ตอนที่ 8
‘เถ้าแก่เนี้ยสายพิณ’ แม้ในยามปกติจะเป็นหญิงอ่อนหวาน ใจดี และคอยช่วยดูแลอบรมเขามาตั้งแต่เล็ก แต่ในยามที่เถ้าแก่เนี้ยโกรธ แม้แต่เถ้าแก่ลิ้มก็ยังไม่กล้าต่อกร เช่นในเวลานี้
“เฮีย! ทำไมเฮียไม่บอกฉัน ต้องให้ฉันไปรู้จากคนอื่น”
เสียงหวานทว่าแหลมเล็กกว่าทุกวันดังลั่น แต่คนที่นอนหลับตานิ่งก็ยังเฉย
“เฮีย! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ อย่ามาทำเป็นหลับ ฉันรู้นะว่าเฮียตื่นแล้ว เฮีย! ลืมตาเดี๋ยวนี้!”
เสียงแผดลั่นจนคนงานละมือจากงานที่ทำ ต่างชะเง้อชะแง้อยากรู้ว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น เก้าตวัดสายตามองปราม เหล่าคนงานจึงก้มหน้าก้มตาทำงานดังเดิม
มือเล็กแบบบางเขย่าต้นแขนเถ้าแก่ลิ้ม เขย่าอยู่นานคนที่แสร้งนอนหลับจึงค่อยๆ ทำทีเป็นเพิ่งตื่น ขยี้ตางัวเงีย
“อ้าว... แม่สายพิณ เป็นอะไรหรือจ๊ะ หน้าตาบูดบึ้ง นี่ลูกจันทร์ทำอะไรให้แม่ขุ่นใจอีกล่ะ”
“เฮีย! ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อนเสียงหวานโบ้ยให้ลูกเลยนะ ช่วยกันปกปิดดีนัก บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ เฮียอนุญาตให้ลูกจันทร์พาไอ้เวกขี้เหล้ามาอยู่ท้ายสวนใช่มั้ย เฮีย! บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
“เอ่อ... แม่สายพิณจ๋า ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา อย่าเสียงดังสิจ๊ะ”
“จะไม่ให้ฉันเสียงดังได้ยังไง นี่กี่รายแล้วที่เฮียบอกว่าครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้าย ฉันก็ไม่เห็นว่าจะครั้งสุดท้ายจริงสักครั้ง”
“โธ่... แม่สายพิณจ๋า เฮียก็แค่ช่วยคนทุกข์คนยาก ก็แม่สายพิณบอกเฮียเองนี่นาว่าถ้ามีโอกาสได้ช่วยเหลือใครก็เป็นการดี เฮียก็จำคำที่แม่สายพิณบอกนะจ๊ะ”
“อ้อ... นี่แปลว่าเฮียยอมรับแล้วใช่ไหม ว่าอนุญาตให้ไอ้เวกขี้เหล้ามันมาอยู่ในโรงสีจริงๆ”
“เอ่อ... เฮีย... เอ่อ...”
เถ้าแก่ลิ้มอ้ำอึ้งหันมามองเขา เก้ารู้หน้าที่ว่าเขาต้องทำให้เถ้าแก่เนี้ยคลายความโกรธ แต่ทางใดล่ะ ในเมื่อทุกครั้งที่คุณหนูลูกจันทร์รับคนจรเข้ามาในชายคาโรงสีก็สัญญาว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายทุกครั้ง แม้เถ้าแก่เนี้ยจะบ่นแต่ก็ไม่เคยเกรี้ยวกราดขนาดนี้
นั่นเพราะเถ้าแก่เนี้ยเคยขอไว้ว่า คนเข้าโรงสีจะขี้เหล้าไม่ว่าแต่อย่าขี้ลักขี้ขโมยเพราะสันดานนี้แก้ไม่หาย จำเพราะที่นายเวกขี้เหล้าขึ้นชื่อเรื่องลักขโมยเป็นที่หนึ่งซะด้วย
“เฮีย! ว่ายังไง เฮียอนุญาตใช่ไหม!”
“ไอ้หยา! แม่สายพิณจ๋า... เฮียผิดไปแล้ว”
เสียงหวานตวาดลั่นทำให้คนเกรงใจเมียอย่างเถ้าแก่ลิ้มหาทางไปต่อไม่เป็น ยอมรับผิดอย่างง่ายดาย
“ไม่ใช่ขอรับเถ้าแก่เนี้ย อั๊วเองขอรับที่เป็นคนผิด อั๊วเป็นคนขอให้เถ้าแก่ช่วยรับนายเวกไว้เองขอรับ”
“จริงเหรออาเก้า”
น้ำเสียงกราดเกรี้ยวหายไปกว่าครึ่ง ทว่าความเยียบเย็นและดวงตาที่ตวัดมองมาก็ทำให้เขากลัวใจ แต่เขาต้องช่วยเถ้าแก่ให้ได้
“จริงขอรับ อั๊วไม่อยากให้นายเวกสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านที่ตลาดสองพี่น้องอีกน่ะขอรับ ก็เลยพาตัวมาพึ่งใบบุญเถ้าแก่กับเถ้าแก่เนี้ย”
“พูดได้ดีจริงๆ อาเก้า ไม่เสียแรงที่เถ้าแก่รักและไว้วางใจ แต่ที่ฉันได้ยินมาไม่ใช่แบบนี้เลยนะ จริงมั้ยลูกจันทร์”
น้ำเสียงหวานๆ ของแม่สายพิณยังหวานเฉกเช่นเดิม ทว่าจังหวะพูดเนิบนาบนั้นบ่งบอกว่าพายุกำลังตั้งเค้า นั่นทำให้คนที่ถือโอกาสหลบฉากไปหลังผ้าม่านกั้นค่อยๆ เยี่ยมหน้าออกมา เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มส่งยิ้มแห้งมาก่อนตัว ดวงตาสวยมีแววลุแก่โทษมองเถ้าแก่ลิ้มก่อนจะมองมาที่เขา
“ลูกจันทร์ออกมาเดี๋ยวนี้ แล้วเล่ามาให้หมดนะ ถ้าขืนมีตรงไหนบิดพลิ้วสักนิด ได้เห็นดีกันทั้งเตี่ย ทั้งลูก และทั้งลูกบุญธรรมแน่”
“โถ... แม่จ๋า... แม่ไม่รักลูกเหรอ ลูกขออภัย” ลูกจันทร์ถลามากอดรัดและซบหน้ากับอกของแม่สายพิณ
“ไม่ต้องมาแม่จ๋งแม่จ๋าเลย เล่ามาเดี๋ยวนี้ แม่จะจับนิสัยคนโกหก ช่วยกันปกปิดดีนัก”
คราวนี้เป็นเถ้าแก่ลิ้มที่หน้าแหย ส่วนเก้าก้มหน้านิ่งครุ่นคิดหาวิธีช่วยคุณหนู แต่ลูกจันทร์ที่เปิดปากเล่าหมดเปลือกก็ทำให้เก้าเงยหน้ามองคุณหนูทันที ดวงตาคมเฉี่ยวฉายแววเคร่งเครียด ส่ายหน้าเล็กน้อยว่าคุณหนูไม่ควรพูดเพราะเขาจะรับผิดไว้เพียงคนเดียว แต่ลูกจันทร์ที่ส่ายหน้าน้อยๆ ตอบกลับมาคือไม่ยอม
ลูกจันทร์บอกเล่าเรื่องราวเมื่อวานที่หล่อนคุมเรือไปขนข้าวเปลือกที่โรงสีในคลองพญานาคราชใกล้กับตลาดสองพี่น้อง ระหว่างรอขึ้นข้าวหล่อนไปเดินซื้อข้าวของที่ตลาดและขณะรอแม่ค้าทอดกล้วย นายเวกที่ลอยคออยู่ในคลองก็รอจนยายเมี้ยนแม่ค้ากล้วยเผลอจึงคว้าฉวยเอาถุงเงินไป
นั่นทำให้หล่อนทนไม่ได้ จึงไหว้วานให้คนงานช่วยจัดการ จากนั้นก็พานายเวกมาที่นี่เพื่อปรับนิสัยให้รู้จักทำงานแลกกับค่าแรง ไม่ใช่คิดแต่จะลักขโมย
“เรื่องก็มีแค่นี้ล่ะจ้ะแม่”
“เหรอลูก”
“ใช่จ้ะแม่”
ลูกจันทร์สวมกอดแม่ที่นั่งลงฟังสิ่งที่หล่อนบอกเล่าอย่างใจเย็น ทว่าน้ำเสียงปรานีกับใบหน้ายิ้มแย้มของแม่นั้นหล่อนกลัวใจนัก
“ลูกจันทร์แค่ทนไม่ได้ที่เห็นนายเวกขโมยเงินแม่ค้า แต่ลูกจันทร์ไม่ได้วิ่งไล่กวดนายเวกใช่ไหมลูก”
คำถามจากน้ำเสียงปรานีนั้นยิ่งทำให้ลูกจันทร์อึ้ง ยิ้มให้แม่ ทั้งที่มันแห้งแล้งเต็มทน
ใช่... หล่อนไม่ได้วิ่งไล่กวดนายเวก หล่อนก็แค่ตะโกนและวิ่งให้ทันนายเวกเท่านั้น ‘เฮ้ย! หยุดนะ เฮ้ย! จับขโมยที’