ายยิ่งไม่จำเป็นต้องกังวล ค่าใช้จ่ายของเจ้าก็มาเอาไปจากบัญชีส่วนตัวของข้า อยากใช้อะไรก็สั่งได้ตามสบาย จะไม่มีคนควบคุมเจ้า” “ความจริงหาเมืองเล็ก ๆที่สงบเรียบง่าย ให้ข้าอยู่ที่นั่นใช้ชีวิตสงบ ๆ ก็พอ......” “เบื้องหน้าผลประโยชน์ไม่มีสถานที่ที่เรียบง่ายจริง ๆ หรอก ร่างกายและจิตใจเจ้าล้ำค่า ยิ่ง อายุยังน้อย ถ้าอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวข้างนอกคนเดียว ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย แต่เพียงเจ้ามาถึงเมืองหลวง ไม่ว่าต่อไปเจ้าจะอยากแต่งงานหรืออยากใช้ชีวิตคนเดียว มีเพียงอยู่ในตำหนักอ๋องเย่วันเดียว ก็ไม่อาจมีใครมารบกวนเจ้าได้อีก” “ข้า.......”จ้าวชิงหยิงอ้าปาก พบว่าโจวห้าวหรันได้พูดไว้หมดแล้ว คาดไม่ถึงว่านางจะหาเหตุผลมาโต้แย้งไม่ได้อีก นางบอกไม่อยากอาศัยบ้านผู้อื่น โจวห้าวหรันก็ให้เรือนเดี่ยวแก่นาง นางกังวลว่าตนเองจะมีปัญหากับนายหญิงคนใหม่ เยี่ยงนั้นโจวห้าวหรันก็ให้นางไปใช้เงินส่วนตัวของตนเอง ถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่มีคนคอยควบคุมนาง จ้าวชิงหยิงอึดอัดอยู่พักหนึ่ง เพียงได้แค่พูดออกไปอย่างอึดอัดประโยคหนึ่ง “เยี่ยงนี้ก็ลำบากท่านเกินไปแล้ว.....” “ไม่ลำบาก” จ้าวชิงหยิงไม่มีคำจะพูดโดยสิ้นเชิง นางมองอ๋องเย่ที่สงบนิ่งเยือกเย็น ทันใดนั้นบังเกิดความรู้สึกที่แปลกประหลาดบางอย่างขึ้นมา ทำไมนางรู้สึกว่าอ๋องเย่เดิมทีก็ตั้งใจดึงดูดนางให้พูดออกมาว่าไม่ยอม หลังจากนั้นค่อยค่อยวางยาเส้นตายให้นางละ? อ๋องเย่ดูแล้วโอนอ่อนตาม แต่ว่าเรื่องที่เขาอยากทำ เดิมทีก็ไม่ได้มีทางหนีทีไล่เหมือนเดิม ความเป็นจริงเขานั้นเป็นคนที่พลการมากคนหนึ่ง โจวห้าวหรันสังเกตเห็นจ้าวชิงหยิงพยายามปกปิดซ่อนเร้น เขาก็ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้สนใจแต่ทว่าถาม “เป็นอันใดหรือ? เจ้าคงไม่ถึงกับว่าจะทำใจไม่ได้ที่จะจากบ้านเกิดไปนะ เป็นเยี่ยงนี้ถึงไม่อยากไปใช่ไหม?” ความจริงแล้วจ้าวชิงหยิงยังอยากใช้ข้ออ้างอันนี้จริง ๆ น่าเสียดายก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเพื่อที่จะอวดดีต่ออ๋องเย่ นางตัดทางเลือกเกี่ยวกับความคิดถึงบ้านที่มีน้ำหนักที่สุดออกด้วยมือนางเอง จ้าวชิงหยิงหมดเรี่ยวแรงจากก้นบึ้งหัวใจ นางทอดถอนใจ คนทั้งคนก้มต่ำลง “ก็ได้เพคะ ทำตามที่อ๋องเย่พูดมาทั้งหมด” จ้าวชิงหยิงก็พูดได้ไม่ชัดว่าตนเองมีความรู้สึกเยี่ยงไรกับเมืองหลวง นางเติบโตที่นั่น ญาติของนางทั้งหมดล้วนอาศัยอยู่เมืองที่กว้างใหญ่แห่งนั้น และฝันร้ายของนางทั้งหมดก็อยู่ที่นั่น ถ้าเป็นไปได้จ้าวชิงหยิงก็ไม่อยากกลับไปเมืองหลวงอีก พูดว่านางหลบหนีก็ได้ พูดว่านางหลอกลวงตัวเองหลอกลวงคนอื่นก็ช่าง นางกลับมามีชีวิตอีกครั้งนั้นไม่ง่าย นางไม่อยากเจอโจวเฉินทั่นและหลิวไอ้อีก ขอเพียงแค่ไม่เจอพวกเขาอีก จ้าวชิงหยิงก็สามารถหลอกตัวเองต่อไปได้ เจ้าไม่ได้พ่ายแพ้เยี่ยงนั้น เจ้ายังสามารถหาเมืองเล็กใช้ชีวิตครอบครัวเล็กที่มั่นคงและสมบูรณ์พร้อม เจ้าเพียงแค่ไม่ได้เจอญาติสนิท เพื่อน สามีในอดีต และไม่ใช่พวกเขาที่ทอดทิ้งเจ้า ทอดทิ้งเหมือนกับรองเท้าที่สึกหรอ แต่ว่าเมื่อสี่คำนี้ “กลับตำหนักอ๋องเย่” คำพูดที่ออกจากปากโจวห้าวหรัน เรื่องราวที่ผ่านมาที่อยากจะกำจัดเริ่มเด่นชัด หลังจากพบว่ายิ่งไม่ได้รื้อฟื้นเรื่องราวเก่า ๆ ใจของนางก็สงบไร้กังวลทันที ความจริงนางก็ไม่ได้ยินยอมใช่หรือไม่ ไม่พูดถึงคนอื่น พูดถึงแค่องค์หญิงโซ่คัง จ้าวชิงหยิงก็อยากกลับไปพบหน้าท่านยายอีกสักครั้ง นางเป็นลูกคนเดียวของมารดา ท่านแม่เว่ยซื่อเป็นลูกสาวคนเดียวขององค์หญิงโซ่คัง เว่ยซื่อจากโลกนี้ไปเร็ว ตอนนี้จ้าวชิงหยิงก็คือสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวขององค์หญิงโซ่คัง และก็ท่านยายกับราชบุตรเขยความสัมพันธ์ก็ไม่ใช่ดีมาก จ้าวชิงหยิงแค่คิดว่าข้างกายท่านยายแม้แต่คนรุ่นหลังคอยปรนนิบัติก็ไม่มี ก็รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก แม้อย่างไรเพื่อท่านยายแล้วนางก็ต้องกลับไป สภาพจิตใจของจ้าวชิงหยิงค่อยค่อยสงบลง โจวห้าวหรันเห็นว่าจ้าวชิงหยิงคิดได้แล้ว เขามองนางอย่างพอใจ แล้วก็เปิดอ่านจดหมายต่อ พูดกับจ้าวชิงหยิงออกไป “พระราชโองการมอบบรรดาศักดิ์ของจ้าวเชียน หนังสือทอง และก็ที่นาที่ราชสำนักมอบให้ โฉนดที่ดินล้วนอยู่ที่ข้า สองวันนี้ถ้าเจ้าไม่มีอันใดทำแล้วละก็ ก็ตรวจสอบของขวัญในสมุดรายการส่งของขวัญนี้เถอะ สมุดรายการส่งของขวัญเจ้าดูเป็นหรือไม่?” “เป็นเพคะ”จ้าวชิงหยิงตั้งแต่เล็กก็ติดตามองค์หญิงโซ่คัง จัดเตรียมงานเลี้ยง งานสิ้นปี จ้าวชิงหยิงคิดในใจปีที่แล้วตำหนักอ๋องเย่ของพวกเจ้าส่งของขวัญเทศกาลให้ในวังหลวงยังเป็นนางที่เตรียมของขวัญกับมือ ถ้ารู้ว่าจะมีวันนี้ ตอนแรกทำไมต้องลำบากออกแรงจัดการงานบ้าน ควรจะใช้ทรัพย์สมบัติของตำหนักอ๋องเย่ให้หมดจนเป็นหนี้ถึงจะถูกต้อง “เยี่ยงนั้นเจ้าก็ไปตรวจสอบเล่นไปก่อน รอจนกลับไปเมืองหลวง ข้าจะนำโฉนดที่ดินเปลี่ยนเป็นสถานที่บริเวณรอบ ๆ เมืองหลวง วันหน้าจะได้เป็นสินเดิมเจ้าสาวให้เจ้า” สิ่งของที่พระราชทานในชื่อของจ้าวเชียนถูกฉ้อฉลอย่างหนัก เป้าหมายชัดเจนสำหรับพระราชทานตำแหน่งบรรดาศักดิ์ชุดนั้น ไม่มีใครกล้ายุ่ง แต่ว่านอกเหนือจากนั้น โฉนดที่ดิน ผ้าไหม เงินถูกตัดไปเยอะมาก โจวห้าวหรันรู้ว่าพวกขุนนางมีการฉ้อโกงอย่างหนัก แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าจะร้ายแรงถึงขั้นนี้ ถ้าเขาไม่ได้อ้อมมาทางตำหนักชูเต๋ กลัวว่าเรื่องนี้ก็ยังต้องเป็นแบบนี้เรื่อยไป เชี่ยนลิ่งวันนี้ระวังตัวตลอดให้ตนเองหลุดพ้นจากความผิด กลัวว่าเขาจะลงโทษ แต่ว่าโจวห้าวหรันอยู่ในตำแหน่งอันใด จะให้ไปโมโหจัดการพวกชั้นต่ำไม่กี่คนทำไม เขาเขียนจดหมายให้จางเชี่ยวเหลียนไม่หยุดพัก จางโซฝูลงโทษลูกน้องเยี่ยงไรนั้นเขาไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่ง เพียงแค่สุดท้ายแล้วได้รับผลตรวจสอบจากมือจางเชี่ยวเหลียนก็พอแล้ว แต่ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายเขาควบคุมก็พอ จ้าวชิงหยิงไม่จำเป็นต้องรู้ โฉนดที่ดินที่ราชสำนักมอบให้จ้าวเชียนส่วนมากเป็นน้ำ ส่วนมากที่เป็นพื้นดินมีเพียงชื่อลอย ๆ เอามาเป็นของจ้าวชิงหยิงไม่ได้โดยสิ้นเชิง โจวห้าวหรันเป็นตัวแทนจ้าวชิงหยิงนำโฉนดที่ดินเหล่านี้เปลี่ยนเป็นบริเวณรอบ ๆ เมืองหลวง เรื่องแบบนี้จ้าวชิงหยิงทำไม่ได้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นในนามของเขา เยี่ยงนั้นก็ไม่เป็นอันใดแล้ว ในสมองของจ้าวชิงหยิงคำนวณอยู่ครู่หนึ่ง ฉับพลันก็บังเกิดความสนใจขึ้นมา “อ๋องเย่เพคะ จะเปลี่ยนได้อย่างไรกัน? หนึ่งหมู่เปลี่ยนเป็นเมืองหลวงได้พื้นที่เท่าใดหรือเพคะ?” โจวห้าวหรันอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วมองนาง “วางใจ ข้าไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเจ้า แน่นอนว่าต้องหนึ่งหมู่แลกหนึ่งหมู่ เปลี่ยนเป็นที่ดินที่เท่าเทียมกัน” แต่นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนที่ดินที่เท่าเทียมกัน โฉนดที่ดินของจ้าวเชียนอยู่ชูเต๋ ที่ดินของชูเต๋ไหนเลยจะเทียบเท่าที่ดินของเมืองหลวง? จ้าวชิงหยิงได้ฟังก็รีบทำการขอบพระทัยอ๋องเย่ กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ “ขอบพระทัยอ๋องเย่เพคะ” มือของโจวห้าวหรันข้างหนึ่งวางบนโต๊ะไม้ อมยิ้มแล้วมองจ้าวชิงหยิง “เจ้าปฏิเสธการแต่งงานเยี่ยงนั้น ข้ายังคิดว่าเจ้าจะไม่ยอมฟังเรื่องที่พูดถึงสินเดิมเจ้าสาว” “นี่จะเหมือนกันได้เยี่ยงไร”จ้าวชิงหยิงดูแลทรัพย์สินภายในบ้านตั้งแต่เล็ก นางเข้าใจข้อดีของทรัพย์สินส่วนตัวเป็นอย่างดี นางตามความจริงไม่ยอมแต่งงานอีก แต่ถ้าเตรียมสินเดิมเจ้าสาวให้นาง อันนี้ไม่มีปัญหา ล้วนไม่จำเป็นต้องกังวลกับความหยิ่งในเกียรติตนเองของนาง โจวห้าวหรันถูกทำให้ขำขัน ครั้งนี้เขาหัวเราะเบาเบาจนกระทั่งเกิดเสียงออกมา ถ้ายืนอยู่ที่นี่เป็นโจวม่าวเฉินหรือว่าผู้อาวุโสคนอื่น เห็นภาพที่ปรากฎตอนนี้คงตกใจจนปากปิดไม่มิดอย่างแน่นอน แต่ทว่าจ้าวชิงหยิงยังไม่เข้าใจว่าสามารถทำให้อ๋องเย่หัวเราะจนออกเสียงได้นั้นเป็นเรื่องยากเพียงใด นางในตอนนี้กำลังรีบหาโอกาสขอตัวออกไป ท้ายสุดก็ได้สิ่งของที่พระราชทานในชื่อของจ้าวเชียน ฝ่ามือของนางในตอนนี้ล้วนออกอาการคัน โจวห้าวหรันมองออกถึงความรีบร้อนของจ้าวชิงหยิง เขาไม่ได้ต้องการทำให้นางลำบากมาก ชี้ไปยังกล่องข้างมือให้จ้าวชิงหยิง แล้วพูด “นี่คือโฉนดที่ดินของบิดาเจ้าและสัญญาขายตัวของสาวใช้คนนั้น เจ้าเอาไปพร้อมกันเถอะ เส้นทางไม่สะดวกให้พาสาวใช้ไปหลายคน ข้าหาให้เจ้าเพียงหนึ่งคน คนที่เหลือค่อยไปหาเพิ่มที่เมืองหลวง” จ้าวชิงหยิงไม่ได้เกรงใจ ก้าวไปหน้าอย่างรวดเร็ว เดินอ้อมไปด้านข้างของมือโจวห้าวหรันเพื่อรับของ จ้าวชิงหยิงกอดกล่องไม้ไว้แล้วทำความเคารพโจวห้าวหรัน กำลังจะขอตัวออกไป อยู่ ๆ ก็ได้ยินโจวห้าวหรันพูดอย่างไม่ตั้งใจหนึ่งประโยค “ต่อไปถ้าเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม มาหาข้าก็พอ เจ้าไม่จำเป็นต้องประนีประนอม” จ้าวชิงหยิงตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ในใจปรากฏคนหนึ่งที่คาดเดาไม่ได้อย่างน่าตกใจ รูม่านตาของนางไม่ได้ตั้งใจจะเบิกกว่าง ท่าทางตกใจมากอย่างเห็นได้ชัด “ท่านรู้แล้ว?” โจวห้าวหรันไม่ได้พูดอันใด เขาเปิดกระดาษเซวียนจื่อ จากรูปแบบพู่กันเหมือนจะถูกจับให้ขีดเขียนตัวอักษร คล้ายกับตั้งใจจะตอบจดหมายให้จางเชี่ยวเหลียน จ้าวชิงหยิงก็ไม่ได้พูดอันใด ถูหมึกอย่างเงียบเชียบให้โจวห้าวหรัน แล้วก็ออกไปอย่างเงียบ ๆ รอจนออกมาจากห้องหนังสือแล้ว บรรยากาศเยือกเย็นและเงียบเหงามาทิศทางของนาง กล่องไม้ในมือก็หนักแสดงความชัดเจนของการมีอยู่ของตนเอง จ้าวชิงหยิงเวลานี้เพิ่งบังเกิดความรู้สึกจริง ๆขึ้นมาเล็กน้อย โตขนาดนี้ เพิ่งเคยมีคนพูดกับนางว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องประนีประนอม” ชาติก่อนท่านพ่อ ท่านยาย แม้แต่นักปราชญ์และคนรับใช้ในตำหนักยินโก๋กงล้วนพูดกับนางหลายรอบ เจ้าคือลูกสาวคนโตของฮูหยินใหญ่ เจ้าต้องถือเอาระเบียบแบบแผนของพี่สาว ให้น้องสาวอยู่ด้านล่าง ดวงตาของจ้าวชิงหยิงไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ชื้น ๆ ที่แท้อ๋องเย่วันนี้ออกไปข้างนอกก็เพื่อเรื่องของนาง ไม่ใช่แค่จัดการแม่หลินและหลี่ด๋าบ้านเดียว ยังเป็นตัวแทนนางไปเอาทรัพย์สินเงินทองที่ฮ่องเต้ปูนบำเหน็จของจ้าวเชียนจากเชี่ยนลิ่งกลับมา นี่เป็นครั้งแรกที่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกถูกคนปกป้อง ชาติก่อนหลิวไอ้ล้วนไม่ต้องทำอันใดก็สามารถได้รับการเอาใจใส่จากยินโก๋กงซื่อจื่อ พี่ชายน้องชายในวงศ์ตระกูล แม้กระทั่งจากญาติผู้พี่ญาติผู้น้องผู้ชาย ตอนนั้นจ้าวชิงหยิงคิดว่าไม่ควรค่าที่จะมอง นางไม่ใช่ไม่มีมือ ของเหล่านี้ตัวนางเองก็สามารถแย่งชิงมาได้ แล้วทำไมต้องใช้ให้พวกเขาทำเป็นคนดี? แต่ว่าตอนนี้จ้าวชิงหยิงในที่สุดก็รู้ว่าไม่เหมือนกัน เพียงความตั้งใจนี้ ก็ไม่ใช่ตนเองเสียแรงแย่งชิงจะสามารถสู้ได้ ถึงแม้จะเป็นของที่เหมือนกัน อ๋องเย่ไม่ได้หยุดพักที่เชี่ยนลิ่งเป็นเวลานาน รอจนเตรียมของที่จะใช้ในการเดินทางเสร็จพอสมควร อ๋องเย่ก็จะออกคำสั่งให้เริ่มออกเดินทาง เพื่อรีบมุ่งหน้าไปเมืองหลวง อ๋องเย่เดิมทีเพียงตั้งใจมาตำหนักชูเต๋เดินสักรอบ ฝังโครงกระดูกของจ้าวเชียนหลังจากนั้นก็จะรีบตามกองทัพใหญ่ที่กำลังรีบเคลื่อนทัพกลับราชสำนัก แต่ทว่าในขบวนได้เพิ่มจ้าวชิงหยิงมาชั่วคราว แผนจะรีบตามกองทัพไปให้ทันนั้นต้องหยุดลงเป็นธรรมดา เรื่องที่อ๋องเย่ตัดขาดจากกองทัพก็ปิดบังซ่อนเร้นไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อ่องเย่เลยถือโอกาสเขียนจดหมายให้เมืองหลวง อธิบายทิศทางที่จะไปแล้วก็จะพาจ้าวชิงหยิงค่อยค่อยเดินทางมุ่งสู่เมืองหลวง เมื่อโจวห้าวหรันดูแล้วนี่คือการเดินที่ช้าอย่างที่สุดแล้ว แต่ว่าสำหรับผู้ที่ไม่เคยออกจากบ้านไปไกล ร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงอย่างจ้าวชิงหยิงแล้ว การเดินทางแบบนี้ยังนับว่าเร่งรีบเกินไป ไม่กี่วันก่อนจ้าวชิงหยิงยังพอทนไหว ต่อมาเมื่อตอนหยุดพักที่จุดพักม้า จ้าวชิงหยิงก็ทนไม่ไหว คืนนั้นไข้สูงจนป่วยหนัก เพราะจ้าวชิงหยิงป่วยระหว่างเดินทาง การเดินทางของอ๋องเย่เลยล่าช้ามาก รอจนในที่สุดพวกเขาก็เดินทางถึงเมืองหลวง ก็เป็นเวลาสามเดือนแล้ว การแต่งงานของโจวเฉินทั่นและหลิวไอ้ ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว จ้าวชิงหยิงป่วยจนต้องอาศัยอยู่บนรถม้า ด้านนอกมีเสียงทักทายจากคนรับใช้ “แม่นางหลิน ถึงตำหนักอ๋องเย่แล้ว” จ้าวชิงหยิงอยู่ในการประคองของสาวรับใช้ เดินลงจากรถม้าอย่างระมัดระวัง ยืนอยู่ตรงหน้าตำหนักที่กว้างขวางตระการตาอีกครั้ง ตำหนักอ๋องเย่ นางกลับมาแล้ว นักเขียนมีเรื่องจะพูด ก่อนหน้านี้เขียนนามสกุลซื่อว่าเป็นนามสกุลของมารดานางเอกทำปนกันไปหมด มารดาของนางเอกนามสกุลเว่ย ไม่ใช่เซิ้งซื่อ ฉันได้ตรวจสอบเนื้อหาด้านหน้าอีกรอบแล้ว และได้แก้ไขตรงที่เขียนผิดแล้ว ถ้ามีตกหล่นหวังว่าทุกคนจะไม่ตำหนินะ
已经是最新一章了
加载中