2 ท่ามกลางดินแดนแห่งขุนเขา   1/    
已经是第一章了
2 ท่ามกลางดินแดนแห่งขุนเขา
ละอองดาวต้องยอมรับว่าศิขรัฐเป็นประเทศที่เงียบสงบ มีธรรมชาติสวยงามและอากาศดีมากจริงๆ อย่างที่ไอย์รายาบอก ตัวเมืองทั้งเมืองถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยเทือกเขาสูงชันสลับซับซ้อนทุกด้าน ซึ่งไอย์รายาเคยเล่าให้เธอฟังถึงประวัติความเป็นมาของประเทศเล็กๆ แห่งนี้ว่า “ศิขรัฐ” เกิดจากการรวมตัวของชนเผ่าทั้งห้า ซึ่งปกครองดินแดนเขตเทือกเขาแต่ละด้านที่โอบล้อมตัวเมืองศิขรัฐอยู่ ชนเผ่าแรกคือชนเผ่าคานันปกครองเทือกเขาคีรีมันตราซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ ชนเผ่าที่สองคือชนเผ่าดูวาร์ปกครองเทือกเขาอคานาอิลซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ชนเผ่าที่สามคือชนเผ่าปาซาปกครองเทือกเขาจิลลาซาฮาซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก ชนเผ่าที่สี่คือชนเผ่าซายีปกครองเทือกเขานวาดาเลซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก และชนเผ่าที่ห้าคือชนเผ่าไมยาปกครองเทือกเขายเซนัมซาซึ่งอยู่ทางทิศใต้ เดิมทีชนเผ่าทั้งห้าต่างต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนส่วนกลางอันเป็นที่ตั้งตัวเมืองศิขรัฐในปัจจุบัน แต่หลังจากรบรากันนานหลายสิบปี ซึ่งมีแต่ก่อให้เกิดความเสียหาย บาดเจ็บ และล้มตาย หัวหน้าเผ่าทั้งห้าจึงเจรจาสงบศึกกัน แล้วตกลงจะรวมตัวกันเป็นประเทศศิขรัฐ โดยสร้างเมืองหลวงไว้ตรงดินแดนส่วนกลางระหว่างเทือกเขาทั้งห้า จากนั้นให้หัวหน้าเผ่าแต่ละเผ่าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นปกครองประเทศคราวละห้าปีโดยการลงมติเลือกจากผู้นำเผ่าทั้งห้า เมื่อครบกำหนดห้าปีก็จะต้องมาลงมติเลือกผู้ปกครองประเทศใหม่อีกครั้งหนึ่ง แม้ศิขรัฐจะเป็นเพียงประเทศเล็กแต่ก็จัดว่ามั่งคั่งไปด้วยทรัพยากรแร่ธาตุที่มีค่ามากมายมหาศาล ซึ่งก็คือทองคำที่ทำรายได้เข้าประเทศมากมายในแต่ละปีจากการส่งออกเครื่องประดับซึ่งทำจากทองคำ เพราะว่าในเขตเทือกเขาทั้งห้าที่โอบล้อมตัวเมืองอยู่ล้วนเต็มไปด้วยแร่ทองคำ แต่แหล่งแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจะอยู่ที่เทือกเขาคีรีมันตรา ภายในตัวเมืองศิขรัฐมีผู้คนจากชนเผ่าทั้งห้าอพยพย้ายถิ่นฐานจากเขตเทือกเขา เข้ามาตั้งรกรากเพื่อค้าขายและทำงานจำนวนไม่น้อย จึงทำให้เมืองหลวงศิขรัฐมีสถาปัตยกรรม ศิลปวัฒนธรรมของทั้งห้าชนเผ่าผสมผสานกันอยู่ แต่ก็เป็นการผสมผสานได้อย่างลงตัว กลมกลืน และพอเหมาะพอดีทีเดียว ครอบครัวของไอย์รายาก็เป็นชาวเผ่าคานันซึ่งเดิมเคยอาศัยอยู่ในเขตเทือกเขาคีรีมันตรา แต่เนื่องจากบิดามารดาของไอย์รายาต้องเข้ามาดูแลบริษัททำเครื่องประดับซึ่งตั้งอยู่ภายในตัวเมืองศิขรัฐ ดังนั้นเพื่อความสะดวกจึงต้องย้ายเข้ามาปลูกบ้านอยู่ภายในตัวเมือง เมื่อไอย์รายาพาละอองดาวเดินทางมาถึงคฤหาสน์หลังงามของครอบครัว หญิงสาวก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก จาเมียร์กับลีลันยาบิดามารดาของไอย์รายา ท่านทั้งสองตื่นเต้นและดีใจเป็นอันมากที่ลูกสาวพาเพื่อนชาวต่างชาติมาเที่ยวที่บ้าน ละอองดาวก้าวออกไปยืนรับลมเย็นตรงระเบียงห้องพักหลังจากที่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย สายลมยามเย็นพัดเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยเป็นลอนตามธรรมชาติของหญิงสาวจนปลิวสยาย หญิงสาวสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดมองดูวิวทิวทัศน์รอบด้านด้วยความรู้สึกสดชื่น จากระเบียงห้องพักละอองดาวสามารถมองเห็นเทือกเขาที่ห้าที่โอบล้อมตัวเมืองศิขรัฐอยู่ลิบๆ หญิงสาวอมยิ้มนิดๆ เมื่อนึกถึงชื่อของเทือกเขาทั้งห้าซึ่งไพเราะเพราะพริ้งประทับใจเธอมาก เพราะว่าชื่อของมันคล้องจองกันจนเธอจดจำได้ขึ้นใจ “คีรีมันตรา อคานาอิล จิลลาซาฮา นวาดาเล ยเซนัมซา...” ละอองดาวท่องชื่อเทือกเขาทั้งห้าออกมาเบาๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ไอย์รายาซึ่งเพิ่งจะเปิดประตูห้องก้าวเข้ามาในชุดกระโปรงยาวติดกันสีม่วงอ่อนทั้งชุด ตัวเสื้อคอกลม แขนกุดเน้นทรวดทรงตั้งแต่ช่วงใต้อกลงไปจนถึงเอวคอดกิ่วก่อนปล่อยชายกระโปรงบานยาวกรอมเท้า ซึ่งเป็นชุดประจำเผ่าที่หญิงสาวชาวคานันทุกคนนิยมสวมใส่ได้ยินเข้าพอดี หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของบ้านจึงหัวเราะเบาๆ พลางก้าวเข้ามายืนข้างละอองดาวแล้วถามว่า “เธอยังจำชื่อเทือกเขาทั้งห้าของศิขรัฐได้อยู่อีกเหรอจ๊ะ” “จำได้สิจ๊ะ ชื่อเพราะแล้วก็คล้องจองกันขนาดนี้ ฉันจำได้ไม่มีลืมเลยล่ะ” ละอองดาวตอบยิ้มๆ “ท่านพ่อท่านแม่ฉันตื่นเต้นมากที่เธอมาที่นี่ ท่านทั้งสองชอบเธอ แล้วก็บอกว่าเธอสวยมาก” ไอย์รายาพูด ละอองดาวยิ้มพลางบอกกับเพื่อนรักว่า “ฉันก็ชอบท่านทั้งสองจ้ะ ท่านน่ารักแล้วก็ใจดีมากด้วย” “แล้วศิขรัฐเป็นยังไงบ้างจ๊ะ เธอชอบที่นี่รึเปล่า” “ชอบสิไอย์ ที่นี่มีธรรมชาติสวย อากาศดี เงียบสงบด้วย เป็นเมืองหลวงเล็กๆ ที่เจริญมาก มีทุกอย่างครบครัน รวมทั้งสนามบินที่ถึงจะไม่ใหญ่โต แต่ก็หรูหราทันสมัย ที่นี่ไม่มีตึกสูงระฟ้ามาบดบังทัศนียภาพอันสวยงามรอบๆ เมือง แล้วที่สำคัญก็คือไม่จอแจ พลุกพล่าน แล้วก็รถติดเหมือนกรุงเทพฯ บ้านฉันด้วย” ละอองดาวบอกเพื่อนรักยืดยาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไอย์รายายิ้มก่อนจะพูดว่า “ชาวศิขรัฐชอบความเงียบสงบ เราทุกคนตั้งใจจะรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมและวิถีชีวิตที่เรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติของพวกเราเอาไว้จ้ะ แต่เราก็ไม่ปฏิเสธที่จะรับความเจริญจากต่างชาตินะจ๊ะเพียงแต่เราเลือกรับเป็นบางอย่างตามความเหมาะสม ชาวศิขรัฐส่วนมากคุ้นเคยกับการเดินทางด้วยม้ามากกว่าเพราะพวกเรามีสายเลือดของชาวภูเขาอยู่ในตัวดังนั้นรถยนต์จึงไม่ใช่สิ่งจำเป็นมากมายสำหรับที่นี่ ไม่เหมือนเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ อย่างเช่น นิวยอร์ค หรือกรุงเทพฯ บ้านของเธอ เราก็เลยไม่มีปัญหาเรื่องการจราจรติดขัดและปัญหามลภาวะเป็นพิษไงจ๊ะ” ไอย์รายาเว้นช่วงนิดหนึ่งก่อนจะชักชวนละอองดาวว่า “ถ้าเธอชอบที่นี่ จะยืดเวลาอยู่ต่ออีกสักหนึ่งอาทิตย์ไหมล่ะจ๊ะ ฉันจะได้ขี่ม้าพาเธอไปเที่ยวแถบเทือกเขาคีรีมันตราด้วย” “เอาไว้โอกาสหน้าเถอะนะไอย์ ตอนนี้ฉันชักจะคิดถึงบ้านแล้วก็พ่อกับแม่แล้วล่ะ อยากจะกลับไปเซอร์ไพร์สท่านทั้งสองด้วย ขอบใจมากนะจ๊ะที่เธอชวน” ละอองดาวปฏิเสธ “ไม่เป็นไรจ้ะ ยังไงตอนงานแต่งงานฉันเธอก็สัญญาว่าจะมาร่วมงานอยู่แล้ว เอาไว้ตอนนั้นฉันค่อยพาเธอไปเที่ยวให้ทั่วศิขรัฐก็ได้ แต่ว่าตอนนี้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วเรารีบลงไปทานอาหารกันดีกว่าจะได้รีบนอนพักผ่อน แล้วตื่นมาดูปรากฎการณ์ฝนดาวตกกันตอนกลางดึก” ไอย์รายาบอกก่อนจะจูงมือละอองดาวให้เดินตามออกไปจากห้องพักของหญิงสาว เพื่อลงไปยังห้องรับประทานอาหาร “เราพบตัวหญิงสาวชาวต่างชาติที่มีลักษณะตรงตามคำทำนายของแม่เฒ่าเผ่าไมยา ที่สนามบินเมื่อตอนสายครับท่านกาซิม” ชายหนุ่มร่างสูงบึกบึน ใบหน้าค่อนข้างดุ รายงานกับบุรุษวัยห้าสิบปลายซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ เค้าโครงหน้าค่อนข้างคมดุ นัยน์ตาสีน้ำตาลคมกริบฉายแววครุ่นคิดรู้ทันคนตลอดเวลา เขาคือ กาซิมหัวหน้าเผ่าซายีซึ่งปกครองเทือกเขานวาดาเล “ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร มาศิขรัฐกับใคร แล้วตอนนี้พักอยู่ที่ไหนโซเลส” กาซิมถามชายหนุ่มผู้เป็นลูกน้องคนสนิทด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าแววตาครุ่นคิด “เธอชื่อมีสละอองดาว จีวานโน่ เดินทางมาศิขรัฐพร้อมกับไอย์รายา ลูกสาวของจาเมียร์รองประธานบริษัท คานัน จิวเวลรี่ ตอนนี้เธอพักอยู่ที่บ้านของจาเมียร์ครับ” โซเลสตอบ “บ้านของจาเมียร์งั้นรึแถบนั้นมันเป็นย่านที่อยู่ของพวกคานันทั้งนั้น ทำไมถึงไม่สั่งให้คนของเราชิงตัวผู้หญิงคนนั้นมาจากสนามบินเลยล่ะโซเลส” กาซิมถามอีกถึงแม้น้ำเสียงของเขา ยังคงราบเรียบหากแต่คิ้วที่เริ่มขมวดมุ่นนั้นบ่งบอกให้โซเลสรู้ว่านายของตนกำลังไม่พอใจ “ทีแรกผมก็คิดจะทำอย่างนั้นครับท่านกาซิม แต่ผมเห็นเจ้าฮาซาลลูกน้องคนสนิทของคีรีมันต์กับพวกลูกสมุนของมันคอยเดินตามประกบอยู่หลายสิบคน ผมก็เลยไม่อยากลงมือตอนนั้นเพราะเกรงว่าถ้ามีการต่อสู้กัน ผู้คนในสนามบินจะแตกตื่นครับ” โซเลสตอบ “คนของคีรีมันต์งั้นรึ นี่หมายความว่าคีรีมันต์มันก็ต้องรู้แล้วล่ะสิว่าผู้หญิงคนนั้นคือหญิงสาวในคำทำนาย มันถึงได้ส่งคนของมันมาตามประกบตั้งมากมายขนาดนั้น มันคงคิดจะชิงเอาตัวผู้หญิงคนนั้นไปเป็นของมันเพื่อที่มันจะได้เป็นใหญ่ในศิขรัฐ” นัยน์ตาของหัวหน้าเผ่าซายีวาวโรจน์เมื่อเอ่ยถึงชายหนุ่มผู้มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าเผ่าคานันตั้งแต่อายุยังน้อย หากแต่มั่งคั่ง ร่ำรวยและมีอิทธิพลมากคนหนึ่งในประเทศศิขรัฐ ซึ่งคอยคาน อำนาจกับเขาอย่างเงียบๆ อยู่ตลอดเวลาด้วยความไม่พอใจ “แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าคีรีมันต์จะต้องการตัวผู้หญิงคนนั้นเอาไว้เองรึเปล่านะครับท่านกาซิม เพราะคนของเรารายงานว่า รามิลลูกชายของยาราลก็อยู่กับคีรีมันต์ที่สนามบินตั้งแต่เช้ามืดแล้วครับ” โซเลสชี้แจง กาซิมขบฟันแน่นก่อนจะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ว่าคีรีมันต์คงจะรวมหัวกับสองพ่อลูกเผ่าดูวาร์อยู่ เพียงแต่เรายังไม่รู้ว่าในวันลงมติเลือกผู้ปกครองศิขรัฐคนใหม่ในเดือนหน้าพวกมันจะเสนอชื่อใครเท่านั้น โซเลสสั่งคนของเราให้คอยเฝ้าติดตามดูผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ตลอดเวลา ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ชิงตัวมาให้ได้” กาซิมออกคำสั่งกับโซเลส ชายหนุ่มผู้เป็นคนสนิทรับคำเบาๆ ก่อนจะรีบถอยออกไปจากห้อง เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของผู้เป็นนาย “อย่าหวังเลยยาราล คีรีมันต์ ว่าคราวนี้คนอย่างกาซิมจะยอมให้พวกดูวาร์หรือพวกคานันปกครองศิขรัฐต่ออีกห้าปี” หัวหน้าเผ่าซายีพึมพำพูดกับตนเองด้วยแววตาหมายมาด เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นเบาๆ ทำให้คีรีมันต์ต้องเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสารที่กำลังตรวจดูอยู่ ก่อนเอ่ยปากอนุญาตให้คนข้างนอกเข้ามาได้ เมื่อประตูห้องถูกเปิดออกร่างสูงของฮาซาลก็ก้าวเข้ามาภายในห้อง ก่อนจะหันไปปิดประตูให้เรียบร้อยแล้วจึงก้าวมาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของคีรีมันต์ “นั่งลงเถอะฮาซาล ฉันบอกตั้งหลายครั้งแล้วนะว่านายไม่ต้องเคร่งครัดระเบียบกับฉันมากขนาดนั้นก็ได้เราเพื่อนกัน” คีรีมันต์บอก “ขอบคุณมากครับคานันซา” ฮาซาลกล่าวคำขอบคุณก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง เมื่อเห็นฮาซาลนั่งลงเรียบร้อยแล้วคีรีมันต์จึงถามว่า “งานเรียบร้อยดีรึเปล่าฮาซาล” “ผมจัดคนของเราคอยเฝ้าดูแลความปลอดภัยรอบๆ บริเวณบ้านท่านจาเมียร์แล้วครับ” ฮาซาลตอบ คีรีมันต์พยักหน้าพลางพูดด้วยแววตาครุ่นคิด “ดีมากให้คนของเราคอยเฝ้าระวังตลอดเวลาเลยนะ ถ้าไอย์รายาพาเพื่อนออกไปไหนก็สั่งคนของเราให้ตามประกบเอาไว้ตลอดเวลาอย่าให้คลาดสายตา เพราะฉันมั่นใจว่าตอนนี้กาซิมก็คงไม่อยู่เฉยแน่ๆ” “เมื่อตอนกลางวันที่สนามบินผมเห็นโซเลสกับพวกลูกสมุนเพ่นพ่านอยู่หลายคนเหมือนกันครับ” “ถ้าอย่างนั้นโซเลสก็จะคงรายงานกาซิมแล้วเรื่องผู้หญิงในคำทำนาย” คีรีมันต์พูดพลางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยแววตามีกังวล จนฮาซาลสังเกตเห็นและรู้สึกได้ไม่ยาก “ท่าทางคานันซาไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่เรื่องเพื่อนของคุณไอย์รายา” ฮาซาลพูดเปรยๆ ซึ่งคีรีมันต์ก็พยักหน้าอย่างยอมรับก่อนจะพูดว่า “ฉันค่อนข้างเป็นห่วงเพราะทั้งไอย์รายากับเพื่อนของเค้ายังไม่มีใครรู้เรื่องคำทำนาย ฉันกลัวว่าไอย์รายาจะพาเพื่อนออกไปเที่ยวในศิขรัฐโดยไม่รู้ว่าอาจมีอันตรายเกิดขึ้น เพราะฉันไม่สามารถส่งคนตามไปคอยคุ้มครองดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดได้ นอกจากให้คอยดูแลอยู่ห่างๆ เพราะว่าฉันไม่อยากให้ไอย์รายารู้ว่าฉันกับรามิลรู้แล้วว่าเค้ากลับมาศิขรัฐ อีกอย่างไอย์รายาเองก็ยังไม่อยากจะให้พวกฉันรู้ด้วย” “ทำไมคุณไอย์รายาถึงไม่อยากให้คานันซากับคุณรามิลรู้ว่าเธอกลับมาศิขรัฐแล้วล่ะครับ” ฮาซาลถามออกมาด้วยความประหลาดใจและสงสัย ซึ่งไม่ใช่วิสัยของเขาที่จะเป็นฝ่ายถามคีรีมันต์ก่อน นอกจากรอให้ชายหนุ่มผู้มีฐานะเป็นทั้งนายและเพื่อนสนิทเป็นฝ่ายเล่าเอง แต่คราวนี้ฮาซาลอยากรู้จริงๆ จึงเป็นฝ่ายถามเสียเอง คีรีมันต์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตอบว่า “ความจริงแล้วฉันคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของไอย์รายามากกว่า ที่ไม่อยากจะให้ฉันกับรามิลรู้ว่าเค้ามาศิขรัฐกับไอย์รายา” “เมื่อกลางวันผมก็ได้ยินคานันซาพูดกับคุณรามิลแบบนี้ แล้วทำไมคุณผู้หญิงคนนั้นถึงได้ไม่อยากให้คานันซากับคุณรามิลรู้ว่าเธอมาที่นี่ล่ะครับ เธอมีปัญหาอะไรกับพวกคุณสองคนหรือครับ” ฮาซาลถามอีกแล้วเขาก็แทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นคีรีมันต์ทำหน้ามุ่ยราวกับเด็กถูกขัดใจก่อนจะตอบคำถามของเขาว่า “เค้าไม่ได้มีปัญหากับรามิลหรอก แต่มีกับฉันต่างหาก” “ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเธอคงจะไม่มีปัญหาอะไรกับคุณรามิลหรอก” ฮาซาลพูดยิ้มๆ ในขณะที่คีรีมันต์เริ่มมองอีกฝ่ายตาขวาง ก่อนที่ฮาซาลจะถามต่อไปอีกว่า “แล้วเธอมีปัญหาอะไรกับคานันซาล่ะครับ” “เค้าไม่ชอบหน้าฉัน” คีรีมันต์ตอบเสียงขุ่น “มีผู้หญิงไม่ชอบหน้าคานันซาด้วยเหรอครับ แปลกจัง แล้วคานันซาไปทำอะไรเธอล่ะครับ” ฮาซาลถามพลางมองคีรีมันต์อย่างจับผิด คนถูกมองเลยรีบโวยวายขึ้นทันที “เฮ้! ฉันไม่ได้ไปทำเค้าท้องแล้วไม่รับผิดชอบนะ นายไม่ต้องมามองหน้าฉันแบบนั้นเลยนะฮาซาล” “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย คานันซาจะร้อนตัวไปทำไมล่ะครับ” ฮาซาลหัวเราะเบาๆ ในลำคอขณะที่ถามด้วยน้ำเสียงขบขัน แต่คีรีมันต์ไม่ยอมตอบคำถามของเขาแถมยังออกปากไล่ดื้อๆ ว่า “นายไปหาอะไรกินแล้วก็ไปพักผ่อนได้แล้ว ฉันจะทำงานต่อ” พูดจบคีรีมันต์ก็ตัดบทด้วยการก้มหน้าก้มตาลงดูแฟ้มเอกสารต่อทันที ฮาซาลขยับลุกขึ้นยืนพลางมองดูชายหนุ่มผู้เป็นนายและเพื่อนสนิทด้วยแววตาขบขัน เพราะตั้งแต่เด็กคีรีมันต์ก็มักจะใช้วิธีตัดบทแบบนี้เสมอถ้ารู้ตัวว่ากำลังถูกซักไซ้ในเรื่องที่เจ้าตัวยังไม่ปรารถนาจะเล่าให้ฟัง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผมยังมีอะไรสงสัยอีกอย่างหนึ่งครับคานันซา” “นายสงสัยอะไรอีก” คีรีมันต์ถามอีกฝ่ายโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มงาน ฮาซาลอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพูดว่า “ก็เรื่องที่คุณผู้หญิงคนนั้นไม่ชอบหน้าคานันซายังไงล่ะครับ แต่ผมกำลังสงสัยว่าคานันซาคงจะไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับเธอใช่ไหมครับ” พูดจบฮาซาลก็หัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนจะก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องทำงานของคีรีมันต์อย่างรวดเร็วทันที ทิ้งให้เจ้าของห้องนั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางบ่นพึมพำตามหลังอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิดใจว่า “หมอนี่มันจะกวนประสาทไปถึงไหนกัน” ละอองดาวกับไอย์รายากำลังยืนดูปรากฏการณ์ฝนดาวตกอยู่ตรงระเบียงกว้างในตอนกลางดึกอย่างเพลิดเพลิน ทั้งสองสาวต่างแข่งขันกันอธิษฐานขอพรตอนที่ดาวตกอย่างสนุกสนาน “ฉันสงสัยว่าถ้าคืนนี้ถ้าทุกคนตื่นมาดูฝนดาวตก แล้วอธิษฐานขอพรจากดวงดาวกันหมด มีหวังดวงดาวคงลำบากใจแย่ เพราะไม่รู้ว่าจะให้พรใครก่อนดี” ละอองดาวหันมาพูดกับเพื่อนรักด้วยความขบขัน ไอย์รายาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดว่า “แต่ยังไงก็ขอให้ดวงดาวให้พรเราสองคนก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะ” “ฮ้าววววว!!!” ละอองดาวหาวออกมาด้วยความง่วงงุน จนไอย์รายาอดที่จะหัวเราะไม่ได้ก่อนจะบอกว่า “เธอง่วงมากแล้วล่ะ เรากลับเข้าไปนอนกันดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนสายๆ ฉันจะพาเธอเข้าไปเที่ยวที่บริษัท เธอจะได้ไปดูฝีมือการทำเครื่องประดับจากทองคำของชาวคานันด้วย” “ดีจัง ฉันอยากเห็น ถ้างั้นเรารีบไปนอนดีกว่าไอย์” หญิงสาวพูดกับเพื่อนรักพูดด้วยท่าทางตื่นเต้น ไอย์รายาพยักหน้ายิ้มๆ แล้วทั้งสองสาวก็พากันหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องนอนของตนเองทันที ละอองดาวเปิดประตูก้าวเข้าไปภายในห้องพักของตัวเอง หญิงสาวหาวออกมาอีกครั้งด้วยความง่วง ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างแล้วหลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างง่ายดาย เมื่อเห็นว่าหญิงสาวหลับสนิทแล้วร่างสูงในชุดสีดำกลมกลืนกับความมืดของคีรีมันต์ ก็ก้าวออกมาจากเงามืดตรงระเบียงห้องพักของละอองดาวซึ่งเขาแอบซ่อนตัวอยู่ครู่ใหญ่แล้ว ชายหนุ่มแนบใบหน้ากับประตูบานเลื่อนกระจกมองเข้ามาที่เตียงกว้าง นัยน์ตาสีดำสนิทราวกับรัตติกาลฉายแววอ่อนโยน ริมฝีปากได้รูปสวยเผยรอยยิ้มออกมาบางๆ เมื่อเห็นร่างระหงที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงอย่างแสนสุข “ในที่สุดดวงดาวจากฟากฟ้าก็ร่วงหล่นลงมาที่ศิขรัฐ ไม่ห่างไกลเกินจะไขว่คว้าสำหรับผมอีกแล้วลิตเติ้ลสตาร์” คีรีมันต์พึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะตัดใจหมุนตัวก้าวออกไปตรงริมระเบียงซึ่งก่อนหน้านั้นเขาใช้เป็นเส้นทางปีนขึ้นมาบนนี้ แล้วโหนตัวลงไปด้านล่างด้วยความชำนาญก่อนจะวิ่งลัดเลาะไปตามร่มเงามืดครึ้มของต้นไม้ใหญ่ภายในอาณาบริเวณบ้านของไอย์รายาอย่างคนที่คุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดี จนกระทั่งวิ่งไปถึงกำแพงสูงสีขาวชายหนุ่มก็โหนตัวปีนข้ามกำแพงออกไปภายนอกอย่างง่ายดาย “มาออกกำลังกายตอนกลางดึกเหรอครับคานันซา” เสียงถามอย่างขบขันของฮาซาลดังขึ้นเมื่อร่างสูงของคีรีมันต์กระโดดลงมาถึงพื้น ชายหนุ่มชะงักทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิทและคนสนิทยืนกอดอกมองเขาอยู่ด้วยแววตาขบขัน โดยมีลูกน้องอีกหลายคนยืนเรียงรายอยู่ทางด้านหลัง “ฮาซาลนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” คีรีมันต์ถามด้วยน้ำเสียงตกใจและคาดไม่ถึง “ผมต่างหากที่ควรจะถามว่าคานันซามาทำอะไรที่นี่ ผมมาที่นี่เพื่อมาตรวจดูความเรียบร้อยว่าคนของเราดูแลเรื่องความปลอดภัยรอบๆ บริเวณบ้านของท่านจาเมียร์ได้ดีแค่ไหน แล้วผมก็พบว่าพวกนี้ทำงานบกพร่องที่สุด เพราะปล่อยให้คานันซาแอบลักลอบเข้าไปภายในตัวบ้านได้ง่ายดายเหลือเกิน” ฮาซาลแกล้งพูดยิ้มๆ คีรีมันต์มองอีกฝ่ายอย่างรู้ทันก่อนจะพูดหน้าตาเฉยว่า “ฉันมาตรวจดูความเรียบร้อยเหมือนกัน แล้วฉันก็กำลังจะกลับแล้วด้วย” “งั้นเหรอครับ ถ้าอย่างงั้นเราก็กลับพร้อมกันเลยสิครับคานันซาเพราะผมก็ตรวจงานเสร็จเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ส่วนคานันซาก็คงจะสบายใจว่าทุกอย่างที่นี่เรียบร้อยดี จนสามารถนอนหลับฝันดีได้แล้วใช่ไหมครับ” ฮาซาลยังคงพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน ในขณะที่คีรีมันต์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดว่า “นายเลิกพูดมากซะทีฮาซาล กลับเถอะฉันง่วงนอนแล้ว” พูดจบคีรีมันต์ก็ก้าวนำหน้าไปที่รถทันที ฮาซาลเลยได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเดินตามเจ้านายของเขาไปที่รถ
已经是最新一章了
加载中