บทที่ 152 มีความรักก็ยังคงมีความหวัง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 152 มีความรักก็ยังคงมีความหวัง
บทที่ 152 มีความรักก็ยังคงมีความหวัง บางเรื่อง เกิดขึ้นก็คือเกิดขึ้นแล้ว เมื่อเสียไปก็คือเสียไปแล้ว จ้องมองไฟแดงของห้องผ่าตัดที่สว่างขึ้นมา จิณณะรู้สึกว่าใจของเขานั้นเต้นตามไฟแดงนั้น บางทีไฟสีแดงนั้นคงส่องให้ใจของเขายังคงเต้น หากไฟแดงดับลง ใจของเขาก็คงหยุดเต้นเช่นกัน เพ็ญภัทร์ เธอเอาหัวใจของเขาไปแล้ว สวรรค์ เขายังคงรักเธอมาโดยตลอด ไม่เคยน้อยลงเลยสักนิด ฝ่ามือที่เซ็นชื่อนั้นสั่นเทา แต่ใจนั้นกลับลอยหายไปและคงไม่กลับมาใช้งานได้อีก มีดเล่มนั้นยังคงสะท้อนอยู่ในสายตา ถ้าหากเกิดเรื่องกับเพ็ญภัทร์และลูก คนที่ผิดที่สุดก็คือเขา เป็นเขาจริงๆ เป็นเพราะความไม่เชื่อใจของเขา เป็นเขาที่เหยียดหยามและทรมานทั้งวันทั้งคืนจนในท้ายที่สุดก็ทำให้เธอรับมันไม่ไหว นึกถึงแผ่นหลังที่ผายผอมของเธอ แผ่นหลังของจิณณะพิงกับกำแพงแล้วค่อยๆล่วงลง ถ้าหาก... แต่ใดใดบนโลกใบนี้ล้วนไม่มีคำว่าถ้าหากอีก ปุริมก็พิงอยู่ที่กำแพงตรงหน้าของเขา ในตอนที่ชายหนุ่มทั้งสองต่างเผชิญหน้ากัน แต่เป็นครั้งแรกที่ไม่มีการตีกันเกิดขึ้น ไม่มีใครตีกัน มีเพียงแค่สายตาที่ยังคงจับจ้องไฟของห้องผ่าตัดไม่หยุดเท่านั้น ผู้หญิงที่อยู่ในห้องผ่าตัดนั้นต่างมีผลกระทบต่อความรู้สึกของพวกเขา เพ็ญนีติ์เดินเขาไปใกล้ปุริม มองมือเขาที่ลุกลนอยู่ที่กระเป๋าเสื้อ เขากำลังหาบุหรี่ และจะจุดไฟ การกระทำทั้งหมดนั้นไม่สอดคล้องและเป็นไปอย่างเชื่องช้า เหมือนกับคนติดยาที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ไฟแช็กนั้นยังคงถูกกดจุดไม่หยุด แต่ไฟไม่มีทีท่าว่าจะติดขึ้นมาสักนิด ”ฉันเอง” เธอยื่นมือไปแย่ง กดจุดไฟ แล้วต่อไฟกับบุหรี่ที่ปากของเขา เปลวไฟสั่นไหว แต่ในที่สุดก็จุดติด พ่นควันออกมาแรงๆหนึ่งครั้ง ฝ่ามือของชายหนุ่มยังคงสั่น เธอกล่าวเบาๆ “เพ็ญภัทร์จะไม่เป็นอะไร” ผู้หญิงที่อ่อนโยนขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจะเหมือนกับไต้อวี้มาก แต่เธอรู้สึกว่าเพ็ญภัทร์คงไม่ได้มีชีวิตที่น่าสงสารขนาดไต้อวี้ได้หรอก เพราะว่าผู้ชายที่อยู่ข้างนอกห้องผ่าตัดนี้ตอนนี้ต่างรักเธอกันทั้งสองคน นั่นเป็นโชคดีของเธอ มีความรัก ย่อมมีความสุข มีความรัก ย่อมมีความหวัง ดวงตาที่ขึ้นเส้นเลือดฝาดของปุริมก้มลงมองเพ็ญนีติ์ พ่นควันบุหรี่ออกมา ทันใดนั้นเขาก็กอดเธอไว้ กอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่น “คุณพูดถูก จะต้องไม่เป็นอะไร จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน” ไม่รู้ว่าเอาเธอเป็นตัวแทนของเพ็ญภัทร์ หรือว่าอย่างไร เขาถึงได้กอดเธอไว้แนบแน่นแล้วกระซิบอยู่อย่างนั้น ใช่ ภาพที่เลือดท่วมกายของเพ็ญภัทร์นั้นช่างรุนแรง ไม่ว่าใครมาเห็นก็คงจะห่วงจนทนไม่ไหว ตอนนี้ ทุกคนทำได้แค่ฝากแรงไว้ที่แพทย์เท่านั้น มีแค่พวกเขาที่จะตัดสินความเป็นความตายของเพ็ญภัทร์ได้ เมนิลามาถึงแล้ว ใบหน้ามืดครึ้มจ้องมองปุริมทีจ้องมองจิณณะที ท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้พูดอะไร นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆแล้วจ้องมองปลายเท้าของตัวเองอยู่เงียบๆ ช่วงเวลานั้น เธอเหมือนแก่ลงไปในทันที แต่เดิม เบื้องหลังของผู้หญิงที่มีเสน่ห์จนเป็นที่จับตามองคนนั้น คือความโหดเหี้ยมและหยิ่งผยอง ทุกคนต่างแก่ลงได้ ทางเดินนั้นเงียบมาก จิณณะนั่งลงที่พื้นเย็นนั่น ปุริมยังคงกอดเธอไว้แน่น จุดไฟบุหรี่ในมือขึ้นแต่ก็ปล่อยให้มันเผาไปจนถึงก้นโดยที่ไม่รู้ตัว แต่ควันของบุหรี่นั้นลอยไปตามทางเดินที่มืดมิดนี้ วันแรกของปีใหม่ ไม่มีแสงแดด และเป็นวันที่มืดมนอีกหนึ่งวัน “คุณผู้ชายคะ ห้ามสูบบุหรี่ในโรงพยาบาลนะคะ ช่วยไปสูบที่ข้างนอกห้องหรือไม่ก็ห้องสูบบุหรี่ด้วยค่ะ” เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เป็นพยาบาลคนหนึ่งที่มารบกวนความเงียบนี้ และทำให้มือของปุริมชะงัก บุหรี่ในมือตกไปที่พื้นแล้ว เขาปล่อยเพ็ญนีติ์ สายตาจับจ้องก้นบุหรี่ที่ตกอยู่ที่พื้น จ้องมองรองเท้าของเพ็ญนีติ์ที่ขยี้ก้นบุหรี่ เขาก็รีบลากเธอทันที: “อย่าขยับ อย่าขยี้ เพ็ญภัทร์ต้องมีชีวิตอยู่ ต้องมีชีวิตอยู่แน่ๆ” สวรรค์ เขาเปรียบบุหรี่พวกนี้เป็นชีวิตของเพ็ญภัทร์ไปแล้ว ยื่นมือโอบรอบศีรษะของไว้ ให้เขาได้อยู่อ้อมกอดของเธอต่อไป ในตอนนี้เธอสัมผัสในถึงความอ่อนแอของเขาเท่านั้น ชายหนุ่มไม่เคยอ่อนแอมาก่อน แต่ไม่ใช่เพราะเธอ แต่เป็นเพราะผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แต่ก็น่าแปลกใจที่เธอไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร เพียงแค่เสียดาย เสียดายความรักที่แสนอ่อนหวานนี้ อยากรู้ว่าเพราะอะไร ทำไมเรื่องถึงเป็นเช่นนี้กัน เพียงแค่ไม่ใช่ตอนนี้ หากเพ็ญภัทร์ตื่นขึ้น เธอจะถามเพ็ญภัทร์แน่นอนว่าเพราะอะไรกัน ทำไมคนที่เพ็ญภัทร์เลือกถึงเป็นจิณณะไม่ใช่ปุริมกัน ก้นของบุหรี่ในที่สุดก็ดับไป การผ่าตัดยังคงดำเนินไป เวลาผ่านไปอย่างยากลำบาก เธอหลับตาลงด้วยความทรมาน ปุริมไม่ขยับราวกับตายจากไปแล้ว การฆ่าตัวตายของเพ็ญภัทร์เหมือนพาชีวิตของเขาไปเช่นกัน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เธอคงเป็นเพียงคนเดียวที่รู้สึกถึงการเข้าออกของนางพยาบาล แต่ก็อยู่อย่างเงียบๆ พยายามจะไม่ส่งเสียงใดใด เพราะกลัวจะทำให้คนในห้องผ่าตัดตกใจเอา แต่แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาในเวลาที่เงียบเช่นนี้อย่างไม่เหมาะสม เพ็ญนีติ์อยากตัดสายทิ้ง แต่พอเห็นว่าเป็นสายจากนภนต์ก็นึกถึงอ้อยและส้มขึ้นมา เธอลืมเรื่องของพวกเด็กๆไปเสียสนิท ปล่อยปุริมไป “ฉันไปรับโทรศัพท์นะคะ พวกเด็กๆ” ปุริมพยักหน้าอย่างซึมๆ แล้วก็มองมาที่เธอด้วยสายตาที่ไม่ได้โกรธอะไร แต่เหมือนกับว่าไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรอยู่ “สวัสดีค่ะ นภนต์... ค่ะ กำลังผ่าตัดอยู่... ไม่อย่างนั้น คุณพาอ้อยกับส้มกลับไปก่อนก็ได้ค่ะ ให้แม่ของฉันช่วยฉันดูแลก่อน ค่ำๆหากการผ่าตัดเสร็จสิ้นจะกลับไปค่ะ” เธอเองก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร เธอไม่อยากไป ถึงแม้ว่าผู้หญิงในห้องผ่าตัดนั้นจะเป็นคนที่ปุริมรักมากที่สุด แต่เธอไม่อยากเพ็ญภัทร์ตาย สักนิดก็ไม่มี “ครับ สบายใจเถอะ ผมพาอ้อยกับส้มไปเอง” เสียงของนภนต์ที่เหมือนกับมีรอยยิ้มอยู่นั้นทำให้เพ็ญนีติ์เบาใจ และรู้สึกวางใจ เขามักจะมาในเวลาที่เธอต้องการที่สุดเสมอ จากนั้นก็จะอยู่ข้างๆเธอจนถึงตอนที่เธอไม่ต้องการเขาอีก ในใจรู้สึกเจ็บปวด ทำให้เธอเรียกออกไป “นภนต์...” “ครับ” เธอกลืนน้ำลาย ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะ” “สุขสันต์วันปีใหม่ครับ มีข่าวคราวก็แจ้งผมมาด้วยนะครับ” “ได้ค่ะ ไว้เจอกันค่ะ” “ไว้เจอกันครับ” วางสายไปแล้ว เมื่อหันหน้ากลับมา ปุริมกำลังจ้องมาที่เธอ สายตานั้นทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว สายตานั้นเหมือนกับจะฆ่าคนได้ ทำให้เธอนึกถึงตอนที่เขาดึงคอเสื้อเธอด้วยท่าทางคาดคั้นเธอในร้านอาหารกินสุขนั่น ตอนนี้มันกลับมาอีกครั้ง “พูดมาว่าคุณตั้งใจหรือไม่” เขากลับมานึกอีกครั้งในท้ายที่สุด เขากำลังพิจารณา เขาเอาเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาโยนให้เธออีกครั้ง ใจเต้นรัว เธอกล่าวเสียงเรียบ: “ฉันแค่อยากให้คุณได้เห็นหน้าเธอเท่านั้น เพียงแค่ไกลๆก็ยังดี เธอรักคุณ” เสียงของเธอแหบเล็กน้อย นั่นคือเอกลักษณ์ของผู้หญิง ดังขึ้นในทางเดินเงียบๆของโรงพยาบาลแห่งนี้ ทุกคำคือความสัตย์จริงของเธอ ตลอดมาเธอไม่เคยคิดคำนวณเรื่องเขาและเพ็ญภัทร์มาก่อน เขาไม่ได้รักเธอ เธอและเขาคงไม่มีโชคชะตาต่อกัน ทุกคนต่างเลือกทางเดินของตัวเองได้ เธอสามารถเดินจากไปได้ ทำให้ตัวเองเป็นแค่เพื่อนของเขา เมื่อคืนวานเธอก็ได้พูดไปแล้ว เหมือนหมอกดำ เวลามองเธอในดวงตานั้น มันค่อยหายไปดวงตาคมของปุริม และมีความอบอุ่นมากขึ้น “แล้วคุณล่ะ” เพียงสามคำที่แผ่วเบา แต่ทำให้ดวงตาของเธอนั้นสั่นระริก ในที่สุดเขาก็เชื่อเธอ “เพ็ญภัทร์บอก ให้คุณดื่มเหล้าและสูบบุหรี่น้อยลง ให้ฉันคอยดูแลคุณด้วย” เธอกล่าวเสียงต่ำ เพื่อเลี่ยงคำพูดของเขา รักไม่จำเป็นต้องพูดออกไป รักไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ “แล้วคุณล่ะ” แต่เขาก็ยังดึงดัน แล้วจู่ๆก็นึกถึงเรื่องที่เธอหายไปหกเดือนนี้ เธอไม่มีความปรารถนาและไม่มีหวังอะไรกับเขาทั้งนั้น เมื่อตอนที่อยู่ร้านอาหารกินสุขเขาก็เป็นบ้าก่อนจะมาสนใจเธอเช่นนี้ หกปีกับหกเดือน การจากไปทั้งสองครั้ง แต่เธอก็กลับเข้ามาในโลกของเขาอีก เมื่อก่อนก็ไม่เคย แต่จู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ มองใบหน้าของเพ็ญนีติ์ที่อยู่ตรงหน้าดูมืดมน ดูไม่เป็นจริงเท่าไหร่ ยื่นมือไปสัมผัสกับหน้าของเธอ มันเย็นจนน่ากลัว ”หนาวไหม” เขาถึงเพิ่งได้เห็นว่าเพราะเกิดเรื่องกับเพ็ญภัทร์ทุกขึ้นถึงได้รีบมาโรงพยาบาล เพ็ญนีติ์สวมมาเพียงเสื้อคอสูงเนื้อกำมะหยี่เท่านั้น ลืมแม้กระทั่งเสื้อกันลม ยืนข้างเขามาตั้งนานเขาเพิ่งจะสังเกตเห็น ถอดเสื้อคลุมของตัวเอง แล้วคลุมมันให้กับเธอ เธอไม่พูด เพียงมองเขานิ่งๆ เผยอปากแดงนั้นแล้วกล่าวออกมาแผ่วเบา “ปุริม ในที่สุดคุณก็เชื่อฉันเป็นครั้งแรก” ในตอนที่กล่าว ดวงตาก็แดงก่ำ มือกำที่คอเสื้อ ตรงนั้น เป็นที่ที่ในอดีตมือของเขาเคยดึงคอเสื้อของเธอจนเจ็บ ความจริงแล้วก็ยังผ่านไปไม่นานนัก มือที่สัมผัสใบหน้าของเธอนั้นค่อยๆล่วงลงมา ท่าทางของเขานั้นทั้งรู้สึกผิดและขอโทษ โค้ตยาวกันลมของผู้ชายสีม่วงเข้มตัวนี้ที่คลุมอยู่ที่ไหล่ของเธอ ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ความจริงความอบอุ่นนั้นอาจจะมาจากเสื้อกันลมของเขาที่คลุมไหล่ของเธออยู่ แล้วก็ใจที่อบอุ่นดวงนั้น งดงามที่สุด เดินกลับมาที่ทางเดินและสู่บรรยากาศเงียบๆอีกครั้ง ปุริมดึงเธอนั่งลงข้างกาย ทั้งสองคนไม่ได้คุยอะไรกัน ความรู้สึกของเขาเริ่มกลับมาเป็นปรกติแล้ว แต่ทันทีที่เงยหน้าไปที่ประตูห้องผ่าตัด ‘กำลังผ่าตัด’ สี่คำนี้ทำให้คิ้วของเขาขมวดนิ่ว เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า การผ่าตัดของเพ็ญภัทร์ยังดำเนินต่อ และรวมถึงเด็กในท้องของเธอด้วย บางทีอาจยุ่งยากที่ตรงนี้ ดังนั้นการผ่าตัดจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้า ปุริมที่กลับมาเป็นปรกติแล้ว ก็เริ่มนั่งไม่ติด เขาลุกขึ้นยืนแล้วรีบไปที่หน้าห้องผ่าตัด เมื่อเห็นว่ามีนางพยาบาลออกมาคนหนึ่ง รีบกระชากแขนเสื้อของเธอไว้ “คนไข้ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” พยาบาลไม่ได้เงยหน้า เหมือนว่ากำลังยุ่งมาก “ยังคงอยู่ในขั้นตอนการรักษาค่ะ...” กล่าวเช่นนั้น เธอก็พยายามสะบัดมือของปุริมให้เลิกจับแขนเสื้อเธอ “อะไรคือยังอยู่ในขั้นตอนการรักษากัน คุณดู ฟ้ามืดขนาดนี้แล้ว ยังต้องใช้เวลานานขนาดไหนกัน” เขาคำราม เหมือนทนไม่ไหวจนอยากฆ่าคน ดวงตาคู่นั้นราวกับจะพ่นไปได้ “คุณผู้ชาย ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ ฉันต้องไปเอาของ หากไปเอาช้า น่ากลัวว่าคนไข้อาจจะเป็นอันตรายมากขึ้น...” คำพูดของเธอนั้นได้ผลทีเดียว ปุริมรีบปล่อยแขนเสื้อของนางพยาบาลโดยเร็ว กล่าวเสียงต่ำอย่างร้อนรน “รีบไป” นางพยาบาลตัวเล็กรีบไปทันที รีบเดินราวกับอยากให้มีอีกหลายๆขามาช่วย ด้านข้างของประตู จิณณะลอบมองปุริม “คุณก็ควรไปได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้องการคุณ”
已经是最新一章了
加载中