ตอนที่ 3
ห้างทองตั้งจินเถา ย่านเยาวราช
แม่ค้าทองวัยกลางคนหน้าตาสะสวยผิวพรรณดีนั่งอยู่ด้านหลังตู้กระจกจัดแสดงสร้อยคอ กำไล สร้อยข้อมือ ต่างหู แหวน และทองรูปพรรณแบบต่างๆ ใบหน้าอิ่มเอิบสมวัยแย้มยิ้มแจ่มใสและชี้ชวนให้ลูกค้าเลือกดูสร้อยถนิมพิมพาภรณ์ที่ลูกค้าอาจถูกใจ เพื่อหล่อนจะได้หยิบจับให้ลูกค้าทดลองสวมใส่ได้ถูกชิ้น
“นี่ลายคชกริชเป็นทองจากบางสะพานเหมาะกับคุณพี่มากเลยนะคะ” หล่อนชี้ชวนให้ลูกค้าวัยเดียวกันดูลายสร้อยข้อมือ และเมื่อมองตามสายตาลูกค้าหล่อนก็ชี้ชวนเพิ่มเติม
“หรือคุณพี่อยากได้กำไลคะ กำไลทองวงนี้ทองที่ทำก็มาจากบางสะพานเหมือนกันค่ะ”
แม่ค้าพูดพลางเปิดประตูไม้ขนาดกว้างราวคืบและยาวตลอดแนวตู้กระจกแต่ละตู้ ซึ่งอยู่ระดับช่วงเอวของหล่อน บานพับประตูเป็นแบบเปิดลงให้หล่อนหยิบสร้อยข้อมือและกำไลออกได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็นำมาทาบกับข้อแขนของลูกค้า
“งามจริงๆ เลยค่ะคุณหญิง”
ลูกค้าเสียงหวานตาเป็นประกายยามทดลองสวมกำไลและยืดข้อมือให้ไกลจากตัว เพื่อที่จะมองให้ออกว่าหากใส่จริงจะสวยหรือไม่
“สวยเชียวค่ะคุณพี่ ทองเนื้อดีสุกปลั่งเข้ากับผิวของคุณพี่เลยนะคะ ลายนี้ทั้งงามและทน แต่น้องว่าอาจจะเล็กไปหน่อยค่ะ ข้อมือขนาดคุณพี่น่าจะต้องใส่ถึงสองบาท ประเดี๋ยวน้องหยิบกำไลวงใหม่ให้นะคะ คุณพี่จะได้ทดลองสวม”
“แหม... คุณหญิงคะ แค่บาทเดียวก็พอแล้วมังคะ ไม่ต้องถึงสองบาทดอก แค่จะใส่ติดข้อมือยามอยู่บ้านเท่านั้นแหละค่ะ ไม่ได้ใส่ไปไหน”
“โถคุณพี่ขา ไหนๆ ก็ซื้อใหม่แล้ว น้องว่าเลือกลายงามๆ ไว้ดีกว่าค่ะ ประเดี๋ยวงานฤดูหนาวก็จะมาถึงแล้ว บรรดาภรรยาขุนน้ำขุนนางก็คงขุดเอาเครื่องเพชรทองไปประชันความงามกันน่าดู ถึงครานั้นหากคุณพี่สวมกำไลตามที่น้องแนะนำ น้องรับประกันเลยค่ะ ว่าจะต้องมีแต่คนมาขอชมแน่นอน”
“คุณหญิงล่ะก็ เรื่องการขายของเก่งนี่ต้องยกไว้ให้เลยนะคะ ไหนดูสิคะ กำไลสองบาทน่ะหน้าตาเป็นอย่างไร”
“ก็น้องอยากให้คุณพี่งามนี่คะ”
“ค่ะ พี่เชื่อตาคุณหญิง ขอดูหลายๆ แบบเลยนะคะ จะได้ซื้อฝากยัยหนูด้วย”
แม่ค้าคนงามอมยิ้มเลือกหยิบกำไลวงน้ำหนัก 2 บาท หลายแบบหลายวงขึ้นมาวางไว้บนฝากระจกให้ลูกค้าได้เลือกสวมใส่ตามต้องการ เพียงไม่นานลูกค้าก็ตกลงปลงใจซื้อกำไลทองหนัก 2 บาท 2 วง
เมื่อลูกค้าก้าวออกจากร้าน แขกคนสำคัญที่รอจังหวะให้แม่ค้าว่างก็ก้าวเข้ามาในร้าน ‘คุณหญิงชบา’ ยิ้มกว้างเมื่อเห็นหญิงร่างอวบรุ่นราวคราวเดียวกันแต่งกายตามราชนิยมคือตัวเสื้อเป็นลูกไม้ระบายตามแบบแหม่ม ส่วนท่อนล่างยังคงเป็นโจงกระเบนให้ทะมัดทะแมง สวมถุงน่องขาวและรองเท้าส้นสูง
คุณหญิงจึงหันไปบอกคนงานหญิงที่นั่งอยู่ในฉากด้านหลังคอยซ่อมแซมทองชำรุดให้ออกมาดูร้านแทน ก่อนร่างอวบอิ่มมีน้ำมีนวลจะเดินออกจากคอกกั้นส่วนขายทองเพื่อต้อนรับ
“ฉันไหว้ค่ะคุณพี่ส้มจีน”
“อุ้ย! คุณหญิง อย่าไหว้ฉันค่ะ มันไม่ดี” แม่ส้มจีนโบกมือห้ามไม่ให้คุณหญิงชบาไหว้
“ทำไมเล่าคะคุณพี่ คุณพี่แก่กว่าฉัน ฉันก็ต้องไหว้สิคะ”
“ไม่ได้ดอกค่ะคุณหญิง คุณหญิงกับฉันต่างกันนะคะ คุณหญิงเป็นภรรยาท่านเจ้าคุณ ประเดี๋ยวพอคุณหญิงได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ฉันก็ต้องเรียกคุณหญิงว่าท่านผู้หญิงแล้วล่ะค่ะ อย่างนั้นคุณหญิงจะไหว้ฉันได้อย่างไรกันคะ”
“โธ่... คุณพี่ ยังไงเสียฉันก็เป็นน้องนะคะ บรรดาศักดิ์ใดๆ นั้นก็ล้วนเป็นของท่านเจ้าคุณท่านทั้งนั้นแหละค่ะ ฉันก็เป็นแม่ค้าอย่างเดิมนั่นแหละ จะเรียกเยี่ยงไรก็เป็นแม่ค้าค่ะ”
“แต่ค้าทองเชียวนะคะ”
“ค้าทองก็แม่ค้านั่นแหละค่ะคุณพี่ ยังไงลูกค้าก็สำคัญที่สุด อย่างนี้แล้วคุณพี่อย่าไหว้ฉันอีกนะคะ ขี้กลากจะได้กินฉันพอดี ฉันเคยไหว้คุณพี่อย่างไรก็จะไหว้แบบนั้นต่อไปแหละค่ะ”
“เฮ้อ! เอาเถอะค่ะ เถียงคุณหญิงไม่ชนะสักครา”
แม่ส้มจีนพูดพลางส่งสายตาค้อน แต่รอยยิ้มละไมบนใบหน้านั้นเดาว่าถูกอกถูกใจอัธยาศัยไม่ถือยศถือศักดิ์ของคุณหญิงชบาเป็นที่สุด
“ก็คงต้องอย่างนั้นล่ะค่ะคุณพี่ เราไปคุยกันด้านในเถอะค่ะ ทางนี้ให้เด็กๆ เขาดูกัน”
คุณหญิงชบาหันไปเชื้อเชิญลูกค้าที่เพิ่งก้าวเข้ามาพลางเอ่ยแนะนำให้บอกความต้องการกับคนงานขายโดยไม่ต้องเกรงใจก่อนจะพา ‘คุณแม่สื่อ’ เข้าไปด้านในของร้าน เพื่อพูดคุยในสิ่งที่จะไหว้วาน ด้วยแม่ส้มจีนเป็นแม่สื่อแม่ชักที่เลื่องชื่อสุดในสยาม
ฝ่ามืออูมมีน้ำมีนวลด้วยอยู่ดีกินดีโอบรอบเอวอวบของแม่ส้มจีนอย่างสนิทสนม เพราะเมื่อรุ่นสาวคุณหญิงชบาเคยอยู่รับใช้เจ้านายในวังเช่นเดียวกับแม่ส้มจีน และแม่ส้มจีนนี่แหละที่ตั้งตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักนัดแนะให้เพื่อนสาวชาววังออกมาพบปะกับบรรดาชายหนุ่มที่หมายปองอยู่ที่ด้านหน้าประตูศรีสุดาวงศ์ซึ่งเป็นประตูด้านหลังของกำแพงพระราชวังฝ่ายใน ตรงกับประตูช่องกุดซึ่งเป็นประตูกำแพงวังชั้นนอก
ในช่วงเช้าคนนอกวังจะนำสินค้ามาวางขายให้หญิงชาววังออกไปจับจ่ายซื้อหา ช่างเป็นเวลาประจวบเหมาะที่หนุ่มสาวจะได้ดูตัว และเมื่อใครอยากจะนัดแนะก็ให้แม่ส้มจีนนี่แหละเป็นธุระให้ แม่ส้มจีนจึงได้สินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ตอบแทน เรียกได้ว่าในยามนั้นแม่ส้มจีนอู้ฟู้น่าดู