บทที่ 156 คุณกลับมาก็ดีแล้ว   1/    
已经是第一章了
บทที่ 156 คุณกลับมาก็ดีแล้ว
บทที่ 156 คุณกลับมาก็ดีแล้ว ก้มมองตัวเองที่ทั้งตัวมีแค่ผ้าขนหนูเท่านั้น เพ็ญนีติ์รู้สึกขัดเขิน นภนต์เงยหน้าเหลือบมองเธอ เหมือนจะเห็นเธอที่มองต่ำเพราะความสับสนแล้ว ค่อยๆก้มหน้าลง เขากล่าว: “เพ็ญนีติ์ คุณกลับมาก็ดีแล้วครับ เด็กๆคิดถึงคุณมาก” นี่คือห้องพักของแขก ในอดีตตอนที่เธออยู่ตระกูลศาสตร์พงษ์ก็อยู่ที่ห้องนี้ รีบเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วเปิดอย่างรวดเร็ว ในนั้นยังคงมีชุดนอนอยู่ นำมันออกมาคลุมด้านนอกของผ้าขนหนูทันที นี่ค่อยดูเป็นธรรมชาติขึ้นมาหน่อย “นภนต์คะ ช่วงไม่กี่วันมานี้เด็กๆคงจะทำให้คุณเหนื่อยใจ” “พูดอะไรกันครับ เพ็ญนีติ์ คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ ผมจะไปรอคุณที่ห้องหนังสือ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” ท่าทางดูเคร่งเครียดมาก เหมือนมีเรื่องที่เครียดมากจะต้องบอกกับเธอ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของนภนต์ออกไปข้างนอกห้องแล้ว เพ็ญนีติ์ก็รีบเปลี่ยนชุดทันที ร่างกายที่สดชื่นเดินออกไปข้างนอกห้อง ก็เจอกับปัทมาที่ขึ้นตึกจะกลับห้องมาพอดี ยิ้มอย่างใจดีเมื่อได้เห็นเธอ “เพ็ญนีติ์ ให้โอกาสนภนต์เถอะ อาชนรพของเธอได้เลี้ยงอ้อยกับส้มทั้งวันในช่วงหลายวันมานี้ มองดูทั้งเด็กทั้งสองแล้ว อาชนรพของเธอเขาอยากจะอุ้มหลานแล้ว แต่นภนต์ เจ้าเด็กคนนั้น... เฮ้อ...” ถอนหายใจ ปัทมาส่ายหน้าไปมา เพ็ญนีติ์ไม่ได้แย้งอะไร เรื่องของเธอกับนภนต์ดูไม่มีทางเกี่ยวข้องกันเลย เธอเองก็ไม่รู้ว่านภนต์คิดอย่างไรเหมือนกัน เขาดีต่อเธอมาก แต่มันก็นานมาแล้ว เขาก็คงไม่อยากพูดถึงเรื่องระหว่างเขาและเธออีก เรื่องของปุริมก็ต้องหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่นภนต์ไม่พูด เธอเองก็ไปยุ่งไม่ได้เช่นกัน เมื่อมาถึงหน้าห้องหนังสือ ตอนที่กำลังจะเคาะประตู เสียงของนภนต์ก็ดังมาจากข้างใน “เพ็ญนีติ์ เข้ามาเถอะ” เธอผลักประตูเข้าไป ห้องหนังสือขนาดใหญ่นี้นอกจากหนังสือก็คือหนังสือ นภนต์นั่งอยู่ที่โต๊ะข้างหน้านั้น ตรงหน้าเขาบนโต๊ะนั้นมีหนังสือวางอยู่เล่มหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นหนังสืออะไรเหมือนกัน เขากวักมือเรียกเธอ “มานั่งเถอะ” ตรงหน้าที่นั่งของเธอนั้นมีกาแฟวางอยู่แก้วหนึ่ง ตอนนี้เองที่ได้กลิ่นของความเข้มข้น นั่งลงตรงข้ามเขา ทันใดนั้นก็รู้สึกกดดันขึ้นมา เธอไม่ชอบวิธีการที่เขาใช้ในการคุยกับเธอเลยจริงๆ “นภนต์ มีเรื่องอะไรหรือ” จิบกาแฟไปหนึ่งอึก เขาก็ยังไม่กล่าวอะไร เธอจึงรู้สึกร้อนรน หิวแล้ว และก็ง่วงด้วย มันมึนๆตึงๆ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ เมื่อคิดดูแล้ว แต่คุณก็ซ่อนตัวจากผมเป็นครึ่งปีเลย” เธอหน้าแดง มันก็เป็นเรื่องจริง “ขอโทษค่ะ ฉัน...” “เพ็ญนีติ์ ผมรู้ว่าคุณไม่อยากให้เขาตามหาคุณเจอ แต่คุณก็กลัวว่าผมจะหาคุณเจอด้วยอย่างนั้นหรือ” เขาพูดจนเธอหน้าแดงก่ำ แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนเรื่องไป: “ที่เรียกคุณมาแค่อยากจะคืนของให้คุณ” “ของฉันหรือคะ” นิ้วฉันชี้ที่จมูกของตัวเอง มึนงงนิดหน่อย เธอมีของอะไรที่อยู่ที่เขากัน “ครับ ช่วงนี้ผมยุ่งมาก จึงไม่มีแรงไปดูแลบริษัทนี้ เพ็ญนีติ์ คุณช่วยผมหน่อยนะ” เขากล่าวพร้อมกับเปิดลิ้นชักแล้วหยิบแฟ้มเอกสารออกมา เขารับมาด้วยความสนใจ เปิดออก เมื่อเห็นใบอนุญาตประกอบการก็สะดุ้งตกใจ “นภนต์ นี่ไม่ใช่บริษัทขายส่งวัสดุไม้หรือคะ คุณทำไว้ใหญ่โตมาก” เขายิ้มบางๆ “ผมมีช่องทางครับ สินค้าที่นำเข้าจึงถูก ได้กำไรดี ผมได้เขียนเบอร์โทรศัพท์ของคนเสนอแหล่งที่มาของสินค้าไว้ในนั้นแล้ว คุณติดต่อกับเขาได้ ถือว่าช่วยผม แล้วช่วยผมจับตามองการทำงานที่ผิดปรกติภายในบริษัทด้วย แค่นั้นก็พอแล้ว” “แค่นี้หรือคะ” มองเขาอย่างไม่เชื่อ ให้ตายเถอะจะไปมีงานที่ดีขนาดนี้ได้อย่างไรกัน “ครับ แค่นี้ คุณแค่ไปที่บริษัททุกวันเพื่อทักทายแค่นั้นก็ได้ เรื่องอื่นนั้นมีคนคอยทำอยู่แล้ว ทำสามารถทำเรื่องที่คุณอยากทำได้ หรือมาช่วยผมจับตามองการทำงานในบริษัทเป็นครั้งคราวก็ได้” “ก็คือให้ฉันไปที่บริษัทเป็นครั้งคราวก็พอแล้วหรือคะ” “ใช่ครับ” เขาหยักหน้า ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม “ถือว่าช่วยผมเรื่องหนึ่ง เพียงแค่มีคุณอยู่ คนที่อยู่ข้างล่างก็คงไม่กล้าที่จะขี้เกียจกันแล้ว” “โอเคค่ะ บอกเลยนะคะว่ามันจะต้องไม่กระทบกับเรื่องของฉัน” “ไม่แน่นอนครับ” ยังคงยิ้มอย่างอบอุ่น “คุณเป็นนิติบุคคลของบริษัท เพียงแค่มีคุณอยู่ ก็คงไม่มีใครกล้าไม่ตั้งใจทำงานกันแล้วครับ” เธอคิดว่ามันก็ใช่ ดูมีเหตุผลดี “นภนต์ คุณรวยขนาดนี้ หาเงินมาจากไหนกันนะ” เปิดสมุดบัญชีกลับไปมา เป็นธุรกิจที่ทำเงินดีเลยทีเดียว เขาคนนี้กลับมาไว้ใจเธอ แม้แต่สมุดบัญชีธนาคารก็ยังเป็นชื่อของเธอ “คุณไม่กลัวว่าฉันจะขโมยเงินคุณไปหรือคะ” ก้มหน้ามอง ยิ่งมองก็ยิ่งตื่นตระหนก เงินของเขาสำหรับเธอนั้นราวกับเม็ดเงินจากสวรรค์ แต่เงินจำนวนนี้กลับมาวางอยู่ที่เธอ “ไม่กลัวครับ หากไม่เชื่อก็คงไม่มาหาคุณตั้งแต่แรก สองวันมานี้บริษัทของผมนั้นยุ่งมาก ผมคงดูแลได้ไม่ไหว ดีที่คุณกลับมาได้พอดี ถือโอกาสให้คุณช่วยนั่งอยู่แนวหน้าให้ที” “ได้ค่ะ ถึงอย่างนั้นเงินส่วนนี้ของคุณฉันไม่ต้องการ ถึงแม้ว่าจะเป็นชื่อของฉัน แต่ความจริงแล้วมันเป็นของคุณ” “ครับ ไม่ให้คุณหรอก คุณวางใจเถอะ” ไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่ไม่เห็นแก่เงินเช่นนี้มาก่อน แต่เพ็ญนีติ์นั้นกลับพิเศษ มอบบริษัทไว้กับเธอ เขาถึงได้วางใจอย่างแท้จริง เปิดไปไม่กี่หน้า ก็รู้สึกเบื่อขึ้นมา “พอแล้วค่ะ ฉันแค่มองผ่านๆก็พอแล้ว อันนี้คุณเก็บไว้เถอะค่ะ ฉันไม่ได้สนมัน ฉันสนแค่ไปคุมคนที่อยู่ที่นั่นก็พอ” ยังคิดว่าเขาคงมีเรื่องใหญ่อะไรถึงได้มาตามหาเธอ แต่เป็นเรื่องนี้เอง มองไปแล้วก็เหมือนกับเรื่องล้อเล่นเรื่องหนึ่ง เธอเป็นนิติบุคคล แต่ไม่เคยทำอะไรเกี่ยวกับมันเลย คราแรกเพียงแค่ให้ปุริมนำบัตรประชาชนของเธอมาไว้ที่นภนต์เท่านั้นเอง เรื่องเพียงเล็กน้อย แต่เขายืมไปเปิดบริษัทแทนเฉยเลย “ตามใจคุณ ไปกันเถอะ พวกเราไปทานข้าวกัน เมื่อครู่คุณอาปัทมาก็เพิ่งจะมาเรียกผมไป” ดูแล้ว ปัทมาก็น่าจะรู้ว่าเขารอเธออยู่ที่ห้องหนังสือ ตอนที่เจอกันตรงทางเดินเธอดูไม่ตกใจอะไร คนหนึ่งเดินนำอีกคนเดินตามกันไปยังห้องอาหาร อ้อยและส้มก็ปรี่เข้ามา “หม่ามี๊ พวกหนูคิดถึงจัง” ฉันย่อตัวลงไปหอมคนละที “หม่ามี๊คิดถึงมากกว่าอีกค่ะ เด็กดี ดื้อกันบ้างหรือเปล่าคะ” “ไม่ดื้อค่ะ พวกหนูเป็นเด็กดี หม่ามี๊ คุณแม่บุญธรรมไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ” ส้มถามอย่างข้องใจ เหตุการณ์นองเลือดที่ร้านอาหารกินสุข เด็กๆต่างเห็นมันด้วยตาของตัวเอง เรื่องนี้จะปิดก็คงปิดไม่ได้ เพ็ญนีติ์ยิ้ม “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ คลอดเด็กน้อยมาแล้วด้วยคนหนึ่ง เป็นเด็กผู้ชาย เป็นน้องชายของพวกหนู ถ้าได้เจอกันในภายหลัง ต้องช่วยคุณแม่บุญธรรมเลี้ยงด้วยนะคะ” “จริงหรือคะ หนูชอบน้องชาย สวยไหมคะ” อ้อยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในหัวเริ่มคิดลักษณะของเด็กชายตัวเล็กๆ “สวยค่ะ พอแล้ว ไปทานข้าวกัน หลายวันมานี้หม่ามี๊ไม่ได้นอนดีดีเลย ตอนนี้อยากนอนมากเลยค่ะ” “ค่ะๆ ไปกันเถอะ อ้อย ไม่กวนหม่ามี๊แล้ว พ่อเลี้ยงไม่ได้บอกแล้วหรือ หม่ามี๊เหนื่อยมาก ห้ามให้เราไปกวนหม่ามี๊นะ” ส้มกำลังดุอ้อยอยู่ ถึงแม้ว่าจะเบา แต่เพ็ญนีติ์ก็ได้ยิน หันไปมองนภนต์อย่างรู้สึกขอโทษ แต่เขากลับเดินไปนั่งที่ของตัวเอง และเริ่มทานทันที เพ็ญนีติ์ทานอย่างรวดเร็ว ทานคำก็หาวคำ เธอง่วงมากจริงๆ ยิ่งได้อาบน้ำแล้วก็ยิ่งง่วง ทานหมดอย่างรวดเร็ว “แม่ค่ะ คุณอาชนรพ ฉันขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ฝากดูแลอ้อยกับส้มด้วย” “วางใจเถอะ เธอไปนอนอย่างสบายใจได้เลย เด็กสองคนนั้นน่ารักมาก เป็นผลความสุขของฉันเลย นภนต์ เมื่อไหร่แกจะ...” “พ่อ ผมรู้แล้ว” ชนรพยังอยากพูดต่อ นภนต์จึงรีบพูดตัดบทอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครรู้ว่าชนรพจะพูดอะไรมากไปกว่านภนต์อีกแล้ว เพ็ญนีติ์ลากรองเท้าไปยังห้องนอนรับแขก ดึงผ้าม่านปิดสนิท ทิ้งตัวลงบนเตียงใหญ่ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกาย มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน หลับตาลงไม่ถึงห้าวินาทีก็เข้าไปในดินแดนแห่งความฝันแล้ว ง่วงมาก ดังนั้นจึงต้องทบคืนมาทั้งหมด ไม่ได้สนเวลาแล้ว และหลับลงไปทั้งอย่างนั้น นอกหน้าต่างนั้น จากกลางวันมายังหัวค่ำ จนมาถึงดึกดื่น การนอนสำหรับเธอตอนนี้เหมือนเป็นเรื่องชั่วพริบตา ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องรับผิดชอบมีแค่การนอนเท่านั้น คนของตระกูลศาสตร์พงษ์ต่างรู้กันดีจึงไม่ได้มากวนเธอ อาหารเย็นก็ไมได้มาเรียกเธอ และปล่อยให้เธอนอนตามใจ ไม่ได้ฝัน หลับอย่างสนิทจริงๆ ไม่เคยได้หลับสนิทขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ในยามหลับเพ็ญนีติ์ก็ยังยิ้มออกมา “พ่อเลี้ยงคะ หม่ามี๊ยังนอนอยู่หรือคะ” ข้างนอกประตู เด็กน้อยทั้งสองที่เปลี่ยนชุดนอนแล้วอยากจะเข้าห้องไปดูเธอ แต่กลับโดนนภนต์ห้ามเสียก่อน และไม่อนุญาตให้พวกเธอเข้าไป “ครับ กำลังหลับเลย หม่ามี๊พวกหนูไม่ได้หลับมาสามวันสามคืนแล้ว ให้เธอนอนเถอะ ไม่อย่างนั้นจะทรมานมากเลยนะครับ ใช่หรือเปล่า” “ได้ค่ะ แต่พ่อเลี้ยงคะ ถ้าหม่ามี๊ตื่นต้องรีบมาบอกพวกหนูเลยนะคะ” อ้อยกับส้มรู้สึกไม่ยินยอมเท่าไหร่ อยากนอนเตียงเดียวกับหม่ามี๊นี่นา แต่พ่อเลี้ยงบอกว่า ใครก็ห้ามไปรบกวนหม่ามี๊ตอนนอน เมื่อเดินกลับมาถึงห้อง อ้อยและส้มก็ล้มตัวนอนบนเตียง “อ้อย ฉันคิดถึงแด๊ดดี๊อีกแล้ว” “พวกเรามาโทรหาแด๊ดดี๊กันเถอะ” “ได้เลย” “เบอร์โทรของแด๊ดดี๊อยู่นี่” เอานามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อ นี่คือที่หยิบมาจากที่อพาร์ตเมนท์ คิดว่าตัวเองช่างฉลาดเสียจริง ส้มยิ้มอย่างพออกพอใจ หลังจากนั้นก็ยกมือถือตรงหัวเตียงแล้วโทรหาปุริม ดังเพียงสองครั้งเท่านั้นก็รับสาย “ครับ สวัสดีครับ” เสียงของปุริมนั้นดูไม่สบอารมณ์ เขากำลังหลับได้ที่เลย “แด๊ดดี๊ หนูคือส้มค่ะ ส่วนอ้อยอยู่ข้างๆหนู” เพียงแค่ได้ยินเสียงของปุริม ความสดใสของส้มก็มาทันที ปุริมยิ้ม ไม่คิดว่าจะเป็นเด็กน้อยทั้งสองของเขา ตอนที่โดนปลุกอยากจะฆ่าคนโทรมาให้ตาย แต่เมื่อได้ยินเสียงส้มมันก็อันตรธานหายไปทันที กลับกันเขาไม่โกรธเลยสักนิด เมื่อมองเวลาตอนนี้เป็นเวลาค่ำสี่ทุ่มกว่าๆแล้ว “ทำไมดึกแล้วยังไม่นอนกันอีก” “พวกหนูคิดถึงแด๊ดดี๊ค่ะ ดังนั้นเลยอยากบอกฝันดีก่อนไปนอน” ส้มดูคึกคัก เหมือนบอกเขาว่าที่โทรมานี้เป็นเรื่องธรรมดา หัวเราะขำขัน “ก่อนบอกฝันดีส่งจุ๊บๆมาก่อนมา” “จุ๊บ... จุ๊บ...” สองเสียงดังขึ้น นั่นคือจุ๊บผ่านโทรศัพท์ “อย่างนั้นพอจุ๊บแล้วแด๊ดดี๊ จะวางสายพวกหนูแล้วหรอคะ” ได้คุยกันแค่สองประโยคเอง แด๊ดดี๊ก็ให้เธอส่งจุ๊บแล้วให้บอกฝันดีแค่นี้เองหรือ พวกเด็กน้อยส่งจุ๊บแล้วถึงได้มารู้สึกตัวกันทีหลัง “เพราะว่า... เพราะว่า...” “หนูพูดเร็วๆเถอะ สุดท้ายทำไมกัน”
已经是最新一章了
加载中